Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 77 ประสิทธิภาพนั้น
นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ และเซียวเฟิงจำเป็นต้องเคลื่อนที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาไม่สามารถปล่อยให้พวกมันวิ่งมาตามใจชอบได้ เพราะชายหนุ่มต้องการที่จะฆ่าทหารโครงกระดูกพวกนี้ ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือปล่อยให้พวกมันวิ่งไปรอบๆ หุบเขา!
แต่มันก็น่ากลัวใช่ย่อย เพราะเขาจะต้องถูกมอนสเตอร์เป็นพันตัวไล่ล่าในเวลาเดียวกัน และเป็นเพราะทางเดินที่คับแคบของหุบเขา เซียวเฟิงจึงไม่ต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์หลายตัวพร้อมๆ กัน แต่มันก็ยังเป็นงานที่มีความยุ่งยากอยู่ดี ผู้เล่นทั่วไปคงไม่กล้าที่จะลองดีกับงานแบบนี้เช่นกัน
แน่นอนว่าเซียวเฟิงไม่ได้กลัวพวกมัน แต่เขาไม่มั่นใจว่าไนท์ คูนเนอร์จะรอดจากทะเลโครงกระดูกแห่งความตายนี้ได้หรือไม่ ทว่าชายหนุ่มก็ต้องโกรธและพูดไม่ออกหลังจากที่หันกลับไปมองเธอ
ไนท์ คูนเนอร์ใช้สกิลซ่อนตัว และไม่มีทหารกระดูกตนใดสังเกตเห็นเธอ เพราะหญิงสาวไม่ได้สร้างดามเมจใดๆ จนสร้างค่าความเกลียดชังให้กับพวกมัน
กล่าวคือ ทหารโครงกระดูกทุกตนกำลังวิ่งเข้าหาเซียวเฟิง และเธอเพียงเฝ้ามองโดยไม่ต้องทำอะไร
ชายหนุ่มพูดไม่ออก แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะโต้เถียงกับเธอ ทะเลโครงกระดูกกำลังจะถึงตัวเขาในไม่ช้า และเซียวเฟิงก็ทำได้เพียงหันหลังวิ่งหนีไปเท่านั้น
ขณะนี้เซียวเฟิงเปรียบเสมือนกับใบไม้ในทะเลแห่งโครงกระดูก เขากระโดดขึ้นลงในคลื่นกระดูกโดยไร้รอยขีดข่วน มันดูน่าระทึกขวัญแต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
หลังจากที่วิ่งไปมาอยู่ในหุบเขาพร้อมกับทหารโครงกระดูกทั้งหลาย เซียวเฟิงก็พบว่าระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลโฮลี่ไลท์ของเขาได้ผ่านไปแล้ว คทารักษาสามารถลดระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลโฮลี่ไลท์ไปสามวินาที ดังนั้นเขาต้องการเพียงแค่ 27 วินาทีเท่านั้นก่อนที่เขาจะใช้สกิลได้อีกครั้ง
เซียวเฟิงหันหลังกลับมาและเหวี่ยงคทารักษาของเขาในทันที ทันใดนั้นเมฆสีแดงก็ลอยขึ้นมาในหุบเขาอีกครั้ง
-195!
-195!
-195!
…
ตัวเลขความเสียหายจำนวนมากปรากฏขึ้น และพลังชีวิตของทหารโครงกระดูกทั้งหมดก็ลดลงอีกครั้ง เซียวเฟิงวิ่งหนีทันทีหลังจากที่เขาใช้สกิล และพวกทหารโครงกระดูกก็ไม่มีโอกาสที่จะจับเขาได้ทัน
ไนท์ คูนเนอร์ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ และกำลังเฝ้ามองชายหนุ่มก็ถึงกับตัวแข็งขึ้นมาในทันที ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เซียวเฟิงกำลังทำอยู่ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจมันกระจ่างแล้ว! เขากำลังฆ่ามอนสเตอร์พวกนี้อยู่!! แต่ต่างจากผู้เล่นทั่วไป… เพราะเซียวเฟิงกำลังฆ่ามอนสเตอร์นับร้อยๆ ตัวในเวลาเดียวกัน!
ไนท์ คูนเนอร์มองเห็นมันด้วยตาทั้งสองข้างเอง ถ้าไม่อย่างนั้นเธอก็คงไม่เชื่อว่าผู้เล่นเพียงหนึ่งคนจะสามารถฆ่ามอนสเตอร์เป็นร้อยตัวได้ในเวลาเดียวกัน!
