Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 615 เอลฟ์สาว
บทที่ 615 เอลฟ์สาว
บทที่ 615 เอลฟ์สาว
ไม่ต้องพูดถึงเหล่าผู้เล่นสายใช้ชีวิตทั่วไป ผู้เล่นที่อยู่ในคลาสสำหรับต่อสู้ล้วนแต่เลือกสัตว์เลี้ยงเพื่อเสริมในสิ่งที่คลาสของตนขาดกันทั้งนั้น
ยกตัวอย่างเช่น คลาสนักธนูที่เน้นการโจมตีระยะไกลเป็นหลักมักจะเลือกสัตว์เลี้ยงที่เป็นโล่สำหรับป้องกันตนในระยะสั้นเอาไว้ หรือไม่ก็เป็นสัตว์เลี้ยงที่สามารถล่าศัตรูไปยังตำแหน่งที่กำหนดไว้ได้
หรือถ้าเป็นอาชีพสายสนับสนุนอย่างนักบวช สัตว์เลี้ยงที่เลือกก็จะเป็นการเสริมความสามารถในการช่วยเหลือ เช่น การช่วยฮีลหรือการบัฟ ส่วนคลาสนักรบนั้น สัตว์เลี้ยงจะเป็นสายช่วยเหลือพลังต่าง ๆ ตามแต่จะเลือกใช้กัน
มีเพียงคลาสลับอย่าง ‘ผู้ฝึกสัตว์’ เท่านั้นที่จะสามารถอัญเชิญสัตว์เลี้ยงออกมาได้ทีละหลาย ๆ ตัว นอกจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นคนใด ก็จะมีช่องเก็บสัตว์เลี้ยงเพียงหนึ่งช่องเท่านั้น ไม่มีข้อยกเว้น แม้แต่คลาสลับที่เซียวเฟิงอยู่เองก็เช่นกัน ต่อให้เขาจะแข็งแกร่งกว่านี้ หรือคลาสลับสูงส่งกว่านี้ ความจริงข้อนี้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
และสัตว์เลี้ยงแต่ละตัวก็จะมีความสามารถเพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น ไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้ทับซ้อนหรือเปลี่ยนไปมาระหว่างการต่อสู้ได้ ยกตัวอย่างเช่น การเผชิญหน้ากับบอสที่โจมตีจากหลายทิศทางได้ สัตว์เลี้ยงจำพวกโล่เนื้อก็จะไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้
ดังนั้นการที่มีระบบสัตว์เลี้ยงตัวที่สอง จึงเป็นสิ่งที่จะช่วยเหลือผู้เล่นสายต่อสู้ได้อย่างแน่นอน และยังทางออกที่สำคัญในการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองเป็นอย่างดี
เซียวเฟิงเคยคาดคะเนไว้ว่า เมื่อภารกิจสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวที่สองเปิด บริเวณที่ทำภารกิจจะต้องคลาคล่ำไปด้วยผู้คน และแก่งแย่งกันทำภารกิจแน่ ๆ ทว่าจนกระทั่งตอนนี้ คงเป็นเพราะผู้เล่นส่วนใหญ่บรรลุภารกิจกันหมดแล้ว จึงเหลือผู้เล่นอยู่ที่นี่ไม่มากนัก
“พี่ชาย อยากจะเข้าปาร์ตี้กับพวกเราไหม? เรามาทำภารกิจที่ได้จาก NPC แก่ ๆ ตรงโน้นน่ะ มันสามารถรวมปาร์ตี้ห้าคนได้ และถ้าใครคนใดคนหนึ่งในทีมสามารถจับเป้าหมายได้ ก็จะถือว่าสมาชิกทั้งทีมผ่านภารกิจไปด้วย ถือเป็นการเพิ่มอัตราความสำเร็จให้มากยิ่งขึ้น”
ในทันทีที่ชายหนุ่มอ่านรายละเอียดของภารกิจจบ ผู้เล่นที่อยู่ใกล้ ๆ เขาคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามากล่าวทักทาย
“ใช่แล้ว พี่ชาย พวกเราเห็นพี่เพิ่งจะมาที่นี่ อัตราการแข่งขันของที่นี่สูงมาก ไหนจะเป้าหมายที่มีของจริงอยู่เพียงน้อยนิดอีก ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขนาดไหน พี่ชายก็พึ่งได้แค่ดวงเท่านั้นล่ะนะ และการจะเพิ่มโอกาสให้ดวงที่ว่าก็คือต้องเพิ่มจำนวนคน เพื่อให้โชคของคนเหล่านั้นเกื้อหนุนอีกทอดหนึ่ง!”
