Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 574 ฐานทัพในป่า
บทที่ 574 ฐานทัพในป่า
บทที่ 574 ฐานทัพในป่า
“รายงานสถานการณ์”
กลางดึกคืนนั้น มีเพียงหลอดไฟจากโคมไฟที่สลัวเท่านั้นที่เป็นต้นกำเนิดแสงเพียงหนึ่งเดียวภายในอู่รกร้างแห่งนี้
สมาชิกของเฮลที่มารวมตัวกันล้วนแต่งกายด้วยชุดสีดำเหมือนกันหมด มันทำให้พวกเขาไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ล่องหนหรือนินจาในบรรยากาศที่มืดมิดเช่นนี้เลย
เซียวเฟิงที่ยืนอยู่หน้าโคมไฟนั้นนำมือของตนไพล่หลังไว้ ขณะที่ตรงหน้าเขามีคิงคองและสองสาวที่ถูกส่งมาก่อนหน้ากำลังโค้งทำความเคารพเขาอยู่ สายตาของเขาทอดยาวออกไปที่ฟากฟ้าไกล ท่ามกลางความมืดมิดที่ดูสลัวจากนั้นก็เอ่ยถามขึ้นมา
“ฐานทัพทหารตั้งอยู่ในป่าเวอร์จิ้น ห่างจากที่นี่ 13 กิโลเมตรค่ะ ที่นั่นอยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลบรีซ รวมถึงน่าจะเป็นสถานที่ซ่องสุมกำลังที่สำคัญของตระกูลบรีซด้วย” สาวไฟตอบ
“เหล่าผู้บัญชาการที่อยู่ภายในฐานทัพแห่งนี้เกือบทั้งหมดมีความเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับตระกูลบรีซ แม้แต่อำนาจของผู้ว่าราชการยังแทบจะไร้พลังเมื่อมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นฉันจึงมั่นใจว่าไม่มีกองกำลังไหนที่จะสามารถฝ่าที่นี่เข้าไปได้อย่างแน่นอนค่ะ”
สาวน้ำแข็งพูดเสริม
“นายท่านครับ ฐานทัพแห่งนี้ปรียบได้กับคลังแสงของตระกูลบรีซเลย ทุกหนทุกแห่งมีการจัดสรรกองกำลังไว้คอยดูแลอย่างหนาแน่น แถมกองกำลังพวกนั้นก็แข็งแกร่งมาก ๆ ด้วย ลำพังเพียงพลังของพวกเราน่าจะค่อนข้างตึงมือเล็กน้อย”
หาได้ยากนักที่จะเห็นสีหน้าของคิงคองดูซีเรียสขึ้นมาเช่นนี้
“ดูเหมือนจะไม่ได้มีปัญหาแค่พลังหรอกนะ” เซียวเฟิงพูดขึ้นมา เขาละสายตาจากฟากฟ้าแล้วหันไปมองความมืดบริเวณรอบ ๆ อู่ร้างนี้แทน
“นายท่าน! ข้าผู้น้อยประมาทเกินไป! เพราะงั้นได้โปรดลงโทษในความผิดพลาดครั้งนี้ด้วย!” แววตาของทั้งสามฝั่งคิงคองเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาย่อตัวลงไปกราบแทบพื้นขอรับการลงโทษ
การรับรู้ของพวกเขานั้นยังห่างชั้นกับเซียวเฟิงเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังพอสามารถรับรู้ได้ว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญกำลังค่อย ๆ กระชับพื้นที่เข้ามารอบอู่ร้างนี้ช้า ๆ
“มันไม่ใช่ความผิดพวกนายหรอก คงจะเป็นเรื่องแปลกน่าดูถ้าฐานทัพระดับนี้ไม่มีศักยภาพในการส่งคนมาคอยลาดตระเวนโดยรอบ” เซียวเฟิงส่ายหน้าก่อนจะโบกมือเบา ๆ ไปยังความมืดที่ปกคลุมรอบตัว
ที่นียิ่งดึกก็ยิ่งหนาว ยิ่งลมที่พัดเอื่อยเฉื่อยในเวลานี้ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศโดยรอบดูกดดันมากขึ้นไปอีก เหล่าเฮลกระจายตัวกันออกไปด้วยความเงียบเชียบ มีแสงจากปากกระบอกปืนสว่างวาบขึ้นเป็นระยะ ๆ แต่เพียงไม่นานแสงเหล่านั้นก็หายไปพร้อมกับการกลับมารวมตัวใหม่ของเฮล
“ท่านคะ สปายบริเวณนี้ถูกกำจัดหมดแล้วค่ะ!”
