Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 603 เกิดอะไรขึ้นกันแน่!
บทที่ 603 เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
บทที่ 603 เกิดอะไรขึ้นกันแน่?!
ที่ด้านนอกเมืองบุปผาแดง กลุ่มกองทัพทมิฬที่ราวกับสัตว์ร้ายกำลังกระหายในกลิ่นของมนุษย์กำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ
ยิ่งเวลานับถอยหลังน้อยลงเท่าไหร่ พวกมันก็ยิ่งเหมือนอสุรกายที่พร้อมจะกลืนกินเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่ตลอดเวลา
รอยยิ้มบนใบหน้าของบิ๊กเดวิลนั้นดูโหดร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะนี้เหลือไม่ถึงสามนาทีแล้วก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้น ด้วยเหตุนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเลียริมฝีปากตนเองเบา ๆ
ทางด้านของอัศวินโต๊ะกลมที่อยู่ใกล้ ๆ กันนั้นก็หันไปมองเวลาที่ระบบตั้งไว้ด้วยความร้อนใจ เขาเหลือบมองบิ๊กเดวิลที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่ากิลด์เล็ก ๆ แห่งนี้จะดิ้นรนกันขนาดไหน
เพราะสัมพันธมิตรแดนใต้ได้รวบรวมเหล่ากิลด์ขนาดใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน มันจึงไม่ใช่สรวงสวรรค์สำหรับกิลด์ปลาซิวปลาสร้อย หากไม่ใช่ว่าบิ๊กเดวิลมอบข้อเสนอสุดพิเศษให้กับเขาเป็นการส่วนตัว เขาก็คงจะไม่มาอยู่ที่นี่
นั่นก็เพราะว่าเมืองนี้ตั้งอยู่ระหว่างทางด้วย เขาจึงตัดสินใจรับงาน ทว่าภารกิจตอนนี้กลับดำเนินการช้ากว่ากำหนดเข้าไปแล้ว เพราะอย่างนั้นเขาจึงค่อนข้างร้อนใจ
ส่วนเมืองบุปผาแดงที่อยู่ตรงหน้านี้ อัศวินโต๊ะกลมไม่เคยให้ความสนใจมันมาก่อน ที่นี่เป็นที่ตั้งของกิลด์ที่เขาไม่เคยได้ยินเลยด้วยซ้ำ ตัวเมืองเองก็เป็นแค่เมืองระดับล่าง ไม่ว่าจะมองมุมไหน เมืองนี้ก็ไม่มีทางต้านทานกำลังรบของกองอัศวินระดับสูงของไอรอนครูเสดได้เลย
หลังจากมันล่มสลายลงตั้งแต่สงครามกิลด์อุบัติขึ้น และก่อตั้งขึ้นมาใหม่ แม้จะไม่สามารถเทียบเท่ากับเมื่อครั้งยังเป็นเจ้าผู้ปกครองได้ก็จริง แต่ตอนนี้ก็ถือได้ว่าเป็นผู้อยู่เหนือกิลด์ที่มีขนาดใหญ่มากมายแล้ว จะมีเพียงกลุ่มคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่กล้ามาต่อสู้กับพวกเขา
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ อัศวินโต๊ะกลมก็อดนึกถึงคน ๆ หนึ่งไม่ได้…เจ้าผู้ครองแดนใต้…มิดซัมเมอร์ โรส!
