Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 60 โครงเรื่อง
บทที่ 60 โครงเรื่อง
“ดินแดนแห่งพระเจ้าเคยเป็นโลกที่สงบสันติ มีเผ่าทั้งหลายใช้ชีวิตร่วมกันที่นี่ด้วยความกลมเกลียว เคยมีทั้งมนุษย์ เอลฟ์ คนแคระ และอีกมากมาย แต่วันหนึ่งความมืดก็ได้เข้ามาในดินแดนแห่งนี้”
“พวกมันเรียกตัวเองว่ากองทัพมืด หัวหน้าของพวกมันคือปีศาจร้ายหลายตนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของดินแดนแห่งพระเจ้า พวกมันทั้งแข็งแกร่ง กระหายเลือด และหยุดยั้งไม่ได้ มันสร้างพวกผีดิบขึ้นมาเพราะมันสามารถควบคุมสิ่งที่ตายไปแล้วได้ ซึ่งยิ่งสงครามดุเดือดมากขึ้นเท่าไหร่กองทัพของมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เพราะว่าพวกทหารที่ตายในสงครามจะถูกเปลี่ยนเป็นผีดิบและกลายเป็นกำลังของพวกมัน”
“มันเป็นหายนะที่เกือบทำลายดินแดนแห่งพระเจ้าไปทั้งหมด”
“เผ่าที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งพระเจ้าจึงต่างพากันสวดภาวนา เพื่อขอให้พระเจ้าของพวกเขาหยุดความหายนะนี้…”
“มีพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่หลายองค์ตอบรับด้วยการช่วยพวกเราต่อต้านกองทัพมืดผ่านพลังที่น่าอัศจรรย์ของพวกเขา”
“แต่พลังของพวกปีศาจนั้นเกินกว่าที่พระเจ้าคาดไว้ พวกพระเจ้าโจมตีใส่ปีศาจด้วยตัวของพวกเขา แต่ก็ไม่สามารถที่จะฆ่าพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวได้ ดังนั้นพระเจ้าจึงหยุดการฆ่าฟันแต่เปลี่ยนเป็นการผนึกพวกปีศาจเอาไว้ จากนั้นจึงกำจัดกองทัพมืดที่ไร้ซึ่งผู้นำออกไปจากดินแดนแห่งพระเจ้า”
“แต่นี่ไม่ใช่ทางออกที่ถาวร ถึงสมาชิกส่วนใหญ่ของกองทัพมืดจะถูกฆ่า แต่ก็มีบางคนที่รอดออกมาได้ พวกมันต่างซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของดินแดนแห่งพระเจ้าเพื่อรวบรวมกองทัพแล้วรอโอกาสของพวกมัน เช่นเดียวกับพวกปีศาจที่เคยถูกผนึกซึ่งอาจหลุดออกจากพันธนาการได้ทุกเมื่อ!”
“และเพราะเหตุนั้น เหล่าพระเจ้าจึงร่วมมือกันเพื่อแสวงหาหนทาง พวกเขาได้ให้คำทำนายไว้กับทุกคนที่อยู่ในดินแดนของพระเจ้า ว่านักผจญภัยจากอีกโลกหนึ่งจะหลั่งไหลเข้ามาในดินแดนของพระเจ้าแห่งนี้ พวกเขาจะเป็นอมตะและแข็งแกร่ง ยิ่งกว่านั้นพวกเขาจะมีกันเป็นจำนวนมาก พวกเขาจะช่วยเราในการต่อกรกับกองทัพมืด และด้วยความช่วยเหลือของเหล่านักผจญภัย พวกกองทัพมืดจะไม่มีทางที่จะเป็นภัยกับพวกเราไม่ว่าพวกมันจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม ดังนั้นเหล่าพระเจ้าจึงบอกกับผู้ที่อยู่ในดินแดนแห่งพระเจ้าตั้งแต่แรกเริ่ม ว่าให้พวกเขาพยายามอย่างเต็มที่ในการให้ความช่วยเหลือเหล่านักผจญภัยต่างโลกที่จะเติบโต และแข็งแกร่งขึ้นจนมากพอที่จะต่อสู้กับกองทัพมืด ! ….และเจ้าก็คือหนึ่งในนักผจญภัยเหล่านั้น!!”
