Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 427 อักขระจันทราสัตว์ปุบผา
หญิงชรามองขึ้นไปยังดวงตะวันบนฟ้า “ข้าไม่ทราบว่าวิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่หรือไม่ แต่มันเคยอยู่ที่นี่จริง!”
ฉินหยุนมองขึ้นท้องฟ้าเช่นกัน หากวิญญาณดวงตะวันอยู่ที่นี่จริง อย่างนั้นแล้ว เขาอาจได้รับขุมพลังอันแกร่งกล้า
“ท่านยาย เหตุใดที่นี่มีสิบดวงตะวัน?”
หญิงชราร่อนลงที่หน้าภูเขา ก้าวเดินเข้าไปด้านในถ้ำและกล่าว “มีดวงตะวันที่ซ่อนเร้น มันไม่อาจมองเห็นจากเก้าแดนอ้างว้าง! นั่นคือดวงตะวันที่แท้จริง!”
ฉินหยุนขณะนี้สับสน ถึงกับถามต่อไม่ถูก
“ท่านยาย คนเหล่านั้นพอหาวิญญาณดวงตะวันไม่พบก็จากไปหรือขอรับ?” เขายังคงข้องใจกับเรื่องของวิญญาณดวงตะวัน
หญิงชราพยักหน้ารับ “พวกนั้นค้นหาที่นี่กว่าสิบปี พอยืนยันได้ว่าที่นี่ไม่มีวิญญาณดวงตะวัน พวกนั้นจึงค่อยจากไป! แต่ข้ายังคงรู้สึก ว่าวิญญาณดวงตะวันยังอยู่ที่นี่!”
ฉินหยุนตามหญิงชราเข้าสู่ด้านในถ้ำ
ด้านในเป็นค่ายอาคมเคลื่อนย้ายขนาดใหญ่ ตัวอาคมประกอบด้วยอักขระจันทรา
ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ยังอยู่ในสภาพที่ดี มีเพียงส่วนอักขระที่ได้รับความเสียหายระดับหนึ่ง
“สิ่งนี้คือค่ายอาคมเคลื่อนย้ายไปยังแดนยุทธ์อ้างว้าง! เมื่อกลับไปแล้ว อย่าได้ลืมส่งมอบวิญญาณยุทธ์จันทราสีดำแก่นายหญิงน้อยด้วย!” หญิงชรากล่าว เสียงนี้ชัดเจน ว่านางเชื่อใจในตัวฉินหยุน
“มีแต่ต้องซ่อมค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ก่อนจึงค่อยกลับไปได้!” ฉินหยุนกล่าว “คงต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง!”
เขาไม่อาจซ่อมแซมอักขระจันทราที่เสียหาย ทว่าโมโมสามารถ
หญิงชรากล่าว “ตัวท่านขณะนี้เป็นเพียงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า มีความสามารถซ่อมแซมอาคมเคลื่อนย้ายแกร่งกล้านี้ได้ไหวหรือ?”
“ข้าไม่อาจทราบ มีแต่ต้องลอง!” ฉินหยุนปล่อยโมโมออกมา
โมโมบินขึ้นกลางอากาศเหนือค่ายอาคมเคลื่อนย้าย บินวนอยู่รอบหนึ่งนางค่อยกล่าว “อักขระภายในข้าสามารถซ่อมได้ แต่ต้องใช้เวลาไม่น้อย คงต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรจำนวนมหาศาล!”
“คิดว่าจะนานขนาดไหน?” ฉินหยุนถาม
“สักครึ่งปี!” โมโมคิดอยู่พักหนึ่ง “อาจต้องใช้ไข่ผลึกแก้วสัตว์อสูรกว่าหนึ่งร้อยฟอง! และยังเป็นการซ่อมแบบหยาบ มันจะสามารถใช้งานได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น!”
ค่ายอาคมเคลื่อนย้ายนี้ซับซ้อนอย่างยิ่ง นับว่าดีมากแล้วที่โมโมยังสามารถซ่อมแซมมันได้
หญิงชรามองที่โมโมและขมวดคิ้ว “นั่นไม่ใช่ภูติพระแม่หรอกหรือ?”
