Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 455
ตอนที่ 455 สํานักเก้าตะวัน
ฉินหยุนและคณะขณะนี้ค่อยวางใจได้มาก
อย่างไรแล้ว กระทั่งว่าเป็นยันต์ลึกลํ้าสะกดวิญญาณ ก็ส่งผลกระทบ
มหาศาลกับราชันภูตผี นี่ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงยันต์เต๋าสะกดวิญญาณ!
สื่อชิงเฉิงกล่าว “ผู้จัดการมู่ ท่านแข็งแกร่งที่สุด เช่นนั้นรบกวนออก
หน้าแล้ว!”
มู่เฟิ งถือยันต์เต๋าในมือ “อย่าได้ห่วง ตอนนี้ข้าย่อมไม่หวาดเกรงอีก!
ด้วยเจ้าสิ่งนี้ มาดูกันว่าข้าจะจัดการราชันภูตผีอย่างไร!”
คําพอกล่าวจบ เขาจึงเร่งรีบทะยานกายออกไป
แม้ร่างนั้นค่อนข้างอ้วน แต่กลับปราดเปรียวรวดเร็ว
ฉินหยุนและสื่อชิงเฉิงตามติดด้านหลัง
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองครอบครองดาบที่เป็นอาวุธเต๋าใน
มือ ย่อมวางใจขึ้นได้มาก
เมื่อออกไปแล้ว ภูตผีสัตว์ร้ายหลายตัวกระโจนเข้าใส่พวกเขา
ภูตผีสัตว์ร้ายเหล่านี้รูปลักษณ์ล้วนเป็นสัตว์ประหลาด ผสมผสานกัน
ซึ่งสัตว์นานาชนิด บางตัวกระทั่งมีดวงตาอยู่ที่หาง
ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์สัตว์ประหลาดเหล่านี้แข็งแกร่ง บางตัวก็มี
ขนาดใหญ่มาก
ภูตผีสัตว์ร้ายที่ทะยานเข้ามา ขณะนี้ต้องถอยกลับเพราะพลังอํานาจ
ของยันต์เต๋า พวกมันไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้
“ข้าต้องการแก่นวิญญาณ เอาแก่นวิญญาณพวกมันมาให้ข้าก็พอ!”
อู่หมิงซวีตะโกนดังจากในห้องโถง
ฉินหยุนเดิมคิดวางแผนใช้โอกาสนี้คว้าเอาแก่นวิญญาณของราชัน
ภูตผีให้แก่ตัวเอง
แต่พออู่หมิงซวีประกาศว่าต้องการแก่นวิญญาณราชันภูตผี เขาจึงไม่
มีอันใดให้ต้องการอีก
มู่เฟิ งชี้ไปที่ภูตผีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์ตัวหนึ่ง “เจ้าตัวนั้น
เป็นราชันภูตผี! ไม่นึกเลยว่ามันจะเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นมนุษย์หลัง
ได้กินมนุษย์เข้าไป!”
กล่าวคําจบ เขานําเอากระบี่ยาวออกมาพร้อมทะยานเข้าใส่
ราชันภูตผีที่เร่งทะยานพุ่งเข้ามา ขณะคิดโจมตี ฉับพลันมันรับรู้ถึง
พลังอํานาจยันต์สะกดวิญญาณ เร่งร้อนหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
กระนั้นมู่เฟิ งรวดเร็วยิ่ง ด้วยกระบี่ในมือสับฟันออก ราชันภูตผีก็ร่าง
ขาดเป็นสองท่อน
“ฉินหยุน ที่ต้องทําก็แค่ชักนําพลังจากยันต์สะกดวิญญาณสู่ตัวอาวุธ
แล้วค่อยโจมตีออก!” มู่เฟิ งตะโกนดัง
เมื่อฉินหยุนและคณะได้ยินเช่นนี้ พวกเขาจึงพุ่งทะยานเข้าหาฝูงภูตผี
สัตว์อสูรอย่างไม่ลังเล
พลังซึ่งปลดปล่อยจากอาวุธของพวกเขา บรรจุเอาไว้ด้วยพลังสะกด
วิญญาณ หลังทะยานร่างเข้าหา พวกเขาเพียงสับฟันไม่กี่ครั้ง ก็ทําให้
ภูตผีสัตว์ร้ายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยได้แล้ว
มู่เฟิ งยังคงโจมตีต่อเนื่องจนกระทั่งสังหารราชันภูตผี หลังได้รับแก่น
วิญญาณ เขาค่อยเผยความยินดีออก “ความร่วมมือของอุปกรณ์เช่นนี้
นับว่าวิเศษนัก!”
