Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 604 ความทรงจำที่หายไป
บทที่ 604 ความทรงจำที่หายไป
บทที่ 604 ความทรงจำที่หายไป
เมื่ออัศวินทมิฬกับเอบีสเดมอนส์ถอยทัพกลับไป เหล่าผู้คนในเมืองบุปผาแดงก็พากันตื่นเต้นและส่งเสียงดีใจ ไม่มีใครตระหนักเลยว่าเสี่ยวไป๋ที่ก่อนหน้านี้กำลังไล่เหล่าศัตรูไปให้พ้นนั้น บัดนี้ได้หยุดอยู่กลางอากาศแล้วหันกลับมามองทางตัวเมืองแทนแล้ว สายตาของเธอกำลังจับจ้องอยู่ที่ชายอ้วนที่อยู่ภายในเมือง
บริเวณเหนือกำแพงเมือง ร่างของชายอ้วนปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขายืนอยู่บนยอดไม้และแหงนมองไปยังร่างของเทวทูตตัวน้อยที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าด้วยสายตาไร้อารมณ์ เมื่อสายตาทั้งสองได้สบมองกัน ร่างของชายอ้วนก็ถูกลำแสงปกคลุมเอาไว้
ขณะที่สายตาสบกันนั้น สายตาของเสี่ยวไป๋ดูว่างเปล่าราวกับเครื่องจักร แต่แววตาคู่นั้นกลับเปล่งประกายแสงวาบขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งทำให้ชายอ้วนเบิกตาโพลง ความเกียจคร้านและเฉื่อยชาที่มีอยู่เดิมในแววตาคู่นั้นพลันสลายไปอย่างรวดเร็ว และถูกแทนที่ด้วยพลังงานอันล้มเปี่ยมแทน
และท่ามกลางเสียงโหวกเหวกดีใจภายในเมืองบุปผาแดงนั้นเอง ร่างของชายอ้วนก็หายวับไป เช่นเดียวกับร่างของเสี่ยวไป๋บนอากาศ
…
“เซียวเฟิงเคยทำเรื่องน่าอายแบบนี้ด้วยเหรอ?”
ภายในราชรถฟินิกส์ยักษ์ ส่วนที่เป็นโถงกลางสุดหรูหรานั้น หลิวเฉียงเหว่ยและหยางหงกำลังคุยกันด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน
ณ เวลานี้ บรรยากาศอึมครึมก่อนหน้านี้ได้สลายไปแล้ว และแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะอันแผ่วเบาของหยางหงกับรอยยิ้มในแววตาของหลิวเฉียงเหว่ย
ขณะที่ยืนอยู่ข้าง ๆ บัลลังก์ฟินิกส์ หยางหงเล่าเรื่องที่น่าสนใจหลายเรื่องซึ่งเกี่ยวกับเซียวเฟิง ตั้งแต่ตอนที่เธอกับเขายังทำงานด้วยกันอย่างครื้นเครง “ตอนนั้นเขาถูกปล่อยไว้ให้อยู่กับเด็กทารกตามลำพัง ทั้งที่ตานั่นน่ะรับมือกับเด็กไม่ได้ด้วยซ้ำ”
แต่แล้วตอนนั้นเอง ร่างกายของหลิวเฉียงเหว่ยก็เย็นวาบลง เธอแหงนมองท้องฟ้าด้านนอกราชรถ ราวกับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่สาบสูญไป
“หัวหน้าโรส เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?” หยางหงคลายยิ้มบนใบหน้าแล้วถามทันที เพราะแม้จะเป็นตอนนี้ ภายในใจของเธอก็ยังเป็นห่วงสถานการณ์ทางฝั่งเมืองบุปผาแดงอยู่เหมือนเดิม
“ก็แค่…เอ่อ ฉันแค่รู้สึกเหมือนเซียวเฟิงกำลังออนไลน์อยู่ บางทีอาจจะคิดไปเองน่ะ”
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าเบา ๆ แล้วมองไปยังชื่อของเซียวเฟิงในรายชื่อเพื่อนที่ยังคงแสดงให้เห็นว่าออฟไลน์อยู่ก่อนจะตอบ