เขาประหลาดใจเล็กน้อยเมื่ออาร์คบิชอปเริ่มเล่าเนื้อเรื่อง แต่เซียวเฟิงก็สามารถตั้งสมาธิและฟังสิ่งที่อีกฝ่ายพูดทุกคำได้ทัน
“ฮ่าฮ่า เจ้าคือนักรบผู้กล้า ข้ามั่นใจว่าเจ้าคือความหวังของกองทัพแห่งแสงสว่างในทันทีที่ได้พบหน้า โบลตันได้บอกกับข้าถึงการกระทำที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าแล้ว ว่าถ้าไม่มีเซียวเฟิง ตัวเขาก็อาจถูกฆ่าเพราะโดนลอบโจมตีจากเจ้าลิชยักษ์ไปแล้ว”
ไคเซอร์มองมาทางเซียวเฟิง และยิ้มขึ้นมาก่อนจะพูดต่อไปว่า “ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้ามีศักยภาพที่ยอดเยี่ยมในการเป็นนักผจญภัย ถึงเจ้าจะยังอ่อนแออยู่ในตอนนี้ แต่เจ้าก็สามารถช่วยกัปตันโบลตันกำจัดเหล่านักรบกระดูกแห่งความมืดของลิชยักษ์ได้สำเร็จ ดังนั้นเมื่อเจ้าแข็งแกร่งกว่านี้แล้ว ….เจ้าจะต้องสามารถขึ้นเป็นแกนนำของวิหารแห่งแสงได้อย่างแน่นอน ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะต้องเป็นการนำพาของเทพเจ้าแห่งแสงแน่!”
“คุณได้ทำภารกิจเนื้อเรื่องสำเร็จ! คุณได้รับค่าประสบการณ์ 20,000 หน่วย”
“รางวัล: ค่าความเป็นมิตรของ NPC ทุกคนในวิหารแห่งแสงต่อตัวคุณ +10 และค่าความเป็นมิตรของกัปตันโบลตันต่อคุณ +20”
ระบบได้ประกาศว่าเขาทำภารกิจสำเร็จ ซึ่งชายหนุ่มก็ต้องแปลกใจเมื่อเขาไม่เพียงได้รับค่าประสบการณ์แต่ยังได้ค่าความเป็นมิตรด้วย
ในมิธ ค่าความเป็นมิตรที่ต่ำที่สุดของ NPC คือ 0 และสูงสุดคือ 100 NPC จะเป็นมิตรและมีชื่อสีเหลืองเมื่อค่าความเป็นมิตรเท่ากับ 50 เมื่อผู้เล่นเริ่มเกม NPC ทั้งหมดในพื้นที่จะมีค่าความเป็นมิตร 60 และเป็นมิตรมากขึ้นถ้าผู้เล่นช่วย NPC ด้วยการทำภารกิจ
เซียวเฟิงไม่คิดว่า NPC ทุกคนในวิหารแห่งแสงจะมีค่าความเป็นมิตร 70 แต้ม และของกัปตันโบลตัน 80 แต้ม จนกลายเป็นเชื่อใจเขาหลังจากที่ชายหนุ่มทำเพียงส่วนแรกของภารกิจเนื้อเรื่องสำเร็จ
“วิหารแห่งแสงของพวกเราเป็นสถานที่ที่ผู้เลื่อมใสในพระเจ้ามารวมตัวกัน ที่นี่เปรียบดั่งบ้านของพระเจ้าสำหรับเหล่ามนุษย์ ซึ่งความเลื่อมใสของเจ้าถือเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่ที่เราเห็นแหวนแห่งศรัทธาในมือของเจ้าแล้ว ยิ่งกว่านั้นกัปตันโบลตันก็ยังพูดความกล้าหาญของเจ้า ดังนั้นข้าจะขอเป็นตัวแทนของวิหารแห่งแสงในการสรรเสริญเจ้า และสิ่งนี้จะแสดงถึงเกียรติยศของเจ้า เพื่อแสดงถึงนำทางของเทพเจ้าแห่งแสง”
หลังจากที่บาทหลวงไคเซอร์พูดจบ เหรียญตราสีเงินก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ชายชรายื่นมันให้เซียวเฟิง
เซียวเฟิงยื่นมือเพื่อหยิบเหรียญนั้นมา แล้วจ้องมองไปยังเหรียญสีเงินด้วยสกิลตรวจสอบขั้นสูง
เหรียญแห่งเกียรติยศ: สาวกผู้เลื่อมใส
