Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 572 ออกเดินทาง
บทที่ 572 ออกเดินทาง
บทที่ 572 ออกเดินทาง
“ฉันจะไม่อยู่สักพักหนึ่งนะ” ระหว่างที่กำลังรับประทานอาหารด้วยกัน จู่ ๆ เซียวเฟิงก็วางชามข้าวต้มในมือและพูดขึ้น
นี่เป็นวันที่สองหลังจากที่โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเข้าสู่เฟสที่ 2 แน่นอนว่าหลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ คนอื่น ๆ สามารถผ่านการทดสอบได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นพวกเธอจึงดูเหนื่อยอ่อนสลับกับตื่นเต้นตามกันไปหมด
เหตุผลที่สาว ๆ ต่างก็ดูอ่อนล้ากันเช่นนี้ก็เพราะพวกเธอไม่ได้ออนไลน์กันมาหลายวัน มันทำให้มีงานมากมายภายในเมืองแห่งความโศกเศร้า กิลด์มิดซัมเมอร์หรือแม้แต่ร้านค้ามหาสมบัติเองก็มีงานให้ทำมากมายไปหมด
เพราะแบบนี้พวกเธอจึงวุ่นวายกันมาก ๆ หลังเข้าเกมได้แล้ว ในส่วนของความตื่นเต้นนั้นเป็นเพราะพวกเธอได้กลับเข้าไปในโลกของเกมอีกครั้งนั่นแหละ
“เอ๊ะ? พี่เซียว จะไปไหนน่ะ?”
ได้ยินเช่นนั้น สาวงามทั้งหลายที่กำลังจัดการอาหารตรงหน้าตนเองอยู่ต่างก็เงยหน้ามองเซียวเฟิงเป็นสายตาเดียวกัน แม้แต่เซียวหลิงเองก็ยังกวาดดวงตาสีฟ้าครามของตัวเองมองมายังเซียวเฟิงด้วย
“ฉันมีบางอย่างต้องไปทำ เพราะงั้นระหว่างที่ไม่อยู่ที่นี่ ฉันจะให้อีเลฟเว่นกับคนอื่น ๆ มาคอยดูแลความปลอดภัยในคฤหาสน์ให้ก็แล้วกัน” เซียวเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก
“ท่านเซียว นายสัญญากับพวกเราก่อนหน้านี้แล้วนะว่าจะไม่ไปไหนหากไม่มีเหตุผลน่ะ” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและยืดยาดตามปกติ แต่ภายในน้ำเสียงนั้นก็ซ่อนความไม่พอใจของซางกวน ซือเฟยไว้ด้วย
“มีอะไรที่นายบอกพวกเราไม่ได้หรือไง?” และเป็นซือเยี่ยจิ๋งที่พูดขึ้นด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดคนแรก
มีเพียงหลิวเฉียงเหว่ยเท่านั้นที่ยังไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงมองไปยังเซียวเฟิงด้วยแววตาคู่สวยซึ่งยากที่จะคาดเดาความคิดของเธอได้เท่านั้น
“มันไม่สะดวกที่จะพูดตอนนี้ หลังจากที่เฟส 2 ของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเริ่มดำเนินการแล้ว หลาย ๆ ฝ่ายในตอนนี้น่าจะไม่มั่นคงนัก เพราะงั้นพวกเธอก็อย่าพยายามออกไปไหนข้างนอกระหว่างนี้ก็แล้วกัน รอฉันอยู่ที่คฤหาสน์ก่อนก็พอ”
ชายหนุ่มส่ายหน้า เขาเลือกที่จะไม่อธิบายและกำชับแนวทางการปฏิบัติตัวระหว่างที่เขาไม่อยู่ให้สาว ๆ แทน
หลังจากที่ผ่านมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ ก็ดูเหมือนว่าผลกระทบจากเฟสที่ 2 ของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพนี้จะขยายวงกว้างออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ และผลกระทบนี้ก็ดูจะมีผลกับผู้เล่น 20% ผู้น่าสงสารที่ไม่ผ่านการทดสอบ พวกเขาเหมือนคนที่โดนโลกใบนี้ปฏิเสธ ดังนั้นสภาพจิตใจของคนเหล่านี้จึงเข้าขั้นแตกหักกันได้เลย จะไม่มีคำว่าเกรงกลัวสำหรับคนเหล่านี้ และการระบายออกบนอินเตอร์เน็ตจะไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่พวกเขาจะทำ อย่างที่พอจะได้ยินข่าวมาคร่าว ๆ ว่าเพียงชั่วข้ามคืนจำนวนอาชญากรรมทั่วโลกก็เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปได้มาแต่ไหนแต่ไร เพียงแค่เพราะตอนแรกพวกเขามีโลกของเกมให้ระบาย แต่ตอนนี้ ในเมื่อพวกเขาไม่มีสถานที่ในเกมให้ระบายอารมณ์แล้วจากการปฏิเสธการเข้าถึงโดยตรง การที่ต้องกลายเป็นผู้ไม่ผ่านเกณฑ์มันไม่ต่างอะไรกับระเบิดที่ถูกจุดชนวนไว้ จะไม่มีคำว่าสงบสุขในโลกนี้อีกต่อไป!
