Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 573 ชายแดนสหรัฐอเมริกา
บทที่ 573 ชายแดนสหรัฐอเมริกา
บทที่ 573 ชายแดนสหรัฐอเมริกา
เซียวเฟิงไม่ได้มุ่งหน้าไปยังยุโรปในทันที หากแต่เขามุ่งไปยังเมืองที่ชื่อว่าตัวโจวก่อน เขามาที่นี่เพื่อตามหาคนคนหนึ่ง นั่นคือ นักข่าวสาวที่ชื่อว่า ชิงชิงจือจิน
ไม่กี่วันก่อน ชิงชิงจือจินได้ป่าวประกาศไว้ว่าเธอจะเข้าร่วมกับโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ และเริ่มถ่ายทอดสดหลังจากที่เข้าไปได้แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ดึงดูดความสนใจจากเซียวเฟิงเป็นอย่างมาก และเพราะความสนใจของเซียวเฟิงนี้ มันก็ทำให้คนอีกจำนวนมากหันมาสนใจเรื่องนี้กันด้วย เธอจึงกลายเป็นคนดังได้ในชั่วข้ามคืน
แต่เดิมแล้ว เมื่อวานคือวันที่เธอระบุไว้ว่าจะเข้าร่วมโครงการ แต่เพราะเมื่อวานเขาหันไปเล่นสนุกกับสาว ๆ แทนในช่วงกลางวันจนกระทั่งได้ยินข่าวเรื่องโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเข้าสู่เฟสที่ 2 ในช่วงกลางคืน เซียวเฟิงก็ลืมเธอไปชั่วขณะ
เขาคิดว่าเธอน่าจะโอนย้ายตนเองเข้าอาณาจักรแห่งทวยเทพไปแล้ว แต่เมื่อกลับเข้าไปดูในห้องถ่ายทอดสดของเธอเพื่อตามสถานการณ์ แต่แล้วเขาก็ไปสะดุดตาเข้ากับข้อความส่วนตัวที่เธอทิ้งไว้ให้เขาแทน แม้จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นแต่ก็ไม่ได้มีอะไรที่เกิดคาดเดานัก ทั้งหมดเป็นข้อความที่ต้องการให้เซียวเฟิงมาพบเธอนอกเกม ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติมเอาไว้ แต่น้ำเสียงของเธอมันดูเร่งเร้ามาก ๆ ราวกับว่ามีอะไรกำลังเกิดขึ้น ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตัดสินใจที่จะแวะเข้ามายังที่อยู่ของเธอเสียก่อนจะไปทำภารกิจ
อิงจากสถานที่ที่ชิงชิงจือจินทิ้งไว้ให้ เซียวเฟิงก็ได้พบกับคอมมูนิตี้แห่งหนึ่ง เขาเข้าไปในลิฟต์และกดขึ้นไปยังชั้นที่เธออาศัยอยู่ก่อนจะกดกริ่งที่หน้าห้อง
“คุณคือ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์เหรอ?” ประตูเปิดออกมาเพียงครึ่งบานพร้อมกับหญิงสาวที่โผล่หน้าออกมามอง เธอสวมชุดนอนตัวบางเหมือนกับที่สามารถเห็นได้ในถ่ายทอดสด เรือนร่างที่งดงามเล็กน้อยกล่าวถามเซียวเฟิงด้วยความตกใจ
“ฉันคิดว่าเธอน่าจะหาหน้าตาจริง ๆ ของฉันจากในฟอรั่มได้ไม่ยากนะ” เซียวเฟิงไม่ได้เปลี่ยนสีหน้า เขาตอบกลับไปตามตรง
“ชะ…ใช่ ใช่แล้วค่ะ! ฉันผิดเอง! ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ ได้โปรดเข้ามาข้างในก่อนเถอะค่ะ!”