เวลาคูลดาวน์ 27 วินาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเซียวเฟิงก็เอาตัวรอดจากทหารโครงกระดูกได้อย่างไร้รอยขีดข่วน เขาเหวี่ยงคทารักษานั่นอีกครั้ง และเมฆสีแดงก้อนที่สามก็ปรากฏขึ้น ทำให้พลังชีวิตของทหารโครงกระดูกทั้งหมดถูกลดลงไปครึ่งหนึ่ง
เซียวเฟิงกำลังเหวี่ยงคทาของเขาต่อไปเรื่อยๆ และไนท์ คูนเนอร์ก็ตกลงไปในวังวนของภาพตรงหน้า หญิงสาวได้แต่มองไปที่เขาด้วยความว่างเปล่า
หลังจากเกิดเมฆสีแดงติดต่อกันหกครั้ง หลอดพลังชีวิตของทหารโครงกระดูกทั้งหมดในหุบเขานี้ก็เกือบจะหมดเกลี้ยง มันเหลือเพียงไม่กี่สิบหน่วยเท่านั้น ก่อนที่ระยะเวลาคูลดาวน์ของสกิลโฮลี่ไลท์จะหมด… และเมฆสีแดงก้อนที่เจ็ดก็พลันปรากฏขึ้นอีกครั้ง!
-195!
-195!
-195!
…
“ทีมของคุณได้สังหารทหารโครงกระดูกเลเวล 20 และได้รับค่าประสบการณ์ 300 หน่วย”
“ทีมของคุณได้สังหารทหารโครงกระดูกเลเวล 20 และได้รับค่าประสบการณ์ 300 หน่วย”
“ทีมของคุณได้สังหารทหารโครงกระดูกเลเวล 20 และได้รับค่าประสบการณ์ 300 หน่วย”
…
“ขอแสดงความยินดี! คุณถึงเลเวล 13 และได้รับแต้มค่าสถานะฟรี 1 แต้ม”
…
“ขอแสดงความยินดี! คุณถึงเลเวล 12 และได้รับแต้มค่าสถานะฟรี 1 แต้ม”
…
ไนท์ คูนเนอร์ถูกถล่มไปด้วยเสียงเตือนอย่างฉับพลันของระบบ ทหารโครงกระดูกแต่ละตัวสามารถมอบค่าประสบการณ์กับพวกเขาได้ 300 หน่วย และมีทหารโครงกระดูกเกือบ 10,000 ตนที่ถูกฆ่าในหุบเขานี้พร้อมกัน!
พวกเขาได้รับค่าประสบการณ์เกือบถึง 3 ล้านแต้ม!
นี่เป็นตัวเลขค่าประสบการณ์อันมหาศาล แสงไฟของการเลเวลอัพปรากฏขึ้นบนศีรษะของพวกเขาทั้งสองในทันที
….ซึ่งทั้งหมดนี้ เซียวเฟิงใช้เวลาน้อยกว่า 4 นาทีในการฆ่าพวกมัน!
โครงกระดูกแห่งความตายถล่มลงในพริบตา และหุบเขานี้ก็ถูกถมไปด้วยโครงกระดูกจำนวนมาก นับเป็นภาพที่น่าพึงพอใจมากทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เหรียญทอง อุปกรณ์ และยาต่าง ๆ มากมายก็ได้ปรากฏขึ้นในหุบเขาที่เต็มไปด้วยกระดูก มีไอเทมอยู่เยอะมากจนพวกเขามองไม่เห็นทางออก
เซียวเฟิงรีบวิ่งเข้าไปเก็บไอเทมเหล่านั้นทันทีอย่างไม่รอช้า มีไอเทมดรอปออกมาเยอะเกินไปในขณะที่เขาไม่มีเวลาพอที่จะเก็บมันทั้งหมด
นี่ถือเป็นการต่อสู้ที่ยาวนาน มันยากกว่าการจมอยู่ในทะเลโครงกระดูกเสียอีก มีไอเทมสีเขียวหลายชิ้นอยู่บนพื้น ในขณะที่เขาไม่สามารถที่จะหยิบพวกมันขึ้นมาได้ หัวใจของเซียวเฟิงปวดร้าว แต่ก็ไม่มีเวลาให้เขาโศกเศร้ากับสิ่งที่เสียไป ชายหนุ่มสามารถทำได้เพียงตัดสินใจที่จะข้ามไอเทมพวกนี้ไปและมองหาชิ้นที่ดีกว่า