เขาคืออาจารย์จารึกลึกลํ้า กระนั้นก็ยังต้องรู้สึกประทับใจรุนแรงต่อ
พลังอํานาจของยันต์สะกดวิญญาณ เป็นเขาคิด ว่าภายหน้าเพียงอาศัย
ยันต์แผ่นนี้ก็สังหารภูตผีได้โดยง่ายแล้ว
มู่เฟิ งที่ตระหนักรู้เรื่องนี้ เขามองว่ายันต์สะกดวิญญาณแผ่นที่อยู่ใน
มือ ถือเป็นรางวัลยิ่งใหญ่ที่สุดในการเดินทางครั้งนี้แล้ว
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองกําลังต่อสู้ด้วยความยินดีล้นทะลัก
ยังไม่ต้องกล่าวถึงราชันภูตผี กระทั่งว่าเป็นภูตผีสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่ง
พวกนางก็ไม่กล้ารับมือด้วยแล้ว
ทว่าตอนนี้ พวกนางกําลังได้ลงมือสังหารภูตผีสัตว์ร้ายที่แกร่งกล้า
อย่างง่ายดาย ไม่ต่างอะไรกับตัดหญ้าข้างทาง
มู่เฟิ งไล่ตามราชันภูตผีที่อยู่ใกล้เคียง ทางด้านฉินหยุนและสื่อชิงเฉิง
พวกเขากําลังสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกลํ้า จนกระทั่งได้รับแก่น
วิญญาณระดับลึกลํ้ามา
มู่เฟิ งคล้ายสนุกสนานกับการสังหาร นี่ก็เพราะราชันภูตผีเหล่านี้ คือ
ตัวตนที่กระทั่งราชันยุทธ์ยังหวาดเกรง แต่แล้วตอนนี้ พวกมันไม่ต่าง
อะไรกับไก่รอให้เขาเข้าไปเชือด
เดิมเขาเบื่อจนแทบแย่ แต่ขณะนี้มีเรื่องลงมือง่ายดายให้ทําแก้เบื่อ
ย่อมต้องยินดีเป็นธรรมดา
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม จํานวนราชันภูตผีและภูตผีสัตว์ร้ายที่ภายนอก
ลดจํานวนลงไปมาก นอกจากนี้ พวกมันยังถูกปิ ดล้อมด้วยเปลว
เพลิง เป็นมู่เฟิ งที่ปลดปล่อยเปลวเพลิงร้อนแรงออกมาเผาไหม้เศษ
ซากของภูตผีสัตว์ร้าย
มู่เฟิ งขณะนี้ลงมือสังหารราชันภูตผีไปได้กว่าสิบตัว ขณะที่ทางฉิน
หยุนและคณะสังหารภูตผีสัตว์ร้ายระดับลึกลํ้าไปได้กว่าร้อยตัว พวก
เขาในเวลานี้ได้รับแก่นวิญญาณระดับลึกลํ้ามากว่าหนึ่งร้อยแก่น
อู่หมิงซวีค่อนข้างพึงพอใจ เพราะได้รับแก่นวิญญาณราชันภูตผีมาก
กว่าสิบแก่น เขายิ้มและกล่าวออก “ไม่เลว ไม่เลวเลย!”