ชิงชิงจือจินรีบเปิดประตูและเชิญให้เซียวเฟิงเข้ามาภายใน ใจหนึ่งเธอก็กำลังตื่นเต้นส่วนอีกใจหนึ่งก็เต็มไปด้วยความโล่งอก
เซียวเฟิงเดินเข้าไปในห้องโดยไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทหรือระวังตัวอะไรนัก เขาตรงเข้าไปยังห้องนั่งเล่นและทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องนั้นราวกับห้องของตนเอง
ขณะเดียวกันกับที่ประตูปิดลง สมาชิกเฮลที่สวมชุดสูตสีดำสนิทสองคนก็ปรากฏขึ้นทันที พวกเขายืนเฝ้าประตูห้องชิงชิงจือจินไว้ด้านหน้าห้องคนหนึ่งและด้านในห้องอีกคนหนึ่ง
“บอกมาได้แล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น”
ชายหนุ่มยืดตัวเอนพิงไปกับโซฟา เขาเหยียดแข้งเหยียดขาและยกมือพาดไปกับขอบโซฟาด้วย
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…ดื่มน้ำก่อนนะคะ”
ชิงชิงจือจินรีบเดินเข้าห้องครัวเพื่อไปรินน้ำมาวางไว้ให้เซียวเฟิงบริเวณโต๊ะกาแฟที่อยู่ด้านหน้าโซฟาพร้อมกับพูดด้วยเสียงเบา
“ฉันยุ่งมาก ๆ เพราะงั้นฉันไม่มีเวลาคุยกับเธอมากหรอกนะ ที่มาในวันนี้ก็เพราะว่าฉันอยากรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่เริ่มทำในสิ่งที่พูดซักที” เซียวเฟิงหลับตาลงราวกับกำลังพักผ่อนอยู่ กระนั้นเสียงของเขากลับโผงผางผิดกับสีหน้ายิ่งนัก
“มัน…เอ่อ…มีเรื่องที่ค่อนข้างอธิบายยากผุดขึ้นมาก่อนน่ะค่ะ…”
แม้จะไม่ได้ลืมตา แต่เซียวเฟิงก็รู้สึกได้ถึงไออุ่นบริเวณข้างกายเขา บางทีตอนนี้ชิงชิงจือจินอาจจะนั่งอยู่ข้าง ๆ เขาแล้วก็ได้ เพราะนอกจากไออุ่นแล้ว แขนที่พาดไปกับขอบโซฟาก็ยังรู้สึกถึงเส้นผมที่มาสัมผัสโดนด้วย
“พูด” ถึงอย่างนั้นเซียวเฟิงก็ยังไม่ลืมตาขึ้นมามอง เขายังคงใช้น้ำเสียงดุดันเร่งเร้าเธอ
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…ฉันน่ะมีความคิดที่จะฆ่าตัวตายก่อนหน้านี้จริง ๆ นะคะ…แต่นั่นก็เพราะมาจากแรงกดดัน… ตอนนี้ทุกคนต่างก็อยากให้ฉันทำตามที่พูดไว้ เพราะงั้นฉันเลยอยากให้เจ้าแห่งฮีลเลอร์ช่วยฉันหน่อย…” เสียงของเธอนั้นอยู่ใกล้หูเขามาก และยิ่งเธอเล่าออกมา น้ำเสียงนั้นก็เริ่มมีเสียงสะอื้นปนเข้ามาด้วย
“แบบนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับเธอหลอกลวงทุกคนไม่ใช่หรือไง?” คราวนี้เซียวเฟิงลืมตาขึ้นและหันมามองยังผู้พูด แววตาของเขายังคงใจเย็น
“ไม่ว่าใครต่างก็ต้องแบกรับความกดดันและความคาดหวังจากคนอื่นทั้งที่ไม่ต้องการกันทั้งนั้นแหละค่ะ…เพราะงั้นจะบอกว่าฉันหลอกลวงมันก็ไม่ถูกต้องใช่หรือเปล่า? ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตคน ๆ หนึ่งมันถือเป็นเรื่องที่ดีงามเหรอคะ?” ร่างของชิงชิงจือจินแทบจะเอนซบเซียวเฟิงอยู่แล้ว ขณะที่ยังไม่คิดว่าตนเองผิด
