Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 616 ป่ากลืนกิน
บทที่ 616 ป่ากลืนกิน
บทที่ 616 ป่ากลืนกิน
ชานัวมอบภารกิจถัดไปให้เซียวเฟิงอย่างต่อเนื่อง ผิดกับภารกิจต่อเนื่องที่ระบบมอบให้ เพราะภารกิจเหล่านี้จำเป็นต้องทำหลายภารกิจติดต่อกัน
ถ้าอ้างอิงตามคำพูดของชานัว เธอถือเป็นปัญญาประดิษฐ์แบบเติบโตได้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ซึ่งสามารถสร้างโลกเดอะมิธจนแทบจะไร้ช่องโหว่ได้ แต่ต่อให้เจอช่องโหว่เข้าจริง ๆ เธอก็จะปิดข้อบกพร่องนั้นให้หายไปก่อนที่ผู้เล่นจะใช้ประโยชน์จากมันได้เสียอีก
ดังนั้น ต่อให้ชานัวมีตัวตนอยู่ในสภาพวิญญาณ ก็ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎที่เกมวางเอาไว้อยู่ดี ทั้งนี้เธอก็จะได้ลอบแก้ไขข้อมูลเพื่อค้นหาเป้าหมายพบ
ภารกิจที่สองก็ยังเป็นภารกิจลับที่ค่อนข้างแตกต่างจากภารกิจทั่วไปอยู่มาก เพราะหลังจากทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็จะได้รับสัตว์เลี้ยงระดับเทวทูตมาครอบครอง ซึ่งสัตว์เลี้ยงดังกล่าวเป็นสัตว์เลี้ยงขั้นสุดยอดที่ระบบได้สร้างขึ้นและปล่อยให้เติบโตภายในเกมนี้ จากนั้นก็จะนำมันมาแก้ไขข้อมูลและแทนที่ด้วยข้อมูลของเซียวหลิง
พูดง่าย ๆ ก็คือ เธอตั้งใจจะใช้ตัวตนของสัตว์เลี้ยงตัวนี้สำหรับคืนชีพให้เซียวหลิง!
อ้างอิงจากการคำนวณของชานัว สัตว์เลี้ยงตัวนี้เหมาะที่จะแบกรับดวงวิญญาณของเซียวหลิงไว้ที่สุด
มันคือ…
“เจ้าหญิงเอลฟ์เหรอ?!”
เซียวเฟิงอ่านรายละเอียดของภารกิจ แล้วเอ่ยออกมาเบา ๆ
ชายหนุ่มได้รับภารกิจให้ความช่วยเหลือเจ้าหญิงแห่งอาณาจักรเอลฟ์ ซึ่งภารกิจลับนี้เป็นภารกิจเดียวที่หากทำสำเร็จ ผู้เล่นจะได้รับเจ้าหญิงเอลฟ์มาเป็นสัตว์เลี้ยงได้
“งั้นก็ไปกันเถอะ เสี่ยวเสวี่ย!”
