Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 611 กลับมา
บทที่ 611 กลับมา
บทที่ 611 กลับมา
“ส่งแขก!”
ใบหน้าสวยของหลิวเฉียงเหว่ยเยือกเย็นราวกับรูปปั้นขึ้นมาทันที ส่วนซื่อเยี่ยจิ้งเองก็ไม่ต่างกันนัก สีหน้าเธอเย็นชาขึ้นพร้อมกับปล่อยกลิ่นอายอันดุร้ายออกมา
“ฉู่เทียนหนานเป็นชายหนุ่มที่นิสัยดีมากเลยนะครับ! ผมหวังว่าคุณหัวหน้าหลิวกับคุณซื่อจะตัดสินใจเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งหลังจากคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถ้ายังไงวันนี้พวกผมขอรบกวนเท่านี้ แล้วจะกลับมาใหม่อีกครั้งครับ!”
แม้สีหน้าของกรรมาธิการจางจะดูไม่สู้ดีนัก แต่เขาก็พยายามฝืนยิ้มและเดินนำเสี่ยวหลิวออกไปจากคฤหาสน์
จังหวะนั้น เซียวเฟิงได้กลับมาถึงคฤหาสน์พอดี และเดินผ่านแขกทั้งสองที่มาเยือนบริเวณหน้าประตูเช่นกัน
แต่ในคราวนี้ กรรมาธิการจางกลับจำเซียวเฟิงไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเดินผ่านไปอย่างนั้น โดยทำเพียงพยักหน้าให้กันเล็กน้อยเพราะเข้าใจว่าเป็นคนในคฤหาสน์หลังนี้ เสี่ยวหลิวเองก็ไม่ต่างกัน
แน่นอนว่าเซียวเฟิงนั้นเยือกเย็นกว่ามาก
“ท่านกรรมาธิการจางครับ ดูจากท่าทีของหัวหน้าหลิวคนนั้นดูเหมือนเรื่องคราวนี้จะไม่ใช่ง่าย ๆ แล้วนะครับ”
หลังจากเข้ามาในรถแล้ว เสี่ยวหลิวก็ตัดสินใจพูดออกมา เขาไม่รู้เลยว่าจุดประสงค์ที่มาหาหลิวเฉียงเหว่ยในครั้งนี้จะเป็นเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่กล้าทำอะไรออกนอกหน้ามากเกินไป
“เสี่ยวหลิว จะทำการใหญ่ใจต้องนิ่ง ไม่ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอะไร ก็ห้ามหวั่นไหวเด็ดขาด พวกเราจะกลัวว่ามันจะยากไปทำไม สิ่งที่ควรกลัวก็คือกลัวว่ามันจะไม่ยากต่างหาก! เพราะความยากจะทำให้พวกเราเติบโตใช่ไหมล่ะ?” ชายชราดูจะไม่ใส่ใจอะไรนัก
“แต่ว่าท่านกรรมาธิการครับ ที่ผมพูดน่ะ หมายถึงอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ของหัวหน้าหลิวต่างหากล่ะครับ เพราะท่านยุ่งอยู่กับงานเลยไม่ค่อยว่างไปตรวจสอบโลกใบที่สอง หัวหน้าหลิวน่ะ เป็นคนใหญ่คนโตที่สามารถเรียกลมเรียกฝนดั่งใจปรารถนาได้เลย หากเธอมั่นใจสิ่งไหนแล้ว การจะเปลี่ยนใจเธอนั้นถือเป็นเรื่องยากมาก”
น้ำเสียงของเสี่ยวหลิวแสดงให้เห็นว่าเขาเป็นคนมีไหวพริบ แต่เพราะเป็นผู้น้อย จึงไม่อยากจะออกตัวชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย ไม่เช่นนั้น หากทะเลาะกันขึ้นมา หน้าที่การงานของเขาได้ล้มเหลวไม่เป็นท่าแน่
“จะใหญ่โตอะไรก็ไม่มีปัญหาทั้งนั้น และในสถานการณ์ที่มีคนทั้งโลกเป็นเดิมพัน พวกคนใหญ่คนโตนี่ล่ะ ที่ต้องทำตัวให้สมฐานะที่สุด”
กรรมาธิการจางส่ายหน้า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนใหญ่คนโตขนาดไหน แต่ก็ใช่ว่าจะใหญ่ที่สุดในโลกเสียหน่อย