“ขอรับ เป็นภูติน้อยที่น่ารัก!” ฉินหยุนยิ้ม “ท่านยาย พระราชวังกวงหานแห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณมากมายใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ถูกต้องแล้ว! ที่นี่คือพื้นที่บ่มเพาะสมุนไพรอายุวัฒนะมากมาย ทว่าพวกมันล้วนถูกทำลายจนสิ้น!” หญิงชราถอนหายใจอย่างเจ็บปวด
ฉินหยุนตระหนัก เช่นนั้นที่นี่ย่อมต้องเคยมียาอายุวัฒนะในตำนานอยู่จริง!
เขาพลันรู้สึก ว่าดวงจันทร์นี้สมควรเป็นสำนักอันแกร่งกล้า ย่อมต้องเคยมีราชันเซียนปกครองที่นี่มาก่อน นอกจากนี้ ยังมีแม่มดซึ่งแข็งแกร่งมาเยี่ยมเยือนที่นี่บ่อยครั้ง
กระนั้นที่นี่กลับถูกทำลาย!
“ต้องการสมุนไพรโอสถใดหรือ?” หญิงชราเอ่ยถาม
“เป็นผลไม้ลึกล้ำวิจิตร!” ฉินหยุนเร่งรีบกล่าว “ข้ามีสหายคนหนึ่งถูกพิษ ต้องการผลไม้ลึกล้ำวิจิตรเพื่อขับไล่พิษออกจากร่างกายขอรับ!”
หญิงชราตอบคำ “สำหรับปุถุชน ผลไม้ลึกล้ำวิจิตรนับเป็นผลไม้ล้ำค่า แต่สำหรับพวกเรา มันเป็นเพียงผลไม้ธรรมดาเท่านั้น!”
มุมปากฉินหยุนกระตุก วัตถุทางโอสถล้ำค่าที่หาได้ยากล้ำในแดนยุทธ์อ้างว้าง ที่นี่กลับเป็นผลไม้ที่กินได้ทุกวัน!
“ยังพอมีเหลือหรือไม่ขอรับ?” เขาเร่งรีบเอ่ยถาม
หากพิษของเฟิงหงหลันไม่ถูกชำระร้าง รูปลักษณ์ของนางจะไม่มีทางกลับคืน นอกจากนี้ มันจะยังเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตของนางหากยิ่งปล่อยให้เวลาล่วงเลย
หญิงชราหัวเราะ “ย่อมไม่มี! กระนั้นแล้ว ก็หาได้ต้องการสิ่งนั้นเพื่อชำระล้างพิษแต่อย่างใด ที่นี่มีกระต่ายหยก ตราบเท่าที่ค้นหาเจ้าตัวน้อยนั่นเจอ ก็นำมันกลับไปด้วยเลย!”
“กระต่ายหยก?” ฉินหยุนเกิดคำถามขึ้น “มันใช้เพื่ออะไรหรือขอรับ?”
“กระต่ายหยก มีความสามารถดูดกลืนพิษทุกชนิด! ต้องทราบว่ากระต่ายหยกแม้เป็นสัตว์ตัวเล็ก กระนั้นมันคือสัตว์ระดับลึกล้ำ ที่เติบโตมาด้วยผลไม้ลึกล้ำที่มีฤทธิ์แก้พิษนานาชนิด!” หญิงชรากล่าว
“แล้วกระต่ายหยกนั่นอยู่ที่ใดกัน? ข้าจะได้เร่งรีบไปหาตัวมัน!” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม
“ข้าก็ไม่ทราบ ที่นี่เคยเกิดสงครามขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว ข้าเป็นเพียงผู้เดียวที่เหลือรอด” หญิงชราถอนหายใจยาว “ผู้อื่นหากไม่ตาย ก็ถูกนำตัวไป ทว่ากระต่ายหยกสมควรยังมีชีวิตรอด เพราะมันหลับใหลอยู่ในส่วนลึกของใต้ดิน!”
ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างถอดใจ “เช่นนั้นข้าจะหากระต่ายหยกนั่นได้จากที่ใดกัน?”
