Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 614 ภารกิจสัตว์เลี้ยงตัวที่สอง
บทที่ 614 ภารกิจสัตว์เลี้ยงตัวที่สอง
บทที่ 614 ภารกิจสัตว์เลี้ยงตัวที่สอง
เซียวเฟิงตื่นขึ้นเมื่อเกือบจะรุ่งสาง มันเป็นเพราะชานัวที่พยายามปลุกเขาอยู่นาน จนกระทั่งเธอก็ไม่อาจจะทนรอได้อีกต่อไป จึงตัดสินใจเข้าไปในโลกแห่งจิตวิญญาณของชายหนุ่มและบังคับให้เขาตื่นขึ้นมา
เซียวเฟิงนั้นผล็อยหลับไปหลังจากผ่านกิจกรรมอันเร่าร้อนกับหลิวเฉียงเหว่ยเมื่อกลางดึก เขาจึงได้นอนเพียงชั่วโมงเศษ ๆ เท่านั้น
แต่แม้จะสะดุ้งตื่นเพราะถูกปลุก ชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้สึกมึนหัวเลย กลับรู้สึกสดชื่นเมื่อรู้ว่าตนสามารถกลับไปออนไลน์ได้อีกครั้ง
เซียวเฟิงเปิดโคมไฟข้างเตียง รอบกายเขามีสาว ๆ นอนกระจัดกระจายในสภาพเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียถึงสี่คน
ในบรรดาหญิงสาวเหล่านี้ เฉียนโตวโตวกับซื่อเยี่ยจิ้งหลับสนิทไปแล้ว ส่วนหลิวเฉียงเหว่ยและซางกวนซือเฟยนั้นกำลังสวมหมวกเล่นเกมและออนไลน์อยู่ ซึ่งแสดงให้เห็นเลยว่าในเวลานี้ มีใครที่กำลังยุ่งอยู่บ้าง
ในตอนนี้ ซางกวนซือเฟยได้รับหน้าที่เป็นรองหัวหน้ากิลด์มิดซัมเมอร์ และด้วยความสัมพันธ์กับเซียวเฟิง เธอจึงได้กลายเป็นคนที่หลิวเฉียงเหว่ยไว้วางใจไปโดยปริยาย ดังนั้นหัวหน้ากิลด์สาวจึงมั่นใจที่จะยกงานหลาย ๆ อย่างในกิลด์ให้เธอทำ
เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะตีไปที่ก้นขาวเนียนของซื่อเยี่ยจิ้งแรง ๆ โชคดีที่เธอนั้นเป็น 1 ใน 72 ผู้เล่นระดับพระเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้นเธอจึงไม่มีงานอะไรรัดตัวมากนัก
ลำพังแค่ชื่อเสียงที่สั่งสมมาก็ทำให้หญิงสาวร่างสูงเพรียวคนนี้สามารถอยู่ในโลกออนไลน์ได้อย่างสบาย ๆ
เสียงเนื้อกระทบฝ่ามือนั้นดังกังวาน แต่ซื่อเยี่ยจิ้งกลับไม่ได้ลุกขึ้นมาแต่อย่างใด เธอเพียงบ่นงึมงำ ลูบก้นขาวนวลที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยก่อนจะกลับไปนอนต่อ
มันทำเอาเซียวเฟิงหมดคำจะพูด และไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งอะไรเธออีก เขาพลิกตัวไปอีกทางก่อนจะหยิบหมวกเล่นเกมที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาสวมและนอนลงเพื่อเข้าสู่เกม
ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีอุปกรณ์ล็อกอินเกมมากมายให้เลือกใช้ แต่สำหรับเขาหมวกเล่นเกมนั้นถือเป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการเล่นเกม เพราะแม้ว่าแม้อุปกรณ์ชิ้นอื่นจะมีระบบสำหรับสนับสนุนโภชนาการให้ร่างกายในกรณีที่ออนไลน์ติดต่อกันเป็นเวลานาน แต่เซียวเฟิงก็ชินกับหมวกเล่นเกมนี้มากกว่า
วูบ!