ชื่อนี้เสมือนสิ่งที่คอยหลอกหลอนเขามาตลอดยามนึกถึง ความกลัวควบคู่กับความนับถือ การล่มสลายของไอรอนครูเสดสามารถพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นฝีมือของเธอผู้ยืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของผู้เล่น
แต่ในขณะเดียวกัน การเกิดใหม่ของไอรอนครูเสดเองก็เกิดขึ้นได้เพราะความช่วยเหลือจากเธอเช่นกัน การที่มีกิลด์ใหญ่อย่างมิดซัมเมอร์หนุนหลังอยู่ ทำให้ไอรอนครูเสดที่เกิดใหม่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วและก้าวกระโดด
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเหล่าผู้เล่นระดับสูงที่เรียกกันว่า ‘พระเจ้า’ ได้อย่างชัดเจน เขามั่นใจว่า ในสายตาของคนเหล่านี้ ไอรอนครูเสดไม่ได้มีอะไรเลย ซึ่งไม่ต่างกับที่พวกเขามองว่ากิลด์เล็ก ๆ ไม่ได้มีค่าอะไร เพราะแบบนี้ คนของกิลด์ไอรอนครูเสดจึงคิดแบบเดียวกับอัศวินโต๊ะกลมว่า มิดซัมเมอร์โรสคือคนที่ควรเกรงกลัวและให้ความเคารพ ดังนั้นสถานะเทพธิดาอันดับหนึ่งแห่งฮัวเซียจึงเหมาะกับเธอจริง ๆ
“เตรียมลงมือได้แล้ว”
อัศวินโต๊ะกลมเหลือบมองเวลาจากระบบอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เหลือเพียงสามสิบวินาทีเท่านั้น เขาจึงยกมือขึ้นสูงพร้อมกับเอ่ยให้สัญญาณ กลุ่มอัศวินทมิฬพลันส่งเสียงอึกทึกครึกโครมเป็นการตอบรับ ส่วนต้นเสียงเหล่านี้ก็มาจากบัฟที่ร่ายให้พวกตนเอง
“โอเค! ถ้างั้นพวกเราเอบีสเดมอนส์จะเป็นทัพหน้าให้!” เกรทเดมอนคิงรีบพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น แต่ก็สมเหตุสมผลอยู่ เพราะเขารู้ดีว่าทัพหน้านั้นจะเป็นฝ่ายที่ได้รับความเสียหายจากการเข้าปะทะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงจะรับหน้าที่เป็นโล่มนุษย์ให้เอง
“งั้นก็เอาตามนั้น” อัศวินโต๊ะกลมก็ไม่ขัดข้องเช่นกัน เขารู้อยู่แล้วว่าการทำสงครามย่อมต้องมีผู้เสียสละ และตระหนักได้ว่าหากยกหน้าที่นี้ให้กับคนของเอบีสเดมอนส์ก็จะเป็นผลดีมากกว่า ส่วนตนก็ยืนดูเวลาที่นับถอยหลังอยู่อย่างไม่ไหวติง
[5!]
[4!]
[3!]
[2!]
…
ทว่าในขณะที่เวลาถูกนับถอยหลังมาสู่เลขหลักสุดท้าย จู่ ๆ บางสิ่งบางอย่างที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น!
เคร้ง!
เสียงระฆังดังกังวานไปทั่วฟากฟ้าราวกับว่ามาจากสรวงสวรรค์ ฟากฟ้าเหนือเมืองบุปผาแดงแตกออกพร้อมกับส่องลำแสงสีทองอร่ามอาบเมืองที่อยู่เบื้องล่าง ปลายดาบสีทองเล่มใหญ่ราวกับภูเขาลูกใหญ่ค่อย ๆ ปรากฏออกมาจากฟากฟ้า และพุ่งลงมาอย่างเชื่องช้าจนกระทั่งปะทะเข้ากับเมืองบุปผาแดงที่อยู่เบื้องล่างในที่สุด
ภาพที่เกิดขึ้นราวกับปรมาณูที่ถูกทิ้งลงบนพื้นโลก ภาพของดาบเล่มใหญ่ที่พุ่งลงมานี้ประจักษ์แก่สายตาของผู้เล่นกว่าสองแสนคนทั้งภายในและภายนอกเมือง พวกเขาแหงนมองดาบเล่มนั้นโดยมิได้นัดหมายด้วยหัวใจที่หวาดกลัว แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับพวกเขาที่เป็นคนฮัวเซีย
วิดีโอที่เผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์เองก็มีหลายคลิปที่แสดงให้เห็นความรุนแรงและน่าสะพรึงกลัวของสกิลนี้
คนที่อยู่เบื้องล่างของปลายดาบรู้จักมันดี! และเพราะรู้จักดี พวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันด้วยความสับสน
ความเงียบสงัดเกิดขึ้นภายในเมืองบุปผาแดง พวกเขาทั้งหมดได้แต่สั่นกลัวและมองภาพที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้จากบนฟากฟ้าไกลพลางคิดกันไปว่า ‘เพียงแค่จัดการกับกิลด์เล็ก ๆ อย่างบุปผาแดง สัมพันธมิตรแดนใต้ถึงกับต้องใช้สกิลที่มีพลังรุนแรงขนาดนี้เชียวเหรอ?’