ที่ตั้งของภารกิจก็อยู่ในอาณาจักรเอลฟ์เช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงพูดพลางลูบหัวเสี่ยวเสวี่ยเบา ๆ
ร่างที่สง่างามและสูงใหญ่ของเสี่ยวเสวี่ยตอบรับสัมผัสนั้นและให้เซียวเฟิงขึ้นขี่อย่างง่ายดาย มันสยายปีกกว้างและบินทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าอีกครั้ง
เนื่องจากมันเป็นภารกิจลับ และมีรางวัลเป็นสัตว์เลี้ยงระดับเทวทูต จึงไม่ต้องกล่าวเลยว่าความยากของภารกิจนี้จะมากขนาดไหน
เซียวเฟิงเหลือบมองไปยังรายชื่อเพื่อน ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเกือบจะสิบโมงเช้าแล้ว แต่ซื่อเยี่ยจิ้งก็ยังไม่ออนไลน์เสียที เขาจึงเริ่มคร้านจะบอกให้เธอส่งอุปกรณ์ของเขาคืนมาแล้ว เมื่อตระหนักได้เช่นนั้น ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าตรงไปยังพื้นที่ทำภารกิจ โดยหวังจะพึ่งเพียงพลังและความแข็งแกร่งของตนเองก็พอ
เสียงของสายลมพัดหวีดหวิว หิมะบาง ๆ เริ่มตกให้เห็นเป็นระยะ ๆ ทำให้ภาพของพื้นที่ป่าภายในอาณาจักรเอลฟ์นี้ดูสวยงามขึ้นอย่างมาก ด้วยใบไม้และพืชพรรณที่เติมความสดชื่นและสดใส ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีป่าไม้สูงใหญ่เป็นภาพที่น่าจดจำ ไม่ว่าจะด้วยความหนาทึบหรือความกว้างขวาง เพียงแค่ปรายตามองก็ช่วยปลอบประโลมจิตใจได้เป็นอย่างดี
ทว่าเซียวเฟิงไม่ได้มีเวลาว่างมากพอจะชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามนั้น หัวใจของเขาในตอนนี้มีแต่เซียวหลิงเท่านั้น
ความเร็วของเสี่ยวเสวี่ยนับว่ารวดเร็วมาก มันใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษก็มาถึงสถานที่ทำภารกิจแล้ว
ที่แห่งนี้เป็นป่าใหญ่ แต่แทนที่จะเป็นสีเขียวชอุ่มเหมือนกับบริเวณอื่น มันกลับกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยใบไม้สีเหลืองและหมอกควันสีดำ ไม่ว่าจะจากมุมใด สถานที่ตรงหน้าก็ไม่น่าเข้าใกล้เลยสักนิด
เมื่อชายหนุ่มมองลงมาจากอากาศ ราวกับว่าที่นี่กำลังบดบังทัศนียภาพเบื้องล่างไว้ก็มิปาน ดูท่ามันจะเป็นอีกหนึ่งแผนที่พิเศษและไม่สามารถดิ่งลงไปจากบนอากาศได้แน่ ๆ
ชายหนุ่มจำใจต้องบินวนไปเกือบครึ่งวงกลมเพื่อหาทางเข้า ก่อนจะนำเสี่ยวเสวี่ยร่อนลงบนพื้นในบริเวณนั้นและเดินเข้าไปด้านใน
“มีสี่คนแล้ว ขาดหนึ่งคน มีฮีลเลอร์แล้วด้วย!”
“มาเร็ว ต่อให้เป็นนักรบโล่ก็ทำได้! พวกเราขอแค่มีพลังชีวิตมากกว่าสองพันหน่วยพอ!”
“ปาร์ตี้ลงดันเจี้ยนของตำหนักฉางหลางกำลังขาดคลาสสายโจมตีระยะไกล นักเวทที่มีพลังโจมตีระดับสูง และนักแม่นปืนที่คอยสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องได้!”
สถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า ‘ป่ากลืนกิน’
ที่บริเวณทางเข้านั้นมีผู้เล่นและ NPC อยู่เพียงเล็กน้อย เซียวเฟิงเหลือบมองคนเหล่านี้ก่อนจะเดินผ่านไป จากนั้นเขาก็พบว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นดันเจี้ยนจริง ๆ เลเวลของมันคือ 55 และถือเป็นดันเจี้ยนลำดับที่สองในระดับเดียวกัน ซึ่งสามารถเข้าได้จนถึงเลเวล 65 ซึ่งคล้ายกับดันเจี้ยนลำดับแรกที่สามารถเข้าได้ถึงเลเวล 65
มันเป็นเพียงดันเจี้ยนทั่วไปสำหรับปาร์ตี้ผู้เล่นห้าคน ไม่ว่าใครก็สามารถมายังดันเจี้ยนแห่งนี้ได้ แต่ชายหนุ่มไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้านัก เมื่อเขาเดินผ่านคนเหล่านี้มาแล้ว ชายหนุ่มก็มุ่งหน้าตรงเข้าไปภายในป่ากลืนกิน
จุดเริ่มต้นของภารกิจที่เขาได้รับตั้งอยู่ภายในพื้นที่ส่วนกลางของสถานที่แห่งนี้
“กรรร!!”