“ฮึ่ม!”
หลังจากล็อกอินเข้าเกมแล้ว เขาก็กลับมาปรากฏตัวในโถงทดสอบคุณสมบัติอีกครั้ง ครั้งนี้ชานัวดูจะมีท่าทีที่เหมือนมนุษย์ขึ้นมาเล็กน้อย เธอทำท่ากระฟัดกระเฟียดใส่เซียวเฟิงก่อนจะหันไปมองทางอื่นแทน
“แหะ ๆ…”
เซียวเฟิงรู้ดีว่าตัวเองทำผิด เพราะอย่างนั้นจึงเผยยิ้มแห้ง ๆ ด้วยความสำนึกผิด ก่อนจะรีบทำการทดสอบคุณสมบัติในทันที
การทดสอบในครั้งนี้ผ่านไปได้อย่างราบรื่น เพราะมันไม่มีการทดสอบความเป็นมนุษย์ในการทดสอบสุดท้ายแล้ว ซึ่งมันน่าจะโดนชานัวลบออกไป แสงสีขาวส่องเข้ามาเบื้องหน้าของเซียวเฟิง และทำให้เขากลับเข้าไปยังเกมที่ห่างหายไปนานได้ในที่สุด
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เซียวเฟิงคิดว่าเขาควรจะเชื่อมต่อไปยังเมืองบุปผาแดง เพราะตัวเขาไม่อยากจะไปยังห้องสังสรรค์ที่อยู่ด้านหลังโถงหลักเมืองแห่งความโศกเศร้า และดูเหมือนว่าบัญชีไร้ชื่อนั้นจะหายไปแล้ว และชายหนุ่มก็ยืนอยู่ตรงนี้มาร่วมเดือนจากที่ออฟไลน์ไปครั้งล่าสุด
[เพื่อนรักของท่าน คราวน์พรินซ์ ได้ส่งคำขอสำหรับการโทรเข้ามา ต้องการรับหรือไม่?]
[เพื่อนของท่าน เสี่ยวเถียน ได้ส่งคำขอสำหรับการโทรเข้ามา ต้องการรับหรือไม่?]
[เพื่อนของท่าน ซางกวนอาโอเชิน ได้ส่งคำขอสำหรับการโทรเข้ามา ต้องการรับหรือไม่?]
[เพื่อนของท่าน เหล่าสวี…]
…
เพียงแค่เซียวเฟิงก้มหน้าลงเพื่อดูสภาพเครื่องแต่งกายของตน คำขอโทรเข้าก็เด้งขึ้นมาเบื้องหน้าเต็มไปหมด พร้อม ๆ กับที่ข้อความส่วนตัวที่ถูกส่งเข้ามานับไม่ถ้วน
เสียงของระบบที่ดังแจ้งเตือนนั้นทำเอาเขาอยากจะกดปิดเสียงเสียให้หมด ทว่าก่อนที่เขาจะต้องทำเช่นนั้น เจ้าตัวก็รีบปัดแจ้งเตือนทั้งหมดทิ้งไป
“นายเข้าเกมได้แล้วเหรอ?”