คราวนี้เสี่ยวหลิวไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นก็เคลื่อนรถจากไปช้า ๆ หรือบางทีเขาอาจจะรู้อยู่แล้วว่าพูดต่อไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา และมันอาจจะกลายเป็นการที่เขาต้องผิดใจกับกรรมาธิการจางคนนี้แทน
ในฐานะที่ตัวเองยังเป็นคนหนุ่ม มันเป็นเรื่องปกติที่เสี่ยวหลิวจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเกมมานานกว่า เขารู้เรื่องมากมายที่ชายชราไม่อาจจะเข้าใจได้ รวมถึงเรื่องของจักรพรรดินีนักฆ่าแห่งเขตฮัวเซียที่มีข่าวลือหนาหูกับ ‘คน ๆ นั้น’ ว่ามีความสัมพันธ์ ‘แบบซับซ้อน’ กันอยู่ แล้ว ‘คน ๆ นั้น’ เองก็น่ากลัวเสียยิ่งกว่าหัวหน้าหลิวที่เป็นเจ้าแห่งสัมพันธมิตรแดนใต้เสียอีก ขนาดเจ้าตัวหายตัวไปจากโลกเดอะมิธหลายเดือนแล้ว ชื่อเสียงของเขาก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานอยู่ในโลกใบนั้น
เซียวเฟิงขมวดคิ้วและมองรถสีดำคันงามแล่นจากไป
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปในคฤหาสน์ ทว่าขณะที่กำลังจะหันหลังกลับ ชายหนุ่มก็รับรู้ได้ทันทีว่าร่างของเทพธิดาผู้เลอโฉมอย่างหลิวเฉียงเหว่ยได้ปรากฏขึ้นมาที่เบื้องหลัง
สังเกตจากลมหายใจที่หอบถี่เล็กน้อยและหน้าอกที่พองขยายเพราะรีบเก็บลมหายใจ ดูเหมือนว่าเธอจะรีบวิ่งมา
หลังจากไล่ตามมา เธอก็หยุดลงเบื้องหน้าของเซียวเฟิง กลิ่นหอมของกล้วยไม้และขี้ชะมดโชยมาปะทะเข้ากับใบหน้าของเขา ดวงตาคู่สวยกระจ่างราวกับดาวระยิบระยับจดจ้องมายังชายหนุ่มอย่างใกล้ชิด ทำเอาเซียวเฟิงเสียอาการเล็กน้อย
เขาลังเลที่จะพูด และคิดอยู่พักหนึ่งเกี่ยวกับรูปลักษณ์ของเขา เซียวเฟิงค่อนข้างมั่นใจว่าหลิวเฉียงเหว่ยไม่น่าจะจำเขาได้แน่ ๆ ชายหนุ่มจึงจะแสร้งทำเป็นคนที่เผอิญผ่านมา และจะเดินเลยไปทันที ทว่าหลิวเฉียงเหว่ยกลับจ้องดวงตาของเขาเขม็ง แล้วทันใดนั้น เธอก็ยกมือที่สวยดุจเพชรงามเพื่อแตะใบหน้าของเขา
ณ ตอนนั้น มีเงาดำมากมายปรากฏตัวขึ้นที่รอบ ๆ คฤหาสน์ ภายหลังจากที่เซียวเฟิงโบกมือที่ซ่อนไว้ด้านหลัง ร่างเงาเหล่านั้นจึงหายไป
“ทำไมนายถึงมีสภาพแบบนี้ได้?”
ด้วยความรู้สึกผิด เซียวเฟิงจึงไม่ได้ปัดป้องมือของหลิวเฉียงเหว่ย ทว่าแรงตบที่เขาคาดว่าจะปะทะเข้าที่ใบหน้ากลับไม่เกิดขึ้น ฝ่ามือที่อ่อนโยนของเทพธิดาแห่งฮัวเซียสัมผัสบนใบหน้าของเขาอย่างอ่อนโยน
แววตาสวยของเธอสั่นไหวขณะจ้องมองไปที่ชายหนุ่มร่างใหญ่ตรงหน้า ไม่เหลือความเยือกเย็นไว้แม้แต่น้อย หญิงสาวถามต่ออย่างอ่อนโยน “มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยนะระหว่างที่นายไม่อยู่น่ะ”
“รู้แล้วล่ะ” เซียวเฟิงตอบกลับด้วยวลีสั้น ๆ
“ดีใจที่นายกลับมานะ เสี่ยวจิ้งกำลังอารมณ์ไม่ดี…พอจะช่วยไปดูอาการเธอหน่อยได้ไหม?”