“น้า~ พี่ชาย ร่วมปาร์ตี้กับพวกเราเถอะ ตอนนี้พวกเรามีสมาชิกสี่คนแล้ว ขาดแค่คนเดียวเอง!”
ผู้เล่นที่วิ่งเข้ามานั้นเป็นคนที่ยังมีสมาชิกในปาร์ตี้ไม่ครบ
หลังจากพบว่าเซียวเฟิงมีสัตว์ขี่ประเภทบินได้ พวกเขาก็มองชายหนุ่มเป็นโปรเพลเยอร์ไปเสียแล้ว ดังนั้นจึงพากันส่งคำเชิญเข้าปาร์ตี้กันรัว ๆ ซึ่งคนส่วนมากนั้นเป็นผู้เล่นธรรมดาที่มีอุปกรณ์ระดับทั่วไป และขณะเดียวกัน เหล่าผู้เล่นที่มีชื่อเสียงคนอื่นต่างก็สร้างปาร์ตี้ของตนกันหมดแล้ว
“ยังไม่ต้องการ”
เซียวเฟิงเมินเฉยคนเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง จากนั้นชายหนุ่มก็ขี่เสี่ยวเสวี่ยไปยังริมทะเลสาบเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์
เขาไม่ได้คิดว่ามันจะยากอะไรขนาดนั้น อันที่จริง พื้นที่รอบทะเลสาบมรกตแห่งนี้ก็ไม่ใช่พื้นที่ขนาดเล็ก มันน่าจะมีความกว้างราวหนึ่งหมื่นตารางเมตรได้ ไม่เช่นนั้นคงจะไม่สามารถรองรับผู้เล่นหลักพันคนได้ และทะเลสาบสีเขียวนั้นไม่ได้เกิดจากการที่มีพืชน้ำเติบโตอยู่แต่อย่างใด มันดูราวกับคริสตัลใส ส่วนคุณภาพของน้ำก็จัดอยู่ในระดับดีมากจนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่หลั่งไหลออกมา และหากมีข่าวลือเกี่ยวกับเทพธิดาเอลฟ์ถูกเผยแพร่จากที่แห่งนี้ มันก็คงจะเป็นเรื่องจริงจนน่าเหลือเชื่อ
“สหาย ขอถามหน่อยได้ไหม นายมาจากกิลด์มิดซัมเมอร์หรือเปล่า?”
คราวนี้ มีผู้เล่นหลายคนเริ่มตรงมาหาเซียวเฟิง และชายที่เดินนำเข้ามานั้นกำหมัดแน่นขณะถามเขาไปด้วย
“เปล่า” เซียวเฟิงมองกลับไปยังคนเหล่านั้น พวกเขาเป็นปาร์ตี้ห้าคน และก็เป็นผู้เล่นเผ่าเอลฟ์ทั้งหมด ชื่อกิลด์ที่อยู่ด้านบนบ่งบอกให้รู้ว่าคนเหล่านี้มาจากสัมพันธมิตรแจ็กด์ ทว่าผู้เล่นทั้งห้าคนนี้มีคำนำหน้าชื่อเป็น ‘ไอออนบลัด’ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่สมาชิกชั้นนำของสัมพันธมิตรแจ็กด์ ดังนั้นเซียวเฟิงจึงตอบกลับเพียงแค่แผ่วเบาแล้วหันไปมองทางอื่น
“งั้นก็ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ พวกฉันเข้ามาหานายเพราะเห็นว่าสัตว์ขี่ตัวนั้นค่อนข้างคล้ายกับยูนิคอร์นที่อยู่กับกิลด์มิดซัมเมอร์น่ะ นายเองก็น่าจะรู้ว่ายูนิคอร์นนั้นแทบจะเป็นสัตว์ขี่ประจำกิลด์มิดซัมเมอร์ไปแล้ว แบบผูกขาดน่ะนะ ฮ่า ๆๆ”
ผู้เล่นที่ใช้ชื่อว่า ‘โกลด์โปเกมอน’ หัวเราะออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม เขาดูจะโล่งใจที่ได้ยินว่าเซียวเฟิงไม่ใช่สมาชิกกิลด์มิดซัมเมอร์