“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเคลื่อนทัพ!”
ด้วยการตวัดมือของอัศวินโต๊ะกลม เหล่าอัศวินทมิฬที่เตรียมจะเข้าโจมตีเมืองก็พากันหยุดโดยพลัน เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติก่อนจะเงยหน้าขึ้นและพบว่า เหนือกำแพงเมืองนั้นมีร่างของเทวทูตขนาดเล็กกำลังค่อย ๆ บินลงมาตามแสงสว่างสีทองสายนั้น
หลังจากที่ได้เข้าร่วมกับสัมพันธมิตรแดนใต้ มีหรือที่คนจากไอรอนครูเสดจะไม่คุ้นเคยกับหนึ่งในไพ่ตายนี้ของมิดซัมเมอร์ สกิลของสัตว์เลี้ยงระดับเทพเจ้า และสัตว์เลี้ยงตนนั้นยังเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแห่งฮีลเลอร์ผู้เป็นอันดับหนึ่งของเกมที่หายสาบสูญไปกว่าหนึ่งเดือนแล้วคนนั้นด้วย ดังนั้นการได้เห็นสกิลระดับสูงเช่นนี้ถูกใช้งาน จึงค่อนข้างหายาก เพราะสิ่งที่ถูกเรียกว่าไพ่ตายไม่ควรจะถูกนำมาใช้ง่าย ๆ เนื่องจากเมื่อใช้ไปแล้ว มันจะใช้เวลาในการคูลดาวน์นานมาก
เมื่อได้เห็นภาพสกิลอันน่าอัศจรรย์นี้ อัศวินทมิฬที่ตั้งกระบวนทัพอยู่ด้านหลังจึงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ พวกเขารู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัว รวมถึงไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับชาวเมืองบุปผาแดง… เพียงแค่จัดการกับกิลด์เล็ก ๆ เช่นนี้ จะต้องใช้สกิลที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ?
ทว่ายิ่งเห็นดาบศักดิ์สิทธิ์เข้าใกล้ผืนโลกมากเท่าไหร่ สีหน้าของอัศวินโต๊ะกลมก็ยิ่งดูไม่ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะเขาเพิ่งจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง และสิ่งนั้นก็คือ…
ทิศทางของปลายดาบไม่ได้อยู่ที่เมืองบุปผาแดง!
ตู้ม!
แสงศักดิ์สิทธิ์สว่างจ้าออกมาจากที่นอกเมืองพร้อมกับเสียงระเบิดที่ดังกระหึ่มมาจากจุดเดียวกัน แรงระเบิดของสกิลนั้นกลืนกินกองทัพของเอบีสเดมอนส์กับอัศวินทมิฬจนหมดสิ้น
ด้วยแรงระเบิดและแสงสว่างจ้านี้ ทำให้ผู้เล่นอีกนับไม่ถ้วนจำต้องรีบมองหาต้นแสงโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเมื่อรู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นที่ด้านนอกกำแพงเมือง พวกเขาก็พากันสงสัย
“ดาบเล่มนั้นไปไหนแล้วล่ะ?”
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ถ้าฉันจำไม่ผิด สกิลนั่นเป็นไม้ตายของเทวทูตที่อยู่ระดับต้น ๆ ของอันดับสัตว์เลี้ยงเลยนี่!”
“ใช่ นายจำถูกแล้ว! ฉันจำได้ว่าเจ้าแห่งฮีลเลอร์ชอบใช้สกิลนี้! แล้วหลังจากที่เขาหายตัวไป มันก็ถูกส่งต่อให้กับกิลด์มิดซัมเมอร์และกลายมาเป็นอาวุธสังหารของกิลด์ในที่สุด!”
“นี่คือพลังของสกิลระดับพระเจ้าเหรอ? ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะได้เห็นด้วยตาตนเอง ขนาดไม่ได้โดนกับตัวยังรู้สึกกลัวจนขาสั่นเลย…น่ากลัว…น่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“ลำพังแค่สกิลนี้สกิลเดียวก็ทำลายเมืองบุปผาแดงของพวกเราได้แล้ว! ไม่แปลกใจเลยหากพวกเราจะแพ้ตั้งแต่วินาทีแรกที่ประกาศเริ่มสงคราม!”