ภายในป่ากลืนกินนั้นมีมอนสเตอร์มากมายเฝ้ารออยู่ ส่วนมากจะเป็นประเภทต้นไม้ และมีชื่อเป็น ‘อสูรพฤกษามรณะ’
แม้มันจะดูเหมือนต้นไม้หากมองจากไกล ๆ แต่ยามที่เข้าไปใกล้แล้ว ต้นไม้เหล่านั้นจะกลับมามีชีวิตแล้วโจมตีเป้าหมายอย่างรวดเร็ว และยิ่งเดินลึกเข้าไปภายในป่า ต้นไม้อสูรเหล่านี้ก็จะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อย ๆ
[ติ๊ง! ท่านได้สังหารบอสระดับเงิน อสูรพฤกษามรณะ ได้รับค่าประสบการณ์ 26,000 หน่วย!]
ค้อนศักดิ์สิทธิ์เหวี่ยงตวัดจนเกิดแสงสีเงินเข้าโจมตีใส่อสูรพฤกษาที่มีความสูงกว่าสามเมตรเบื้องหน้า เซียวเฟิงมองไปยังตำแหน่งของเขาที่อยู่บนแผนที่ ก่อนจะขมวดคิ้ว
เขาเพิ่งจะเข้ามาได้ครึ่งทางเท่านั้น แต่กลับเจอบอสระดับเงินเลเวล 65 แล้ว ดูท่าเลเวลของแผนที่นี้จะไม่ใช่ระดับต่ำจริง ๆ
เขาเก็บเหรียญทองและอุปกรณ์ที่ดรอปมาจากร่างที่ระเบิดหายไปของมอนสเตอร์ระดับ เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าความเร็วในการกำจัดมอนสเตอร์ของเขาจะไม่ช้านัก จึงทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องเวลาเดินทาง แต่อุปกรณ์ที่ใช้อยู่ก็ยังไม่ดีที่สุดสำหรับเขา ไหนจะค่าประสบการณ์ที่ดรอปจากมอนสเตอร์เหล่านี้ก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่ เรียกว่าน้อยก็ยังไม่เกินจริง ดังนั้นเขาไม่อยากจะเสียเวลาเลยแม้แต่นิดเดียวและมุ่งหน้าไปยังใจกลางของป่าแห่งนี้แทน
ไม่รู้ว่ามีมอนสเตอร์อีกมากขนาดไหนภายในป่านี้ เมื่อเดินทางผ่านจุดหนึ่งมาแล้ว ตำแหน่งก่อนหน้าก็จะถูกหมอกควันเข้าปกคลุม เสียงคำรามของมอนสเตอร์ที่อยู่ภายในหมอกก็ดังไล่หลังมาเรื่อย ๆ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจ เพียงไม่นานนัก เซียวเฟิงก็เข้ามาใกล้ใจกลางป่าแล้ว
มอนสเตอร์ที่อยู่รอบ ๆ ลดจำนวนลงไปอย่างเห็นได้ชัด ภาพเบื้องหน้าเริ่มกลับมามองเห็นชัดอีกครั้ง รวมไปถึงพืชพรรณรอบ ๆ ก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งราวกับได้รับการฟื้นฟู
“มีใครอยู่ที่นี่หรือไง?”
หลังจากเข้ามาถึงใจกลางป่าแล้ว เขาก็ไม่พบมอนสเตอร์ในบริเวณนี้เลย ทว่ากลับมีศพของอสูรพฤกษามากมายที่ยังไม่สลายไปล้มตายเกลื่อนกลาดในบริเวณนี้แทน ทำให้เซียวเฟิงขมวดคิ้วแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ‘ที่นี่ยังมีผู้เล่นคนอื่นอยู่อีกเหรอ?’