ด้วยความเร่งรีบ เขาทําการดูดกลืนพลังงานจากแก่นวิญญาณเหล่านั้น
อู่หมิงซวีดูดกลืนพลังงานมหาศาลด้วยความเร็วมากลํ้า ทําเอาพวก
เขาเกิดความสงสัย ว่าวิญญาณยุทธ์อีกฝ่ ายหิวกระหายเพียงใดกันแน่
“ต่อเลย! นี่ยังไม่พอ ภายนอกสมควรมีราชันภูตผีอยู่อีกมาก!” อู่หมิง
ซวียิ้มกว้าง “ภายหน้า ข้าจะมอบอักขระสะกดวิญญาณให้เป็นการ
ตอบแทน!”
มู่เฟิ งฉีกยิ้มกว้างรับคํา “ผู้อาวุโสสุภาพเกินไปแล้ว ข้าจะออกไป
สังหารราชาภูตผีเหล่านั้นเดี๋ยวนี้!”
“ฉินหยุน เจ้าไม่ต้องไป! พักผ่อนเสีย อย่างไรแล้วเจ้าอ้วนนั่นก็อยู่
ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือด เจ้าไม่อาจเทียบ
เขาได้หรอก!” อู่หมิงซวียิ้มกล่าว
ภายนอกเหลือภูตผีสัตว์ร้ายไม่มากแล้ว หากเขาต้องการสังหารมากกว่า
นี้ ก็มีแต่ต้องลงทะเลสาบไปล่อพวกมันออกมา
มู่เฟิ งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้า และมีพละกําลังไม่ใช่น้อย ขณะนี้ได้
ยันต์สะกดวิญญาณช่วยเหลือ แม้ถูกรุมล้อมโจมตีโดยราชันภูตผีก็ยัง
รู้สึกไม่นับเป็นอะไร
สุ่ยเทียนสื่อหัวเราะเบาและเอ่ยถาม “ผู้อาวุโสอู่ คนอ้วนที่ท่านพูดถึง
เป็นอาจารย์จารึกลึกลํ้า และยังมีสถานะสูงส่งในตําหนักจารึกเทวะ!
ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะยังเป็นผู้ฝึกตนสายเลือดของตําหนักจารึก
เทวะด้วย!”
อู่หมิงซวีกล่าวตอบ “ตําหนักจารึกเทวะเป็นขั้วอํานาจแกร่งกล้าใน
แดนวิญญาณอ้างว้าง! ย้อนกลับไปกาลก่อน ตอนที่พวกเขาสร้าง
สุสานเซียนในเทือกเขาเมฆมังกร ตําหนักจารึกเทวะได้นําอาจารย์
จารึกมากมายมาพร้อมวัสดุมากล้น! พวกเขาเรียกได้ว่ามีส่วนร่วม
ครั้งใหญ่เลยทีเดียว!”
“แน่นอน ผู้คนส่วนใหญ่ที่มีส่วนร่วมเพียงรอบนอกย่อมยังอยู่สุข
สบาย เพราะพวกเขาไม่ได้เข้าสู่เทือกเขาเมฆมังกรโดยตรง! ในทาง
กลับกัน พวกเราที่ทราบสถานที่ตั้งของสุสานหลัก ต้องถูกกักขัง
เอาไว้ที่นี่จนตายตกหลังสุสานเซียนถูกสร้างขึ้นเสร็จสมบูรณ์!”
ฉินหยุนเอ่ยถาม “ผู้อาวุโส พวกท่านนับว่าแกร่งกล้า แต่แล้วยังไม่
อาจต่อต้านพวกเขา? นั่นนับเป็นขั้วอํานาจประเภทใดกัน?”