ชนิด: อุปกรณ์พิเศษ
อธิบาย: เมื่อสวมใส่ NPC ในฝ่ายแสงทุกคนจะมีความคิดที่ดีต่อตัวคุณเพิ่มขึ้น ในขณะที่ NPC ทุกคนในฝ่ายความมืดจะมีค่าความเกลียดชังต่อตัวคุณมากขึ้น
เพิ่มเติม: เมื่อสวมใส่ฉายาสาวกผู้เลื่อมใสจะปรากฏขึ้นบนชื่อของตัวละครของคุณ
เหรียญตราสีเงินถูกสลักไว้ซึ่งรูปของนางฟ้าตัวน้อย และเหรียญนี้ก็เป็นอุปกรณ์พิเศษอย่างแท้จริง มันไม่เพิ่มค่าสถานะปกติของผู้เล่นแต่มันมีความสามารถพิเศษ
เซียวเฟิงสวมมันในทันที ซึ่งผู้เล่นต้องติดมันไว้ที่หน้าอก และสามารถที่จะเลือกที่จะซ่อมมันไว้ได้ แต่เซียวเฟิงสนใจในความสามารถพิเศษของเหรียญนี้มากกว่า
หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เซียวเฟิงก็ตัดสินใจที่จะสวมใส่ ทำให้ฉายาสาวกผู้เลื่อมใสปรากฏขึ้นบนชื่อตัวละครของเขาในทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะเลือกที่จะซ่อนชื่อตัวละครของเขาจนดูเหมือนกับว่าชื่อสาวกผู้เลื่อมใสเป็นชื่อจริงของตัวละครตน… และเพียงเท่านี้คนอื่นๆ ก็จะไม่เห็นถึงความแตกต่างถ้าพวกเขาไม่สังเกตให้ดี
ชายหนุ่มแวะเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเพื่อที่จะซื้อผ้าปิดปากแฟชั่น ทำให้สามารถซ่อนตัวตนของเขาได้อย่างสมบูรณ์
“กัปตันโบลตันได้คุยกับข้าถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในป่ามู่กวางแล้ว มันคือแผนการของพวกกองทัพมืดที่หลงเหลืออยู่ พวกมันเคยสู้กับเรา ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายต่างสูญเสียกันหนัก ยิ่งกว่านั้นพวกมันยังสร้างวงแหวนเคลื่อนย้ายไว้นอกเมืองเทียนหลงในขณะที่เราประมาท จึงเป็นไปได้อย่างสูงว่าเป้าหมายของพวกมันคือเมืองเทียนหลงทั้งเมือง”
“เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในวงแหวนเคลื่อนย้ายที่สร้างไม่เสร็จบ้าง มันอาจเป็นกองทัพมืดที่เหลืออยู่มากมายก็เป็นได้ ซึ่งข้าเชื่อว่าเรายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยุดมันได้”
เซียวเฟิงอยากจะบอกกับอาร์คบิชอปไคเซอร์ว่า วงแหวนเคลื่อนย้ายได้ถูกเขาดึงออกมาแล้ว และมีนางฟ้าที่ถูกโคลนถมไว้ใต้ทะเลสาบ แต่เขาก็ลังเลที่จะบอกกับอาร์คบิชอป
“เพราะฉะนั้นเราต้องการที่จะส่งเรื่องนี้ให้กับสำนักงานใหญ่ของวิหารแห่งแสง เพื่อขอความช่วยเหลือในทันที แต่ทางสำนักงานใหญ่กำลังติดพันกับพิธีการที่เกิดขึ้นอยู่ ด้วยผลกระทบของพลังอันมหาศาลในกาลอากาศ ทำให้วงแหวนเคลื่อนย้ายทุกอันที่เชื่อมกับโบสถ์สาขาย่อยของเราใช้การไม่ได้ชั่วคราว ทำให้ในตอนนี้เราจำเป็นที่จะต้องใช้ใครบางคนในการส่งสาร”
ไคเซอร์พูดต่อไปว่า “สาวกผู้เลื่อมใสผู้กล้าหาญเอ๋ย เจ้าสามารถที่จะช่วยเราส่งข้อความนี้ได้หรือไม่ ?”