“เธอใช้การถ่ายทอดสดนั่นเพื่อสร้างชื่อเสียงและเงินทอง จากนั้นพอได้ทุกสิ่งที่เธอต้องการแล้วกลับไม่ทำตามที่พูด? แล้วนี่ยังอยากมาขอให้ฉันช่วยอีกเหรอ?” รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซียวเฟิง
“ฉะ…ฉันรู้ว่าเรื่องมันบานปลายแล้ว…เพราะงั้นถึงมีแต่เจ้าแห่งฮีลเลอร์เท่านั้นที่สามารถช่วยฉันได้…” หญิงสาวกัดริมฝีปากตนเองเบา ๆ และมองเซียวเฟิงด้วยแววตาน่าเวทนา
“โอ้ ไม่มีทางออกอื่นแล้วเหรอ?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ยิ่งยิ้มออกมาให้เห็นชัดมากกว่าเดิม
“ค่ะ…ต่อให้ฉันสำนึกผิดตอนนี้ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย เพราะเหล่าหัวหน้ากิลด์ยักษ์ใหญ่ทั้งหลายในเมืองนี้ต่างก็โกรธกันมาก ๆ พวกเขาประกาศก้องเลยว่าจะล่าตัวฉันในโลกจริง ๆ ให้ได้…พวกเขามีอำนาจมากล้น เพราะงั้นเพียงไม่นาน เดี๋ยวพวกเขาก็หาตัวฉันเจอแล้วแน่นอน…ตอนนี้มีเพียงเจ้าแห่งฮีลเลอร์เท่านั้นที่จะช่วยฉันได้ เพียงแค่ยื่นมือ…” สีหน้าของชิงชิงจือจินซีดเผือดขณะพูดออกไป
“ทำไมเธอถึงคิดว่าฉันจะยอมยื่นมือมาช่วยเธอล่ะ?” เซียวเฟิงถามขัดขึ้นมาด้วยความอยากรู้
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์…ฉันรู้ข่าวลือของคุณมาจากฟอรั่ม ว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ไม่ชัดเจนกับสาวสวยมากมาย…เพราะงั้น…ขอเพียงช่วยฉัน…แล้วฉันจะยอมทำตามทุกอย่าง…” นักข่าวสาวพูดแล้วขยับชุดนอนตัวบางของเธอซ้ายทีขวาทีจนเผยให้เห็นร่องอกที่ซ่อนอยู่ภายใต้คอเสื้อ ซึ่งด้วยผิวที่ขาวนวลราวกับไข่มุกแห่งท้องทะเลลึกควบคู่กับหุบเหวลึกที่เกิดจากภูเขาก้อนเนื้อสองลูกบดเบียดกันนั้น หากเป็นคนอื่นคงจะหวั่นไหวได้ไม่ยาก
“น่าเสียดายนะที่ฉันอยู่ฝั่งหัวหน้ากิลด์พวกนั้น” ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยอยู่นิดหน่อยว่ามีข่าวลืออะไรที่เกี่ยวกับเขาปรากฏอยู่ในฟอรั่ม แต่เพราะตอนนี้เขาไม่มีเวลามาสืบถามเรื่องเช่นนี้ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงส่ายหน้าแล้วสลัดรอยยิ้มทิ้งไป
“ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์…ดะ…ได้โปรด อย่าล้อเล่นแบบนี้สิคะ…” สีหน้าของชิงชิงจือจินซีดหนักกว่าเดิมทันใด
“ฉันไม่ได้ล้อเธอเล่นนะ ตอนนี้ ฉันจะให้ทางเลือกเธอสองทาง” ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เซียวเฟิงก็ตั้งใจจะไม่แยแสอยู่แล้วในตอนนี้