แล้วถ้าผลเสียเช่นนี้ยังดำเนินต่อไปโดยที่ขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ สังคมจะเริ่มปราศจากความปลอดภัย มันทำให้เซียวเฟิงนึกถึงคำพูดของคนคนหนึ่งที่ก่นด่าหญิงเห็นแก่ตัวที่ขับรถไม่ระมัดระวังเมื่อวาน ที่ซึ่งเป็นตัวการทำให้รถติดขึ้นมา
“คนอย่างเธอควรจะถูกบังคับให้เข้าร่วมโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพไปสักที!”
ตอนนี้เซียวเฟิงเข้าใจถึงคำพูดนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเขารู้แล้วว่าเฟสที่ 3 ของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพนั้น จะบังคับโอนย้ายกลุ่มคนที่ไม่ผ่านเกณฑ์เหล่านี้ทั้งหมด ดังนั้นในระหว่างที่ยังค้างอยู่ที่เฟสที่ 2 มันไม่ต่างอะไรกับฉากที่จงใจปล่อยให้เหล่าผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์ได้ระบายอารมณ์จนเป็นเหตุให้คนอื่น ๆ ไม่อยากสนใจพวกเขา เท่านี้ การบังคับโอนย้ายคนเหล่านี้ก็จะไม่ถูกขัดขวางจากใครอีก!
“เมื่อไหร่…เอ่อ…เมื่อไหร่นายจะกลับมา?”
ขณะนั้นเซียวเฟิงกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องของเขา หลิวเฉียงเหว่ยที่เปิดประตูห้องและเดินเข้ามาก็ได้เอ่ยถามหลังจากเธอปิดประตูเรียบร้อยแล้ว
“ถ้ามันเป็นไปได้ด้วยดี ไม่กี่วันฉันก็กลับแล้ว” เซียวเฟิงก้มตัวลงไปผูกเชือกรองเท้าแล้วพูดตอบด้วยน้ำเสียงคลุมเครือก่อนจะค่อย ๆ กวาดตามองไปยังเจ้าของเสียงตั้งแต่เรียวขาเรียวขาวนวลเหมือนอัญมณีที่ไร้ตำหนิ ประธานสาวคนสวยมาในชุดกระโปรงผ้าตาข่ายสีขาวประดุจหิมะที่ซึ่งเป็นชุดโปรดที่เธอมักจะสวมใส่เวลาอยู่บ้าน
“มีเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
เซียวเฟิงเงยหน้ามาสบตามองกับดวงตาสวยของหลิวเฉียงเหว่ยที่กำลังดูสับสนอยู่เล็กน้อย ก่อนจะถามออกไปด้วยความประหลาดใจ
“นาย…ไม่ผ่านการทดสอบใช่ไหม? นายไม่ได้ออนไลน์เลยเมื่อคืนนี้ โตวโตวกับคนอื่นเองก็พอจะสังเกตได้เหมือนกัน แต่พวกเธอไม่กล้าที่จะถามนาย พวกเราคอยมองไปที่รายชื่อเพื่อนตลอด แล้วนายก็ไม่ได้ออนไลน์เลยจนกระทั่งพวกเราออฟไลน์”
น้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยเองก็เต็มไปด้วยความสับสนเช่นกัน แววตาที่มองมายังชายเจ้าของห้องนั้นไม่ละสายตาไปทางอื่น ขณะที่เรือนร่างอันงดงามก็เดินเข้าไปใกล้เขามากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยจนเขาสามารถได้กลิ่นกล้วยไม้จาง ๆ จากตัวเธอได้
