Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 608 สิ่งที่เรียกว่า ‘อาณาจักรแห่งทวยเทพ’
บทที่ 608 สิ่งที่เรียกว่า ‘อาณาจักรแห่งทวยเทพ’
บทที่ 608 สิ่งที่เรียกว่า ‘อาณาจักรแห่งทวยเทพ’
บริเวณสวนสาธารณะหลินไห่ที่ตั้งอยู่ในเขตชานเมืองเฉิงไห่ ณ ทางเข้าโรงแรม
ร่างที่มีน้ำหนักกว่าสองร้อยกิโลกรัมของเซียวเฟิงปรากฏตัวขึ้น ซึ่งเป็นที่สะดุดตาของเหล่าพนักงานโรงแรมทุกคนที่อยู่ในล็อบบี้
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับกลาง แต่กลับมีพนักงานส่วนมากเป็นชาวต่างชาติ หากลูกค้าที่ไม่รู้อะไรเข้ามาใช้บริการ พวกเขาต้องคิดว่าที่นี่เป็นร้านอาหารตะวันตกอย่างแน่นอน
เมื่อเหล่าพนักงานภายในโถงต้อนรับเห็นเซียวเฟิง พวกเขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาล้อมกายเซียวเฟิงเอาไว้ด้วยความตื่นเต้น
“พระเจ้า! นายท่านกลับมาแล้ว!”
กลุ่มผู้คนที่มาห้อมล้อมเซียวเฟิงพูดด้วยความดีใจ ซึ่งเป็นที่ชัดเจนว่าพนักงานทั้งหมดในโรงแรมแห่งนี้เป็นคนที่มาจากองค์กรเฮลล์ทั้งสิ้น และแม้ว่ารูปลักษณ์ของเซียวเฟิงจะเปลี่ยนไปมาก แต่พวกเขาก็ยังจำ ‘นายท่าน’ ของพวกเขาได้อยู่ดี
“ไปคุยกันที่ชั้นบน แล้วเตรียมเนื้อสองเกวียนให้เฮยจื่อด้วย”
เซียวเฟิงมองลูกค้าคนอื่น ๆ ภายในล็อบบี้ที่กำลังมองมาทางนี้ด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าแล้วดันทุกคนออกไปเพื่อเดินไปยังลิฟต์ ชายหนุ่มไม่อยากจะให้การมาเยือนของตนกลายเป็นจุดสนใจเท่าไหร่นัก
ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมมีห้องส่วนตัวสุดพิเศษของเซียวเฟิงอยู่ ซึ่งเต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน
ส่วนเรื่องความสะอาดนั้น ห้องนี้ได้รับการทำความสะอาดทุกวันเผื่อว่านายท่านของเฮลล์อย่างเขาจะมาเข้าใช้ยามฉุกเฉินด้วย
“นายท่านคะ รับประทานอะไรก่อนนะคะ”
ขณะที่อีเลฟเวนเคาะประตูและเข้ามาด้านใน ชายหนุ่มก็เพิ่งสวมเสื้อผ้าชุดใหม่เสร็จพอดี
เธอเข้ามาพร้อมกับรถเข็นอาหาร ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้บอกว่าอยากกินอะไร เธอกลับสังเกตเห็นจากเสื้อผ้าที่คลุกฝุ่นของเขา จึงมั่นใจได้ว่าเขาต้องหิวมากแน่ ๆ มีหรือที่เซียวเฟิงจะไม่ต้องการอาหารเช่นนี้?