“นาย… นายฆ่ามอนสเตอร์แบบนี้ตลอดเลยเหรอ? นี่คือเหตุผลที่นายอยู่อันดับแรกในรายชื่อเลเวลตลอดเวลาสินะ” ไนท์ คูนเนอร์ยังคงตะลึงอยู่ เธอมองเซียวเฟิงที่กำลังง่วนอยู่กับการเก็บไอเทมด้วยสีหน้าว่างเปล่า
แต่เซียวเฟิงกลับเมินเธอ ทำให้ไนท์ คูนเนอร์ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็วเมื่อมองไปยังไอเทมที่ดรอปอยู่อย่างมากมาย จากนั้นหญิงสาวก็จึงวิ่งเข้าเก็บไอเทมพวกนั้นอย่างบ้าคลั่งด้วยความตะลึง
ในมิธ ผู้เล่นจะมีเวลาเพียงสิบนาทีในการเก็บของที่ตกจากมอนสเตอร์ และหลังจากนั้นระบบก็จะกำจัดพวกมันทิ้งหลังจากที่เวลาผ่านไปครบกำหนดสิบนาที
เซียวเฟิงนั้นรวดเร็ว แต่เขาก็ล้มเหลวในการเก็บไอเทมให้ได้ทั้งหมดภายในเวลาสิบนาที ไอเทมทั้งหมดที่ตกอยู่บนพื้นหายไปในทันทีหลังจากผ่านไปสิบนาที
อุปกรณ์ทั้งหมดในหุบเขานี้ถูกกำจัดออกไปโดยระบบ และเซียวเฟิงก็ต้องหยุดอย่างช่วยไม่ได้ในขณะที่หัวใจของเขาปวดร้าว
“ว้า! เสียดายจัง!” ไนท์ คูนเนอร์เองก็พูดขึ้นด้วยความเสียดายเช่นกัน “นายมีประสิทธิภาพสูงในการฆ่าพวกมอนสเตอร์ แต่ของที่ตกส่วนใหญ่จะเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เว้นแต่ว่านายจะสามารถนำกลุ่มผู้เล่นกลุ่มใหญ่มาเพื่อเก็บไอเทมพวกนี้ได้”
“ถ้ากิลด์ไหนมีประสิทธิภาพขนาดนี้ พวกเขาก็คงจะก้าวหน้าและแข็งแกร่งกว่ากิลด์อื่นๆ ภายในเวลาไม่กี่วันแน่ ๆ”
ไนท์ คูนเนอร์มองไปที่เซียวเฟิง เธอรู้ดีถึงความสำคัญของกลยุทธ์ที่ชายหนุ่มใช้ ว่าประสิทธิภาพของมันยอดเยี่ยมขนาดไหน! …
ทั้งค่าประสบการณ์อันมหาศาล และไอเทมนับไม่ถ้วน!
ถ้าฉากนี้หลุดออกไป กิลด์หลักๆ ในเขตฮัวเซียจะต้องต่อสู้แย่งชิงตัวเซียวเฟิงอย่างเอาเป็นเอาตายแน่นอน
เซียวเฟิงเมินเธอ เขาเปิดกระเป๋าของเขาและมองดูเงินที่ได้มา
ชายหนุ่มเก็บรวบรวมเหรียญทองให้มากที่สุด เพราะอย่างไรก็ตาม ทหารโครงกระดูกก็เป็นเพียงมอนสเตอร์ทั่วไป และส่วนใหญ่มันก็ดรอปเพียงเหรียญทองแดง มีเหรียญเงินอยู่ไม่กี่เหรียญ ในขณะที่เหรียญทองมีเพียงโหลหนึ่งเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ตรวจดูไอเทม และทั้งหมดนั้นก็ล้วนเป็นไอเทมคุณภาพน้ำเงินเลเวล 20 ที่มีอยู่ 13 ชิ้นด้วยกัน …เซียวเฟิงจงใจไม่สนใจอุปกรณ์ที่อยู่ต่ำกว่า ซึ่งไอเทมคุณภาพน้ำเงินก็นับว่าเป็นไอเทมที่ดีที่สุดที่มอนสเตอร์ทั่วไปจะสามารถดรอปได้แล้ว
กำไรที่ได้มานั้นไม่มั่งคั่งเหมือนที่เขาจินตนาการเอาไว้ แต่เซียวเฟิงก็พึงพอใจกับกำไรที่หามาได้ เพราะถึงอย่างไรมันก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีในการฆ่ามอนสเตอร์เหล่านี้ และเขาสามารถฆ่าพวกมันซ้ำแล้วซ้ำอีกได้เพื่อได้ของดรอปมากขึ้น ส่วนการเก็บไอเทมก็ดูจะยากกว่าการฆ่ามอนสเตอร์เสียอีก