อีเลฟเว่นที่สวมชุดดำราวกับผีปรากฏตัวขึ้นเพื่อรายงานสถานการณ์ก่อนที่เหล่าคนของเฮลจะกระจายตัวไปดักรอผู้รุกรานรอบ ๆ อู่ร้างราวกับตาข่ายดักจับปลาที่พร้อมจะขย้ำปลาทุกตัวที่เข้ามาในระยะให้ตายในทันที
“นายท่านคะ คนเหล่านี้เป็นสปายที่เป็นแค่คนธรรมดา ไม่ใช่ทหารระดับสูง มันจะต้องเป็นหน่วยที่พวกนั้นส่งมาเพื่อสอดแนมเพราะยังไม่มั่นใจถึงตัวตนของพวกเราแน่ ๆ เลยค่ะ!” สาวไฟวิเคราะห์
“บางทีพวกนั้นก็แค่แสร้งทำเป็นอ่อนแอ ระวังตัวไว้ให้ดี เธอกำลังประมาทตระกูลบรีซมากเกินไปแล้ว” เซียวเฟิงส่ายหน้าอีกครั้ง
ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่ลูอิส มีน่ากลับไปครั้งก่อน สาวไฟและสาวน้ำแข็งที่คอยตามสืบเรื่องของอีกฝ่ายจะกลายเป็นเป้าหมายไปเสียแล้ว หากว่ามันมีกลุ่มทหารระดับสูงกำลังล้อมเขาอยู่จริง ๆ เซียวเฟิงคงจะไม่ต้องมาระวังขนาดนี้
แต่เพราะตระกูลบรีซไม่ได้ส่งทหารระดับสูงออกมาเลยตามที่เขารับรู้ได้ พวกนั้นเอาแต่ส่งลูกกระจ๊อกชั้นเลวมาทดสอบพวกเขาอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้นชายหนุ่มจึงต้องคอยระวังรอบ ๆ ตัวให้ดีตลอดเวลา
การหมกมุ่นและฝึกฝนเกมกระดานของลูอิส มีน่านั้นไม่ใช่แค่การเล่นสนุกของเธอ เห็นได้ชัดจากสิบกว่าปีที่เธอเพียงแค่อยู่เฉย ๆ ก็สามารถควบคุมมิดซัมเมอร์กรุ๊ปได้อย่างอยู่หมัด หรือแม้แต่ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนเบื้องหลังของเฮฟเว่น ตระกูลอันดับ 1 ในอเมริกาเหนือนี้ก็ไม่เคยทำให้ตนเองเสียเกียรติหรือชื่อเสียงแต่อย่างใด
แม้ไร้ซึ่งกำลังกายภาพ แต่กลับสามารถแสดงศักยภาพได้เหลือล้ำ คนเหล่านี้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับตระกูลโบราณได้เลย
“แสดงว่านี่เป็นกับดักงั้นเหรอคะ…? ถ้างั้นนายท่าน พวกเราควรจะรีบซ่อนตัวแล้วรอโอกาสโต้กลับทันทีเลยหรือเปล่าคะ?” ฟังจากน้ำเสียง สาวน้ำแข็งคงจะกำลังประหลาดใจไม่น้อยเลย
“ไม่ต้อง พวกเราจะทำตามอำเภอใจ ในเมื่อพวกนั้นอยากให้เราตกหลุมพราง พวกเราก็จะไปเยี่ยมถึงหน้าประตูเลย”
คำตอบของเซียวเฟิงพร้อมกับท่าทีร้อนรนนั้นทำเอาคนอื่น ๆ พากันประหลาดใจ
“แล้วก็…พวกเราไม่มีเวลาให้รอโอกาสอีกต่อไปแล้ว” เซียวเฟิงพูดเสริม
วันนี้เป็นวันแรกที่โครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพเข้าสู่เฟสที่ 3 ฟอรั่มเกมจากทั่วทั้งโลกต่างก็เต็มไปด้วยข่าวสารมากมาย พวกเขาเริ่มเข้าใจกันแล้วถึงสถานการณ์ของโครงการในเฟส 3 นี้
ตอนนี้เหลืออีก 20 นาทีก่อนจะถึงเช้าวันใหม่ หลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ คนอื่นยังไม่ส่งข้อความใด ๆ มาหาเขาผิดกับวันก่อน ๆ ที่พวกเธอจะส่งข้อความมาถามไถ่ทุกคืน
