Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 459
ตอนที่ 459 นครโบราณยุทธ์เต๋า
ฉินหยุนถูกพาบินไกลออกไปโดยเซียนสาว ทว่าก็ยังอยู่ภายในเทือกเขา
เมฆมังกร
ที่ทําเขากดดันที่สุด คือไม่ว่าจะถามอะไรไป หญิงสาวก็หาได้ตอบ
กลับแต่อย่างใด
หญิงสาวคว้าตัวฉินหยุนเอาไว้ บินไปรอบเทือกเขาเมฆมังกร ไม่
ทราบว่านางคิดไปที่ใด
“พี่สาวเซียน ท่านคิดพาข้าบินถึงเมื่อไหร่?” ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้อง
ถามออก “นี่ถือเป็นการบินวนแล้ว ท่านคิดไปที่ใดย่อมไป อย่าได้
บินวนแล้ว เป็นข้าเวียนหัวจนคิดอาเจียน!”
เขาแทบไม่คิดอยากเรียกหญิงสาวตรงหน้าเป็นเซียน แม้ว่านางงดงาม
ดั่งเซียน แต่บางสิ่งภายในจิตใจของนางต้องผิดปกติอย่างแน่นอน
นางพาเขาบินบนฟ้าเป็นวงกลมมาหลายรอบแล้ว
“พูดอีกคําหนึ่ง ข้าจะโยนเจ้าลงไป!” หญิงสาวเผยนํ้าเสียงมีโทสะ
ทว่าเย็นชา
“โยนลงเลย!” ฉินหยุนตะโกนตอบ
หญิงสาวโยนร่างเขาลงจริง
ฉินหยุนกลายเป็นยินดี คิดใช้โอกาสนี้หลบหนี แต่แล้ว เพียงไม่นาน
เขาก็ถูกหญิงสาวจับตัวไว้อีกครั้ง
“เจ้านี่มัน!” หญิงสาวคว้าร่างฉินหยุนเอาไว้ ยกมือขึ้น จากนั้นตบที่
ใบหน้าเขาไปฉาดหนึ่ง ทว่า ก็ไม่ใช่การตบรุนแรงแต่อย่างใด เป็น
เขาไม่ทราบว่านางมีโทสะอันใดกันแน่
ดวงตางดงามคู่นั้นของนาง เวลานี้เปี่ ยมด้วยความเกลียดชัง เผยออก
ผ่านสีหน้าซับซ้อน
ฉินหยุนสบถต่อราชันเซียนอยู่ภายใน เขาคงไปหักอกหญิงสาวคนนี้
เข้า กระนั้น เขาก็คือฉินหยุน หาได้ใช่ราชันเซียน เขาไม่สมควรต้อง
มาแบกรับเรื่องราวตรงนี้
หญิงสาวมองที่เก้าดวงตะวันซึ่งห่างไกลออกไปและกล่าว “ไว้ฟ้ามืด
แล้วข้าจะไป!”
นางพาฉินหยุนไปมุมหนึ่งของยอดเขา สํารวจมองดวงอาทิตย์อัสดง
ที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาเปี่ ยมด้วยความทรงจําไหลผ่านสีหน้าคะนึง
หา
“เจ้านามฉินหยุนใช่หรือไม่?” หญิงสาวเอ่ยถาม นํ้าเสียงนี้ไม่เย็นชา
อีกต่อไปแล้ว
“ถูกต้องแล้วพี่สาวเซียน ท่านเล่า?” ฉินหยุนถามกลับ
“ปิ งชิง!” กล่าวคําจบ นางมองเข้าที่ดวงตาฉินหยุน และเอ่ยถามอย่าง
จริงจัง “เจ้าลืมเรื่องข้าไปหมดสิ้นแล้วหรือ?”