“ภูตแสงนั่นจับยากมากเลยเหรอ?” เซียวเฟิงอดไม่ได้ที่จะถาม เพราะเขาจำได้ว่าภูตเหล่านี้จะเกิดใหม่ภายในเจ็ดวันตามเวลาของเกมอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถ้าเทียบกับเวลาในโลกความจริง นั่นหมายถึงมันจะเกิดใหม่ทุก ๆ ยี่สิบสี่ชั่วโมง เพียงแค่รอบเดียวก็เกินพอแล้ว เขาไม่อยากจะเสียเวลาจนถึงพรุ่งนี้หรอก หากพลาดรอบนี้ไปแล้ว
“ใช่ มันคงจะดีกว่านี้ ถ้าเป้าหมายของพวกเราเกิดเร็วขึ้นเหมือนแต่ก่อน ตอนนี้มันช้ามาก แม้ว่าจะเกิดใหม่ในทุก ๆ เช้าและมีพวกมันประมาณ 1-200 ตนที่ถูกสร้างขึ้นมา แต่ร่างจริงนั้นกลับมีเพียง 10-20 ตนเท่านั้น และตอนที่ภารกิจนี้ถูกค้นพบเมื่อไม่กี่เดือนก่อน พวกกิลด์ใหญ่ก็มาจับจองกันไว้ก่อนแล้ว พวกนั้นยึดครองพื้นที่บริเวณนี้ไว้และไม่ยอมปล่อยให้คนอื่นได้ทำภารกิจ จนกระทั่งสมาชิกกิลด์ทุกคนทำภารกิจเสร็จเกือบจะหมดแล้ว”
ผู้เล่นที่มีชื่อ ‘หวงจินเป่าเค่อเหมิง’ อธิบาย
“เกิดใหม่ทุกเช้า? ถ้างั้นกว่ามันจะเกิดใหม่อีกครัั้งนานแค่ไหน?” เซียวเฟิงถามอีกครั้ง
“สหาย นายมาได้ถูกเวลาแล้ว ตอนนี้เหลืออีกครึ่งชั่วโมงพวกมันก็เกิดใหม่แล้วล่ะ” โกลด์โปเกมอนตอบ
“พวกนายไม่ได้ว่าอยู่ในกิลด์สัมพันธมิตรแจ็กด์เหรอ? ทำไมถึงยังมาทำภารกิจนี้อยู่อีก?”
หลังจากพยักหน้าอย่างเข้าใจ ชายหนุ่มก็ถามไปเรื่อย
“พวกเราเพิ่งจะสมัครเข้ากิลด์น่ะ ในตอนนี้พวกกิลด์หลักถอนกำลังกันไปหมดแล้ว รวมถึงกิลด์ของพวกเราด้วย เพราะอย่างนั้นจึงต้องมาทำภารกิจกันเอง” โกลด์โปเกม่อนยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย
เซียวเฟิงพยักหน้าอีกครั้ง ครั้งนี้เขาหยุดพูดและมองไปยังทะเลสาบเพื่อรอเวลาให้เหล่าภูตแสงทั้งหลายเกิดใหม่ หากรอเพียงครึ่งชั่วโมงละก็ ไม่ถือว่านานเท่าไหร่
หลังจากที่รอมาสิบนาทีเศษ คน ๆ หนึ่งก็เดินมาทางนี้ เธอเป็นผู้เล่นเผ่าเอลฟ์ที่ดูอายุยังน้อย บางทีอาจจะยังเป็นวัยรุ่นอยู่ด้วยซ้ำ ทว่ามันก็กล่าวได้ยากว่าเธอเป็นผู้ใหญ่แล้วหรือยัง
และชื่อของเธอก็ถูกปกปิดไว้เหมือนกับเซียวเฟิง แต่เด็กสาวกลับดูน่ารักและงดงามด้วยท่าทีไร้เดียงสาและเขินอายคล้ายกับเด็กสาวข้างบ้าน ยิ่งเมื่อรวมกับรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเผ่าเอลฟ์แล้ว ทำให้ไฟในตัวของเหล่าผู้เล่นที่กำลังนั่งเบื่อ ๆ อยู่ตรงริมทะเลสาบลุกโชนขึ้นมา ไม่เว้นแม้แต่เซียวเฟิงที่หันไปมองประมาณสองรอบ อย่างไรก็ตาม การรอคอยนั้นน่าเบื่อหน่ายเสมอ การมีสาวน้อยน่ารักสักคนแวะเวียนมาก็นับว่าดีไม่หยอก
ผู้เล่นสาวคนนี้ดูจะเป็นคนเก็บตัวเล็กน้อย หลังจากรับภารกิจจาก NPC เอลฟ์สูงวัยแล้ว เธอก็มองรอบ ๆ ตัวที่มีเหล่าผู้เล่นชายจำนวนมากที่ปาร์ตี้ยังไม่เต็มกำลังห้อมล้อมอยู่ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติเพราะมีใครไม่อยากได้สาวสวยมาร่วมทีมบ้างล่ะ?