ถึงอย่างนั้น เซียวเฟิงก็ไม่ได้กังวลอะไรนัก เพราะดูจากฟอรั่มในเขตฮัวเซียที่เต็มไปด้วยเรื่องมากมายแล้ว รวมไปถึงเหล่ากิลด์ทั้งหลายที่เป็นตัวตั้งตัวตีที่ยังไม่ลงตัวกัน ผลกระทบจากโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพค่อนข้างจะสร้างรอยแตกแยกในสังคมไว้เยอะเลยทีเดียว
หลังจากที่สงครามระหว่างเขตแดนจบลง ฮัวเซียก็ดูจะเสียศูนย์กันไปเลย สิ่งนี้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงให้เกิดไม่ได้แม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นถึงระดับเจ้าผู้ปกครองก็ตาม เพราะงั้นหลิวเฉียงเหว่ยและสาว ๆ ก็คงจะกำลังยุ่งกับเรื่องนี้กันอยู่จนไม่ได้ติดต่อเขามาแน่ ๆ
นอกจากนี้ เซียวเฟิงได้จัดการส่งใครบางคนให้คอยดูแลความปลอดภัยที่คฤหาสน์ยอดเขาไว้ก่อนหน้าที่เขาจะออกมาแล้ว แถมไม่เพียงแต่คนเหล่านั้นจะเป็นสมาชิกของเฮล แต่ยังมีคราวน์ปรินซ์ที่เซียวเฟิงขอให้ติดต่อกับตำรวจประจำเมืองเฉิงไห่ไว้ให้คอยดูแลความเรียบร้อยของพวกเธอเป็นพิเศษด้วย
เซียวเฟิงแหงนมองฟากฟ้าที่มืดสนิทเบื้องบน เขาแอบรู้สึกเหมือนตนกำลังถูกจับตามองอยู่
ไม่แน่ใจว่าตระกูลบรีซกำลังใช้ดาวเทียมทหารจ้องมองพวกเขาอยู่หรือเปล่า แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นจริง ๆ นั่นก็อยู่เหนือการควบคุมที่ชายหนุ่มจะสามารถจัดการกับมันได้
ละแวกนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างที่นับว่าเป็นภัยคุกคามได้ ซึ่งความไม่ชัดเจนของสิ่งเหล่านี้ทำให้เซียวเฟิงรู้สึกไม่สบายใจ
ภายหลังตั้งแต่ที่เขาทลายขีดจำกัดของมนุษย์ไปแล้ว เซียวเฟิงก็มีญาณในการรับรู้ถึงอันตรายและทางรอดราวกับเขาสามารถมองเห็นลู่ทางต่าง ๆ ที่สวรรค์และโลกได้รังสรรค์ไว้ ดังนั้น ความรู้สึกไม่สบายใจของเขา นั่นหมายถึง กำลังมีภัยร้ายรอเขาอยู่
อย่าไรก็ตาม เซียวเฟิงคิดไว้อยู่แล้วว่าการมาทำภารกิจที่อเมริกานี้ไม่ได้ปลอดภัยมาตั้งแต่แรกแล้ว ยิ่งเขาใช้เวลากับมันนานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น ผนวกกับความมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเขาเองในขนาดนี้ หากจะเจอศัตรูระหว่างทาง เขาก็ขอให้ศัตรูมาทีละคนจะดีเสียกว่า
การแก้ปัญหาให้จบเป็นอย่าง ๆ ด้วยความรวดเร็ว ถือเป็นสิ่งที่เซียวเฟิงยึดมั่นมาโดยตลอด ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็รู้สึกว่าการแก้ปัญหาตรง ๆ นั้นดีกว่าการแก้ทีละจุดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
“ไปกันได้แล้ว คืนนี้เราคงจะต้องเสี่ยงกันซักหน่อย แต่พวกนายต้องไม่ลืมดูแลตัวเองเป็นอันดับแรกด้วย ในเมื่อตอนนี้เฮลได้ล่มสลายไปแล้ว พวกนายไม่จำเป็นต้องตายเพื่อใครอีก”