“นี่! ทำไมนายถึงประหลาดจัง?” ดูเหมือนว่าไนท์ คูนเนอร์จะได้รับกำไรมาพอสมควรเช่นกัน หญิงสาวกำลังตรวจนับไอเทมคุณภาพสีเขียวในมือขณะที่พูดกับชายหนุ่ม
“นี่คือคำชมของเธองั้นเหรอ?” เซียวเฟิงพูดด้วยความโกรธ
“โอเคๆ …ท่านเทพ ทำไมนายถึงเชี่ยวชาญและเก่งกาจได้ขนาดนี้ล่ะ? นายเป็นฮีลเลอร์ไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมนายถึงฆ่ามอนสเตอร์ได้ดีขนาดนี้กัน?” ไนท์ คูนเนอร์กลอกตาของเธอ และถามเซียวเฟิง
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้ ไปกันเถอะ” เซียวเฟิงเมินเธอ เขาเดินผ่านหุบเขา และเดินไปไกลกว่าเดิม
“ห้ะ! ฉันได้ที่สองในตารางจัดอันดับเลเวล! ฉันอยู่ในระดับที่สูงกว่าเจ้านักรบดาบนั่นซะอีก! เดี๋ยวนะ? คลาสของนายคือผู้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์! นั่นเป็นคลาสลับเหรอ?” ไนท์ คูนเนอร์เดินตามเซียวเฟิงและมองดูตารางจัดอันดับเลเวล เธอดีใจอย่างมากหลังจากที่พบว่าตนเองได้ที่สองในตาราง แต่หญิงสาวก็สังเกตเห็นคลาสของเซียวเฟิงที่ได้ที่หนึ่งเช่นกัน ดังนั้นเธอจึงถามเขาด้วยความสงสัย
“ถูกต้อง” เซียวเฟิงพูดอย่างสบายๆ ผู้เล่นนักบวชทั่วไปจะกลายเป็นผู้ประกอบพิธีกรรมหลังจากที่เปลี่ยนคลาสของพวกเขา ดังนั้นผู้เล่นที่ฉลาดหลักแหลมจะรู้ในทันทีว่าคลาสนี้เป็นคลาสลับหลังจากที่เห็นชื่อของมัน
“ว้าว! นายเปลี่ยนคลาสยังไงเหรอ? ทำไมนายถึงเลือกคลาสลับได้ล่ะ? ไม่น่าแปลกใจเลยที่นายจะแข็งแกร่งและเก่งเทพขนาดนี้! นายได้ภารกิจนั้นจากที่ไหนเหรอ? ฉันทำได้หรือเปล่า?” ไนท์ คูนเนอร์ถามด้วยความตื่นเต้น
“พวกเราเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอ? แล้วฉันจะบอกเธอได้ยังไง?”เซียวเฟิงพูดอย่างหมดความอดทน
“เฮ้! นายใจแคบจัง” ไนท์ คูนเนอร์ส่งเสียงไม่พอใจ แต่เธอก็หยุดถามเซียวเฟิงแล้วปล่อยเขาไป คลาสลับเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และผู้เล่นจะไม่บอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมันให้กับคนอื่น
หลังจากที่เดินผ่านหุบเขานั่น พวกเขาก็ได้มาถึงเทือกเป้าหมายในที่สุด ซึ่งท้องฟ้าบริเวณนี้นั้นออกจะผิดปกติไม่ใช่น้อยเพราะมันมีสีเทาในขณะที่พื้นดินเป็นสีขาวซีดแห้งแล้ง
ทิวทัศน์ที่ดูแห้งแล้งและอ้างว้างปรากฏขึ้นข้างหน้าของพวกเขา
สันเขาสูงชี้ออกไป มันดูเหมือนเสาหินที่แหลมคม ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดอยู่เลย และพืชพันธุ์ก็เหี่ยวแห้ง
“ที่นี่มันมืดมนอย่างกับหลุมฝังศพยังไงยังงั้นเลย เฮ้นี่… สรุปแล้วภารกิจของนายคืออะไรกันแน่?”