“ฉันหายไปนานขนาดไหน?” เซียวเฟิงวางท่าอยู่นาน ก่อนจะยกจานที่เต็มไปด้วยเนื้อสองจานด้วยสองมือและยัดเข้าปากอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งริมฝีปากของเขามันแผล็บเพราะน้ำมันกับเศษอาหาร ดูเผิน ๆ คล้ายกับผีปอบที่หิวโหยก็มิปาน
“ผ่านมาสามเดือนกับอีกห้าวันค่ะ ตั้งแต่กลับมาจากยุโรป จากนั้นพวกเราก็ไม่ทราบข่าวคราวของนายท่านอีกเลย” อีเลฟเวนปิดประตูลงแล้วโค้งให้ก่อนจะตอบโดยไม่ได้ถามเลยว่าทำไมจู่ ๆ เซียวเฟิงถึงหายตัวไป
“สามเดือนกับอีกห้าวันเหรอ… ในระหว่างนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง?” ชายหนุ่มหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ
“ตามคำสั่งของนายท่าน คิงคอง สตรีน้ำแข็ง และสตรีเพลิงได้กลายเป็นพระเจ้าในเขตที่แตกต่างกันค่ะ ทั้งนี้ก็เพื่อควบคุมการปกครองในแต่ละเขตด้วย ส่วนพวกเราที่เหลือยังคงอยู่ในเขตฮัวเซีย เพื่อคอยดูแลความปลอดภัยของคฤหาสน์อยู่ลับ ๆ และยังคอยพัฒนาความแข็งแกร่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อคอยช่วยเหลือกิลด์มิดซัมเมอร์ไปด้วย”
อีเลฟเวนตอบด้วยความสัตย์จริง
“พวกเธอทำได้ดีมาก แต่สิ่งที่ฉันประหลาดใจก็คือ การที่เธอไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติ ฉันคิดว่าเธอจะไม่ล็อกอินเกมด้วยซ้ำ เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่กับการบริหารโรงแรมซะอีก”
เซียวเฟิงค่อนข้างประหลาดใจที่คนจากองค์กรเฮลล์ซึ่งไม่ควรจะมีสิ่งที่เรียกว่าจิตใจอันดีงามนั้น กลับสามารถผ่านเพื่อเข้าสู่เฟสที่สองของอาณาจักรพระเจ้าได้ด้วย
และเมื่อเซียวเฟิงพูดเช่นนั้นออกมา สีหน้าของอีเลฟเวนก็แข็งทื่อไป
“ทำไม? เกิดอะไรขึ้น?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วทันทีเมื่อตระหนักได้ว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ
“อันที่จริง โรงแรมของเราในช่วงนี้ก็ไม่ค่อยมีลูกค้าค่ะ ส่วนหนึ่งก็เพราะพวกเราพยายามปกปิดเรื่องนี้ไว้ไม่ให้กลายเป็นข่าวด้วย…ไนน์ ฟิฟทีน เอกทีน และทเวนตี้วัน ถูกบังคับย้ายไปแล้วค่ะ…”
อีเลฟเวนตอบด้วยเสียงหนักใจ “ร่างของพวกเขาในตอนนี้ถูกเก็บไว้ในโรงแรม พวกเราได้จ้างทีมแพทย์พิเศษจากโรงพยาบาลกลางของพวกเรามาเพื่อคอยดูแลร่างกายของพวกเขาอยู่ค่ะ”
“ถูกบังคับย้ายไปทั้งสี่คนเลยเหรอ? ด้วยวิธีไหนล่ะ?” เซียวเฟิงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
“เหล่าไนน์ ฟิฟทีน และเอกทีนถูกบังคับย้ายไปโดยที่เราก็ไม่รู้เช่นกันค่ะ ระหว่างที่อาณาจักรแห่งทวยเทพเฟส 2 กำลังดำเนินการนั้น พวกเขาก็รับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของคฤหาสน์กับดูแลธุรกิจโรงแรมอยู่ จากนั้นก็เดินทางไปที่ยุโรป ระหว่างนั้น พวกเขาก็ไม่ได้กลับเข้าไปในเกมเลย ไม่แม้แต่จะได้แตะต้องอุปกรณ์ล็อกอินด้วย เพราะไม่มีใครเป็นอะไรเลย ดังนั้นเมื่อพวกเขากลับมา จึงได้ตัดสินใจล็อกอินเข้าเกมบ้างโดยไม่ทันได้ระวังตัว ไม่คาดคิดเลยว่าพวกเขาจะถูกบังคับย้ายไปทั้งแบบนี้…”
อีเลฟเวนหยุดลงครู่หนึ่งและพูดต่อ “ส่วนทเวนตี้วันเลือกที่จะย้ายด้วยตนเอง ในตอนนั้น พวกเราได้รับข้อความจากแหล่งไม่ทราบที่มา ซึ่งเป็นของเด็กผู้หญิงชาวจีนตัวเล็กที่บอกว่าตนเองคือชานัว เธอบอกว่ารู้จักกับนายท่าน และหวังว่าพวกเราจะส่งใครสักคนย้ายเธอเข้าไปในอาณาจักรแห่งทวยเทพ ซึ่งเธอสามารถช่วยพวกเราให้ติดต่อกับเหล่าไนน์และคนอื่น ๆ ที่ถูกบังคับย้ายได้ และด้วยความกังวลเกี่ยวกับเหล่าไนน์ ทเวนตี้วันจึงติดสินใจโอนย้ายตนเองเข้าไปค่ะ”
“ชานัวงั้นเหรอ…?”