“หัวหน้าโรส ฉันพอจะถามได้ไหมคะว่าระหว่างคุณกับเซียวเฟิงมีความสัมพันธ์กันแบบไหน?” หยางหงลังเลครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปด้วยความสนอกสนใจ
“เธอคิดว่าพวกฉันมีความสัมพันธ์กันแบบไหน มันก็เป็นแบบนั้นแหละ” หลิวเฉียงเหว่ยตอบโดยไม่อธิบายเพิ่มเติม
“แสดงว่าข่าวลือในกระทู้นั่นคงไม่ใช่เรื่องไม่มีมูลซะทีเดียวสินะเนี่ย แต่ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า ทำไมหัวหน้าโรสผู้สูงส่งถึงมาชอบคนอย่างเซียวเฟิงได้? เพราะว่าสิ่งของทุกอย่างของเซียวเฟิงหรือเจ้าแห่งฮีลเลอร์นั้นถูกส่งต่อให้กับกิลด์มิดซัมเมอร์ทั้งหมดเลย ดูท่าฉันจะมองไม่ผิดสินะเนี่ย” หยางหงเปลี่ยนเรื่องฉับพลันและถามเรื่องซุบซิบที่ได้ยินมาจากฟอรัม*[1]แทน
“พวกกระทู้ก็มีข่าวลือเยอะแยะจะตายไป จริงบ้างเท็จบ้าง แต่ข่าวส่วนใหญ่ที่ได้จากฟอรัมก็เป็นข่าวลือล่ะนะ”
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าเบา ๆ ต่อให้มิดซัมเมอร์จะเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของฮัวเซีย แต่เธอก็ไม่สามารถไขว่คว้าตัวเซียวเฟิงที่เปรียบเสมือนแสงเทียนได้อยู่ดี ดังนั้นข่าวลือเหล่านั้นก็ยังเป็นเพียงข่าวลืออยู่ดี
…
ที่นี่คือโลกแห่งความทรงจำของชายอ้วน ผู้เป็นหนึ่งในกระบวนการเติบโตของชายที่ชื่อจางเซียวเฟิง
ภาพของโลกแห่งจิตวิญญาณที่ขาวโพลนใบนี้เต็มไปด้วยความว่างเปล่าและไร้ขอบเขต มันถูกแปลงสภาพไปหลังจากร่างของชายอ้วนปรากฏขึ้นที่ใจกลางของโลก ชิ้นส่วนของรูปภาพมากมายถูกสร้างขึ้นมาในพื้นที่ว่างเปล่า สิ่งเหล่านี้คือเศษเสี้ยวความทรงจำที่ประกอบขึ้นเป็นความทรงจำที่กำลังเล่นเหมือนวิดีโอยุคเก่าที่มีสีขาวดำ
ความทรงจำแรกที่ปรากฏขึ้นมา เป็นภาพของอาคารทรงโบราณภายใต้บรรยากาศของค่ำคืน เสียงร้องไห้ของเด็กทารกที่เพิ่งคลอดกับเสียงหัวเราะของผู้เป็นมารดาดังออกมาจากห้องที่บุด้วยไม้จันทน์งดงาม แม้ว่าภายในจะเต็มไปด้วยความชื่นมื่นขนาดไหน แต่ภายนอกกลับไม่ได้มีบรรยากาศที่คล้ายคลึงกันเลย
บนใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้สวมชุดคลุมไร้ซึ่งความยินดีใด ๆ เขาหันไปพูดกับหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่สวมชุดกระโปรงสีขาว “นายท่าน โชคชะตายังไม่เปลี่ยนแปลงอีกเหรอครับ?” เขาถามพลางถอนหายใจ ยิ่งเสียงของเด็กร้องดังขึ้น สีหน้าเขาก็ยิ่งดูไม่ดี
“ดวงดาวแฝดแห่งหายนะยังคงส่องสว่างอยู่ เด็กคนนี้ไม่ควรจะเกิดมาบนโลกนี้ในเวลานี้” หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวมองไปยังดวงดาวที่อยู่แสนไกลและพูดตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง
“ต-แต่เขา…เป็นทายาทของผมนะครับ…” ชายวัยกลางคนกำหมัดแน่นและอุทานด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้ง
แกร๊ก!