ความกังวลที่กลัวว่าจะมีใครมาแย่งเขาทำภารกิจลับ ทำให้เซียวเฟิงต้องเร่งความเร็วและฝ่าเข้าไปในป่า และในตอนนั้นเอง ภาพเบื้องหน้าก็ชัดเจนยิ่งขึ้น
ท่ามกลางป่าที่ดูไร้ชีวิตชีวา เบื้องหน้าของภูเขาลูกนี้มีทุ่งหญ้าเขียวขจีขึ้นอยู่เต็มไปหมด และใจกลางของทุ่งหญ้าเขียวขจีนั้นก็มีต้นไม้ยักษ์ที่แผ่รากแก้วขนาดใหญ่ไปตามพื้นดิน ความสูงของมันราวกับเป็นต้นไม้ที่นำพาไปสู่ฟากฟ้าได้เลย!
“ไม่ผิดแน่ ที่นี่มีคนอื่นอยู่จริง ๆ!”
เซียวเฟิงลดความเร็วลงและมองตรงไปยังร่างที่อยู่ใต้ต้นไม้ยักษ์ ไม่ผิดแน่นอน มีใครอื่นเข้ามาถึงบริเวณนี้ก่อนแล้ว อีกฝ่ายมาถึงก่อนเพียงก้าวเดียวเท่านั้น! และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมาเพียงคนเดียว แต่เป็นใครกันนะ?
การที่เขาเข้ามาที่นี่ได้ แสดงว่าอีกฝ่ายต้องเป็นระดับโปรเพลเยอร์แน่ ๆ!
แต่แล้วตอนนั้นเอง เซียวเฟิงที่มองไปยังร่างปริศนาก็ต้องประหลาดใจ เพราะร่างที่ว่านั้นเป็นคนที่เขาคุ้นเคยมาก!
เจ้าของร่างนั้นคือเอลฟ์สาวที่เซียวเฟิงเพิ่งจะเจอตอนที่ทำภารกิจสัตว์เลี้ยงตัวที่สองนั่นเอง!
เมื่อชายหนุ่มเดินออกมาจากเขตป่าทึบ ผู้เล่นสาวคนนั้นก็หันกลับมามองด้วยความระมัดระวัง และเมื่อพบว่าผู้มาเยือนนั้นเป็นเซียวเฟิง เธอก็แสดงความประหลาดใจออกมาเช่นกัน
“เธอเป็นโปรเพลเยอร์จริง ๆ สินะ” เซียวเฟิงเดินตรงมายังผู้เล่นสาวพลางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“สวัสดีค่ะ…เจ้าแห่งฮีลเลอร์ ทำไมคนอย่างคุณถึงมาที่นี่กันล่ะคะ? หรือว่า…คุณเองก็ได้รับภารกิจของเจ้าหญิงเอลฟ์เหมือนกัน?” หญิงสาวถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา ทั้งยังหวานใสราวกับนกกระจิบเหลืองตัวน้อย
“เธอรู้จักฉันด้วยเหรอ?” เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เซียวเฟิงรู้สึกประหลาดใจ
“เรื่องนั้น…ฉันจำคุณได้ตั้งแต่เมื่อตอนทำภารกิจสัตว์เลี้ยงตัวที่สองเมื่อเช้านี้แล้วค่ะ” ผู้เล่นสาวกล่าวด้วยท่าทีเขินอายเล็กน้อย “แต่แค่ไม่กล้าทักทายเฉย ๆ…”
“ในเมื่อเธอรู้จักฉันก็คุยกันง่ายหน่อย ดูเหมือนว่าเธอเองก็ได้รับภารกิจนี้เหมือนกัน และก็น่าจะรู้ด้วยว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจเดี่ยว ดังนั้นฉันอยากให้เธอวางมือจากภารกิจนี้ซะ”
เซียวเฟิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะคิดว่าตอนที่เธอเดินเข้ามาหาเขาที่ทะเลสาบมรกตนั้นเป็นเพราะความหล่อเหลาของตน แต่ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะจดจำเขาได้ ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากบอกให้เธอยอมวางมือ
“อ๊ะ…ได้ยังไงกัน…” หญิงสาวดูจะผิดหวังเช่นกัน เธอกำคทาในมือไว้แน่นราวกับพร้อมจะป้องกันตนเอง ขณะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ทำไม? อยากให้ฉันกำจัดเธอแล้วส่งไปเกิดที่เมืองผู้เล่นเหรอ?” เซียวเฟิงตวัดสายตาอันดุร้ายใส่ ในเมื่อเธอรู้จักเขา ก็คงจะรู้ว่าเขาไม่ใช่พวกที่ไม่กล้าลงไม้ลงมือกับผู้เล่นหญิง
“ต-แต่ฉันก็อยากจะทำภารกิจนี้เหมือนกันนะคะ…” เธอกระชับคทาในมือให้มั่น ขณะก้าวถอยด้วยความยำเกรง แสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่ยอมแพ้
“หือ? น่าสนใจดีนี่ ดูเหมือนว่าหลังจากที่หายไปนาน ชื่อเสียงของฉันก็คงจะไม่ช่วยอะไรซะแล้ว ฉันจะแสดงให้เธอได้เห็นก็ได้ว่า ทำไมฉันถึงกลายเป็นเรื่องเล่าได้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้!”