น้ำเสียงที่เยือกเย็นของเซียวเฟิงกังวานไปทั่วทั้งอู่ร้าง เหล่าเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดต่างก็รับรู้ถึงคำสั่งนี้กันอย่างทั่วถึง
แสงไฟจากโคมกระพริบถี่ขึ้น ราวกับว่ามันกำลังจะดับลงในไม่ช้า ทว่าคราวนี้ ยามที่แสงไฟสว่างมั่นคงอีกครั้ง เหล่าเงาทั้งหลายภายในอู่ร้างก็หายกันไปหมดแล้ว
ป่าเวอร์จิ้นนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่และพุ่มไม้หนา ถนนที่เปื้อนโคลนนั้นเกิดจากตีนตะขาบของรถถังที่วิ่งผ่านก่อนหน้าเพื่อเปิดทางเดินเท้าเอาไว้บริเวณหน้าทางเข้าฐานทัพในป่าแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม มีเพียงเซียวเฟิง คิงคอง สาวไฟและสาวน้ำแข็งเท่านั้นที่ปรากฏตัวบริเวณถนนเส้นนี้ ในขณะที่สมาชิกเฮลคนอื่นต่างก็เลือกที่จะเข้าหาเส้นทางอื่นภายในป่าเวอร์จิ้นแทน
การกระทำของเซียวเฟิงนี้ แม้จะดูเหมือนเป็นการตามใจตนเองมากจนเหมือนประมาท แต่แท้จริงแล้วไม่เลย เขาเพียงเชื่อมั่นในศักยภาพในการลอบสังหารของเฮลที่อยู่ในจุดสูงสุดของพวกเขาเอง เชื่อมั่นว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งไม่ต่างกับทหารชำนาญศึกเลยทีเดียว
และผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง สมาชิกเฮลทั้งหมดที่มาในวันนี้ล้วนมีความสามารถในการต่อสู้ตอนกลางคืนสูงมาก ๆ ไม่ว่าจะด้วยการมองเห็นในที่มืด คลื่นเสียงตรวจจับเป้าหมายหรือส่งคลื่นอินฟราเรดออกมาจากร่างกาย มันทำให้ความมืดมิดนั้นไม่มีผลกับพวกเขาแต่อย่างใด พวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหน่วยปฏิบัติการกลางคืนสมัยใหม่ที่มีอุปกรณ์เพียบพร้อมแม้แต่น้อย แถมพวกเขายังได้เปรียบเรื่องสัญชาตญาณอีกด้วย
สมาชิกเฮลกว่าห้าสิบคนนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วเหมือนวิญญาณร้ายในป่าทึบ ทุกคนต่างมีหน้าที่ของตนเองชัดเจนและปฏิบัติหน้าที่อย่างสุดความสามารถ นั่นคือการหาเส้นทางอื่นที่จะบุกเข้าไปภายในรวมถึงจัดการความเรียบร้อยภายในป่าเวอร์จิ้น พวกเขาทั้งหมดไม่ได้ใช้เครื่องมือติดต่อสื่อสารใด ๆ ทั้งสิ้น เป้าหมายงานที่ถูกมอบหมายไว้ชัดเจน นั่นก็เพื่อไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีใดอีก อีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ต้องทำเช่นนี้ก็เพราะว่าเซียวเฟิงไม่ไว้วางใจอุปกรณ์สื่อสารสมัยใหม่อีกต่อไปแล้ว หลังจากที่เขาเห็นโนอาห์สามารถบังคับโอนย้ายจิตใจของชิงชิงซือจินผ่านนาฬิกาล็อกอินได้ เขาก็รู้สึกกังวลใจมาตลอด ความสามารถของโนอาห์นั้นน่ากลัวเกินไป หากเธอสามารถควบคุมเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ได้ทุกชิ้น มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเขาได้จากทุกที่ทุกเวลาเลย