เซียวเฟิงจับข้อมือของตนเอง เขามีกำไลข้อมือที่เหมือนริสต์แบนด์อยู่ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ล็อกอินอีกหนึ่งชิ้นที่เคยทำให้เขาสามารถติดต่อกับชานัวได้
ด้วยพลังของชานัว จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเซียวเฟิงกับองค์กรเฮลล์ ทว่ากลับเป็นฝ่ายเฮลล์ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับพรรคพวกของตนซะเอง ซึ่งสิ่งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเซียวเฟิงมาก ราวกับความเป็นมนุษย์ของคนในองค์กรนี้เริ่มถูกปลุกขึ้นมาทีละนิดแล้ว
เซียวเฟิงไม่ค่อยแน่ใจเกี่ยวกับเกณฑ์การบังคับโยกย้ายที่เจาะจงเท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคาดเดาคร่าว ๆ ว่า มันน่าจะเกี่ยวข้องกับธรรมชาติของมนุษย์ มิฉะนั้น จะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับคนที่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติ ทั้งที่ชีวิตถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยเงื้อมมือของเหล่าคนที่อยู่ภายใต้การปกครองขององค์กรเฮลล์
อันที่จริง จากผลการวิเคราะห์ที่ได้รับมา สมาชิกองค์กรเฮลล์ล้วนเป็นผู้ยากไร้ พวกเขาเป็นเพียงร่างทดสอบซึ่งถูกใช้งานในฐานะเครื่องมือสังหารของเฮฟเวน ส่วนเหล่าไนน์กับคนอื่น ๆ ที่ถูกบังคับย้ายไปนั้นน่าจะเป็นกรณีพิเศษ บางทีอาจจะเป็นเพราะพวกเขามีสันดานร้ายของมนุษย์ก่อนจะกลายเป็นสมาชิกของเฮลล์ จึงทำให้ถูกถ่ายโอนไปยังอาณาจักรแห่งทวยเทพทันทีหลังจากไม่ผ่านการทดสอบ
“แล้วพวกเธอติดต่อเหล่าไนน์ผ่านทางทเวนตี้วันได้หรือยัง?”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเฟิงก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง หากสามารถติดต่อได้แล้วละก็ แสดงว่าพวกนี้จะต้องได้ข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพมาแล้วแน่ ๆ
ระหว่างทางกลับมา เซียวเฟิงได้เข้าไปตรวจสอบในกระทู้เกมของแต่ละเขตมาเรียบร้อยแล้ว ในช่วงสุดท้ายของโครงการอาณาจักรแห่งทวยเทพ ความวุ่นวายภายในโลกแห่งความจริงนั้นได้บรรเทาลงแล้ว จะมีเพียงปัญหาเรื่องทรัพยากรการรักษาที่เป็นปัญหาใหญ่ในหลาย ๆ ประเทศ เนื่องจากมีจำนวนผู้ถูกโอนย้ายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเกม
ทุกเขตแดนเลิกขัดแย้งกันเองไปชั่วขณะ และมุ่งให้ความสนใจกับเป้าหมายหลักของอาณาจักรแห่งทวยเทพแทน ซึ่งทางเดียวที่พวกเขาจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพมาก็คงจะหนีไม่พ้นข้อมูลที่หลุดออกมาจากการประชุมระดับโลก ซึ่งอาณาจักรแห่งทวยเทพได้กลายมาเป็นข้อถกเถียงในตอนนี้ว่า มันอาจจะเป็นทางรอดที่สองให้กับคนบนโลกนี้ได้
สามเดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพหลุดออกมาเลยสักนิด และสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เซียวเฟิงให้ความสนใจมาก ๆ ดังนั้นเขาจึงถามอีเลฟเวนเพิ่มเติม
“ค่ะ พวกเราได้รับข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพมาบ้างแล้ว ตั้งแต่นายท่านหายตัวไป พวกเราได้รายงานเรื่องนี้กับท่านประธานไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ถูกเผยแพร่ออกไปสู่สาธารณะ” ว่าแล้วเธอก็ส่งข้อมูลที่บันทึกไว้ในกระดาษด้วยมือทั้งสองข้าง
“นี่สินะ…งั้นเธอลงไปก่อน เดี๋ยวฉันอ่านตรงนี้เสร็จแล้วจะลงไปคุยอีกทีหนึ่ง”
เซียวเฟิงเพิ่งจะมองแค่ผ่าน ๆ รูม่านตาของเขาก็ขยายขึ้น ดังนั้นเขาจึงขอให้อีเลฟเวนออกไปก่อน เพื่อที่จะได้อ่านข้อมูลดังกล่าวอย่างละเอียด
“ค่ะ นายท่าน!”