“อา…ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่ผ่านการทดสอบ อ้อ อุปกรณ์ของฉันทั้งหมดเก็บไว้ในคลังแสงของเมืองแห่งความโศกเศร้าแล้ว ถ้าจิ๋งจิ๋งจะใช้ก็ไปเอามาใช้ได้เลย” ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังอยู่แล้ว เซียวเฟิงลุกขึ้นยืนแล้วพูดตอบไปตามปกติ
“เพราะงั้นนายก็เลยจะไปเหรอ? เพียงแค่เพราะนายไม่สามารถออนไลน์ได้ แล้วนายก็จะไม่สามารถเป็นอันดับ 1 ในโลกของเกมได้ นายก็จะไม่อยู่ต่อแบบนี้น่ะเหรอ?” ร่างกายของหลิวเฉียงเหว่ยดูจะสั่นเกร็งอยู่ภายใน แม้ว่าเธอจะพยายามคุมมันไว้แล้วก็ตาม
“ใครบอกเธอว่าฉันจะไม่กลับมาน่ะ?” เซียวเฟิงถามกลับด้วยความประหลาดใจ
“ก็น้ำเสียงที่นายใช้พูด มันเหมือนกับที่นายเคยใช้ตอนที่จะจากไปเมื่อครั้งก่อน…แถมนายยังถอดอุปกรณ์เก็บไว้ล่วงหน้าเหมือนกันด้วย ตอนนั้นนายพูดออกมาชัดเจนว่า จะเป็นจะตายนายก็ไม่รู้เหมือนกัน!” น้ำเสียงที่เคยสับสนนั้นตอนนี้มันเปลี่ยนมาเป็นกังวลใจขึ้นมาทีละนิด ๆ แล้ว
เธอกำลังคิดถึงเมื่อครั้งที่เซียวเฟิงกลับไปถล่มฐานเฮฟเว่น ซึ่งมันก็จริงเรื่องที่เขาบอกเธอไว้ว่า เขาจะเป็นหรือจะตายกลับมาก็ไม่รู้ ดังนั้นตอนนี้มันเลยไม่ต่างอะไรกับการที่เขาสั่งเสียทิ้งท้ายไว้เลย
“เธอคิดมากไปแล้ว” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็พูดไม่ออกขึ้นมาทันที ถึงแม้ว่ารอบนี้จะอันตรายมาก ๆ อย่างการบุกเข้าไปในฐานทัพทหารของสหรัฐอเมริกาก็จริง แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน รอบนี้เซียวเฟิงมั่นใจกว่ามาก
“ฉันไม่ได้คิดมากไปนะ! ฉันน่ะออฟไลน์ก่อนที่พวกโตวโตวกับคนอื่นจะออฟไลน์ประมาณชั่วโมงนึง! ตอนนั้นฉันก็รู้แล้วว่าการที่นายไม่ออนไลน์ มันต้องเป็นเพราะนายไม่ผ่านบททดสอบนั่นแน่ ๆ! เพราะงั้นฉันก็เลยนอนคิดอยู่ตั้งแต่ตอนนั้น คิดหาวิธีการที่เป็นไปได้ที่จะแก้ปัญหานี้!” หญิงสาวยืดอกพูด แต่ไม่นานเธอก็กลับไปหดหู่ดังเดิม มันแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังรับมือกับอารมณ์ที่แปรปรวนเช่นนี้อยู่ ท้ายสุดเธอก็เลือกที่จะยื่นมือที่สวยงามราวกับงานศิลปะชั้นยอดมาสัมผัสมือของเซียวเฟิงไว้และจ้องลึกลงไปในดวงตาของเขา “ฉันยอมรับนะว่าในตอนแรก ฉัน รวมไปถึงโตวโตวกับซือเฟยไม่มีความคิดอะไรอื่นเลยนอกจากใช้ประโยชน์จากพลังของนาย การที่ยอมมาอยู่กับนายก็เพื่อการนั้น แต่ตอนนี้พวกเราไม่มีความคิดแบบนั้นแล้ว การที่พวกเราเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะความช่วยเหลือจากนาย! เพราะงั้น…ฉันไม่ต้องการให้นายมาปกป้องฉันอีกต่อไปแล้ว…แค่อยากจะให้นายอยู่กับฉันได้ไหม? อยู่กับหัวใจของฉันที่ยกให้เป็นของนายตลอดไป…”
เห็นได้ชัดว่าหลิวเฉียงเหว่ยตอนนี้ไม่ใช่คนใจเย็นอีกต่อไปแล้ว ระหว่างที่เธอพูดนั้น เธอก็บีบมือของเซียวเฟิงด้วยมือทั้งสองข้างของเธอไปด้วย และเมื่อพูดเช่นนั้นจบ เธอก็ยกมือของเขาขึ้นมาสัมผัสกับแก้มนุ่มของเธอเบา ๆ พลางขยับใบหน้าไปมาให้นิ้วโป้งมือนั้นได้สัมผัสกับริมฝีปากบางหวานของตนไปด้วย “ตอนนี้…ตรงหน้านายคือประธานกิลด์มิดซัมเมอร์ กิลด์เจ้าผู้ปกครองอันดับ 2 แห่งฮัวเซียรวมถึงเป็นเทพธิดาอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย เธอคนนั้นตกอยู่ภายใต้คำสั่งของนายแล้ว ไม่ว่านายจะสั่งอะไรก็ตาม เธอจะไม่มีทางขัดขืนแต่อย่างใด ไม่เพียงเท่านั้น ทรัพยากรและการเงินของร้านค้ามหาสมบัติ หอการค้าอันดับ 1 แห่งเขตฮัวเซียก็อยู่ในการดูแลของนายด้วย ต่อให้นายไม่สามารถเข้าไปยังโลกของเกมได้ นายก็ยังสามารถใช้สิทธิ์เหล่านั้นที่ซึ่งเป็นของนายได้อยู่นะ…เพราะงั้นแล้ว…ช่วยอย่าไปจากพวกเราได้ไหม?”
เซียวเฟิงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีไปพักหนึ่ง หลิวเฉียงเหว่ยนั้นเป็นคนฉลาดและเธอรู้ว่าเซียวเฟิงกำลังหลบหนีอะไรอยู่ แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อเทียบกับโลกของเกมแล้ว มันมีหลายสิ่งหลายอย่างมากที่สำคัญกับเซียวเฟิงมากกว่า
“ฉันจะกลับมาแน่ ๆ” เขาผละมือออกจากฝ่ามือของหลิวเฉียงเหว่ยเบา ๆ แล้ววางลงไปที่หลังศีรษะของเธอแทน จากนั้นเซียวเฟิงก็ค่อย ๆ ลูบผมที่ยาวสลวยของหญิงสาวช้า ๆ ก่อนจะพูด
“ฉันไม่รู้สึกแบบนั้นเลย… มันมีความรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้มันไม่ง่ายดายอย่างที่นายตั้งใจให้เป็นแน่ ๆ ไหนจากการที่จางจิ่วจิ่วเคยบอกว่าฉันเป็นโชคชะตาของนาย เพราะงั้นฉันคิดว่านี่อาจจะเป็นลางบอกเหตุก็ได้นะ….ไม่ไป…ได้ไหม?”