“ก็ใช่… แต่ทำไมสกิลนั่นถึงไม่โดนพวกเราล่ะ? แถมยังไปตกที่นอกเมืองแทน?”
“เป็นไปได้ยังไงกัน?”
“หรือว่าพลาดเป้าเหรอ?”
…
ไม่ว่าจะเป็นโกวซานที่อยู่บนจุดสูงสุดของเมือง สมาชิกของกิลด์บุปผาแดง หรือฝั่งอัศวินโต๊ะกลมกับเกรทเดมอนคิงที่อยู่ด้านนอกเมืองเอง ตอนนี้ผู้เล่นกว่าสองแสนคนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณนั้นต่างกำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นี้
เมื่อแสงศักดิ์สิทธิ์ที่สว่างจ้านั้นค่อย ๆ จางลง ทุกคนก็ได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบริเวณจุดปะทะที่อยู่ด้านนอกเมือง พื้นที่ราบที่เคยเป็นรูปทรงม้าสี่ตัวและผ่านยุคสงครามมา บัดนี้ได้กลายหลุมลึกอันเกิดจากแรงระเบิด
อย่างไรก็ตาม ผู้อยู่ใกล้ศูนย์กลางแรงระเบิดที่สุดอย่างกิลด์เอบีสเดมอนส์กับอัศวินทมิฬที่นำโดยอัศวินโต๊ะกลมนั้นกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
นี่เป็นเพียงคำเตือนเท่านั้น เนื่องจากสัมพันธมิตรแดนใต้เป็นผู้รวมกองกำลังทั้งหมดเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งหนึ่งในนั้นรวมถึงเซียวเฟิงที่เป็นเจ้าเมืองแห่งความโศกเศร้าด้วย
“อะไรนะ…”
เทวทูตตัวน้อยที่อยู่บนฟากฟ้าเหนือตัวเมืองบุปผาแดงนั้นคือ เสี่ยวไป๋ผู้กำลังมองลงมายังสมาชิกกิลด์เอบีสเดมอนส์กับอัศวินทมิฬที่เพิ่งจะโดนดาบศักดิ์สิทธิ์ของเธอกระหน่ำไป แต่กลับไม่เป็นอะไรทั้งนั้น เด็กสาวดูงุนงงจนแสดงออกมาผ่านใบหน้าอันไร้เดียงสานั้น เธอเปิดช่องว่างมิติ แล้วหยิบดาบเล่มใหญ่ราวกับบานประตูออกมาพร้อมกับพุ่งลงไปยังก้นหลุมอีกครั้ง
“ดูท่าจะไม่ดีแล้ว ถอยก่อน! เร็วเข้า!”
อัศวินโต๊ะกลมเป็นผู้นำทัพไอรอนครูเสดตระหนักได้แล้วว่า ศัตรูของพวกเขาในครั้งนี้คือสัตว์เลี้ยงระดับตำนาน เทวทูตตัวน้อยคนนี้จริง ๆ! หัวใจของเขาพลันเย็นวาบขึ้นมาเมื่อประสบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ จากนั้นเขาก็ตะโกนขึ้นมาเสียงดังและเป็นฝ่ายนำทัพถอยกลับก่อน
“เอ๊ะ? นายท่าน? ทำไมถึงถอยล่ะ?” เกรทเดมอนคิงงงเป็นไก่ตาแตกแล้วถามไล่หลังอัศวินโต๊ะกลมทันที เหล่าอัศวินทมิฬต่างพากันถอยทัพกลับตามคำสั่งของผู้เป็นนายมาติด ๆ
“สถานการณ์ตอนนี้ไม่ปกติ! ฉันไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น แต่นายก็ควรถอยทัพด้วย รีบหนีตอนนี้เลย! ไม่งั้นนายได้เจอปัญหาตามมาแน่!”