ความเยือกเย็นอันเป็นภาพจำของหลิวเฉียงเหว่ยนั้นไม่มีอีกแล้ว น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน อ้อนวอนและหวาดกลัวระคนกัน ราวกับว่ากำลังกลัวว่าเซียวเฟิงจะโผล่มาแล้วหายไปอีกโดยไม่ทันได้พูดอะไร
ชายหนุ่มยืนเงียบอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า และกลับเข้าไปยังคฤหาสน์พร้อมกับหลิวเฉียงเหว่ยที่ยิ้มหวาน
หลังจากที่เซียวเฟิงกลับมาแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็มองไปยังรอบ ๆ คฤหาสน์อีกครั้งหนึ่ง เพราะรู้สึกได้ถึงลมหายใจที่เย็นยะเยือกโชยมาจาง ๆ และเพียงเหลือบมอง เธอก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นของสมาชิกองค์กรเฮลล์ที่คอยจับตาเฝ้าระวังคฤหาสน์หลังนี้ไว้
เมื่อรู้เช่นนั้นแล้ว เธอจึงทำได้แต่ถอนหายใจ เพราะอย่างไรเสีย เซียวเฟิงก็พาคนเหล่านี้มาที่นี่เพราะเธออยู่แล้ว หญิงสาวรู้ดีว่าชายหนุ่มคือผู้เป็นนาย และไม่ใช่คนที่จะสามารถครอบครองได้
เธอส่ายหน้าเบา ๆ และพยายามไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แม้ว่าเธอจะมีสิทธิ์ในการครอบครองเขาก็ตาม
“นายท่าน? นั่นนายท่านเหรอ? นายท่านจริง ๆ ใช่ไหมคะ?” หนิงเค่อเค่อที่กำลังจัดชุดน้ำชาอยู่ในห้องนั่งเล่น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่เดินเข้ามา เด็กสาวก็ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเปล่งเสียงถามอย่างสั่นเครือ
“นี่เธอก็จำฉันได้ด้วยเหรอเนี่ย?” เซียวเฟิงดูเหลือเชื่อ ทั้ง ๆ ที่ตัวเขากลายเป็นชายอ้วนที่มีน้ำหนักกว่าสองร้อยกิโลกรัมเข้าไปแล้ว แต่ทำไมสาว ๆ บ้านนี้ถึงจำกันได้ทุกคนเลยนะ?
“นายท่านจริง ๆ ด้วย! นายท่านกลับมาแล้ว! กรี๊ดดดดด!”
ใบหน้าเล็ก ๆ ของหนิงเค่อเค่อนองด้วยน้ำตา เธอวางชุดน้ำชาลงแล้ววิ่งมากระโดดกอดเซียวเฟิงไว้อย่างแนบแน่น พร้อมทั้งใช้ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของเธอซุกมุดเข้าไปในแขนของชายหนุ่มด้วย
“โอเค โอเค ไม่ต้องร้องไห้ ฉันกลับมาแล้ว” เซียวเฟิงถอนหายใจเบา ๆ และยื่นมือออกไปลูบหัวของเด็กสาว
“ฉันจะไปอาบน้ำก่อน แล้วเราค่อยกลับมาคุยกัน” เซียวเฟิงมองกลับไปด้านหลังแล้วพูดกับหลิวเฉียงเหว่ยที่เดินตามมา จึงเห็นนางฟ้าผู้เลอโฉมคนนี้กำลังมองหนิงเค่อเค่อที่ร้องห่มร้องไห้ด้วยดวงตาที่แดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย เสมือนว่าเจอเพชฌฆาตมารอสังหาร เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อทันใด
“อาฮะ เค่อเค่อ ไปเตรียมมื้อเย็นเถอะ เสร็จแล้วก็เรียกโตวโตวกับจืออี้ให้ออฟไลน์ด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้า
“เข้าใจแล้วค่ะ!” หนิงเคอเค่อรีบปาดน้ำตาบนใบหน้า เธอดูจะไม่อยากออกจากอ้อมแขนของเซียวเฟิงเท่าไหร่ แต่ก็จำใจเดินเข้าห้องครัวไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะเห็นว่าหลิวเฉียงเหว่ยดูจะมีเรื่องอยากคุยเยอะแยะเต็มไปหมด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรในตอนนี้และรีบเดินขึ้นไปยังห้องของตนที่อยู่ชั้นบน
ขนาดไม่ได้กลับมาที่นี่สามเดือน แต่ห้องนอนของเขาก็ยังคงสะอาดสะอ้านเหมือนก่อนที่จะจากไป ราวกับได้รับการดูแลอย่างดี