ชายหนุ่มยิ้มขู่ คราวนี้จะได้ผลหรือเปล่านะ?
“ต่อให้จะรู้ว่าเรื่องเล่านั้นไม่ใช่เรื่องโกหก แต่ฉันก็ยังยืนยันที่จะทำภารกิจนี้ค่ะ!”
ถึงแม้จะหวาดกลัว แต่ผู้เล่นหญิงก็ยังดื้อรั้น เธอถอยไปอีกก้าวหนึ่งพร้อมชี้คทาในมือไปทางเซียวเฟิงราวกับว่าเตรียมจะใช้สกิลแล้ว
“งั้นเสี่ยวไป๋ จัดการเธอซะ”
ฮีลเลอร์หนุ่มยิ้มน้อย ๆ เพราะคร้านจะพูดแล้ว จากนั้นมิติสัตว์เลี้ยงก็เปิดออกข้างกายเขา พร้อมกับร่างที่บอบบางของเสี่ยวไป๋ถูกอัญเชิญออกมา มันปกคลุมไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ดาบและเกราะแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์สวมลงมาบนร่างของเทวทูตหกปีกตัวน้อย และเปลี่ยนเธอให้กลายเป็นเครื่องจักรสังหารเข้ากำจัดผู้เล่นหญิงที่อยู่เบื้องหน้า
“มองเกอร์! มอนชิ!”
ผู้เล่นสาวที่ได้เข้าสู่สถานะต่อสู้ครั้งแรก สลัดความขี้อายก่อนหน้านี้ทิ้งไปและแทนที่ด้วยสีหน้าจริงจัง เธอวาดคทาไปเบื้องหน้าพร้อมกับร่ายคาถาเพื่อสร้างวงแหวนเวทมนตร์สีเขียวขึ้นมาสองวง
ครืน! ครืน! ครืน!
ทันใดนั้นเอง พื้นดินเบื้องหน้าผู้เล่นเอลฟ์ก็ถูกยกขึ้น เถาวัลย์เส้นใหญ่พุ่งขึ้นมาจากจุดนั้นและเข้าโจมตีเสี่ยวไป๋ ขณะเดียวกัน ต้นไม้ที่อยู่บริเวณโดยรอบก็เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ผืนหญ้าในบริเวณนี้สูงเท่าครึ่งตัวคนแล้ว ดอกไม้ประหลาดกับพืชที่ดูน่าสงสัยต่างพากันโตขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
ฉัวะ!