หลิวเฉียงเหว่ยกับซางกวนซือเฟยเดินเข้ามาพร้อมกัน พวกเธออยู่ในโถงหลักของเมืองพอดี พอรู้ข่าวจึงรีบตามหาตัวชายหนุ่มทันที
หลังจากเซียวเฟิงเข้าเกมได้สองวินาที เพื่อนของเขาทุกคนก็รับรู้กันหมดแล้ว
“อุปกรณ์ของฉันอยู่ไหน?” ชายหนุ่มหันมองตามทิศทางเสียง แล้วก็จำได้ว่าเขาถอดอุปกรณ์ทั้งหมดออกก่อนจะออฟไลน์ไป ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงชุดชั้นในของระบบบนตัวเขาเท่านั้น และด้วยบรรยากาศภายในเกมตอนนี้ มันทำให้เขารู้สึกหนาวขึ้นมานิดหน่อย
“อุปกรณ์ส่วนใหญ่ของนายอยู่กับเสี่ยวจิ้งแล้ว และมีอยู่กับฉันแค่ชิ้นเดียว” หลิวเฉียงเหว่ยเปิดช่องเก็บของและส่งค้อนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คืนให้เขา
สถานะของค้อนศักดิ์สิทธิ์ชิ้นนี้ทรงพลังขึ้นอย่างมาก มันถูกหลอมใหม่จนอัปเกรดถึงระดับ +10 แล้ว แต่เพราะเป็นของที่มีเพียงนักบวชเท่านั้นจึงจะใช้ได้ หลิวเฉียงเหว่ยจึงเก็บไว้กับตนเอง เพราะอย่างไรเสีย ซื่อเยี่ยจิ้งก็ไม่สามารถใช้มันได้อยู่แล้วเพราะอาชีพนักฆ่าของเธอ และส่วนตัวหลิวเฉียงเหว่ยเองก็ใช้มันไม่ถนัดเท่าไหร่นัก ดังนั้นเก็บก็คือเก็บ ไม่ต่างอะไรกับเก็บของที่ระลึก
“งั้นเธอสักคนหนึ่งช่วยออฟไลน์ไปปลุกแม่นั่นให้กลับมาออนไลน์ที” เขาโบกสะบัดอาวุธรูปทรงเคียวนี้ไปมา และรู้สึกถึงความคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน ขณะเดียวกันก็เอ่ยปากออกไปด้วย
“ท่านเซียว เมื่อกี้คุณเพิ่งจะจัดการจิ้งจิ้งจนหมดแรงหอบไป มันจะใจร้ายกับเธอไปหน่อยมั้ง ให้เธอนอนต่ออีกสักหน่อยก็ได้น่า”
ซางกวนซือเฟยเหลือบมองไปที่เซียวเฟิงอย่างเย้ายั่ว
“ไว้เช้าแล้ว ฉันจะปลุกจิ้งจิ้งให้” ผู้เป็นหัวหน้ามิดซัมเมอร์ตอบปฏิเสธอ้อม ๆ เช่นกัน
“งั้นก็หาชุดอุปกรณ์มาให้ฉันใช้ก่อน” ในที่สุดเซียวเฟิงก็ยอมจำนน
“อีกครู่หนึ่งจะมีคนเอาของพวกนั้นมาให้” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้า ไม่นานนักก็ส่งข้อความไปในช่องแชตของกิลด์ “อุปกรณ์ระดับสูงภายในคลังของมิดซัมเมอร์นั้นมีจำนวนจำกัด แต่นายเอาไปใช้ก่อนได้ เพราะตอนนี้โตวโตวก็ยังไม่ออนไลน์ อย่างมากก็น่าจะได้อุปกรณ์อาร์ติแฟกต์สักสองชิ้น”
“แล้วก็เป็นเพราะใครบางคนด้วยเหมือนกันที่รู้ทั้งรู้ว่าโตวโตวยังเป็นเพียงแค่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ร่างกายที่บอบบางของเธอกลับไม่ได้รับการละเว้นจากการกระทำที่ดิบเถื่อนราวกับสัตว์ร้าย เจ้าสัตว์ร้ายที่ทำร้ายเธออย่างทารุณด้วยแรงทั้งหมดที่มี”
อีกครั้งที่ซางกวนซือเฟยยกมือขึ้นกอดอกพร้อมกับยืนพอยต์เท้าในท่าทีสง่าผ่าเผย และเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนจนสะเทือนไปทั่วทั้งผืนปฐพี แววตาที่เย้ายวนของเธอจิกมองเซียวเฟิงอย่างไม่ลดละเช่นเคย