อัศวินโต๊ะกลมพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ขณะเหลือบมองไปยังเทวทูตตนนั้นอีกครั้ง และตัดสินใจเร่งความเร็วในการถอยทัพโดยไม่คิดจะหยุดเลย
“เอ๊ะ?” เกรทเดมอนคิงยังคงงุนงง เขามองไปยังกลุ่มอัศวินทมิฬที่กำลังถอยกลับโดยไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
“ท่านหัวหน้าครับ? เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? ทำไมพวกไอรอนครูเสดถึงถอยทัพไปซะแล้วล่ะ?” ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นของกิลด์เอบีสเดมอนส์ รองหัวหน้ากิลด์อย่างเอบีสเดมอนส์เอ็มเพอร์เรอร์ก็รีบเข้ามาถามไถ่เหตุการณ์จากเกรทเดมอนคิงทันทีหลังเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ประกาศออกไปว่าพวกเราก็จะถอยทัพด้วย!” เกรทเดมอนคิงกัดฟันแน่นก่อนจะพูดขึ้น
“ฮะ? ไม่ใช่ว่าเราควรจะเข้าโจมตีเมืองบุปผาแดงเหรอครับ?” ผู้เป็นรองหัวหน้าถามกลับด้วยความประหลาดใจ
“โจมตีเหรอ?” เกรทเดมอนคิงหันกลับไปถามก่อนจะเริ่มต่อว่า “จะเอาอะไรไปสู้ฮะ! รีบ ๆ ถอยกลับได้แล้ว! ระวังไอ้พวกบุปผาแดงมันโต้กลับด้วย! เดี๋ยวฉันจะไปถามหาความรับผิดชอบจากไอรอนครูเสดอีกทีหนึ่ง เฮอะ บอกให้พวกเราสู้ บอกว่าสู้ไหว แล้วนี่เป็นไง? หนีหัวซุกหัวซุน อย่างน้อย ๆ ฉันก็ต้องทำให้เจ้านั่นชดเชยความเสียหายจากการพ่ายแพ้ครั้งนี้ให้ได้!”
เกรทเดมอนคิงนั้นยังมีสมองอยู่บ้าง เพราะอย่างนั้นเขาถึงดำรงตำแหน่งหัวหน้ากิลด์ได้
หากเขาไม่เลือกที่จะถอยทัพตามคำพูดของอัศวินโต๊ะกลมละก็ การขาดกำลังสนับสนุนของไอรอนครูเสดนั้น อาจจะทำให้พวกเขาเป็นฝ่ายแพ้กิลด์บุปผาแดงก็ได้
“ว้าว…!!”
เหล่าคนของกิลด์บุปผาแดงก็ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน เพราะหลังจากที่แสงศักดิ์สิทธิ์เมื่อครู่กระจายหายไปหมดแล้ว พวกเขาก็พบว่า เหล่าศัตรูที่อยู่ด้านนอกเมืองกำลังถอยทัพกลับ ชาวเมืองทุกคนได้แต่เงียบนิ่งพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เสียงถกเถียงกันจะดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ไอรอนครูเสดกับเอบีสเดมอนส์ถอยทัพแล้วเหรอ? หรือว่านี่จะเป็นฝีมือของท่านหัวหน้า!?”
เสียงพูดคุยจอแจที่เปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้นของชาวเมืองบุปผาแดงนั้นได้ยินไปทั่วทั้งเมือง โกวซานก็ลอบชื่นชมหยางหงอยู่ภายในใจเช่นกัน
ในตอนนี้เขาเหมือนได้ยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอกและหันกลับไปหาถิงถิงและคนอื่น ๆ “ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าเรื่องจะคลี่คลายแล้ว…หือ? แล้วชายอ้วนนั่นไปไหนแล้ว?”
เมื่อโกวซานหันกลับมา ก็พบว่าข้างหลังเขาเหลือเพียงเฉียงจื่อกับถิงถิงเท่านั้น ชายอ้วนที่เคยยืนประกอบฉากอยู่นั้นได้หายตัวไปแล้ว
“พี่โกว ฉันกลัวจนหัวใจแทบวายแน่ะ…เอ๋? ชายอ้วน? นั่นสิ เขาไปไหนแล้วล่ะ?”
ถิงถิงลูบอกของตนเอง แต่เมื่อได้ยินที่โกวซานถาม เธอก็หันมองซ้ายขวาตามและพบว่าชายอ้วนคนนั้นหายไปแล้วจริง ๆ
“เจ้าอ้วนนั่นเหรอ? เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้เลยนี่นา?” เฉียงจื่อก็หันมองด้วยเช่นกัน และเมื่อเห็นว่าชายอ้วนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้น เขาก็ประหลาดใจ