เซียวเฟิงปิดประตูและเดินไปยังห้องอาบน้ำ เขาปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่สวมมา ภายในห้องน้ำปกคลุมไปด้วยม่านหมอกที่เกิดจากน้ำร้อน ร่างของชายหนุ่มผุดเม็ดเหงื่อไหลย้อย ราวกับว่ากำลังอยู่ในเตาเผายามตีเหล็ก มันส่งเสียงกิ๊ง ๆๆ พร้อมกับปล่อยไอร้อนหนาออกมา
และท่ามกลางหมอกสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้องอาบน้ำนี้เอง ร่างกายของเซียวเฟิงก็ค่อย ๆ สูญเสียน้ำหนักไปด้วยความเร็วที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ราวกับกำลังถูกเผาผลาญ เพียงไม่นาน ร่างกายของเขาก็กลับมาเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมบางอีกครั้ง
มันใช้เวลาราวสิบนาทีเต็มในการชำระล้างคราบไคลและสิ่งสกปรกต่าง ๆ บนร่างกาย
หลังจากรู้สึกสดชื่นขึ้นแล้ว เซียวเฟิงจึงสวมชุดนอนที่หน้าประตู แต่แทนที่จะรีบลงไปข้างล่าง เขากลับเลือกเดินไปยังห้องของซื่อเยี่ยจิ้งก่อน
ไม่รู้ว่าซื่อเยี่ยจิ้งจะได้รับผลกระทบจากคำพูดที่กรรมาธิการจางพูดมากแค่ไหน แต่เมื่อเปิดประตูเข้ามา เขาก็พบว่าเจ้าของห้องกำลังสวมหมวกเล่นเกมและออนไลน์อยู่ เสื้อผ้ารุ่มร่ามถูกถอดออกไปแล้ว เหลือเพียงกางเกงนอนสุดเท่ขณะนอนอยู่บนเตียงเท่านั้น
ผิวของเธอยังคงขาวผ่องนุ่มเนียนราวกับน้ำนม และร่างกายที่โค้งเว้าได้รูปนั้นก็ทำเอาเซียวเฟิงอดไม่ได้ที่จะยืนดูเงียบ ๆ พักหนึ่ง ก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างเตียงและกดปุ่มเรียกเธอ
“เอ๊ะ?”
ไม่นานนัก ซื่อเยี่ยจิ้งก็ออฟไลน์และถอดหมวกเล่นเกมออกมา เมื่อเธอลืมตาตื่นและพบว่าผู้ที่ปลุกเธอนั้นคือเซียวเฟิง สาวเจ้าก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เธอขยี้ตา และเมื่อตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ภาพลวงตา หญิงสาวก็ถองศอกเข้าที่ลำคอของเขาทันที
“ไอ้บ้าเอ๊ย! รู้จักกลับมาด้วยเรอะ!!!!”
“นี่เธอจะฆ่าฉันรึไง!?”
เซียวเฟิงกดร่างของเธอลงกับเตียง ทว่าเรียวแขนขาวซีดทว่าแข็งแกร่งคู่นั้นกลับยกขึ้นสกัดจุดอ่อนของชายหนุ่มเข้าอย่างจัง หากเป็นคนธรรมดาก็คงถูกฆ่าไปแล้ว เพราะนี่คือวิธีการสังหารของซื่อเยี่ยจิ้งในฐานะนักฆ่า
“เจ้าบ้า! เจ้าบ้า ๆๆๆ! กว่านายจะกลับมา รู้รึเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้นกับเซียวหลิงน่ะ?!!!!”
ซื่อเยี่ยจิ้งที่ถูกชายหนุ่มกดร่างลงกับเตียงต่อว่าไม่หยุด ขณะอยู่ในท่าโอบรัด น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจอย่างชัดเจน
“ฉันรู้ ทุกอย่างมันจะดีขึ้นเองหลังจากที่ฉันกลับมาแล้ว”
เขารีบปลอบประโลมเธอ ซื่อเยี่ยจิ้งที่ไม่ได้เจอหน้ากันไม่กี่เดือนนั้น ดูจะแข็งแกร่งขึ้นมากจริง ๆ ร่างเล็กที่ดิ้นไปมาในอ้อมกอดนั้นเริ่มทำให้เซียวเฟิงเจ็บที่เอวขึ้นมาเล็กน้อย เขาชักสงสัยแล้วว่าอีกฝ่ายได้ฝึกพิเศษเพิ่มหรือเปล่า
“มีหลายอย่างเกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมานี้! เซียวหลิงถูกบังคับย้ายไปแล้ว! ไหนจะติดต่อนายไม่ได้อีก! ฉันกังวลอยู่ทุกวันเลยนะว่านายจะถูกบังคับโอนย้ายไปแล้วเหมือนกัน! นายคิดว่าพวกเราเป็นอะไรกันน่ะ ฮะ! เจ้าบ้า!”