อู่หมิงซวีสูดลมหายใจเข้าลึก “เป็นตํานานเก่าแก่ ข้าสงสัยว่าเจ้าเคย
ได้ยินมันหรือไม่! กล่าวกันว่าเป็ นเรื่องลี้ลับ ที่แดนเทพอ้างว้างโบราณ
มันมีเก้าสํานักที่แกร่งกล้า แต่ละสํานักล้วนมีพลังควบคุมหนึ่งใน
ดวงตะวันได้!”
ฉินหยุนมองทางสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองต่างส่ายศีรษะให้
พวกนางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้
อู่หมิงซวีประหลาดใจไม่น้อย เขาเอ่ยถาม “ในอดีตผู้คนมากมาย
ทราบตํานานเรื่องนี้ แต่แล้วตอนนี้กลับสูญหายหรือ! ดูเหมือนเก้า
สํานักนั้นคิดพยายามปกปิ ดการคงอยู่!”
“สํานักทั้งเก้า รู้จักกันในนามสํานักเก้าตะวัน! ตํานานกล่าวว่าเก้า
สํานักเหล่านั้นแกร่งกล้า สามารถสร้างตําหนักไว้บนดวงตะวันได้!”
“เรื่องนี้ออกจะเหลือเชื่อไปบ้าง แต่สํานักเก้าตะวันมีตัวตนคงอยู่!
โดยมีเก้าสํานักเหล่านั้นเป็นจุดกําเนิด วิธีการฝึกฝนทางยุทธ์ และ
เคล็ดวิชามากมายถูกส่งต่อลงมา พวกนั้นส่งพวกมันลงมายังแดน
ศักดิ์สิทธิ์อ้างว้าง แดนเซียนอ้างว้าง และแดนวิญญาณอ้างว้าง… ใน
แดนวิญญาณอ้างว้างและแดนเซียนอ้างว้าง มีหลายสํานักรวมถึง
ตระกูลชนชั้นสูง ที่มีความเกี่ยวข้องกับสํานักเก้าตะวัน!”
อู่หมิงซวีมองทางฉินหยุนที่เผยอาการตื่นตระหนกและกล่าวต่อ
“ตําหนักจารึกเทวะเป็นหนึ่งในนั้น! ในแดนอสูรอ้างว้าง แดนสัตว์
อ้างว้าง แดนยุทธ์อ้างว้าง และแดนปี ศาจอ้างว้าง พวกเขาย่อมต้องใช้
มรดกของสํานักเก้าตะวัน หรือไม่ก็มรดกของตระกูล ความสามารถ
ของพวกเขาจึงได้เหนือลํ้า”
“แต่พวกเจ้าคล้ายไม่เคยได้ยินเรื่องนี้แม้เศษเสี้ยว หมายความว่าต้อง
มีเหตุผล พวกนั้นจงใจคิดปิ ดบังตัวเอง ย้อนกลับไปตอนนั้น พวกเขา
เองก็มีส่วนร่วมในการสร้างสุสานเซียนกับพวกเรา กระนั้น พวกเขา
กลับยังอยู่สุขสบาย ขณะที่พวกเราทั้งหมดล้วนตายจนสิ้น”
ฉินหยุนพลันนึกถึงเรื่องวิญญาณดวงตะวันขึ้นมาได้!
ตามคําบอกเล่าของอู่หมิงซวี สํานักเก้าตะวันจะต้องทราบ ว่าวิญญาณ
ดวงตะวันได้ร่วงหล่นลงสู่เก้าแดนอ้างว้าง หากเป็นเช่นนั้น พวกเขา
ก็ต้องออกค้นหาวิญญาณดวงตะวัน
พวกเขาจะต้องใช้พลังอันแกร่งกล้าที่สุดเท่าที่ครอบครองเพื่อค้นหา
พวกมัน!
ขณะนี้ เพราะแดนยุทธ์อ้างว้างมีข้อจํากัดหากคิดเข้ามา พวกนั้นจึงได้
แต่ค้นหาโดยอาศัยตําหนักจารึกเทวะที่นี่!