เสียงประตูไม้เปิดออกดังแอดอาด พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามแต่ซีดเผือดเดินออกมาด้วยขาที่อ่อนแรง ก่อนที่เธอจะพิงกับบานประตู
“น้องสาว ทำไมถึงลุกออกจากเตียงแบบนี้เล่า? กลับไปนอนพักผ่อนเดี๋ยวนี้เลย เธอยังไม่แข็งแรงดี ไหนจะเพิ่งคลอดลูกอีก ออกมาแบบนี้จะป่วยเอาได้นะ”
ชายวัยกลางคนพลันตื่นตระหนกแล้วช่วยประคองร่างของสตรีผู้เลอโฉมคนนี้เอาไว้
“นายท่านคะ ฉันขอร้อง…คุณผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ได้โปรด ช่วยชีวิตเฟิงเอ๋อร์ด้วยเถอะค่ะ” แต่หญิงสาวผู้นั้นผละร่างของตนออกจากชายวัยกลางคนและก้าวไปข้างหน้า ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาว น้ำเสียงที่อ่อนล้านั้นขัดกับศรัทธาอันแรงกล้าลิบลับเลย
เมื่อเห็นเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ยอมปล่อยให้เธอทำไป เนื่องจากรู้ดีว่าตนไม่สามารถห้ามปรามอะไรได้ เขากำหมัดแน่นและมองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยแววตาที่สับสน
“ข้าเตือนพวกเจ้าไปแล้วถึงโชคชะตาที่ไม่อาจล่วงรู้ได้ของบุตรชายที่จะเกิดมา หากเขาเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้ เขาก็จะต้องเจอกับปัญหาที่ตามมาไม่รู้จักจบจักสิ้น แล้วพวกเจ้าเองก็จะอายุสั้นลง”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวสะอาดก้มมองสาวงามที่มาอ้อนวอนตนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ดังเดิม
“นายท่านคะ ฉันมีโรคประจำตัวและรู้ดีว่ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว อายุของฉันจะสั้นลงแค่ไหน ก็ไม่ได้สนใจสักนิด ช่วงชีวิตที่เหลือนี้ ฉันมีความปรารถนาเพียงอย่างเดียว นั่นคือการเหลือเชื้อสายของฉันไว้ในตระกูลจางแห่งนี้ เช่นนั้นแล้ว ได้โปรดเถิดนายท่าน ได้โปรดเติมเต็มความปรารถนาของฉันที…”
ด้วยความรักของมารดา เธอยอมแม้กระทั่งก้มลงแนบศีรษะกับพื้นเพื่อขอร้องสตรีในชุดขาวให้ช่วยเหลือลูกของเธอให้อยู่รอดปลอดภัย
“ผมเองก็ด้วย! ได้โปรด นายท่าน ได้โปรดปกปักรักษาสายเลือดของข้าด้วยเถิด” หลังจากกำหมัดอยู่นาน ชายวัยกลางคนก็กัดฟันและก้มลงแทบเท้าของหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวด้วยอีกคน
“พวกเจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังทำอะไรอยู่? ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลจาง พวกเจ้าควรจะดำเนินรอยตามเส้นทางที่ตระกูลวาดไว้ แต่พวกเจ้ากลับเลือกที่จะต่อต้านชะตาฟ้างั้นรึ?” แววตาที่ปราศจากอารมณ์ไล่มองคู่รักที่อยู่เบื้องล่าง
“ขอร้องเถอะครับนายท่าน! หากเฟิงเอ๋อร์เติบโตขึ้นมาได้ ผมให้สัญญาว่าจะลิดรอนสิทธิ์สืบทอดตระกูลจางของเขา และเลี้ยงเขาเช่นเด็กหนุ่มทั่วไป ผมจะไม่มอบพลังใด ๆ ให้เขาเพื่อก้าวข้ามอุปสรรคต่าง–น้องหญิง! น้องหญิง!” ขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังพูดด้วยความหนักอกหนักใจอยู่นั้น หญิงสาวผู้เลอโฉมที่อยู่ข้างกายเขาก็หมดสติแล้วล้มพับไปเสียก่อน สิ่งนี้ทำให้ชายวัยกลางคนไม่อาจนิ่งนอนใจได้ เขาอุทานออกมาเสียงดังและประคองร่างของเธอผู้นั้นไว้แทน
“เอาเถอะ ปล่อยเด็กคนนี้ไว้ก็ได้ ข้าจะคอยเฝ้าดูการเจริญเติบโตของเขาเอง เพื่อที่ว่าหากสิ่งเลวร้ายใดเกิดขึ้นกับเขา ข้าจะได้ลงมือกับมันทันที”
หญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวถอนหายใจเบา ๆ พลางเบนสายไปทางอื่นแล้วพูดเสริมขึ้นว่า “อยู่กับเธอให้มาก ๆ เวลาของเธอกำลังจะหมดลง และตระกูลจางของพวกเจ้าเป็นหนี้บุญคุณเธอ”
…
ความทรงจำชิ้นที่สองเป็นภาพของหน้าผาที่อยู่เหนือมวลเมฆขึ้นมา เด็กชายที่มีรูปร่างอ้วนท้วนอายุราวสิบขวบต้น ๆ กำลังยืนอยู่ที่ปลายหุบเหวแห่งนี้ หลังจากโดนเมินเฉย ทอดทิ้งและขับไล่ออกจากตระกูล เขาก็ไร้ที่พึ่งพาและทำได้เพียงหาที่ซ่อนไปวัน ๆ
ตรงหน้าเขาคือรังนกขนาดเล็กที่สร้างไว้บนกิ่งไม้ที่ยื่นออกไปยังริมหน้าผา เด็กหนุ่มมองไปยังรังนกซึ่งมีลูกนกเพิ่งฟักออกจากไข่มาพักใหญ่ ๆ แล้ว
“จิ๊บ ๆๆๆ!”
ลูกนกทั้งสามตัวร้องเรียกด้วยความหิวโหยขณะอยู่ในรัง นกตัวผู้ไม่ได้กลับมายังรังนกแห่งนี้หลายวันแล้ว และเหมือนมันจะหายสาบสูญไปด้วยเหตุผลบางอย่าง จะเหลือก็แต่นกตัวเมียที่ต้องออกหาอาหารทั้งกลางวันและกลางคืนด้วยความเหน็ดเหนื่อย ด้วยความที่มันตัวเดียวต้องเลี้ยงลูกถึงสามตัว บ่อยครั้งที่กลับมาแล้วอาหารไม่เพียงพอต่อลูกนกเหล่านี้ และก็ไม่หยุดร้องทำให้มันต้องบินออกไปหาอาหารอีก
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เด็กน้อยผู้มีร่างกายอ้วนท้วมคนนี้เฝ้ามองนกตัวเมียบินไปและกลับมายังรังแห่งนี้หลายต่อหลายครั้ง เขาสังเกตเห็นว่ามันมีอาการอ่อนแรงแม้ว่าจะเป็นนกตัวเมียที่สู้ชีวิตมากขนาดไหนก็ตาม ความเหนื่อยล้าของมันก็แสดงออกมาให้เห็นผ่านท่าทางในการบินแต่ละครั้ง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตัดสินใจว่า ในช่วงที่แม่นกบินออกไปหาอาหาร เด็กน้อยก็จับลูกนกที่ดูอ่อนแอที่สุดจากสามตัวนั้นแล้วโยนออกนอกรังตกหน้าผาไป