“ไว้ครั้งหน้าฉันจะจัดการเธอให้หมอบเลย” เซียวเฟิงไม่อยากจะเสียเวลาอยู่ตรงนี้ต่อแล้ว โดยเฉพาะเสียเวลาเถียงกับซางกวนซือเฟย ซึ่งมีร่างกายที่คล้ายคลึงกับเขา ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเธอจะสามารถปากเก่งได้แม้จะผ่านค่ำคืนที่ดุเดือดมา ผิดกับซื่อเยี่ยจิ้งและเฉียนโตวโตวที่หลับเป็นตาย
เขาเปิดกล่องข้อความส่วนตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่ตัดสินใจรับสายใครดังเดิม ส่วนข้อความก็เลือกตอบแบบรวบ ๆ ไปว่า ‘ติดปัญหาสุขภาพนิดหน่อย ก็เลยไม่ได้ออนไลน์เสียนาน’ เท่านั้น
เมื่อเสร็จกิจส่วนนั้นแล้ว มันก็เป็นเวลาที่สมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์ระดับสูงคนหนึ่งเข้ามายังที่แห่งนี้และส่งชุดอุปกรณ์ให้พอดี เป็นชุดเกราะและเครื่องประดับ ในบรรดาอุปกรณ์เหล่านี้ มีระดับอาร์ติแฟกต์เพียงสองชิ้นเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นของใช้ระดับเทพเจ้า
ดูเหมือนว่าความแตกต่างของระดับอุปกรณ์ในหมู่ผู้เล่นก็ยังเด่นชัดเหมือนเดิม ซึ่งดูได้จากอุปกรณ์ระดับอาร์ติแฟกต์ที่พวกเขาครอบครองอยู่ บางทีคนจากองค์กรเฮลล์ก็อาจจะยังไม่มีอาร์ติแฟกต์ใช้ทั้งตัวด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าเขาควรจะหาเวลาว่างไปตามหาอุปกรณ์เพิ่มเติมเสียแล้ว เพราะเขารู้ดีว่าพลังต่อสู้ของอุปกรณ์ระดับอาร์ติแฟกต์นั้นสูงขนาดไหน หากทุกคนในองค์กรสามารถครอบครองพวกมันครบชุดละก็ จะต้องมีผู้เล่นระดับพระเจ้าเกิดขึ้นมาอีกหลายคนเลยทีเดียว
“ฉันจะไปทำงานแล้ว เพราะอย่างนั้นอาจจะไม่ได้ไปกินข้าวเช้ากับพวกเธอนะ”
เซียวเฟิงพูดกับหลิวเฉียงเหว่ยและซางกวนซือเฟย จากนั้นก็อัญเชิญเสี่ยวสวี่ซึ่งเป็นสัตว์ขี่ของตนเองออกมา ในเวลาเดียวกันก็ทะยานออกจากคฤหาสน์เจ้าเมืองไปอย่างรวดเร็ว
“ตานี่เคยรู้สึกผิดกับคนอื่นบ้างไหมเนี่ย พี่หลิวอุตส่าห์พลีกายให้ทั้งคืนอย่างหนักหน่วงแท้ ๆ แต่เขากลับไม่ได้เป็นห่วงเป็นใยกันสักหน่อยเลย”
ซางกวนซือเฟยมองคนที่ทะยานจากไปก่อนจะหยอกล้อหลิวเฉียงเหว่ยที่อยู่ด้านข้างเบา ๆ
“ก็สมเป็นเขาดีนี่” หลิวเฉียงเหว่ยตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ
“สรุปสัญญาหนึ่งปีนั่นเป็นอันตกลงแล้วสินะ? ฉันก็แอบตื่นเต้นอยู่ แล้วก็หวังว่าเขาจะไม่ผิดสัญญาก็แล้วกัน” ซางกวนซือเฟยพูดต่อ แม้น้ำเสียงจะดูเอื่อยเฉื่อย แต่ก็แฝงด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะเธอได้รู้เรื่องนี้จากหลิวเฉียงเหว่ยที่ดูจะงุนงงกับสัญญาหนึ่งปีนั้นและได้นำมาปรึกษาเมื่อคืน