ทว่าเธอกลับปฏิเสธทุกคนด้วยความเขินอาย หลังจากมองรอบกายอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ตัดสินใจมายืนอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิงด้วยความกระวนกระวาย
ชายหนุ่มเพียงแค่มองเธอแวบเดียว แล้วก็ไม่ได้สนใจอีก เพราะสิ่งที่เขากำลังจับตามองจริง ๆ คือทะเลสาบมรกตอันเป็นเป้าหมายของภารกิจนี้ต่างหาก ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสัมผัสได้ถึงการกระทำและสายตาของหญิงสาวที่พยายามเขยิบเข้ามาใกล้
หลายครั้งที่เขาขมวดคิ้วแล้วหันไปมอง เธอก็จะรีบหันไปมองทางอื่นก่อนจะเริ่มเขยิบเข้ามาใหม่เมื่อเซียวเฟิงไม่ได้สนใจ
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะบ่นในใจ เห็นทีเขาคงจะต้องหาหน้ากากมาใส่เหมือนเดิมเสียแล้ว เพราะความหล่อเหลาของเขาทำให้กลายเป็นที่จับตามองได้ง่าย แต่น่าเสียดายจริง ๆ ที่รู้สึกตัวช้าไป
อยากเกิดมาขี้เหร่จริง ๆ!
“มาแล้ว!”
เซียวเฟิงไม่มีเวลาให้อวยตัวเองมากนัก เพราะจากนั้นไม่นานเสียงร้องด้วยความตื่นเต้นของผู้เล่นคนอื่นบนเกาะก็ดังขึ้น
ชายหนุ่มรีบมองไปยังทะเลสาบมรกตแล้วก็พบกับสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเท่าลูกบอลแสงสีเขียวกำลังกระเด้งไปมา มันรวมตัวกันเหนือผิวน้ำทะเลสาบ และเมื่อใช้ทักษะการตรวจสอบ เขาก็ได้คำตอบว่า ก้อนแสงเหล่านั้นคือภูตแสง!
“ไปเร็ว!”
เซียวเฟิงลูบบนแผงคอที่สวยและงดงามของเสี่ยวเสวี่ย ทันใดนั้นยูนิคอร์นแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ก็สยายปีกกว้างพร้อมทั้งทะยานขึ้นฟ้าไปหาลูกบอลแสงสีเขียวเหนือทะเลสาบนั้นทันที
“เอาล่ะนะ!”
ด้วยการตวัดค้อนศักดิ์สิทธิ์ในมือ แสงสว่างจากทักษะการจับ บอลแสงสีเขียวที่อยู่ใกล้ ๆ เซียวเฟิงก็โดนคว้าได้ในที่สุด
[การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
เสียงเตือนจากระบบทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้ว ในขณะเดียวกัน ดวงแสงสีเขียวที่เขาจับได้นั้นก็ระเบิดออกคล้ายฟองสบู่และไม่เหลือร่องรอยใดไว้เลย
เขาไม่มีเวลากลับมาคิดทบทวนเรื่องนั้นอีกครั้ง นั่นเพราะผู้เล่นที่อยู่รอบ ๆ ทะเลสาบเองก็เริ่มตั้งตัวและทำภารกิจกันแล้ว ผู้เล่นคนแล้วคนเล่าเริ่มไล่จับบอลแสงที่อยู่เหนือทะเลสาบ ดังนั้นเซียวเฟิงจะมามัวรีรอไม่ได้!
“จับ!”
[ติ๊ง! การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
[ติ๊ง! การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
[ติ๊ง! การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
…
หลังจากพยายามอยู่นับสิบครั้ง ผลลัพธ์ก็ออกมาเป็นล้มเหลวทั้งสิ้น ทำให้เซียวเฟิงกัดฟันแน่น เขาไม่รู้ว่าอัตราความสำเร็จของภารกิจนี้มีน้อยนิดเกินไปหรือทักษะการจับของเขาต่ำเกินกว่าที่จะสามารถไล่จับภูตแสงพวกนี้ได้กันแน่ ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงไม่ใจเย็นอีกต่อไป
“เสี่ยวเสวี่ย! คลื่นวายุ!”