เมื่อแม่นกกลับมาและเห็นว่าลูกน้อยของตนหายไปตัวหนึ่ง มันก็เรียกหา แต่เพราะลูกนกสองตัวยังคงหิวโหย มันจึงไม่สามารถออกบินตามหาลูกน้อยที่หายไปได้ จำใจต้องทิ้งอาหารไว้ให้ลูกนกทั้งสองและออกไปหาอาหารเพิ่มอย่างที่เคยทำตลอด
หลังจากที่สูญเสียลูกไปหนึ่งตัว ความจำเป็นในการหาอาหารมาเลี้ยงลูก ๆ ก็พลอยลดลงไปด้วย กลายเป็นว่าอาหารที่หามาได้นั้นก็เพียงพอสำหรับตนเองและลูก ๆ แล้ว แม่นกเองก็มีเวลาพักผ่อนด้วย เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กน้อยที่คิดจะโยนลูกนกทิ้งไปอีกหนึ่งตัวก็พลอยหยุดความคิดและเลือกที่จะนอนดูนกน้อยในรังเพื่อเฝ้าดูการเจริญเติบโตของพวกมันเงียบ ๆ แทน เขาเชื่อว่านกที่ได้รับโอกาสเหล่านี้จะต้องเติบโตไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน
แต่เด็กอ้วนผู้นี้กลับไม่ได้รู้เลยว่า ไกลออกไปยังเหวที่อยู่ในระนาบเดียวกัน ชายวัยกลางคนกับหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวนั้นกำลังเฝ้ามองทุกสิ่งอย่างที่เขาได้กระทำลงไปอยู่
“สัญชาตญาณการคัดเลือกผู้ควรรอดชีวิตของเขาได้ตื่นขึ้นมาแล้ว” สตรีในชุดสีขาวพูดเบา ๆ โดยไม่ได้แสดงให้เห็นความโกรธหรือความสุขแต่อย่างใด
“ท่านฉี ผมได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับโลกเบื้องล่างมา บางทีสิ่งนี้อาจจะช่วยเปลี่ยนชีวิตของเฟิงเอ๋อร์ได้นะครับ” ชายวัยกลางคนก้มหน้าแล้วพูด
“โอ้? เจ้าไปได้ยินสิ่งใดมา?” เธอหันกลับไปถาม
“ผมพบกับคนในโชคชะตาของเฟิงเอ๋อร์แล้ว นอกจากนี้ ผมก็ยังได้เห็นเครื่องเล่นชิ้นใหม่ที่เรียกกันว่า เกมคอนโซล ซึ่งกำลังแพร่หลายในโลกเบื้องล่างอย่างมาก สิ่งนี้สามารถปล่อยให้ผู้เล่นสามารถฆ่าใครกี่คนก็ได้ในโลกเสมือนโดยไม่เกี่ยวข้องกับความเป็นจริง ผมคิดว่าสิ่งนี้อาจจะช่วยทำให้เฟิงเอ๋อร์หลีกหนีออกจากธรรมชาติที่เขาควรจะเป็นได้” เขาตอบกลับ
“ถ้างั้นก็ลองให้โอกาสเขาดูอีกครั้ง แต่หากไม่ได้ผล เราคงจะให้เขาเติบโตต่อไปไม่ได้” เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหยักหน้าเห็นด้วย
…