“คุณได้รับภารกิจเนื้อเรื่องอย่างที่สอง [การนำพาแห่งแสง]”
“คำอธิบาย: วงแหวนเคลื่อนย้ายไม่สามารถใช้การได้ในตอนนี้ ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเดินทางไปยังสำนักงานใหญ่ของวิหารแห่งแสงซึ่งตั้งอยู่ในภูเขาเจิดจรัสในพื้นที่ทางตะวันออกของดินแดนแห่งพระเจ้า …คุณอาจต้องเดินทางผ่านอาณาเขตของมอนสเตอร์เลเวลสูง”
นี่ดูเหมือนจะเป็นขั้นที่สองของภารกิจเนื้อเรื่อง แม้ว่าจะไม่มีคำเตือนเรื่องความยาก แต่เซียวเฟิงก็มั่นใจว่าภารกิจนี้จะต้องยากมากๆ อย่างแน่นอนหลังจากที่เขาอ่านคำอธิบายของภารกิจนี้ ทว่าชายหนุ่มก็ยังคงรับภารกิจในทันทีอย่างไม่ลังเล
“ฉันรับภารกิจนี้!”
“สาวกผู้เลื่อมใสเอ๋ย อย่าทำให้ข้าผิดหวัง นี่คือจดหมายส่วนตัวจากข้า โปรดนำมันไปให้กับเทพธิดาแห่งแสงภายในวันพรุ่งนี้ เจ้าสามารถเอาม้วนกระดาษนี้ติดตัวไปได้ มันจะส่งเจ้าไปยังเมืองหลักของเผ่ามนุษย์ที่อยู่ใกล้กับภูเขาเจิดจรัสมากที่สุด …ข้าหวังว่ามันจะช่วยเจ้าได้”
บาทหลวงไคเซอร์พยักหน้าอย่างโล่งอก เขาหยิบเอาม้วนกระดาษสองชิ้นออกมาให้เซียวเฟิง ม้วนกระดาษสีขาวคือจดหมาย ส่วนอีกชิ้นที่เป็นแผ่นหนังคือคัมภีร์เคลื่อนย้ายแห่งเมืองเซิงสุ่ย
มีการจับเวลาเกิดขึ้นในขั้นที่สองของภารกิจเนื้อเรื่อง เซียวเฟิงมีเวลาเพียงแค่ครึ่งวันในการปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จ ภารกิจจะล้มเหลว ถ้าเขาไม่สามารถทำได้สำเร็จภายในวันพรุ่งนี้
หลังจากที่เซียวเฟิงได้รับม้วนกระดาษทั้งสองอัน อาร์คบิชอปไคเซอร์ก็เร่งให้เขารีบออกเดินทาง ซึ่งเซียวเฟิงเองก็ไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่หลังจากที่เขารับภารกิจมาแล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงเพียงพูดคุยกับพวกบาทหลวงอยู่พักหนึ่ง และเมื่อเขาพบว่าตนไม่สามารถที่จะเริ่มภารกิจเนื้อเรื่องอย่างอื่นได้.. เขาก็เดินออกไปในทันที
“แด๊ด เจ้ากำลังจะเดินทางไปภูเขาเจิดจรัสแล้วเหรอ?”