ภายหลังจากที่อีเลฟเวนออกจากห้องไปแล้ว เซียวเฟิงก็ไม่ได้คิดว่าจะกินอะไรต่อเพื่อเพิ่มพลังกาย เขาหยิบเอกสารต่าง ๆ ที่กองสูงเป็นพะเนินมาแล้วไล่อ่านอย่างรวดเร็วในขณะที่ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ข้อมูลที่อีเลฟเวนเตรียมมานี้มีรายละเอียดไม่มากนัก มันมีเพียงแค่การแนะนำทั่วไปเกี่ยวกับอาณาจักรแห่งทวยเทพเท่านั้น หากชานัวยังคงอยู่ละก็ เขาจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมจากอีกฝ่ายได้ทันที
ตัวตนที่แท้จริงของอาณาจักรแห่งทวยเทพได้ทลายความคิดแรกเริ่มของชายหนุ่มที่ว่ามันคือดันเจี้ยนระดับสูงหรือสุดยอดแผนที่ ทว่ามันกลับเป็นโลกหรือทวีป ซึ่งเปรียบเสมือนโลกใบหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ชายขอบของโลกแห่งเกมในปัจจุบันเลยก็ว่าได้ รวมไปถึงบรรยากาศภายในอาณาจักรแห่งทวยเทพนั้นค่อนข้างเหมือนกับหมู่บ้านซินสั่ว ดังนั้นจึงพลอยถูกเรียกว่า ‘อาณาจักรแห่งทวยเทพ’ ไปด้วย
ด้วยชื่อเรียกนี้ ที่แห่งนี้คืออาณาจักรแห่งทวยเทพจริง ๆ แต่ผู้เล่นด้านในกลับไม่ใช่ผู้เล่นมือใหม่แต่อย่างใด เซียวเฟิงได้เคยเห็นสถานที่แห่งนี้ด้วยตาตนเองมาแล้ว เมื่อครั้งที่เขาติดต่อกับอาณาจักรแห่งทวยเทพ เซียวเฟิงได้พบกับเซี่ยเหอผู้ประกาศตนว่าเป็นพระผู้สร้าง เบื้องหลังเขามีสวนสาธารณะหรูหราอันเป็นภาพจำของอาณาจักรแห่งทวยเทพ ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนทั่วไปที่ได้ย้ายตนเองเข้าไปในอาณาจักรแห่งนี้
หากจะพูดในแง่ดีคือ พวกเขาเหมือนกำลังใช้ชีวิตเสมือนอยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นมาจากข้อมูลเสียมากกว่า ทุกสิ่งอย่างถูกสร้างขึ้นโดยอิงจากชีวิตที่สมบูรณ์ ดังนั้นมันจึงมีหลายสิ่งอย่างที่ล้ำหน้ากว่าโลกจริง ๆ ด้านนอก แน่นอนว่าด้วยพลังของชานัว การจะสร้างวิถีชีวิตเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องยากเลย
ดังนั้นไม่เพียงแต่อาณาจักรแห่งทวยเทพจะเป็นสิ่งที่แยกตัวอิสระจากโลกของเกมแล้ว ตัวมันเองยังมีสภาพเป็นทวีปที่มีเมืองหลัก และมีมอนสเตอร์ป่า แต่ด้วยความที่สถานที่แห่งนี้มี NPC*[1] อยู่เพียงน้อยนิด จึงทำให้เมืองหลักต่าง ๆ ค่อย ๆ เสื่อมโทรมลงไปเอง
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีผู้เล่นถูกย้ายเข้ามา พวกเขาก็จะถูกพาไปไว้ในเขตรกร้างเพื่อให้ช่วยกันทำภารกิจและพัฒนาเมืองต่าง ๆ ภายในอาณาจักรแห่งทวยเทพ