เซียวเฟิงตบหัวของเสี่ยวเสวี่ยทีหนึ่ง ทันใดนั้นยูนิคอร์นตัวนั้นก็แหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องออกมา ปีกทั้งสองข้างของมันกระพืออย่างรุนแรงจนเกิดเป็นพายุลูกใหญ่ขึ้นมากลางอากาศ พัดพาร่างของผู้เล่นคนอื่นที่อยู่เบื้องหน้าเขาให้ลอยขึ้น ตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นเหนือหัวพวกเขา และมันรุนแรงขนาดที่ทำให้หลายคนต้องยอมแพ้
[ติ๊ง! ท่านได้ทำร้ายผู้เล่น xxx ตอนนี้ท่านได้เข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว!]
[ติ๊ง! ท่านได้สังหารผู้เล่น xxx ค่าอาชญากรรมของท่าน +1]
[ติ๊ง! ท่านได้สังหารผู้เล่น xxx ค่าอาชญากรรมของท่าน +1]
[ติ๊ง! ท่านได้ทำร้ายผู้เล่น xxx ตอนนี้ท่านได้เข้าสู่สถานะต่อสู้แล้ว!]
[ติ๊ง! ท่านได้สังหารผู้เล่น xxx ค่าอาชญากรรมของท่าน +1]
“อะไรน่ะ!? ใครทำแบบนี้กัน!? รุนแรงชะมัด—หรือว่า มีใครคิดจะกวาดเรียบทีเดียวเลยงั้นเหรอ!”
“ช่างมัน! จับให้ได้ก่อน! มีภูตแสงเหลือไม่มากแล้ว!”
“บ้าเอ๊ย! มันต้องเป็นของฉัน! อย่ามารั้งนะ!”
“หาเรื่องตายแล้ว! จัดการเจ้านั่นซะ!”
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเริ่มดังไปทั่วทั้งพื้นที่นั้น
ในตอนนี้ ผู้เล่นทั้งหมดในบริเวณนี้ตกอยู่ในความอลหม่าน ผิดกับเซียวเฟิงที่กำลังหงุดหงิดใจที่คลาสของเขาไม่มีพลังมากพอที่จะกำจัดผู้เล่นทุกคนที่พยายามแย่งชิงภูตแสงของเขาไป จึงทำได้เพียงกำจัดกลุ่มคนที่ละกลุ่มเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาห่วงเรื่องที่แก้ไขไม่ได้อยู่แล้ว เสี่ยวเสวี่ยกระพือปีกอีกครั้งและคราวนี้ก็รีบบินตรงไปยังภูตแสงที่เหลืออยู่
[ติ๊ง! การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
[ติ๊ง! การจับล้มเหลว! ทักษะการจับได้รับการเพิ่มประสิทธิภาพ!]
…
[ติ๊ง! การจับสำเร็จ! ท่านได้รับไข่ของภูตแสง!]
ในที่สุด หลังจากยึดครองพื้นที่ได้และเสียเวลาจับภูตแสงไปสิบกว่าครั้ง เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็เปลี่ยนไปเป็นสำเร็จเสียที
เซียวเฟิงโล่งใจ เขาดูจะไม่อยากทำภารกิจแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองแล้ว
เสี่ยวเสวี่ยบินกลับมายังริมทะเลสาบ โดยไม่สนใจสนามรบที่วุ่นวาย ส่วนเขาก็มุ่งตรงไปยังเอลฟ์สูงวัยเพื่อส่งมอบภารกิจ
ภารกิจของเขาเป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ส่วนภูตแสงตัวจริงนั้นยังเหลืออีกราวสองสามตน พวกมันบินไปมาอยู่ที่เหนือผิวทะเลสาบมรกต ผู้เล่นที่โชคดีได้ตัวจริงไปก็แสดงความดีใจและเดินหน้าบานมาหา NPC เอลฟ์สูงวัย
แต่สิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงอดประหลาดใจไม่ได้นั่นก็คือ เอลฟ์สาวที่ดูเคอะเขินและเหนียมอายคนนั้นกลับสามารถจับมันได้ด้วย และเดินไปหา NPC เพื่อส่งมอบภารกิจพร้อมด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
หญิงสาวโบกมือให้เขาจากไกล ๆ โดยไม่รู้เลยว่าเซียวเฟิงจะรับการทักทายของเธอหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงเมินเฉยต่อเธอสิ้นเชิง และจากที่นี่ไปทันทีหลังจากรับรางวัลจากภารกิจแล้ว ปีกสีขาวบริสุทธิ์ของเสี่ยวเสวี่ยพลันสยายกว้างอีกครั้งและถลาบินออกไปอย่างรวดเร็ว