เซียวเฟิงกำลังออกจากโบสถ์ แต่เขาก็ได้ยินเสียงชุดเกราะกระทบกันมาจากทางด้านหลัง ก่อนจะมีเสียงของใครบางคนทักขึ้น
เซียวเฟิงครุ่นคิด และนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังถูกเรียกชื่อ ดังนั้นจึงหันหลังกลับไปในทันที
แน่นอนว่าเขามองเห็นกลุ่มอัศวินแห่งแสงหลายคนที่กำลังเดินเข้ามาหา โดยมีกัปตันโบลตันเดินนำหน้า ที่แท้ก็เป็นเขานี่เองที่เรียกหาเซียวเฟิง
“ใช่แล้ว! กัปตันโบลตัน แล้วคุณละ… กำลังจะไปไหนงั้นเหรอ ?” เซียวเฟิงงุนงงอยู่พักหนึ่งแล้วรีบถามกลับไป เพราะมีอัศวินกว่าหนึ่งร้อยคนเดินตามหลังกัปตันโบลตัน มันเห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังจะไปปฏิบัติภารกิจสำคัญ เซียวเฟิงจึงถามไปในทันทีด้วยหวังว่าตนเองจะได้รับภารกิจอีกชิ้น
“พวกเรากำลังจะเดินทางไปยังป่ามู่กวางเพื่อเข้าไปทำลายวงแหวนเคลื่อนย้าย ถ้าพวกกองทัพมืดต้องการที่จะโจมตีพวกเรา เราจะหยุดการเตรียมการของพวกมันด้วยการทำลายวงแหวนเคลื่อนย้ายอันนั้น” กัปตันโบลตันดูทรงพลัง เกราะเงินของเขาส่องสว่างขณะพูดกับเซียวเฟิงอย่างมั่นใจ “อย่าได้ห่วงไป ครั้งนี้ข้าเอากลุ่มอัศวินมาด้วย เราจะต้องกำจัดมันได้อย่างแน่นอนถึงแม้จะมีลิชยักษ์ 10 ตัวรออยู่หลังวงแหวนเคลื่อนย้ายก็ตามที”
เซียวเฟิงอ้าปากแต่ก็ไม่พูดอะไร เขายังไม่ได้บอกกัปตันโบลตันว่าวงแหวนเคลื่อนย้ายได้ถูกดึงออกมาหมดแล้ว
“อีกอย่างนะแด๊ด ข้ามีอะไรบางอย่างจะบอกกับเจ้า”
กัปตันโบลตันดูจริงจังขึ้นมาทันที เขาพูดว่า “ถ้าเจ้าได้พบกับเทพธิดาแห่งแสง เจ้าต้องลองขอให้นางเปิดทางให้เจ้าเข้าไปทำศีลจุ่มในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ มันจะช่วยเพิ่มพลังให้กับเจ้าอย่างมาก”
“ศีลจุ่ม? อะไรคือศีลจุ่ม?” เซียวเฟิงถาม ถึงมันจะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้ก็ตาม แต่เพื่อความแน่ใจ ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะถามออกไป
“มันมีบ่อน้ำแห่งแสงอยู่ในภูเขาเจิดจรัส ผู้เลื่อมใสที่ทำผลงานที่ดีให้กับวิหารแห่งแสงจะสามารถเข้าไปทำศีลจุ่มได้ มันอาจเปลี่ยนอาชีพของเหล่านักผจญภัยได้ เจ้าสามารถเปลี่ยนเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมแห่งแสงจากผู้ประกอบพิธีกรรมทั่วไปได้
ดวงตาของเซียวเฟิงลุกวาวขึ้นทันทีที่ได้ยินสิ่งที่กัปตันโบลตันพูด เขาสามารถเลือกอาชีพลับได้! นี่มันสุดยอดมาก!
เซียวเฟิงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ชายหนุ่มอยากจะรีบเข้าไปบนภูเขาเจิดจรัสเสียเดี๋ยวนี้เลย แต่ก็ยังไม่ลืมที่จะถามคำถามหนึ่งกับกัปตันโบลตัน
“กัปตันโบลตัน เทพธิดาแห่งแสงที่สาขาหลักของวิหารแห่งแสงคือเทพพระเจ้าแห่งแสงใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่ เทพเจ้าทุกองค์รวมถึงเทพเจ้าแห่งแสงไม่อยู่ในดินแดนแห่งพระเจ้า เทพธิดาแห่งแสงเป็นเพียงตัวแทนของเทพพระเจ้าแห่งแสงและเป็นผู้นำสูงสุดของวิหารแห่งแสง นางนับเป็นเทพธิดาสูงสุดที่ใกล้ชิดกับเทพพระเจ้าแห่งแสงมากที่สุด” กัปตันโบลตันพูดขึ้น และเซียวเฟิงก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนถึงความชื่นชม รวมถึงความเคารพในสายตาของอีกฝ่าย