ไนท์ คูนเนอร์หัวหด เธอลูบหัวไหล่ของตนด้วยมือทั้งสองข้างแล้วถามเซียวเฟิง
“ภารกิจตรวจสอบ ตำแหน่งของภารกิจน่าจะอยู่ข้างหน้านี้”
เซียวเฟิงอ่านแผนที่ของระบบ และมองไปที่คำอธิบายของภารกิจนี้อีกครั้ง จากนั้นเขาก็พูดกับไนท์ คูนเนอร์ด้วยความลังเล
“เราไปกันเถอะ… เดี๋ยวก่อน! มีมอนสเตอร์อยู่!” ไนท์ คูนเนอร์ก้าวไปข้างหน้า แต่แล้วพื้นดินที่ว่างเปล่าและแห้งแล้งตรงหน้าของเธอก็พลันแตกออกอย่างฉับพลัน ก่อนที่มอนสเตอร์โครงกระดูกสามตัวจะปีนขึ้นมาทีละตัว
“ฉันใช้สกิลสอดแนมขั้นกลางมองเลเวลของพวกมันไม่ได้! พวกมันจะต้องมีเลเวลสูงกว่าฉันอย่างน้อยสิบเลเวลแน่นอน!” ไนท์ คูนเนอร์ก้าวถอยหลังมาทันที หญิงสาวพูดพร้อมกับถือมีดสั้นอยู่ในมือของเธอ
“พวกมันเป็นมอนสเตอร์ทั่วไปเลเวล 25” เซียวเฟิงมองไปที่พวกมันด้วยสกิลสอดแนมขั้นสูงและพูดขึ้น ผู้เล่นจะสามารถมองเห็นข้อมูลของมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตนเองได้ 15 เลเวลจากการใช้สกิลสอดแนมชั้นสูง ฉะนั้นเซียวเฟิงจึงยังมองเห็นข้อมูลของพวกมันอยู่
“มอนสเตอร์ทั่วไปเลเวล 25? มันไม่เป็นปัญหา เราจะฆ่าพวกมันทั้งหมดก็ได้ถ้ามีเวลาพอ แต่การเกิดใหม่ของพวกนั้นทั้งประหลาดและอันตราย มันจะโผล่ออกมาจากพื้นในทันทีโดยไม่มีการเตือน… นี่แหละคือปัญหาใหญ่!”
เซียวเฟิงกับไนท์ คูนเนอร์ดึงความสนใจจากมอนสเตอร์โครงกระดูกทั้งสามตัวแทบจะในทันที พวกมันต่างวิ่งเข้าหาพวกเขา
ไนท์ คูนเนอร์มองไปที่พวกมันและพูดอย่างจริงจัง “เราจะอ้อมไปข้างหลัง”
ทางด้านของเซียวเฟิงนั้นไม่มีความกังวลเลย เขาเคยรับมือกับมอนสเตอร์โครงกระดูกชนิดนี้ที่คลานออกมาจากพื้นดินมาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นชายหนุ่มจึงมั่นใจว่าตนเองสามารถจัดการพวกมันได้แน่
“ฮึมมม!” มอนสเตอร์โครงกระดูกสามตัวคำราม พวกมันวิ่งเข้าหาพวกเขา ซึ่งถ้าเป็นผู้เล่นทั่วไปคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะเลี่ยงมอนสเตอร์ที่มีเลเวล 25 พวกนี้ แต่เซียวเฟิงกับไนท์ คูนเนอร์นั้นไม่ใช่ผู้เล่นธรรมดา!
…พวกมันกลายเป็นกองกระดูกที่แตกหักภายในเวลาสองนาที
“ทำไมพลังโจมตีของนายเยอะจัง? ไม่ใช่ว่าคลาสลับของนายอยู่ในแขนงของนักบวชหรอกเหรอ?”
เธอรู้สึกผิดหวังที่ฆ่ามอนสเตอร์ได้เพียงตัวเดียว และพบว่าอีกสองตัวได้ถูกเซียวเฟิงฆ่าไปแล้ว หญิงสาวอยากจะแสดงให้เขาได้เห็นถึงสมรรถภาพการต่อสู้แบบ 1 ต่อ 1 ของคลาสมือสังหาร แต่เมื่อผลลัพธ์เป็นแบบนี้เธอจึงไม่รู้จะพูดอะไร