“เขาไม่เคยผิดสัญญาที่ตัวเองให้ไว้” เมื่อได้ยินเช่นนั้น หญิงสาวก็มองไปยังฟากฟ้าไกลด้วยดวงตาคู่งาม ถึงแม้ว่าน้ำเสียงเธอจะเรียบนิ่ง แต่ก็เต็มไปด้วยความมั่นใจ
“สิ่งที่พวกเราพอจะทำให้เขาได้คือการคอยช่วยเหลือเท่านั้น คอยเป็นกำลังเสริมให้ในยามที่เขาประสบกับความยากลำบากหรือวิกฤตในสักวันหนึ่ง”
…
เป้าหมายของเซียวเฟิงในครั้งนี้คืออาณาจักรเอลฟ์ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ชานัวจะสูญเสียสติไปชั่วคราว แต่ก็ไม่ได้เสียไปทั้งหมด เธอยังมอบหมายภารกิจจำนวนหนึ่งไว้ให้เขาด้วย และภารกิจนั้นก็อยู่ในที่พำนักของเหล่าเอลฟ์ด้วย
แสงสว่างกระจายหายไป และเซียวเฟิงที่มาถึงอาณาจักรเอลฟ์ผ่านการเทเลพอร์ตก็อดไม่ได้ที่จะเหลียวมองเหล่าผู้คนที่มารุมล้อมรอบตัวเขา ไม่ว่าจะเป็นผู้คนที่เดินไปเดินมา หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้เล่นมากมายที่กำลังเดินทำภารกิจ มันทำให้เซียวเฟิงรู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยอีกครั้ง
อาจจะเป็นเพราะเซียวเฟิงไม่ใช่คนที่คุ้นหน้าคุ้นตาในอาณาจักรแห่งนี้ และมีเพียงเอลฟ์กลุ่มเดียวเท่านั้นที่เขาเคยติดต่อด้วย นั่นก็คือ สัมพันธมิตรแจ็กด์
แต่การที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ไม่ใช่เพราะอยากจะรำลึกความหลังแต่อย่างใด ดังนั้งชายหนุ่มจึงมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายต่อไปอย่างรวดเร็ว
เมืองเอลฟ์ ถือเป็นเมืองหลักระดับ 2 ของระบบ การบินผ่านเมืองนั้นถือเป็นเรื่องต้องห้าม แม้ว่าจะไม่ได้เกรงกลัวอะไร แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้อยากจะสร้างปัญหาและเสียเวลาไปกับมัน ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะบินไป เขาจึงขึ้นขี่เสี่ยวเสวี่ยและควบวิ่งออกไปจากเมืองแทนก่อนจะทะยานขึ้นฟ้าและบินไปอีกครั้ง
ความเร็วของเสี่ยวเสวี่ยจัดว่าเร็วมาก ๆ มันใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงก็มาถึงสถานที่ซึ่งเป็นเป้าหมายของภารกิจแล้ว มันเป็นพื้นที่ที่มีภูมิประเทศซับซ้อน หากไม่ใช่ว่าเพราะเสี่ยวเสวี่ยบินข้ามมา เขาจะต้องหลงอยู่ในพื้นที่เบื้องล่างอีกนานแน่ ๆ กว่าจะมาถึงใจกลางแผนที่ตรงนี้ได้ “อีกไกลขนาดไหนนะ?”
“ใช้เวลาตั้งเกือบชั่วโมงเลย”
เบื้องล่างนั้นมีทะเลสาบมรกตที่เต็มไปด้วยพลังชีวิต แม้จะเป็นทะเลสาบที่มีขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็มีผู้เล่นมากมายมาห้อมล้อมอยู่ที่นี่ ส่วนมากแล้วจะเป็นเอลฟ์ นอกจากนี้ก็มีผู้เล่นที่เป็นมนุษย์และออร์คให้เห็นอยู่บ้าง พวกเขาอยู่ที่นี่ราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่ จึงนั่งคุยกันเรื่อยเปื่อย ในขณะเดียวกันก็คอยจับตามองไปยังทะเลสาบอยู่ตลอด
“มีใครมาเพิ่มด้วยเหรอ?”