หญิงชราส่ายศีรษะ “ในพระราชวังกวงหาน ลองหาดูให้ทั่วอาจจะเจอ”
พระราชวังกวงหานกว้างใหญ่ กระต่ายหยกหลบซ่อนตัวอยู่ใต้ดิน การค้นหาพวกมันยากเย็นดั่งปีนป่ายขึ้นสวรรค์แล้ว
“ท่านยาย กระต่ายหยกนั่นตัวใหญ่เพียงใด? มีรูปลักษณ์อะไรเด่นชัดหรือไม่?” ฉินหยุนถามต่อ
“มันจะใหญ่ได้อย่าง่ไร? เจ้าตัวน้อยนั่นตัวเล็กขนาดกระต่ายธรรมดา ทว่ามันจะส่องแสงสีขาวอ่อนจางออกมาได้!” หญิงชราตอบ “กระต่ายตัวน้อยนั่น เป็นนายหญิงน้อยชื่นชอบตั้งแต่ยังเยาว์แล้ว!”
ฉินหยุนเดิมคิดว่ากระต่ายหยกสมควรตัวใหญ่ อย่างไรแล้วมันก็เป็นสัตว์ลึกล้ำ
“เข้าใจแล้วขอรับ!” เขาเร่งรีบนำตำราที่มีอักขระดวงดาวและจันทราออกมา
เขาจำได้ ว่ามันมีอักขระจันทราประเภทหนึ่ง ที่เอาไว้ใช้ดึงความสนใจของพวกสัตว์ได้
“อักขระจันทราสัตว์ปุบผา!”
อย่างรวดเร็ว ฉินหยุนพบอักขระจันทราที่ต้องการ แม้ว่าดูซับซ้อนไปบ้าง แต่ด้วยความรู้และเข้าใจของเขา หากมีเวลาสักหน่อยย่อมทำความเข้าใจได้
โดยทันที เขานำเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นออกมา คิดจัดทำยันต์ขึ้น
“สงสัยนักว่าเราจะทำยันต์วิญญาณโดยใช้อักขระจันทราสัตว์ปุบผาได้หรือไม่?” ฉินหยุนนำแผ่นหนังใส่ลงไปในหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมา
ยันต์สัตว์บุปผา มันสามารถควบแน่นพลังงานพิเศษ ใช้เรียกหยดจันทราสัตว์ปุบผา มันคือพลังงานชนิดที่สัตว์ทุกตัวชื่นชอบและคิดกลืนกิน
หญิงชรามองที่ฉินหยุนก่อนจะเอ่ยคำ “แม้บอกว่าจดจำช่วงชีวิตก่อนหน้าไม่ได้ ทว่าในช่วงชีวิตก่อนหน้า ท่านคืออาจารย์จารึกเต๋าที่แกร่งกล้าผู้หนึ่ง!”
“เป็นเช่นนั้นหรือขอรับ?” ฉินหยุนที่ได้ฟังก็เผยความประหลาดใจ
หญิงชราตอบคำ “ท่านคือราชันเซียนในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ทว่าทำตัวลึกลับยิ่ง! ข้าไม่ทราบแม้กระทั่งนามด้วยซ้ำ ที่ข้าทราบ ก็เพียงท่านครอบครองวิถีจารึกแห่งเต๋าที่เลิศล้ำ!”
“ดูเหมือนว่าหลังจากนายหญิงน้อยเสียไป ท่านคงไปคิดทวงหนี้แค้นกับคนเหล่านั้น ทว่าทำไม่สำเร็จจนต้องเสียชีวิตตามไปด้วย!”
ฉินหยุนคิ้วขมวด “การเป็นราชันเซียน หมายความถึงต้องมีชีวิตมายาวนานมากมายใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ถูกต้องแล้ว! น่าเสียดายนักที่ท่านดันเสียชีวิตไปแล้ว!” หญิงชราเผยน้ำเสียงเจ็บปวดใจ
“ข้ายังไม่ตาย!” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวแปลกประหลาด หญิงชรากลับมองเขาเป็นคนตายผู้หนึ่ง
“นายหญิงน้อยเอง ก็มีชีวิตมายาวนานยิ่ง กระนั้นนางก็ตายจากข้า!” ขณะหญิงชรารำพัน น้ำตาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งออกเป็นสาย
ฉินหยุนเร่งรีบกล่าวปลอบ “ท่านยายอย่าได้ร้องไห้แล้ว! ไม่ใช่ว่านายหญิงน้อยของท่านกลับชาติมาเกิดแล้วหรือ? นางขณะนี้ถือว่ายังมีชีวิต! พวกข้ากับนางก็ยังเป็นสหายกัน!”
หญิงชราพอได้ยินเช่นนี้ ค่อยพยักหน้ารับ “นางย่อมต้องกลับมาสร้างพระราชวังกวงหานแห่งนี้อีกครั้งในภายหน้า ข้าจะรอคอยการกลับมาของนาง!”
ฉินหยุนเอ่ยถาม “ท่านยาย เหตุใดท่านไม่ไปแดนอ้างว้างกับข้าเล่า?”
หญิงชราส่ายศีรษะ “ข้าแข็งแกร่งเกินไป จึงถูกจำกัดไม่ให้เข้าแดนอ้างว้างได้! สถานที่ซึ่งปุถุชนอยู่ พวกเราไม่อาจเข้าไปตามอำเภอใจ!”
“ท่านยาย แล้วท่านทราบเรื่องอื่นใดในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ของข้าอีกบ้างขอรับ?” ฉินหยุนถาม
เขาไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่านั่นจะเป็นตัวเขาเมื่อชาติก่อนจริงหรือไม่
หญิงชราคิดไปพักหนึ่งค่อยตอบ “นายหญิงน้อยแทบไม่เคยพูดถึงเรื่องของท่าน! เพียงบอกว่าท่านชื่นชอบการสำรวจสวนโบราณ!”
“ที่นี่คือสวนโบราณดั้งเดิม! ท่านมาที่นี่ได้โดยบังเอิญจนได้พบกับนายหญิงน้อยเข้า!”
“ดูเหมือนว่าในเก้าแดนอ้างว้างที่ยิ่งใหญ่ จะมีสวนโบราณถึงเก้าแห่งด้วยกัน!”
ฉินหยุนซึ่งกำลังใช้ค้อนทุบที่หนังสัตว์พลันชะงัก เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “สวนโบราณมีถึงเก้าแห่งเลยหรือขอรับ?”
หญิงชราตอบ “ถูกต้อง! กลุ่มคนที่ทำลายสถานที่แห่งนี้ พวกมันเพราะได้รับเบาะแส จึงทำลายสวนโบราณที่งดงามแห่งนี้จนสิ้น! ข้าได้ยินว่าวิญญาณดวงตะวันของเก้าดวงตะวัน ได้ร่วงหล่นลงสู่สวนโบราณทั้งเก้าแห่ง!”
“ข้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องราวนานนับหมื่นปี วิญญาณดวงตะวันบางดวงได้ร่วงหล่นสู่แดนยุทธ์อ้างว้าง แดนสัตว์อ้างวาง และแดนปีศาจอ้างว้าง รวมถึงแดนวิญญาณอ้างว้าง และแดนอสูรอ้างว้างก็ด้วย เป็นข้าสงสัยนักว่าผู้ใดได้รับพวกมันไปครอง!”
ฉินหยุนขณะนี้ นึกถึงสวนโบราณที่เส้นทางหนามปีศาจ ภายในที่แห่งนั้น ย่อมต้องมีวิญญาณดวงตะวันคงอยู่แล้ว!
“ชักสงสัยแล้วสิว่าพวกเสี่ยวลู่จะทำอะไรกันอยู่! สวนโบราณนั่นเปิดออกทุกหลายพันปีให้ผู้อื่นได้เข้าไป นอกจากนี้ ผู้ที่เข้าไปแล้วยังไม่อาจเปิดเผยถึงสิ่งที่อยู่ภายใน หรือมันจะข้องเกี่ยวกับวิญญาณดวงตะวัน?”
เขาอดไม่ได้ที่จะเกิดความคิดกว้างไกลจริง ๆ
หญิงชราพลันลูบที่ศีรษะฉินหยุนและกล่าว “ตั้งใจกว่านี้ ท่านเกือบทำสำเร็จแล้ว!”
ฉินหยุนดึงสติกลับคืน เริ่มทำการทุบหนังสัตว์อีกครั้งหนึ่ง
ไม่นานนัก เขาค่อยขัดเกลาหนังสัตว์ขนาดเท่ากระดาษยันต์ พร้อมกันนี้จึงนำเอาปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตออกมา
เขาไม่คิดวาดที่กระดาษยันต์ในทันที กลับกัน เขานำเอากระดาษกองใหญ่ออกมาเพื่อฝึกซ้อมก่อน
ที่ทำเขาตกใจ เห็นจะเป็นเรื่องที่พอแกะสลักอักขระจันทราสัตว์ปุบผา ตัวจารึกวิญญาณด้านในปากกาลึกล้ำ ฉับพลันเกิดความเคลื่อนไหว มันปลดปล่อยพลังพิเศษออกมา ผสานรวมกับจิตวิญญาณของเขา ทำให้สามารถวาดอักขระได้อย่างไหลลื่น
“ไม่นึกเลย ว่าจารึกวิญญาณราชันสัตว์จะส่งผลแม้กระทั่งอักขระจันทราระดับราชัน วิเศษนัก!”
ฉินหยุนเกิดความยินดี เขาวางแผนใช้เวลาที่มีให้มากขึ้น เพื่อลงแรงทำการแกะสลักอักขระที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ในภายหน้า
เป็นเขากล่าวโทษตนเองอยู่ภายใน ที่ไม่ยอมศึกษาทดลองใช้จารึกวิญญาณที่วิเศษเลิศล้ำนี้ให้ดีแต่แรก ถึงกับต้องจดจำเรื่องนี้ไว้ให้ขึ้นใจ ภายหน้าจะได้ไม่ลืมเลือน
เพื่อรับประกันความสำเร็จ ฉินหยุนฝึกฝนอีกหลายครั้งก่อนค่อยลงมือแกะสลักจริง
“หากเรารวบรวมจารึกวิญญาณมากขึ้น ก็ไม่ใช่หมายความถึงจะสามารถแกะสลักได้รวดเร็วขึ้นอีกหรอกหรือ?”
เรื่องนี้ได้แต่คิดแล้ว เพราะจารึกวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่หาพบได้ง่าย
ถัดจากนั้น เขาเริ่มแกะสลักยันต์หนังสัตว์ ด้วยอักขระจันทราสัตว์บุปผา
“ดูเหมือนในอุปกรณ์ท่านจะมีจารึกวิญญาณอยู่ด้วยนี่!” หญิงชราเอ่ยคำอย่างกะทันหัน
“ท่านยายทราบดียิ่งนัก!” ฉินหยุนตระหนกพร้อมยิ้มรับ “เช่นนั้นแล้ว ท่านยายทราบวิถีใช้จารึกวิญญาณนี้ให้ดียิ่งขึ้นหรือไม่ขอรับ?”
“เคล็ดลับอันยิ่งใหญ่นี้ สามารถใช้เพื่อแกะสลักอักขระอันแม่นยำสู่วิญญาณยุทธ์หรือว่าร่างกายของคนผู้หนึ่ง!” หญิงชราหัวเราะ
ฉินหยุนตระหนก จารึกวิญญาณของเขาคือราชันสัตว์ ก่อนหน้านี้ เขาสามารถแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ได้อย่างไหลลื่น จนกระทั่งเกิดขึ้นเป็นหุ่นเชิด!
หรือก็คือ เขาสามารถแกะสลักโทเทมสัตว์สู่วิญญาณยุทธ์หรือร่างกายของผู้คนได้
ได้ทราบเรื่องนี้ เขาคิดอ่านวางแผนว่าภายหน้าหากมีโอกาสต้องทดลอง
ทั้งสองฝั่งของกระดาษยันต์ ฉินหยุนทำการด้วยแกะสลักชุดอักขระจันทราสัตว์บุปผา ยันต์แผ่นนี้กระทั่งเขาก็ไม่ทราบว่าอยู่ระดับใด
“ลองดูกันดีกว่า!”
หลังจากยันต์สัตว์บุปผาทำงานแล้ว มันจึงส่องประกายแสงสีเงินอ่อนจางที่พื้น ควบแน่นเกิดขึ้นเป็นหยดจันทราสัตว์บุปผา
ฉินหยุนเร่งรีบนำจานใบน้อยมารับหยดน้ำเอาไว้