ดังนั้นแล้ว การที่มีกฎห้ามให้คนจากเฮลใช้เครื่องมือสื่อสารหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในการปฏิบัติงานเมื่อครั้งที่เฮฟเว่นได้เริ่มต้นโครงการนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
เซียวเฟิงอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากเมื่อหลายปีก่อน โนอาห์ไม่ถูกถอดถอนจากการดูแลข้อมูลและทรัพยากรพลังงานต่าง ๆ ของอุตสาหกรรมอัจฉริยะทั้งหลายจนต้องออกมาสร้างมิธด้วยตนเอง โลกในตอนนี้จะเป็นแบบไหน แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันอุตสาหกรรมกว่าครึ่งโลกก็ตกอยู่ในการควบคุมของเธอไปแล้ว
ในตอนนี้เอง เซียวเฟิงก็ได้เข้าใจถึงสถานการณ์ต่าง ๆ แล้ว ไม่แปลกใจจริง ๆ ที่เฮฟเว่นกลายเป็นที่กล่าวถึงหลังจากที่โนอาห์ถูกปล่อยออกมาแล้ว แล้วก็ไม่แปลกใจด้วยว่าทำไมหลาย ๆ ประเทศต่างให้การสนับสนุนและลงทุนในโครงการปัญญาประดิษฐ์ที่มีแพลนจะสร้างต่อจากนี้ เพราะพวกเขาได้เห็นความสามารถของสมองชีวภาพที่มีสมองมนุษย์เป็นแก่นแท้กันมาแล้วด้วยตาตนเองเมื่อหลายปีก่อน
ตู้ม!
เสียงระเบิดดังก้องอยู่ในป่าห่างจากตัวฐานทัพไม่ไกลมากนัก เซียวเฟิงสามารถรับรู้ทิศทางที่เกิดการต่อสู้ได้จากการที่เห็นงู นก หรือสัตว์ป่าต่าง ๆ ที่พากันวิ่งหนีออกมาเป็นทิศทางเดียวกัน…การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แซ่ก ๆ
ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรงหน้าเซียวเฟิง พุ่มหญ้าที่หนาและแน่นอันเป็นเอกลักษณ์ของป่าเวอร์จิ้นก็ได้แหวกออกเผยให้เห็นหลุมเหล็กที่ถูกปูทางไว้ด้วยคอนกรีตราวกับเป็นฐานลับใต้ดิน จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของสิ่งของขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนไหว ไม่นานนักรถถังคันโตก็โผล่ขึ้นมาจากหลุมเหล็กนั้นทันที!
“นายท่านครับ ผมจะเข้าปะทะเอง!” คิงคองโค้งทำความเคารพและก่อนที่เซียวเฟิงจะได้พูดตอบอะไร พื้นดินบริเวณที่เขายืนอยู่ก็เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ด้วยความที่เส้นทางตรงหน้านั้นเป็นโคลนซึ่งยากต่อการเดิน บัดนี้มันถูกแหวกออกด้วยมวลอากาศที่กระจายออกมา คิงคองในร่างของกระสุนปืนใหญ่สีดำสนิทพุ่งเข้าใส่รถถังคันโตที่เพิ่งโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินด้วยความเร็วสูงก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ทำอะไรเสียอีก!
ตู้ม!