ขนาดของเมืองหลักภายในอาณาจักรแห่งทวยเทพนั้นไม่ได้ใหญ่เหมือนเมืองหลักภายในทวีปที่กระจายเป็นเขตต่าง ๆ ใหญ่สุดก็น่าจะเทียบเท่ากับเมืองทั่วไปที่มีระดับ 3 แต่ก็มีจำนวนน้อย ในพื้นที่ขนาดใหญ่ทุกแห่ง จะมีเมืองหลักระดับ 3 เพียงแห่งเดียวเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลักแห่งใด บริเวณใจกลางเมืองก็จะมีวิหารแห่งแสงตั้งตระหง่านอยู่ให้เห็น เมื่ออิงตามการสำรวจของเหล่าผู้เล่นที่ได้ย้ายเข้าไปภายในอาณาจักรแห่งทวยเทพแล้ว ในวิหารแห่งแสงทุกแห่งที่ประจำอยู่ในเมืองหลักแต่ละเมืองจะเป็นที่ประดิษฐานของเทพเจ้า แต่ตอนนี้ ไม่เพียงแต่พระเจ้าประจำเมืองจะหายไปไหนก็ไม่รู้ แม้แต่เหล่า NPC ก็ยังพบเห็นได้ยาก จึงทำให้เมืองหลักทั้งหมดแทบจะเป็นเมืองร้าง
อันที่จริง เกือบจะสี่เดือนแล้วนับตั้งแต่ที่ผู้เล่นเริ่มถูกย้ายเข้ามาในอาณาจักรแห่งทวยเทพ แต่ถึงอย่างนั้นอัตราการสำรวจของอาณาจักรแห่งทวยเทพก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างจำกัดมาก ส่วนเหตุผลที่สำคัญก็เป็นเพราะระดับของอาณาจักรแห่งทวยเทพนั้นสูงเกินไป ทำให้ระดับของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในแผนที่นั้นมีเลเวลที่ต่ำสุดอยู่ที่ 70 และเกาะกลุ่มกันอย่างน้อยสี่ตัวขึ้นไปแล้ว สิ่งนี้ถือเป็นอุปสรรคที่สำคัญสำหรับการสำรวจเลย
นอกจากข้อมูลพื้นฐานเหล่านี้แล้ว ยังมีข้อมูลสำคัญบางอย่างที่อีเลฟเวนจดมาให้ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ล่อความสนใจเซียวเฟิงได้เยอะพอสมควร
อันดับแรกคือพลังต่อสู้ของผู้เล่นที่ถูกย้ายเข้ามาในอาณาจักรแห่งทวยเทพ
นอกจากผู้ถูกบังคับย้ายแล้ว เหล่าผู้เล่นที่ตั้งใจโอนย้ายด้วยตนเองจะได้รับรางวัลจากระบบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอาร์ทิแฟกต์ คลาสลับ ค่าสถานะโบนัส สัตว์เลี้ยงศักดิ์สิทธิ์ สกิลเวทมนตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงทำให้พลังต่อสู้สำหรับคนกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง
เช่น ทเวนตี้วันที่ตอนนี้ก็ถือเป็นผู้เล่นระดับพระเจ้าแล้ว แม้แต่ผู้เล่นธรรมดาที่ถูกบังคับย้ายเข้ามา เนื่องจากพวกเขามีส่วนในการพัฒนาพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นอาณาจักรแห่งทวยเทพ จึงทำให้อัตราความแข็งแกร่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งทั่วทุกเขตเต็มไปด้วยผู้เล่นระดับสูง
นอกจากพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขึ้นแล้ว ยังมีพลังของผู้เล่นด้วย เนื่องจากระดับความอันตรายในอาณาจักรแห่งทวยเทพนั้นสูงมาก ดังนั้นผู้เล่นส่วนมากในอาณาจักรแห่งทวยเทพจึงเลือกที่จะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเพื่อความอุ่นใจมากกว่า
ณ ตอนนี้ มีกองกำลังหลักอยู่เจ็ดกลุ่มได้ถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้ว และด้วยความที่แม้จะโอนถ่ายเข้ามายังอาณาจักรแห่งทวยเทพ มนุษย์ก็ยังเป็นมนุษย์ ดังนั้นชื่อของกองกำลังทั้งเจ็ดแห่งนี้จึงตั้งตามชื่อของมหาบาปทั้งเจ็ดด้วย
[1] NPC ย่อมาจาก Non-Player Character ตัวละครที่ไม่ได้ควบคุมโดยผู้เล่น