“เขามีสัตว์ขี่ที่บินได้ บางทีอาจจะเป็นพวกโปรเพลเยอร์ก็ได้นะ”
“อะไรกันเนี่ย ฉันรอมาตั้งนานแล้วนะ ทำไมถึงยังมีพวกโปรเพลเยอร์มาที่นี่อีก! แบบนี้มันก็เก็บไอเทมไม่ได้อีกแล้วสิ! หรือว่าจะต้องรอรอบต่อไปอีกแล้ว?”
“แล้วนายจะบ่นไปทำไม รอมาแค่ไม่กี่รอบเองนี่? ฉันน่ะรอมาตั้งสิบกว่ารอบแล้วก็ยังไม่ได้สักที คนที่สมควรบ่นน่ะมันฉันต่างหาก!”
“หากเขาไม่ทำเหมือนกับที่พวกโปรเพลเยอร์ก่อนหน้านี้ เราก็ยังมีโอกาสล่ะนะ”
“บางทีเขาอาจจะไม่ใช่โปรเพลเยอร์ก็ได้นะ ตอนนี้พวกสัตว์ขี่ที่บินได้น่ะ เริ่มมีเยอะแล้ว เขาอาจจะเป็นแค่ผู้เล่นที่โชคดีสุ่มขึ้นได้มา หรือไม่ก็มีเงินซื้อมาก็ได้”
“ไม่นะ สัตว์ขี่ที่บินอยู่ตัวนั้นคล้ายกับยูนิคอร์นแสงศักดิ์สิทธิ์ของมิดซัมเมอร์เลย มันไม่น่าจะเป็นอะไรที่ได้มาด้วยโชค บางทีอาจจะเป็นใครจากมิดซัมเมอร์ ไม่ก็เป็นพวกม้ามืดก็ได้”
“อย่ากังวลไป ค่อยพูดค่อยจา ยังไงซะฝั่งพวกเราก็มีผู้เล่นที่แข็งแกร่งอยู่ด้วยเหมือนกัน โชคยังไม่ทิ้งพวกเราหรอก”
ทันทีที่เซียวเฟิงปรากฏตัว มันก็เรียกความสนใจจากผู้เล่นที่อยู่เบื้องล่างได้ทั้งหมด สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องมายังเขา แต่ส่วนมากจะมองเขาเป็นศัตรูมากกว่า หรือไม่ก็เป็นคู่แข่งที่มองข้ามไม่ได้เลย นั่นเพราะชื่อของเซียวเฟิงถูกซ่อนไว้ จึงไม่มีใครจำเขาได้ แม้ว่าใบหน้าของเขาจะไม่ถูกปิดบัง แต่การที่ชายหนุ่มหายตัวไปเป็นเวลานาน มันก็ทำให้ชื่อเสียงของเขาจางหายไปบ้างเป็นเรื่องธรรมดา
คนที่ยังจำเขาได้เพียงแค่แรกเห็นก็อาจจะมีอยู่บ้าง แต่ไม่มากนักหรอก
เซียวเฟิงเดินทางตามที่ได้รับคำแนะนำมา และไม่รู้เลยว่ามีภารกิจอะไรรอเขาอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจผู้เล่นที่อยู่เบื้องล่างในตอนนี้ เพียงแค่มองไปรอบ ๆ และบินลงไปเมื่อเจอ NPC ประจำท้องที่นั้น
“ท่านนักผจญภัยผู้กล้าหาญ ข้าคือผู้อาวุโสลำดับที่ 9 แห่งเผ่าพันธุ์เอลฟ์ ในตอนนี้ พวกเราติดกับปีศาจร้ายอยู่ จึงต้องการภูตแสงที่เกิดในทะเลสาบมรกตแห่งนี้ ซึ่งมาพร้อมกับพลังของเทพธิดาเพื่อขจัดปีศาจร้ายตนนั้น ท่านพอจะช่วยข้าจับภูตแสงเหล่านั้นได้หรือไม่? หากสำเร็จ พวกข้าเผ่าเอลฟ์จะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน”
พื้นที่นี้มี NPC เพียงตนเดียว ซึ่งก็คือชายชราเผ่าเอลฟ์คนนี้ ดังนี่ก็คือภารกิจที่เขาต้องทำอย่างไม่ต้องสงสัย เซียวเฟิงจึงตกลงรับภารกิจนั้นมาทันทีที่ฟังจบ
“รับ”
เซียวเฟิงยอมรับทำภารกิจโดยไม่ลังเล และตรวจสอบรายละเอียดของภารกิจก่อนจะแสดงสีหน้าตกใจออกมา
นี่เป็นภารกิจที่จะทำให้เขาเพิ่มสัตว์เลี้ยงได้! เมื่อทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เซียวเฟิงจะสามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงเพิ่มได้อีกตนหนึ่ง!