ด้วยการตวัดดาบใหญ่ของเสี่ยวไป๋ รากไม้และเถาวัลย์เหล่านั้นก็ขาดสะบั้นอย่างง่ายดาย ทว่าพวกมันกลับมีจำนวนมากราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
ตอนที่เถาวัลย์ถูกตัดขาด มันจะงอกขึ้นมาจากใต้ดินและมีจำนวนมากกว่าเดิม พวกมันเข้ารัดข้อเท้าของเสี่ยวไป๋ด้วยความเร็วที่ไม่มีใครเทียบได้ จากนั้นก็เหวี่ยงร่างของเสี่ยวไป๋ออกไปอย่างรุนแรง
นอกจากนี้ เหล่าพืชประหลาดที่เติบโตขึ้นมารอบกายของผู้เล่นหญิงนั้นก็ดูจะกำลังร่ายรำอยู่ ส่วนดอกไม้เหล่านั้นก็แปรสภาพเป็นเครื่องยิงกระสุน พ่นเข็มขนาดเล็กนับไม่ถ้วนออกมาพร้อมกัน และบางส่วนก็พ่นเป็นละอองแสงออกมาใส่ร่างของเอลฟ์สาว ขณะสร้างบัฟใส่เธอไปด้วย
เซียวเฟิงเพียงแค่มองจากไกล ๆ ไม่ได้เข้ามาร่วมต่อสู้ด้วย อันที่จริง เขาไม่จำเป็นต้องเป็นฝ่ายลงมือเองด้วยซ้ำ
เสี่ยวไป๋เป็นถึงสิ่งมีชีวิตที่มีพลังทัดเทียมกับพระเจ้า และมีเลเวลสูงถึง 69 สถานะต่าง ๆ ของเธอเรียกได้ว่าน่ากลัวทีเดียว ลำพังเพียงแค่ตัวเธอที่ไม่มีการบัฟใด ๆ ก็มีพลังชีวิตสูงถึงห้าหมื่นหน่วยแล้ว ไหนจะมีพลังโจมตีสูงกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยหน่วยอีก หลังจากอัญเชิญดาบแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมาแล้ว พลังโจมตีของเธอจะสูงถึงสามพันเจ็ดร้อยหน่วย ซึ่งสูงกว่าพลังโจมตีของเซียวเฟิงซะอีก ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ต้องกังวลอะไรทั้งน้น
“ย้าก!”
หลังจากได้ยินเสียงร้องฮึดสู้ของเสี่ยวไป๋ ดาบแห่งจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรง แสงสวรรค์ที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่าภูเขาสีทองถูกกวาดลงมาปะทะเข้ากับต้นไม้และเถาวัลย์เบื้องล่าง ควบคู่ไปตัวเลขแสดงความเสียหายอันน่าหวาดหวั่นก่อนที่พวกมันจะสลายเป็นผงละออง บ้างก็เหี่ยวเฉาเหมือนกับต้นไม้บริเวณทางเข้าป่า
ทว่าผู้เล่นหญิงคนนั้นก็ไม่ได้ถูกกำจัดในทันที ต้นไม้ที่ไม่ได้ตายจากการโจมตีเมื่อครู่ค่อย ๆ แตกสลายไป พวกมันมีหน้าที่เสมือนโล่ชีวิตที่ช่วยรับการโจมตี และเมื่อเห็นแล้วว่าการโจมตีจบลง เธอก็ไม่รอช้า รีบถอยกลับออกไปอย่างรวดเร็ว
“ออกมา! ราชาแห่งเอลฟ์!”
เธอกระชับคทาในมืออีกครั้งและตวัดออกไป ครั้งนี้วงแหวนเวทมตร์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นมาเบื้องหน้าของเธอราวกับเป็นโล่ป้องกัน และเมื่อวงแหวนเวทมนตร์นั้นหายไป ร่างของเอลฟ์ยักษ์โปร่งแสงผู้มีร่างกายท่อนบนและท่อนล่างถูกปกคลุมด้วยหมอกควันก็ได้ปรากฏออกมา
ร่างของเอลฟ์โปร่งแสงตนนี้สูงกว่าสองเมตร และสวมชุดเกราะหนาแน่น มือหนึ่งถือโล่และมือหนึ่งถือดาบ ทันทีที่ถูกอัญเชิญออกมา มันก็เข้าปะทะกับเสี่ยวไป๋ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตนั้น และสิ่งที่ทำให้เซียวเฟิงถึงกับตาเบิกโพลงนั่นก็คือ ร่างของเสี่ยวไป๋กระเด็นถอยกลับมาด้วยแรงปะทะจากเอลฟ์โปร่งแสงตนนั้น!