เสียงของคิงคองที่เข้าปะทะกับรถถังดังสนั่นทั่วบริวณ มันไม่ใช่เสียงของชิ้นเนื้อปะทะเหล็ก หากแต่เป็นเสียงของเหล็กปะทะเหล็กเลย! และด้วยแรงปะทะอันเกิดจากคิงคองนี้เอง มันก็ทำเอารถถังคันดังกล่าวแทบจะพลิกคว่ำไปด้วย
คิงคองไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขายกมือขึ้นสูงแล้วคว้าจับไปยังกระบอกปืนขนาดใหญ่ของรถถังยักษ์อย่างรวดเร็ว จากนั้นมนุษย์วานรร่างโตก็กระโดดลงมาโดยที่มือยังจับกระบอกปืนไว้อยู่ ซึ่งพละกำลังอันมหาศาลของคิงคองนี้ ก็มากพอจะยกรถถังให้ลอยขึ้นมาทั้งคันได้อย่างง่ายดาย!
เคร้ง! แกร๊บ!
รถถังเหล็กหนาอันน่าภาคภูมิใจค่อย ๆ ย่อยยับจากน้ำหนักของมันเองยามที่ถูกยกลอย ไม่เพียงเท่านั้น กระบอกปืนขนาด 25 เซนติเมตรที่เป็นอาวุธหลักของรถถังคันนี้ก็ถูกคิงคองบดขยี้ด้วยมือเปล่าราวกับกระดาษเสียอย่างนั้น!
พั่บพั่บพั่บ
เสียงใบพัดขนาดใหญ่ดังขึ้นเหนือหัวเซียวเฟิง คราวนี้เจ้าของเสียงเป็นเฮลิคอปเตอร์ติดอาวุธหนักรูปแบบอีเกิ้ล ทว่าก่อนที่มันจะได้เจอและสาดกระสุนในเซียวเฟิง เงาสีดำขนาดใหญ่ก็โฉบผ่านลงมาท่ามกลางความมืดมิดของยามราตรี เงาปริศนานั้นเข้าโจมตีอาวุธจู่โจมของเฮลิคอปเตอร์ลำโตนี้อย่างแม่นยำ
แคว่ก!
เงานั่นคือเฮ่ยซือ แต่เดิมเคยเป็นเพียงนกป่วยตัวหนึ่งที่มีสภาพใกล้ตาย แต่หลังจากที่มันได้ดื่มได้กินอยู่ในฮัวเซียมาเป็นเวลานาน ร่างกายที่ย่ำแย่ก็ฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้ง เปลี่ยนจากนกป่วยกลายเป็นสัตว์ร้ายที่มีร่างกายใหญ่โตเสียยิ่งกว่าอาวุธที่ติดตั้งบนเครื่องบินเสียอีก!
แม้การโจมตีของเฮ่ยซือจะเป็นอะไรที่ดูง่าย แต่มันก็แฝงไปด้วยความรุนแรง ปีกขนาดใหญ่นั้นโบกสะบัดใส่เฮลิคอปเตอร์ที่บิดเข้ามา เพียงพริบตาเดียว เฮลิคอปเตอร์ทั้งลำก็ราวกับโดนใบมีดหลายสิบเล่มฉีกผ้าจนแตกกระจายเป็นเศษเหล็กกลางอากาศในขณะที่ปีกของเฮ่ยซือไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรทั้งสิ้น ในตอนที่เฮลิคอปเตอร์ลำนั้นเกิดการระเบิด แสงไฟจากการระเบิดที่สะท้อนเข้ามาที่ปีกอันเงางามก็ทำให้ปีกบางส่วนของมันเปล่งแสงเหมือนทอคำอีกด้วย
พลันเมื่อซากเครื่องบินที่เหลือพุ่งตกลงไปบนพื้นแล้ว เฮ่ยซือก็ยังคงตามไปติด ๆ ทั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบดูก่อนจะพบว่า คนขับเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นยังไม่ตาย!
“ท่านคะ พวกเราก็จะไปด้วยเหมือนกัน ระวังตัวไว้ด้วยนะคะ!”