เพียงแต่สัตว์เลี้ยงตัวที่สองนี้จะไม่สามารถอยู่รวมกับสัตว์เลี้ยงตัวแรกได้ และต่อให้จะทำสัญญาสัตว์เลี้ยงกันแล้ว ยามที่จะเรียกใช้งาน ก็สามารถเรียกใช้งานได้เพียงตนเดียวเท่านั้น แต่ก็ถือเป็นภารกิจที่เหล่าผู้เล่นสายต่อสู้ควรจะทำกันอย่างยิ่ง!
รายละเอียดของภารกิจนั้นระบุเอาไว้ได้เข้าใจง่ายยิ่งว่าทะเลสาบมรกตแห่งนี้เกิดจากหยาดน้ำตาของเทพธิดาแห่งเอลฟ์
และในทุก ๆ เจ็ดวันจะมีภูตส่องแสงเกิดขึ้นมา ผู้เล่นสามารถใช้ทักษะการจับในการไล่จับพวกภูตเหล่านี้ได้ แต่ทุกครั้งที่ภูตแสงปรากฏกายขึ้น จะมีเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้นที่เป็นของจริง แต่พวกมันส่วนมากเป็นเพียงร่างโคลน ภารกิจจะไม่ถือว่าสำเร็จจนกว่าร่างจริงจะถูกจับได้
เซียวเฟิงเข้าใจในทันทีว่า ทำไมถึงมีผู้เล่นมากมายมารอคอยอยู่ที่นี่ เพราะในบรรดาภูตส่องสว่างเหล่านี้ จะมีทั้งตัวจริงและตัวปลอมผสมกันอยู่ ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีจำนวนมากมาย แต่ก็ไม่ได้มากพอสำหรับจำนวนคนในตอนนี้ หากมีจำนวนผู้เล่นเล็กน้อย คงไม่เป็นปัญหาอะไร ดังนั้นการรอคอยจึงได้เริ่มต้นขึ้น พวกเขาทั้งหมดรวมถึงเซียวเฟิงรอให้เวลาในเกมวนมาครบเจ็ดวันอีกครั้ง ซึ่งมันจะเทียบเท่าได้กับประมาณหนึ่งวันในโลกแห่งความจริง
ในตอนนี้รอบ ๆ ทะเลสาบมรกตนั้นมีผู้เล่นมารวมตัวกันไม่น้อยกว่าพันคนแล้ว นั่นหมายถึงจะมีผู้เล่นนับพันคนต้องผิดหวังจากภารกิจไม่สำเร็จ และในบรรดาคนเหล่านี้ ย่อมต้องมีหลายคนที่ไม่สำเร็จจากรอบก่อน ๆ รวมอยู่ด้วยแน่นอน ดังนั้นในเวลาที่ภูตส่องแสงจะปรากฏตัวขึ้น พวกเขาจึงกลับมาเพื่อจะแก้ตัวอีกครั้ง
ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่ทำไมผู้เล่นเหล่านี้ถึงได้มองเซียวเฟิงเป็นศัตรูตั้งแต่แวบแรกที่เห็น ชายหนุ่มในตอนนี้ได้กลายเป็นผู้เข้าแย่งชิงอย่างเป็นทางการอีกหนึ่งคนแล้ว