“ทะ…ทางเลือกอะไรเหรอคะ?” หญิงสาวถามกลับด้วยเสียงที่ตะกุกตะกัก
“ทางแรก ทำตามที่เธอสัญญาไว้ โอนย้ายตัวเธอเข้าไปในโครงการนั่นเดี๋ยวนี้เลย กับทางที่สอง เธอจะไม่ถูกพวกหัวหน้ากิลด์ตามล่าอีกต่อไป เพราะฉันจะเป็นคนลงมือฆ่าเธอเอง” เขาพูดอย่างเยือกเย็น
“ทะ…ทะ…ท่านเจ้าแห่งฮีลเลอร์…ไม่เอาแบบนี้สิคะ…จะ…จะไม่เห็นแก่รูปร่างหน้าตาของฉันหน่อยเหรอคะ? ฉันจะยอมทำทุกอย่างเลยนะคะ!” ท้ายที่สุด เธอก็นั่งไม่ติดโซฟาแล้ว ความกลัวและความกังวลมันครอบงำจิตใจจนเธอต้องเสนอเรือนร่างของตนอย่างเห็นได้ชัด
“จะช่วยให้ไปอย่างไม่เจ็บปวดก็แล้วกัน” เซียวเฟิงส่ายหน้าและไม่คิดจะพูดอะไรต่อให้เป็นการเสียเวลา เขากระตุกมือที่พาดไว้บนหลังโซฟาอย่างนุ่มนวลเข้าไปที่หลังคอของหญิงสาวอย่างแม่นยำ
ชิงชิงจือจินตาเหลือกก่อนจะสลบล้มแผละลงไปบนโซฟา
“ถึงจะไม่อยากให้มือเปื้อนเลือดอีก แต่ในเมื่อเธอเป็นคนเริ่ม ฉันก็คงไม่มีทางเลือกอื่นให้แล้ว” เขาบ่นกับตนเองเบา ๆ ก่อนจะเตรียมตัวที่จะส่งเธอไปสู่สุคติเมื่อมั่นใจแล้วว่าเธอหลับสนิทแล้วในตอนนี้
“ฮี่ฮี่ พี่ชาย ฉันมีทางออกให้นะ”
ทันใดนั้นเอง นาฬิกาที่ข้อมือของเซียวเฟิงปรากฏแสงไฟขึ้นมา พร้อมกับเสียงของโนอาห์ที่ดังออกมาจากด้านใน
นี่ไม่ใช่นาฬิกาทั่ว ๆ ไป เพราะมันเป็นอุปกรณ์ล็อกอินเข้าสู่ ‘มิธ’ ตัวใหม่ที่ให้ผลเหมือนกับหมวกเล่นเกม แต่มีราคาที่สูงกว่าหมวกเล่นเกมมาก ๆ เซียวเฟิงซื้อมันมาระหว่างทางก่อนที่เขาจะเดินทาง
“นี่เธอ จับตามองฉันอยู่เหรอ?” เซียวเฟิงยกข้อมือขึ้นมาและพูดขณะมองไปยังเครื่องล็อกอิน เขาหรี่ตามองมันช้า ๆ ด้วยความคลางแคลงใจ
“ไม่ได้ทำแบบนั้นเลยค่ะ โนอาห์ก็แค่อยากจะคุยกับพี่ชายเพราะเผอิญได้ยินเรื่องที่พี่ชายบ่นตอนเชื่อมต่อกันเสร็จพอดี” หน้าจอล็อกอินเปล่งแสงสว่างอีกครั้ง ดูเหมือนมันจะเปล่งแสงทุกครั้งที่โนอาห์พูดโต้ตอบ และครั้งนี้น้ำเสียงของโนอาห์ก็เหมือนเธอกำลังกล่าวขอโทษแฝงมาด้วย
“เธอกำลังจะบอกว่ามันยังมีวิธีที่จะโอนย้ายเธอคนนี้ไปสินะ?” เพราะเวลาที่มีจำกัด เซียวเฟิงจึงไม่ถามอะไรมากมาย เขามุ่งตรงเข้าประเด็นไปเลย
“ใช่แล้ว พี่ชายเพียงแค่สวมหมวกเล่นเกมให้เธอหรือไม่ก็สวมใส่เครื่องมือล็อกอินให้เธอ ฉันก็จะสามารถบังคับเธอให้โอนย้ายได้ทันที” น้ำเสียงของโนอาห์ฟังดูจะภาคภูมิใจในตนเองเล็กน้อย
เซียวเฟิงไม่ได้ตอบอะไรไป เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจถอนนาฬิกาข้อมือแบบล็อกอินของเขาไปสวมให้ที่ข้อมือของชิงชิงจือจินแทน
“เรียบร้อยหรือยัง?” เสียงของโนอาห์ดังเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเวลาหลังจากสวมนาฬิกาให้สาวที่กำลังสลบไสลไปแล้ว ราว ๆ นาทีหนึ่ง เซียวเฟิงก็ถามขึ้นมา
“โอเค เธอถูกบังคับโอนย้ายเรียบร้อยแล้ว” โนอาห์ตอบจากอุปกรณ์ล็อกอิน
ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็หันไปมองร่างของชิงชิงจือจินที่ยังสลบอยู่ แล้วเขาก็พบว่าเธอในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับผู้เล่นที่ได้ตกลงโอนย้ายก่อนหน้าจริง ๆ เป็นร่างกายที่ยังมีชีวิตแต่ไม่สติอีกต่อไป เพราะงั้นเขาจึงพยักหน้าและจากไปโดยไม่ได้นำนาฬิกาล็อกอินออกจากข้อมือของชิงชิงจือจินเสียด้วยซ้ำ ร่างของเซียวเฟิงหายออกจากห้องของเธอโดยไม่หันกลับมามองอีก
…
ห้าวันให้หลัง ในที่สุดเซียวเฟิงก็มาถึงฟลอริดาเรียบร้อยแล้ว ซึ่งที่นี่คือชายแดนของสหรัฐอเมริกา รวมไปถึงเป็นปลายทางของเซียวเฟิงในการเดินทางครั้งนี้ด้วย
การเดินทางนั้นไม่ราบรื่นอย่างที่คิด มันทำให้ชายหนุ่มมาถึงที่หมายช้ากว่ากำหนดเดิมถึงสองวัน เพราะผลกระทบในด้านเสีย ๆ ของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ มันเริ่มแผ่วงกว้างและรุนแรงขึ้น มันก็เลยทำให้เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมายปรากฏขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาก็ได้ เซียวเฟิงจำเป็นต้องลงจากเครื่อง ณ ใจกลางทวีปและเดินทางต่อมาเองจนถึงชายแดนฟลอริด้า ราวกับพลังงานของประเทศนี้ถูกสกัดกั้นด้วยฝีมือของพวกอารยชนป่วนเมืองไปแล้ว!
ไม่ว่าจะการทะเลาะวิวาท ปล้นชิงทรัพย์ ประท้วงตามสิทธิ์ที่พึงมี การจราจล การสังหารหมู่และอาชญากรรมต่าง ๆ อีกมากมายต่างก็ผุดกันขึ้นมาเป็นดอกเห็ดราวกับวันสิ้นโลกได้มาถึงแล้ว
หากไม่เห็นด้วยตาตนเองแล้วล่ะก็ เขาคงไม่คิดจริง ๆ ว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในประเทศที่ได้ชื่อว่าพัฒนาแล้ว!
แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เซียวเฟิงได้มาเห็นภาพเหล่านี้
เหล่าผู้ที่ออกมาประท้วงและก่อจราจลความไม่สงบนั้น ทุกคนล้วนแต่เป็นผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบกันทั้งสิ้น เพราะแบบนี้ความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์จึงได้แสดงออกมาให้โลกได้รับรู้อย่างชัดเจนตลอดหลายวันที่ผ่านมา ยิ่งได้เห็นภาพเหล่านี้บ่อยครั้งขึ้น เขาก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าจุดจบของโลกใบนี้กำลังเข้ามาใกล้มากแล้ว!