สาวไฟและสาวน้ำแข็งหันมาทำความเคารพเซียวเฟิงพร้อม ๆ กันก่อนที่จะกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่ไปตาม ๆ กันไป เป้าหมายของพวกเธอก็คือเส้นทางที่รถถังคันก่อนหน้านี้เคลื่อนตัวอกมา เพราะพวกเธอคิดว่ามันต้องเป็นทางเชื่อมที่มาจากฐานทัพแน่ ๆ
“ทหารลาดตระเวนบริเวณนี้น่าจะเริ่มรู้ตัวกันแล้ว ถ้าหากอีกฝ่ายเริ่มยิงสวนเมื่อไหร่แล้วพวกเะอเห็นว่าสถานการณ์มันไม่น่าไว้ใจ เธอต้องรีบถอยทันทีเลยนะ”
เซียวเฟิงไม่ได้พูดเสียงดัง แต่เฮลทุกคนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ในป่าล้วนแต่ก็ได้ยินเสียงของเขาพร้อม ๆ กัน
แววตาของเขาดูหนักหน่วงขึ้นมานิดหน่อย หากอิงจากรายงานที่สาวไฟและสาวน้ำแข็งรายงานไว้ก่อนหน้าจากการที่พวกเธอเคยบุกเข้ามาในฐานนี้ก่อน เซียวเฟิงก็พอจะรู้แล้วว่าฐานทัพทหารแห่งนี้มีอาวุธที่ค่อนข้างจะส่งพลังมาก แต่พอมาเห็นด้วยตาตนเอง มันก็เห็นได้ชัดว่าหลังจากการบุกเข้ามาครั้งนั้น การป้องกันของฐานทัพแห่งนี้ก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย
โชคยังดีที่ที่นี่เป็นเพียงฐานทัพทหารเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ ณ ชายแดน มันถูกควบคุมโดยตระกูล ๆ หนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ฐานทัพใหญ่ที่ถูกควบคุมโดยทหารหรือกลาโหมจริง ๆ ดังนั้น ที่นี่จึงไม่มีนักฆ่ามือฉมังหรือทหารจำพวกหน่วยรบพิเศษที่สามารถเข้าโจมตีแบบสายฟ้าแลบโดยไม่ทันตั้งตัว ไม่เช่นนั้นแล้วเซียวเฟิงคงสั่งให้ถอยตั้งแต่แรกแล้ว
อย่างไรก็ตาม การต้องเผชิญหน้ากับฐานทัพทหารเช่นนี้ เซียวเฟิงก็ยังคงมีความมั่นใจอยู่ระดับหนึ่ง แม้ว่าเขาจะต้องเจอกับทหารระดับสูงจำนวนมากหรือเจอกับอาวุธสมัยใหม่ที่ทรงพลัง แต่นั่นก็ไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน มันต้องหลังจากที่เขาบุกเข้าไปภายในแล้ว
ตอนนี้เป็นการต่อสู้ด้านนอก เพราะฉะนั้นที่นี่จะมีแต่ทหารรักษาการณ์ พวกเขาไม่ได้มีฝีมือในการสู้รบถึงขนาดนั้น แถมหากพวกเขาต้องรับมือกับศัตรูที่มองไม่เห็นอย่างเหล่านักฆ่าจากเฮลเช่นนี้ การขอยิงมิสไซล์ก็ยิ่งไม่คุ้มเสี่ยงกว่าเดิมเพราะเกรงว่ามันอาจจะส่งผลกระทบกับฐานทัพได้
แต่ถึงตอนนี้พวกเซียวเฟิงจะได้เปรียบในเรื่องการต่อสู้ แต่เฮลก็ไม่มีความสามารถในระดับที่จะสามารถทำลายฐานทัพได้แม้ว่าจะเป็นขนาดเล็กก็ตาม อย่างมากพวกเขาก็แค่ทำลายห้องบางห้องทิ้งไปได้ หรือฆ่าคนที่เกี่ยวข้องได้เท่านั้น
และโชคดีที่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของเซียวเฟิง