Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 435 นิมิตสวรรค์
ฉินหยุนรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าวิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วง อีกไม่นานก็สมควรเข้าถึงระดับวิญญาณยุทธ์สีดำ
หากเขาแปรเปลี่ยนมันเป็นวิญญาณยุทธ์สีดำได้สำเร็จ เมื่อเลื่อนสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม จะทำให้เขาได้รับความสามารถเพิ่มขึ้น
“มาดูกันว่าเราจะสามารถทำให้มันเป็นวิญญาณยุทธ์สีดำได้หรือไม่ เรื่องนี้มีแต่ต้องลอง! ไม่ว่าจะด้วยอะไร วิญญาณยุทธ์ก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้น!”
ไม่เพียงแต่เขาต้องการแปรเปลี่ยนวิญญาณยุทธ์เป็นสีดำ เขายังต้องการแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่ตัววิญญาณยุทธ์
หากวิญญาณยุทธ์มีโทเทมราชสีห์สววรรค์ มันจะยิ่งทำให้แขนราชสีห์สวรรค์แกร่งกล้ามากขึ้น
และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรก ที่เขาจะได้แกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ที่ตัววิญญาณยุทธ์!
อันดับแรก ฉินหยุนปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกจากแขน ลอยมันค้างไว้ตรงหน้า จากนั้นค่อยขยับปากกาลึกล้ำสะท้อนจิต ด้วยจารึกวิญญาณราชันสัตว์ภายใน เขาจะควบแน่นพลังพิเศษก่อนเริ่มการแกะสลักอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์
ระหว่างการแกะสลักโทเทมราชสีห์สวรรค์ ปากกาลึกล้ำจะคล้ายมีจิตใจเป็นของตนเอง ทำการดูดกลืนพลังงานจากในร่างฉินหยุน ถัดจากนั้น มันจะควบแน่นพลังจารึก ซึ่งถือเป็นพลังที่แกร่งกล้ากว่าพลังจิตวิญญาณโลหิต
ฉินหยุนขณะนี้สามารถแกะสลักผังจารึกอย่างลื่นไหล นี่ถือเป็นพลังลึกลับที่จารึกวิญญาณราชันสัตว์ครอบครอง
เมื่อเขาแกะสลักอักขระโทเทมราชสีห์สวรรค์ เขาค่อยตระหนัก ว่าตนมีแรงเหลือให้ทำงานอย่างอื่นได้ เช่นนี้จึงหยิบเอาไข่มุกผนึกวิญญาณจำนวนมากออกมา และใส่พวกมันสู่หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร
เขาต้องการขัดเกลาวิญญาณยุทธ์เหล่านี้เป็นพลังงานประเภทหนึ่ง จากนั้นค่อยใช้พวกมัน ให้วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคีทองม่วงทำการกลืนกิน
ผ่านไปหลายวัน ด้วยเขารวบรวมวิญญาณยุทธ์เอาไว้มาก ดังนั้นจึงไม่ขาดแคลนวิญญาณยุทธ์แต่อย่างใด
วิญญาณยุทธ์ที่ผู้ฝึกตนระดับสูงครอบครอง มันจะยิ่งแข็งแกร่งตามแต่เจ้านายของมัน พลังที่บรรจุไว้ภายในก็จะยิ่งมากตาม
“น่าจะทำได้!” ฉินหยุนเผยความมั่นใจ
ในเมื่อเขาคิดอยากเลื่อนระดับพลัง ก็ต้องทำอย่างถี่ถ้วน เขาต้องขัดเกลาวิญญาณยุทธ์ที่สามให้เป็นสีดำ และเลื่อนระดับไปในคราวเดียว!
ผ่านไปอีกหลายวัน ฉินหยุนที่อยู่ในห้องลับ ขณะนี้มองที่แขนราชสีห์สวรรค์ซึ่งพวยพุ่งด้วยออร่าสีดำออกมา
แขนราชสีห์สวรรค์เวลานี้ มันปรากฏอสนีบาตอัคคีสีดำลอยฟุ้ง ออร่านี้ดิบเถื่อนรุนแรงยิ่ง!
“แข็งแกร่งนัก!” ฉินหยุนอุทานยินดี “ทำสำเร็จแล้ว! โชคดีที่ร่างกายของเราแข็งแกร่งพอ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางต้านทานพลังของวิญญาณยุทธ์สีดำถึงสามได้!”
เป็นเขาใช้เงินนับหนึ่งร้อยล้านเหรียญม่วง เพื่อบำรุงเลี้ยงร่างกาย และร่างกายเขายังได้รับการบำรุงเลี้ยงโดยพลังเก้าดวงตะวัน ดังนั้นความแข็งแกร่งย่อมเป็นที่คาดเดา
ฉินหยุนพอทำสำเร็จ จึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปหาเว่ยจงเจิ้งด้วยความตื่นเต้นยินดี หยิบยืมมาอีกสามสิบล้านเหรียญม่วง
ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์เวลานี้ค่อนข้างอัตคัด กระนั้นตัวสำนักก็ยังพอมีเหรียญม่วงเก็บสำรองเอาไว้อยู่ สำหรับประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ สามสิบล้านเหรียญม่วงยังถือเป็นอะไรที่พอจะนำออกมาได้อย่างไม่ฝืนใจนัก
ฉินหยุนกลับสู่ห้องลับ ทำการเปิดค่ายอาคมรวมตะวัน จากนั้นค่อยชักนำพลังเก้าดวงตะวันมาหล่อเลี้ยงร่างกาย
ทางด้านหลันเฟิงจินได้ติดตามผู้อาวุโสที่สอง ไปศึกษาความรู้เรื่องค่ายอาคมป้องกัน
ประตูลึกล้ำเก้าสมบูรณ์ในเวลานี้ ได้หลันเฟิงจินเป็นอาจารย์จารึกคนที่สามแล้ว
เฟิงหงหลันและหยวนหยานหยิง ทั้งสองครอบครองวิญญาณยุทธ์แปรสภาพ ก่อนที่จะก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ วิญญาณยุทธ์สีแดงของทั้งสองจะไม่อาจเผยพลังพิเศษออกมาได้
ผ่านการฝึกฝนนับเดือน ฉินหยุนเก็บตัวเงียบงัน หาได้รับรู้เรื่องราวโลกภายนอก
ช่วงบ่าย
เก้าดวงตะวันบนท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีดำ เปรียบดั่งมีสุนัขฟ้ากลืนกินดวงตะวัน พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นสีดำจากขอบฟ้าทีละดวง ทีละดวง…
ทั้งเก้าดวงตะวันล้วนเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกัน!
บรรดาราชันยุทธ์ของแดนอ้างว้างทั้งสาม ล้วนตื่นตระหนกถึงเรื่องนี้กันทั้งสิ้น
กระทั่งราชันยุทธ์เฒ่าชรา ผู้ซึ่งเก็บตัวมานานนับหลายปียิ่ง ยังรับรู้ถึงปรากฏการณ์ผิดแผกบนท้องฟ้า จนต้องเร่งรีบออกมา!
ผู้ฝึกตนในเมืองใหญ่มากมายของแดนยุทธ์อ้างว้าง ขณะเดินบนถนนหนทางเส้นหลัก ใบหน้าพวกเขามองขึ้นด้วยความหวาดกลัวเมื่อได้เห็นเก้าดวงตะวันกำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำ
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม เก้าดวงตะวันในที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำจนหมดสิ้น!
โลกกลายเป็นดำมืด!
ขณะที่เมืองใหญ่ตกอยู่ในความหวาดกลัว อีกหนึ่งดวงตะวันได้ปรากฏขึ้นบนฟากฟ้า!
นครราชัน ราชันยุทธ์หงหยิงขณะนี้มองที่ดวงตะวันเพียงหนึ่งเดียวซึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน คิ้วของเขาขมวดเอ่ยคำ “ดวงตะวันที่สิบซึ่งเลือนหายเป็นเวลานานยิ่ง ไฉนตอนนี้ปรากฏออกมา?”
“เสด็จพ่อ ประวัติศาสตร์ได้มีบันทึกถึงปรากฏการณ์นี้บ้างหรือไม่? นี่มันหมายความถึงอะไร?” หงเมิ่งจูถามขึ้น “นี่ถือเป็นภัยพิบัติต่อเก้าแดนอ้างว้างหรือไม่?”
หงหยิงส่ายศีรษะ “พ่อไม่เคยพบเห็นสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!”
หงเหยียนโพล่งคำขึ้น “ดวงตะวันนี้ก็กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำด้วย!”
ดวงตะวันหนึ่งเดียวในฟากฟ้าขณะนี้ กำลังแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทีละน้อย
ดวงตะวันที่สิบ ซึ่งเพิ่งปรากฏตัวเมื่อครู่ ขณะนี้เลือนหายไปแล้ว!
ทั้งสวรรค์และพื้นโลก ความมืดเข้าปกคลุมอีกครั้งหนึ่ง
คฤหาสน์จารึกในนครราชันจารึก ที่แห่งนั้นมีราชันยุทธ์กว่าสิบคนยืนรับชมเรื่องราว และยังมีราชันยุทธ์สายเลือดอีกหลายคนยืนอยู่บนหอคอยสูง
พวกเขาเหล่านี้ ล้วนจ้องมองท้องฟ้าด้วยใบหน้าเปี่ยมความตื่นตะลึง!
“ปรากฏการณ์นี้หมายความถึงอะไร? ตำหนักจารึกเทวะพวกท่านมาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง มีบันทึกถึงเรื่องราวเช่นนี้ใช่หรือไม่?” หนึ่งในพวกเขาเอ่ยถาม “ตำราโบราณของตระกูลสายเลือดพวกเรา หาได้เคยมีบันทึกถึงปรากฏการณ์ชวนโลกตะลึงเช่นนี้ไม่!”
ราชันยุทธ์ของตำหนักจารึกเทวะขมวดคิ้ว “เรื่องนี้ข้าไม่มั่นใจนัก! ก่อนอื่นต้องสอบถามไป ภายหลังอาจทราบอะไรบ้าง!”
“ไม่ว่าจะด้วยอะไร พวกเราต้องไปยังหลุมฝังเซียนที่อยู่ในเทือกเขาเมฆมังกร!” ผู้ฝึกตนสายเลือดกล่าวขึ้น
“ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ หมายความถึงเภทภัยกำลังมาเยือนหรือ?” ราชันยุทธ์คนหนึ่งเผยความกังวล
“ต่อให้เป็นเภทภัย มันก็เป็นสิ่งที่เก้าแดนอ้างว้างต้องเผชิญ พวกเราสามแดนอ้างว้างเบื้องล่างไม่อาจทำอะไรได้!” ชายชราหัวเราะเสียงดัง
หญิงชราผู้โดดเดี่ยวซึ่งยืนบนหลังคาอาคารสูงที่ดวงจันทร์ ขณะนี้น้ำเสียงยินดีเผยออก “เสี่ยวหยุนทำสำเร็จแล้ว! เขาเลื่อนระดับได้สำเร็จ! นี่คือผลลัพธ์จากการที่วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬวิวัฒนาการได้สำเร็จ!”
ฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ในห้องลับเก็บตัวเงียบ ขณะนี้ไม่ทราบว่าเรื่องราวภายนอกเกิดขึ้นครึกโครมเพียงใด
เก้าดวงตะวันขณะนี้ค่อยกลับคืนทีละดวง ทีละดวงเริ่มส่องสว่างกลางท้องฟ้าอีกครั้งหนึ่ง
ผู้ฝึกตนที่เมืองใหญ่หลายแห่ง ต่างระเบิดเสียงโห่ร้องยินดีออกมา ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นกังวล ว่าแดนยุทธ์อ้างว้างจะถูกปกคลุมด้วยความมืดมิดไปตลอดกาล
ฉินหยุนที่ตื่นขึ้น สำรวจมองไปยังวิญญาณยุทธ์ทั้งสาม พบว่าอักขระแห่งชีวิตตัวที่สามปรากฏบนพื้นผิวแล้ว เขาอดไม่ได้จนยิ้มยินดีออกมา
“ในที่สุดก็สำเร็จ! คำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำอะไรกัน ใช้เวลาไม่กี่เดือนเราก็ผ่านพ้นมาได้แล้ว! ตำหนักจารึกเทวะ ช่างทำเราผิดหวังยิ่งนัก!”
ก่อนหน้านี้ ฉินหยุนมีสัมพันธ์อันดีกับผู้คนจากตำหนักจารึกเทวะ พบว่าส่วนใหญ่ดีต่อเขายิ่ง ยกตัวอย่างเช่นจ้าวฉวน ต้วนเฉียน และผู้อื่นอย่างเช่นมู่เฟิงที่เขาเพิ่งมาพบที่นี่ พวกเขาล้วนดีต่อตัวเขาทั้งสิ้น
แต่แล้วตอนนี้ ตำหนักจารึกเทวะกลับไม่ให้การปกป้องเขาอีกต่อไป
การที่ตำหนักจารึกเทวะไม่ให้การปกป้องเขายังไม่นับเป็นอะไร แต่ที่เพิกถอนสิทธิ์การเป็นอาจารย์จารึกวิญญาณของเขา ถือว่ามากเกินรับได้!
แน่นอนว่า ตราบเท่าที่เขาไม่กล่าวออกมาว่าตนเองคือฉินหยุน เขาย่อมสามารถใช้เหรียญตราเช่นเดิมเพื่อเข้าออกเมืองใหญ่โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
“วิญญาณยุทธ์สั่นไหว ความสามารถที่ได้รับคือความสามารถเทวะแผ่นดินไหว ตราบเท่าที่ใช้งานมัน จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงได้!” ฉินหยุนสัมผัสถึงความสามารถเทวะที่ได้รับมา
“วิญญาณยุทธ์อสนีบาตอัคคี ได้รับความสามารถเทวะอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ มันสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพ!”
“พลังของวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬค่อนข้างพิเศษ มันสามารถดูดกลืนวิญญาณยุทธ์ใดก็ได้ด้วยความสามารถเทวะ นอกจากนั้นแล้ว ด้วยตัววิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ เราสามารถสัมผัสถึงความสามารถเทวะและพลังของเก้าตะวัน ถือเป็นความสามารถหายากนัก!”
ฉินหยุนนึกย้อนถึงวิญญาณยุทธ์สีน้ำเงินที่ได้รับมา มันมีความสามารถเทวะในการทะลุทะลวง สามารถทำให้ผู้ใช้ทะลวงหลายสิ่งอย่างไปได้ง่ายดาย
ขณะนี้เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณออกมา
วิญญาณยุทธ์ที่ดีที่สุด เขาจะเก็บพวกมันแยกเอาไว้
ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะของตะวันทมิฬ ทำการดูดกลืนความสามารถเทวะทะลุทะลวง
“จริงด้วย ยังมีวิญญาณยุทธ์นั่น คล้ายว่าจะมีความสามารถเทวะ ทำให้ตัวมันเองสามารถโปร่งแสงได้!” เขานึกถึงมือสังหารจากตำหนักโทเทมที่คิดลอบสังหารตนเองเมื่อครั้งก่อน
เขานำเอาไข่มุกผนึกวิญญาณสีแดงออกมา กระนั้นกลับไม่อาจทำได้สำเร็จ
ตอนนี้เขาจึงมั่นใจ นี่เป็นพลังพิเศษของวิญญาณยุทธ์แปรสภาพสีแดง ไม่นับว่าเป็นความสามารถเทวะ
ฉินหยุนถือไข่มุกผนึกวิญญาณในมือ เรียกใช้งานพลังด้านในเพื่อทำให้ตนเองโปร่งแสง จากนั้นจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง ผ่านกำแพงห้องลับออกสู่ภายนอก
เมื่อผ่านออกมาได้ เขารู้สึกได้ถึงสายลมเย็นสดชื่น ให้ความรู้สึกสบายอย่างยิ่ง
ด้วยเพราะออกมาจากผนังกำแพงสู่อีกห้อง เขาได้เห็นหลันเฟิงจินกำลังจะถอดเสื้อผ้า
หลันเฟิงจินทั้งร่างขณะนี้เปียกโชก นางสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ยิ่งเป็นการเผยออกซึ่งร่างกายเย้ายวนของนาง ทั้งนี้เส้นผมยาวยังปล่อยไม่รวบมัด ยิ่งทำให้ดูงดงามไปอีกแบบ
“พี่หลัน!” ฉินหยุนที่ปรากฏตัวกะทันหันร้องโพล่งขึ้น
หลันเฟิงจินพอได้เห็นฉินหยุนปรากฏตัวในห้อง นางต้องเผยอาการตื่นตกใจ!
น้ำเสียงนางอุทานร้องออก “อาจารย์ เหตุใดอยู่ที่นี่? ข้าขณะนี้กำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้า ท่านเป็นคนเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ฉินหยุนหัวเราะตอบ “อาจารย์ผู้นี้ เพิ่งทำลายคำสาปวิญญาณยุทธ์สีดำ ได้รับความสามารถใหม่ จึงคิดทดลองใช้งาน ไม่นึกว่าจะมาเผชิญเรื่องเช่นนี้อย่างกะทันหัน!”
“พี่หลัน หากข้าเป็นคนเช่นนั้นจริง คงเลือกที่จะซ่อนตัวต่อแล้ว!”
ได้ยินดังนี้ หลันเฟิงจินเผยความยินดี น้ำเสียงตื่นเต้นกล่าวคำ “อาจารย์ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้วหรือ?”
“ถูกต้อง!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “ข้าขณะนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก!”
หลันเฟิงจินย่อมไม่สงสัยคำพูดของฉินหยุน นางเพียงตื่นเต้นจนเกินจะเชื่อก็เท่านั้น
นี่ก็เพราะฉินหยุนเพิ่งก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สองได้ไม่นาน ขณะนี้กลับอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้ว!
ยังไม่กล่าวถึงว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณยุทธ์สีดำ กระทั่งว่าเป็นผู้คนทั่วไป การก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ไม่ถือว่าเป็นเรื่องง่ายดายดังคำพูด
แต่แล้ว ฉินหยุนกลับทำได้สำเร็จ!
แน่นอนว่า ฉินหยุนก่อนหน้านี้ได้รับผลึกแก้วหยกอักขระชีวิตระดับที่สามหนักนับพันจิน ย้อนกลับไปตอนอยู่ในห้องลับ เขาใช้ผลึกแก้วเหล่านั้นวางเรียงราย เพื่อดูดกลืนพลังต่อเนื่อง
นั่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ช่วยให้เขาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
ฉินหยุนฝึกฝนอักขระชีวิตตัวที่สาม ดังนั้นแล้วพลังภายในย่อมแปรเปลี่ยนเป็นพลังเต๋าได้รวดเร็วมากขึ้น นอกจากนี้ มันยังแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ปริมาณพลังที่จำเป็นต้องใช้ความสามารถเทวะ ก็มีมากขึ้นเช่นกัน
เมื่อครู่ ตอนเขาใช้งานความสามารถเทวะทะลุทะลวง เขาใช้พลังภายไปในราวหนึ่งในสิบ
“อาจารย์ไม่ทราบหรือ? เมื่อครู่เกิดเภทภัยธรรมชาติที่ด้านนอก เก้าดวงตะวันถึงกับเลือนหาย!” หลันเฟิงจินเข้ามาคว้าแขนฉินหยุนดึงออกสู่ภายนอก
“พี่หลัน ท่านอย่าได้บอกผู้อื่นว่าข้าเลื่อนระดับแล้ว! ข้าคิดบอกแต่จ้าวสำนัก ผู้อาวุโสอื่น ท่าน และหยานหยิงเท่านั้น!” ฉินหยุนกล่าว
หยวนหยานหยิงอยู่ด้านนอก กำลังควบคุมค่ายอาคมวิญญาณฝนรุ้งเก้าสี พอได้เห็นฉินหยุนออกมา นางเร่งรีบทะยานกายมา เอ่ยถึงปรากฏการณ์ผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
กระนั้น พอได้ทราบว่าฉินหยุนเลื่อนระดับสำเร็จ นางถึงขั้นลืมเลือนเรื่องชวนโลกตื่นตะลึง กลายเป็นร่วมแสดงความยินดีไม่ขาด
“เอาละ ข้าขอตัวไปหาจ้าวสำนักก่อน! จำเอาไว้ ว่าได้แพร่งพรายเรื่องที่ข้าเลื่อนระดับ!” ฉินหยุนยิ้มพลางย้ำคำ
“เข้าใจแล้ว! ข้าไม่ใช่ผู้หญิงปากมากหรอกน่า!” หยวนหยานหยิงยิ้มให้
ฉินหยุนขณะนี้ครุ่นคิด ว่าเหตุการณ์ผิดธรรมชาติที่เกิดขึ้นอาจเกี่ยวข้องกับตนเอง นี่ก็เพราะเขาเพิ่งวิวัฒนาการวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬได้สำเร็จ
ช่วงเวลาที่วิญญาณยุทธ์ของเขาวิวัฒนาการ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กล่าวได้ว่าแทบจะเป็นในเวลาเดียวกัน!