หัวใจฉินหยุนเต้นรัว เพราะเขาคาดเดาได้หลายส่วนแล้ว ราชันเซียน
ที่เป็นชาติภพก่อนของเขา คงต้องรู้จักหญิงสาวผู้นี้เป็นแน่
“พี่สาวปิ งชิง… เป็นข้าไม่เข้าใจคําพูดท่าน”
ปิ งชิงหลับตา ถอนหายใจและตอบคํา “ลืมไปก็ดี!”
ฉินหยุนเอ่ยถามเสียงอ่อน “พี่สาวปิ งชิง ท่านพาข้าออกไปจากเทือกเขา
เมฆมังกรได้หรือไม่?”
ปิ งชิงหาได้ตอบกลับ ขณะนี้นางมองที่ท้องฟ้ายามคํ่าคืน จนกระทั่ง
ได้เห็นดวงดาวมากมายปรากฏ คิ้วที่ขมวดคิ้วค่อยคลายออก สีหน้า
เย็นชาค่อยเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ย่อมได้!” กล่าวคําจบ นางคว้าฉินหยุนพร้อมบินขึ้นฟ้า “เจ้าคิดไปที่
ใด?”
ฉินหยุนเกิดความยินดี บ่งชี้ทิศทางแก่นาง
ปิ งชิงเร่งรีบบินไปยังทิศทางดังกล่าว
“เมื่อข้าถูกปลดปล่อย จักรพรรดิเซียนย่อมต้องทราบ! อีกไม่นานต้อง
มีคนจากแดนวิญญาณอ้างว้างมาเยือน พวกมันจะพบว่าผู้ใดปลดปล่อย
ข้า ดังนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดี!” ปิ งชิงปล่อยฉินหยุนลงกับพื้น จากนั้น
จึงมองเขาอีกครั้งด้วยสีหน้าซับซ้อน
ฉินหยุนเกิดความสงสัย ว่าราชันเซียนไปทําอย่างไรจึงพบพานนาง
ได้ และทําอย่างไรจึงทําให้หัวใจนางแหลกสลายจนเผยสีหน้าเช่นนี้
ปิ งชิงมองฉินหยุนด้วยสีหน้าซับซ้อนอยู่พักหนึ่ง จากนั้นค่อยยื่นมือ
สัมผัสที่ใบหน้าฉินหยุน ครานี้ มือของนางอบอุ่นและอ่อนโยน
ภายในใจฉินหยุนกลายเป็นเกิดความหวาดกลัว เขาเป็นกังวล ว่านาง
จะสังหารเขาเพื่อคลายความซับซ้อนทางอารมณ์ที่เกิดขึ้น
“ลาก่อน!” อย่างกะทันหัน แสงสว่างเจือจางสีขาวหลุดลอยจากร่าง
ปิ งชิง ชุดขาวของนางพลิ้วกับสายลม ปลดปล่อยออร่าเย็นเยือก ออร่า
ของนางสมกับที่เป็นเซียน ทั้งยังงดงามอย่างยิ่ง
นางมองท้องฟ้าดาราพรายที่เปี่ ยมด้วยแสงดาว จากนั้นจึงบินขึ้นสูงสู่
ท้องฟ้า เปรียบดั่งอุกกาบาตสีขาวที่เป็นประกาย!
“เฮ้อ…” ฉินหยุนเดิมคิดอยากถามอะไรอีก ทว่าปิ งชิงก็จากไปไกล
แล้ว
“ลาก่อนงั้นหรือ?” เขาพึมพํา “นางไปที่ใดกัน? เราดูเหมือนราชัน
เซียนขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าชาติภพก่อนเราเป็นราชันเซียนจริง?”
เขาถอนหายใจ ไม่ว่าจะคิดอย่างไร เขาก็ยังคงก่นด่าต่อราชันเซียนอยู่
ภายใน ที่ทําให้เขาต้องเผชิญเรื่องราวยุ่งยากเช่นนี้
ฉินหยุนนึกถึงใบหน้าของปิ งชิงที่บอกลา เขารู้สึกโศกเศร้าอย่างไม่
ทราบสาเหตุ จนถึงต้องส่ายหัว ขณะนี้เขาต้องเร่งรีบกลับไปยังประตู
ลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์!