“ผู้อาวุโสอู่ ข้าสงสัยว่าท่านเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรือไม่? เป็น
เรื่องของสวนโบราณ” ฉินหยุนเอ่ยถามขึ้น
“แน่นอนว่าเคยได้ยิน! สวนโบราณมีทั้งสิ้นเก้าแห่ง และแต่ละแห่ง
ถือว่าพิเศษอย่างยิ่ง ข้าได้ยินมาว่ามีความสัมพันธ์พิเศษระหว่างสวน
โบราณและวิญญาณดวงตะวัน เก้าดวงตะวันและสวนโบราณถือว่ามี
สัมพันธ์ชิดใกล้เพื่อคงสภาพการโคจรของดวงตะวัน ดวงจันทรา
และดวงดาว!” อู่หมิงซวีกล่าวตอบ
ฉินหยุนเร่งรีบเอ่ยถึงเรื่องที่ตนได้เข้าสู่สวนโบราณ
หลังจากอู่หมิงซวีฟังจบ เขาจึงเผยสีหน้าหนักอึ้งออกมา “ดูเหมือน
วิญญาณดวงตะวันยังไม่ถูกพบในสวนโบราณแห่งนั้น! เมื่อวิญญาณ
ดวงตะวันร่วงหล่นสู่สวนโบราณ มันจึงทําให้สวนโบราณเกิดปราการ
แกร่งกล้า ป้องกันไม่ให้ผู้มีระดับการฝึกตนสูงเข้าไป นี่ก็เพื่อไม่ให้ผู้
แกร่งกล้าเข้าไปรบกวนพวกมันได้!”
หลังจากฉินหยุน สื่อชิงเฉิง และสุ่ยเทียนสื่อได้รับฟัง พวกเขาทั้งสาม
ต่างจมดิ่งในความคิดและความตื่นตระหนกภายใน
โดยเฉพาะสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ พวกนางไม่คาดคิดว่าจะมีตัวตน
ทรงอํานาจแกร่งกล้าอยู่ภายในสวนโบราณ
“อย่างนั้นวิญญาณดวงตะวันมันคืออะไรกันแน่?” ฉินหยุนนึกถึง
วิญญาณดวงตะวันที่อยู่ในไข่มุกเม็ดที่สองของวิญญาณเทวะเก้า
ตะวัน มันเป็นไข่มุกขนาดใหญ่ยักษ์
อู่หมิงซวีตอบ “ข้าไม่มั่นใจนัก โดยสรุป วิญญาณดวงตะวันทั้งหมด
ล้วนมีปัญญาเป็นของตนเอง! เป็นพวกมันออกจากเก้าดวงตะวันด้วย
ตัวเองเมื่อพบเจอถึงอันตราย! ตํานานกล่าวว่าพวกมันยึดครองสัตว์
เป็นรูปลักษณ์!”
“และพวกมันล้วนไม่ใช่ง่ายได้รับมา! หากเจ้าเข้าสู่สวนโบราณด้วย
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามซึ่งก็เต็มที่แล้ว ย่อมไม่มีทางสามารถ
ได้รับวิญญาณดวงตะวัน!”
ฉินหยุนฉับพลันนี้เกิดความคิด ว่าวิญญาณดวงตะวันที่ได้รับมา มัน
คือไข่ของสัตว์!