หลิวเฉียงเหว่ยยังคงไม่ละทิ้งความพยายาม แววตาที่งดงามของเธอยังคงหวังให้เซียวเฟิงล้มเลิกความคิดไป
“ฉันตัดสินใจแล้ว เพราะงั้นพวกเธอแค่รอฉันกลับมานั่นแหละ” เซียวเฟิงฟังคำพูดเธอ แม้ว่าเขาจะแอบคิดอยู่บ้างแต่ก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดเดิม เขาเพียงส่ายหน้าและตอบกลับไป
หลังจากที่พูดไปเช่นนั้นแล้ว เซียวเฟิงก็ลุกขึ้นโดยไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสโน้มน้าวเขาอีกด้วยการหยิบเสื้อโค้ตแล้วเดินออกจากห้องไปเลย
หลิวเฉียงเหว่ยที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ในห้องนั้นแข็งเกร็งไปทั้งตัว เธอไม่ได้หันมองตามเซียวเฟิงที่เดินจากไปก่อน ภายในอกของเธอนั้นหนักอึ้งอยู่พักใหญ่ ๆ กว่าจะทำใจให้สงบได้ เมื่อตระหนักได้แล้วว่าคงไม่มีทางรั้งเซียวเฟิงได้อีก ท้ายสุดเธอจึงลุกและเดินออกจากห้องเขาไป
“พี่หลิว เป็นยังไงบ้าง?”
ที่ด้านนอกนั้น เฉียนโตวโตวและคนอื่น ๆ ต่างก็ยืนรอการออกมาของหลิวเฉียงเหว่ยกันพักใหญ่ ๆ แล้ว และเมื่อพวกเธอเห็นเป้าหมายเดินออกมา สาว ๆ ก็รีบเดินเข้าไปทักถามกันทันที
“ฉันไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้…เขาไปแล้ว…แล้วเขาก็ไม่ผ่านบททดสอบด้วย…” น้ำเสียงของหลิวเฉียงเหว่ยยังคงขาดความเยือกเย็นเช่นเดิม และคราวนี้เธอก็พูดด้วยเสียงเบาขณะตอบไป
เฉียนโตวโตวและสองสาวหันมองหน้ากันเองหลังได้ยินแบบนั้น จากนั้นก็พากันเงียบไปทั้งหมด
“จริง ๆ ฉันก็คิดไว้บ้างแล้วล่ะว่าพี่เซียวไม่น่าผ่าน กับแบบทดสอบที่ทำมาเพื่อวัดความดีความเลวของมนุษย์น่ะ ไม่มีทางที่พี่เซียวจะผ่านหรอก…” เจ้าของร้านค้ามหาสมบัติพูดด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“เซียวเฟิง…ฆ่าคนมาก่อน…แถมจำนวนมากด้วย ฉันกับพี่เฉียงเหว่ยเห็นด้วยกันกับตาเลย…ดังนั้นเขาไม่ใช่คนที่มีมนุษยธรรมแน่ ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่คนเลวร้าย พวกเราต่างรู้เรื่องนี้ดี แต่แบบทดสอบนั่นไม่มีทางรู้หรอก…”
ซือเยี่ยจิ๋งเองก็พูดเสียงเบา เธอนึกย้อนกลับไปถึงเมื่อครั้งตึกมิดซัมเมอร์โดนแก๊งชิงหลงบุกเข้าไป ตอนนั้นเซียวเฟิงไม่เพียงแค่ฆ่าคนที่ขวางหน้าด้วยซ้ำ เพราะแม้แต่บางคนที่คิดจะหนีก็ยังโดนตามฆ่าจนหมดเลย
“มันเป็นแนวคิดที่สืบทอดกันมานานแล้วในตระกูลโบราณ การต่อสู้และฆ่าฟันกันนั้นไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่อะไร โชคไม่ดีที่มันใช้ไม่ได้กับแนวคิดสมัยใหม่ เพราะงั้นไม่มีทางเลยที่เขาจะผ่านมันไปได้” ซางกวน ซือเฟยถอนหายใจเบา ๆ