ยิ่งพูด มันก็ยิ่งทำให้เห็นว่าซื่อเยี่ยจิ้งเก็บความโศกเศร้าไว้ในใจมากขนาดไหน เมื่อได้เห็นเซียวเฟิงกลับมาแล้วในตอนนี้ เธอจึงคิดว่าตนเองสามารถระบายให้อีกฝ่ายฟังได้
“โอเค ๆ ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเองนะ” เซียวเฟิงรู้ว่าการกระทำของเขามันน่าละอายใจ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้เธอวางใจเสียก่อน
อารมณ์ของซื่อเยี่ยจิ้งนั้นเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อาจจะเป็นเพราะเธอได้ระบายความในใจออกมาหมดแล้ว
หลังจากความเศร้าถูกระบายออกมาหมดแล้ว ร่างเล็กก็โผเข้ากอดเซียวเฟิงอย่างแนบแน่นพร้อมกับบดจูบเขาอย่างร้อนแรง จนกระทั่งริมฝีปากของชายหนุ่มบวมช้ำ เธอจึงยอมถอนจูบออก หากไม่ใช่ว่าจืออี้กับเฉียนโตวโตวผลักประตูเข้ามาในห้องของเธอ ณ เวลานั้น และพบเข้ากับเซียวเฟิงที่อยู่ในสภาพกึ่งเปลือยกายอยู่
“ท่านเซียว!”
“พี่เซียว!”
จืออี้กับเฉียนโตวโตวไม่ได้ตื่นเต้นน้อยไปกว่าซื่อเยี่ยจิ้งเลย ทันทีที่เข้ามา สองสาวก็กระโจนเข้าไปกอดเซียวเฟิงอย่างแนบแน่นทันที
“ออกไปนะ! ว้ากกกก! อย่าเพิ่งมาพลอดรักกันตอนนี้! ฉันหายใจไม่ออกเพราะพวกเธอเนี่ย!”
ซื่อเยี่ยจิ้งตะโกนออกมา เพราะเซียวเฟิงยังคงโอบรัดเธออยู่ ทำให้ร่างของเขากดเธอลงมาด้วย ยิ่งจืออี้กับเฉียนโตวโตวกระโดดทับเขา จึงทำให้ร่างที่ผอมบางของซื่อเยี่ยจิ้งต้องแบกรับน้ำหนักของคนสามคนไว้โดยปริยาย
“ขอโทษนะ เสี่ยวจิ้ง พวกเราตื่นเต้นไปหน่อย”
“โทษน้า~”
ทั้งสองรีบลุกออกตาม ๆ กันและกล่าวขอโทษอย่างเขินอาย
“พี่เซียว! พี่ยังมีพวกเราอยู่ในใจจริง ๆ ไหม! ทำไมถึงหายไปนานขนาดนี้! พวกเราพยายามทุกวิถีทางเพื่อติดต่อพี่เลยนะ!”
แม้จะลุกออกไปแล้ว แต่เฉียนโตวโตวก็ยังดูตื่นเต้นอยู่ เธอเข้ามาโอบร่างของชายหนุ่มที่ลุกออกมาอย่างรวดเร็ว
“ท่านเซียวคงมีหลายเรื่องที่จะต้องอธิบายล่ะนะ ถ้ายังไงไว้ค่อย ๆ คุยกันตอนอยู่ข้างล่างก็ได้ เมื่อกี้เค่อเค่อเพิ่งจะส่งข้อความมาว่าอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ถึงซางกวนซือเฟยจะดูนิ่งสงบ แต่จากสายตาที่มองเซียวเฟิงอยู่ตลอดก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอนั้นคิดถึงเซียวเฟิงขนาดไหน
“พวกเธอลงไปกันก่อน เดี๋ยวฉันจะลงไปหลังไปเยี่ยมเซียวหลิงแล้ว” เซียวเฟิงจัดเสื้อผ้าให้ดีแล้วพูด