ชั่วขณะนี้ ประตูเปิ ดออก มีคนก้าวเดินออกมา
อย่างบังเอิญ ประตูอีกบานเปิ ดออก ประกอบด้วยราชันยุทธ์ทั้งสิ้น
หกคน สี่ในนั้นเป็นราชันยุทธ์สายเลือด ผู้อื่นอีกสองคนเป็นราชัน
ยุทธ์จากตําหนักโทเทม
สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเร่งรีบคุ้มกันฉินหยุน
แม้อู่หมิงซวีอยู่ตรงนี้ พวกนางก็ยังมีความกังวลเกาะกุม อย่างไรแล้ว
ที่ต้องเผชิญหน้าครานี้คือราชันยุทธ์แกร่งกล้าจํานวนหกคน
“พวกเจ้าถึงกับยังมีชีวิตรอด!” ราชันยุทธ์สายเลือดที่บาดเจ็บ พอได้
เห็นอีกฝ่ ายอยู่สุขสบายจึงเผยเสียงเย็นเยือก “ถือว่าดี ข้าจะได้สังหาร
รายคนเพื่อความสาแก่ใจ!”
บรรดาราชันยุทธ์เหล่านี้ ล้วนเกลียดชังฉินหยุนถึงแก่นกระดูก
พวกเขาติดกับที่นี่เพราะมิโนทอร์ถูกสังหาร ไม่อย่างนั้นแล้ว กระทั่ง
ว่าไม่ได้รับสมบัติใดจากสุสานเซียน อย่างน้อยก็ยังสามารถหลบหนี
ได้อย่างปลอดภัย
แต่ตอนนี้ หากพวกเขาคิดอยากกลับ พวกเขาต้องเผชิญศึกตึงเครียด
กับราชันภูตผีที่ด้านนอก มีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าพวกเขามีชะตา
ต้องตายที่ภายนอกนั่น
“กลุ่มตาเฒ่าสารเลว พวกเจ้าล้วนบาดเจ็บหรือ? วิเศษนัก! ให้ข้าบอก
แล้วกัน กลุ่มของหวังเทียนซือขณะนี้ล้วนตายสิ้น พวกเจ้าราชันยุทธ์
ล้วนก็ต้องตายที่นี่เช่นกัน!” ฉินหยุนหัวเราะดัง
“หน้าโง่สารเลว เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!” ราชันยุทธ์สายเลือดพุ่งทะยาน
เข้าหาฉินหยุน ขณะที่ร่างนั้นกําลังจะผ่านอู่หมิงซวี เขาจึงได้เห็นอู่
หมิงซวียื่นมือออก คว้าเอาแก่นเต๋าออกไปจากราชันยุทธ์สายเลือด
ราชันยุทธ์สายเลือดไม่คาดคิด ว่าจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นกับตนเอง
เขาเอามือกุมหน้าท้องที่หลั่งเลือดและถอยกลับ ใบหน้านี้เปี่ ยมด้วย
ความหวาดกลัวขณะมองที่แก่นเต๋าในมืออู่หมิงซวี
อู่หมิงซวีที่คว้าแก่นเต๋าเอาไว้ได้ เขาจึงเริ่มทําการกลืนกินพลังงาน
ภายใน
ราชันยุทธ์ผู้อื่นขณะนี้อึ้งกายแข็งทื่อ คลื่นความหวาดกลัวโหมซัดเข้า
เกาะกุมหัวใจพวกเขา!
ราชันยุทธ์สายเลือดถือว่าแข็งแกร่ง กระทั่งว่าได้รับบาดเจ็บ แก่นเต๋า
ก็ไม่มีทางถูกนําออกมาโดยง่ายในพริบตาเช่นนั้น
“เจ้าเป็นใคร? ส่งแก่นเต๋าข้ากลับคืนมา!” ราชันยุทธ์สายเลือดกล่าว
คําจบ เขาจึงได้เห็นแก่นเต๋าตนเองแปรเปลี่ยนเป็นหมองหม่น จากนั้น
สลายเป็นฝุ่นผง
พลังงานภายในของมันถูกกลืนกินในพริบตา
“ข้าคือผู้ที่เชี่ยวชาญรับมือกับคนเช่นเจ้าเป็นพิเศษอย่างไรเล่า!” อู่หมิง
ซวีค่อยลุกขึ้นยืนเชื่องช้า ใบหน้าเหยียดรอยยิ้มเผยออกให้อีกฝ่ าย