“เขาคิดว่าพวกเราเป็นใครกันน่ะ…ภายในใจของเขามีพวกเราอยู่บ้างหรือเปล่า?” อย่างไรก็ตาม แววตาของหลิวเฉียงเหว่ยที่ยังไม่มั่นคงนั้นต่างก็คิดไปต่าง ๆ นานา และในตอนนี้ ดูเหมือนเธอจะไม่ได้คิดเรื่องสาเหตุที่ทำให้เซียวเฟิงไม่ผ่านการทดสอบแล้ว
“จะว่าไป พวกเธอยังจำเรื่องที่ท่านจางจิ่วจิ่วพูดกับพวกเราได้หรือเปล่า?” ทันใดนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็พูดขึ้นอีกหลังจากที่เธอนึกขึ้นได้
ประโยคนี้ทำให้สาว ๆ ทั้งหมดต่างพากันเงียบ เพราะพวกเธอจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดีมาก ๆ
ความคิดด้านมนุษยธรรมของเซียวเฟิงน่ะ…บกพร่องเกินกว่าจะมีใครเทียบเขาได้แล้ว…
“นายท่านครับ นอกจากเสี่ยวปากับเสี่ยวเจียว พวกเราทั้งหมดเตรียมพร้อมแล้วครับ เฮ่ยซือเองก็เตรียมพร้อมแล้วด้วยเหมือนกัน คิงคองกับสาวไฟและสาวน้ำแข็งก็พร้อมกันแล้ว เพราะงั้นสามารถสั่งการได้เลยครับ”
ภายในโรงแรมที่อยู่เบื้องล่างสวนนิเวศวิทยา เหล่าสมาชิกเฮลลำดับที่ 11 ทุกคนได้มารวมตัวกันเรียบร้อยแล้ว และพวกเขาต่างก็กำลังคุกเข่าต่อหน้าเซียวเฟิงเพื่อรอฟังคำสั่งกันอยู่
เซียวเฟิงหันมองรอบ ๆ ตัว ตอนนี้มีคนกว่าห้าสิบคนกำลังก้มหน้ารับคำสั่งจากเขาอยู่ คนเหล่านี้คือกำลังรบหลักขององค์กรนักฆ่าอันดับ 1 ในโลกใต้ดิน…เฮล
เสี่ยวปาและเสี่ยวเจียว ทั้งสองเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายชาวเอเชียมากที่สุด แต่พวกเธอไม่ใช่คนฮัวเซีย เซียวเฟิงค่อนข้างจะคุ้นเคยกับพวกเธอมาก ๆ เพราะทั้งสองคนนี้เป็นเทพประดิษฐ์รุ่นแรกสุดที่ใช้ผลการทดลองพันธุกรรมของเซียวเฟิงที่ประสบผลสำเร็จมาช่วยสร้างพวกเธอ ยิ่งในตอนนี้พวกเธอก็อยู่ภายใต้คำสั่งของเซียวเฟิงด้วย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงยิ่งระสึกสบายใจที่จะได้ทำงานร่วมกับสาว ๆ ทั้งสองเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ นกประหลาดสีดำที่เซียวเฟิงตั้งชื่อให้ว่าเฮ่ยซือนั้นก็ได้เติบโตขึ้นไปอีกขั้นแล้ว ตอนนี้ขนาดตัวของมันที่ยังไม่ได้กางปีกนั้น ใหญ่พอ ๆ กับห้องส่วนตัวห้องหนึ่งได้เลย และไม่ว่าจะกรงเล็บ จะงอยปาก หรือขนสีดำที่ปกคลุมร่างกาย สิ่งเหล่านี้ล้วนสะท้อนแสงเงาราวกับว่าเป็นเหล็กก็มิปาน
คิงคองและสาวไฟกับสาวน้ำแข็งถูกส่งออกจากฮัวเซียไปก่อนหน้าแล้ว ซึ่งยุทธการในครั้งนี้ทั้งสามจะต้องเข้าร่วมกับเซียวเฟิงและคนอื่น ๆ ที่ยุโรปด้วย แน่นอนว่าแผนนี้เริ่มต้นมาก่อนหน้านี้พักใหญ่ ๆ แล้ว
“ออกเดินทางได้!”