และด้วยเหตุการณ์เหล่านี้เองที่ทำให้การเดินทางของเซียวเฟิงไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ เขาถึงได้ล่าช้าถึงสองวันเช่นนี้
ถึงอย่างนั้น ตลอดสองวันที่ล่าช้า เซียวเฟิงก็คอยอ่านฟอรั่มของเกมอยู่ตลอด เขาให้ความสนใจกับสถานการณ์ภายในโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ ขณะเดียวกันเขาก็สั่งให้สมาชิกเฮลทุกคนทิ้งและอยู่ให้ห่างจากเครื่องมือล็อกอินเกมอีกด้วย
เซียวเฟิงได้รับรู้จากในฟอรั่มเกมว่า ผลกระทบในแง่ลบของการที่โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเฟสที่ 2 เริ่มอัปเดตไม่ได้มีแค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ทุกประเทศทั่วโลกประสบพบเจอปัญหาแบบเดียวกันหมด จะเหลือก็แต่ฮัวเซียประเทศเดียวที่มั่นคงที่สุด ณ เวลานี้ แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เจอปัญหาอะไรเลย จากการเทียบอัตราการเกิดอาชญากรรมกับสถิติที่บันทึกไว้เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลาไม่ถึงอาทิตย์นี้ จำนวนมันสูงขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยก็ว่าได้
ร้อยเท่านี่ไม่ใช่จำนวนเล็ก ๆ ที่สามารถมองข้ามได้เลย!
ตัวเลขเหล่านี้เข้าขั้นน่ากลัวแล้ว!
เพราะประเทศฮัวเซียนั้นได้รับการยอมรับเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่มีความมั่นคงจนเป็นที่กล่าวขาน แต่การที่ประเทศนี้ต้องพบเจอกับอาชญากรรมมากกว่าประวัติศาสตร์เป็นร้อยเท่าเช่นนี้ มันย่อมหมายถึงอีกไม่นานจะต้องเกินกว่าที่ประเทศจะควบคุมได้แล้วก็ได้
ทว่าเมื่อคืนก่อน ราวกับอาชญากรทุกประเทศต่างสลบไสลกันไปหมด ความสงบสุขเริ่มกลับคืนมาในหลาย ๆ พื้นที่ราวกับพวกเขาได้ลงนามในสนธิสัญญาบางอย่างร่วมกันไป
สาเหตุนั้นมาจากเมื่อคืนนี้ โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ ได้ประกาศเข้าสู่เฟสที่ 3 ของโครงการ พร้อมกับเข้าสู่สภาวะ ‘บังคับโอนย้าย’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว!
เขายังไม่รู้แน่ชัดว่ารายละเอียดของการบังคับโอนย้ายเป็นอย่างไรบ้าง เพราะนี่เพิ่งจะผ่านไปคืนเดียวเท่านั้น และมันยังไม่มีหัวข้อกระทู้ใด ๆ ที่พูดถึงเรื่องนี้ สิ่งเดียวที่เขารู้ก็คือ จำนวนของผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์การทดสอบนั้น ลดลงไปกว่าครึ่งเพียงแค่ชั่วข้ามคืน!
ไม่เพียงแต่พวกเขามาโพสต์อะไรที่มันไร้ประโยชน์และเป็นมลพิษกันในฟอรั่มน้อยลง แต่เซียวเฟิงสามารถรับรู้ได้ผ่านความรู้สึกอย่างชัดเจนว่าจำนวนประชากรโลกมันลดลงไป
เพราะในวันที่ห้านี้กลุ่มคนที่ออกมาก่อความวุ่นวายจนเป็นอุปสรรคในการเดินทางก่อนหน้านั้น ได้หายไปหมดราวกับสายลมที่เปลี่ยนฤดูการไปแล้ว!
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะค่อนข้างสงสัยถึงเรื่องราวเบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่ในตอนนี้เขาไม่มีเวลามาคุ้ยหาความจริงมากนัก
“นายท่าน!”
ในอู่ซ่อมรถร้างที่อยู่ชานเมืองรัฐฟลอริดา คิงคอง สาวไฟและสาวน้ำแข็งที่ซึ่งมารออยู่ก่อนแล้ว ในที่สุดก็ได้พบกับเซียวเฟิงอีกครั้ง