ความทรงจำที่สามเกิดขึ้นในเมืองที่เสื่อมโทรมและผุพัง กองขยะขนาดมหึมาที่อยู่ในตรอกซอย ใหญ่โตเสียจนใครที่ผ่านไปมาก็ไม่อาจละสายตาไปได้ ไม่รู้ว่าตอนนี้ตนหนีมาได้กี่วันแล้ว แต่สภาพของเด็กชายอ้วนในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับขอทานข้างถนนเลย เขากำลังแหวกว่ายอยู่ในกองขยะเพื่อหาของกินประทังชีวิต
ทว่าตอนนั้นเอง การกระทำดังกล่าวก็ต้องหยุดลง เพราะสิ่งที่เขาเจอดันไม่ใช่อาหาร แต่เป็นร่างของเด็กคนหนึ่งที่กำลังถูกทอดทิ้งอยู่บนกองขยะแห่งนี้
ร่างของเด็กสาวที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับตน ไม่รู้ว่าเธอถูกนำมาทิ้งไว้ที่นี่นานแค่ไหน แต่จากสภาพของเธอที่ไม่ต่างอะไรกับศพ หากคนอื่นเห็นก็คงเข้าใจไปว่าเธอคนนี้เสียชีวิตแล้ว ทว่าไม่ใช่ เธอยังคงมีชีวิตอยู่ แม้ว่าบนร่างกายจะมีหนอนตัวเล็กตัวน้อยเดินไต่อยู่ก็ตาม เธอยังมีลมหายใจแม้จะเพียงน้อยนิด!
เด็กอ้วนตัวน้อยรีบนำตัวเด็กสาวออกจากกองขยะ แบกเธอไปยังคูน้ำในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้ที่เขาซ่อนตัวอยู่ จากนั้นก็ชำระล้างร่างกายของเธอด้วยน้ำสะอาดและป้อนน้ำนิด ๆ หน่อย ๆ ให้เธอได้รู้สึกตัว
เมื่อเด็กสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเกือบจะเช้าแล้ว แต่เหมือนจะยังไม่ได้สติดีนัก เธอพูดอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ในมือของเธอมีเพียงตุ๊กตาหมีที่สกปรกและฉีกขาดตัวหนึ่งถูกจับเอาไว้แน่น แววตาของเธอเหลือบมองเด็กชายตัวอ้วนด้วยความเจ็บปวดและเว้าวอน
เขาสบตามองเธออยู่ครู่หนึ่ง และเข้าใจแววตาของเธอที่มองมายังเขาได้อย่างง่ายดาย เด็กน้อยคว้าลำคอของเธอช้า ๆ ก่อนจะเริ่มออกแรง
แววตาของเด็กสาวคล้อยอ่อนแสดงความขอบคุณและโล่งใจ ไม่นานนัก ลมหายใจของเธอก็ค่อย ๆ หมดลงด้วยความสงบ ดวงตาคู่นั้นหลับลงอีกครั้งพร้อมกับสายน้ำตาที่ไหลจากหางตาทั้งสองข้างหลังสิ้นลมหายใจ
สองวันให้หลัง ความสงบสุขของเมืองที่เสื่อมโทรมแห่งนี้ก็ถูกทำลายด้วยคดีฆาตกรรมภายในเมือง ผู้เสียชีวิตเป็นหญิงวัยกลางคนที่มีติดคดีลักพาตัวเด็กและนำไปขาย ไม่นานหลังจากนั้นก็มีตำรวจจำนวนมากเข้ามาในเมืองนี้พร้อมกับขุดลงไปใต้ดินเกือบสามฟุต มีข่าวลือหนาหูกระจายไปทั่วเมืองว่า คดีนี้มีตำรวจที่เข้าสืบไม่มาก ว่ากันว่ามีลูกสาวของมหาเศรษฐีคนหนึ่งกลายเป็นเหยื่อในคดีลักพาตัวครั้งนี้ด้วย
[1] ฟอรัม คือ กระดานสนทนาหรือแจ้งข่าวออนไลน์ระหว่างเจ้ากระทู้กับลูกเพจ