ผ่านเดินทางต่อเนื่องกว่าสิบวัน ฉินหยุนค่อยกลับมาถึงประตูลึกลํ้า
เก้าสมบูรณ์!
เว่ยจงเจิ้งพอได้ทราบว่าฉินหยุนเดินทางกลับมาอย่างปลอดภัย เขา
ค่อยโล่งใจขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมา ว่าสื่อชิงเฉิงได้มี
ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งติดสอยห้อยตาม สร้างความประทับใจแก่ผู้คน
เอาไว้มาก ตอนนั้นเขาก็คาดเดาได้แล้วว่าเป็นฉินหยุน
เว่ยจงเจิ้งวันนี้สวมใส่ชุดคลุมสีแดงร้อนแรง กําลังฝึกฝนอยู่กลาง
สวน เขายิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน เขตแดนอ้างว้างหลุมฝังเซียนเป็นเช่น
ไร? ได้เข้าไปหรือไม่?”
ฉินหยุนพอกลับมาถึง เขาเข้าพบเว่ยจงเจิ้งในบ้านพัก ขณะนี้นั่งลงที่
เก้าอี้หินกลางศาลาในสวน และกล่าวตอบเสียงเบา “นอกจากราชัน
ยุทธ์หงหยิง ราชันยุทธ์ผู้อื่นไม่อาจกลับมา!”
เดิมเว่ยจงเจิ้งยิ้ม ขณะนี้กลับกลายเป็นแตกตื่น “อย่างนั้นเจ้ากลับมา
ได้อย่างไร?”
“เรื่องราวยาวมากขอรับ!” ฉินหยุนยังอยากทราบ ว่าขณะนี้อู่หมิงซวี
และคณะอยู่ที่ใด
เขาเร่งรีบส่งพิราบสื่อสาร ส่งข้อความไปยังหุบเขาลึกลํ้าจันทรา
จากนั้น เว่ยจงเจิ้งจึงได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยคร่าว
“ดูเหมือนข่าวลือเมื่อไม่กี่วันก่อนจะเป็นจริง! อย่างกะทันหัน กลุ่ม
คนแกร่งกล้าได้ปรากฏกันคนแล้วคนเล่า พวกเขามาผ่านทางค่าย
อาคมเคลื่อนย้าย กล่าวกันว่ากลุ่มคนเหล่านั้นแข็งแกร่ง ทว่าบาดเจ็บ
หนัก ขณะนี้หลบซ่อนตัวตนอยู่ภายในสํานักราชันที่ยิ่งใหญ่แห่ง
หนึ่ง!” เว่ยจงเจิ้งคิ้วขมวด
“พวกเขามาจากแดนวิญญาณอ้างว้างหรือขอรับ?” ฉินหยุนนึกย้อน
ถึงสิ่งที่ปิ งชิงบอกต่อเขา
เว่ยจงเจิ้งพยักหน้ารับ “เป็นไปได้มาก! พวกเขามาจากแดนวิญญาณ
อ้างว้าง การเดินทางเป็ นเรื่องยากเย็น ดังนั้นพวกเขาจึงบาดเจ็บกัน
ถ้วนหน้า ส่วนเรื่องว่าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด ข้าไม่มั่นใจ แต่อย่าง
น้อยก็ต้องราชันยุทธ์!”
“แดนยุทธ์อ้างว้างมีพลังอํานาจพิเศษคอยจํากัดความแข็งแกร่ง
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อาจส่งคนระดับการฝึกฝนสูงลํ้าข้ามมาได้!”
ฉินหยุนพบว่าเรื่องนี้แปลก ปิ งชิงนั้นแกร่งกล้า ทว่านางกลับสามารถ
ไปไหนมาไหนอย่างอิสระในแดนยุทธ์อ้างว้าง ฉับพลันเขาค่อยเข้าใจ
ว่าเหตุใดปิ งชิงจึงเร่งรีบจากไป ก็เพราะเป็นไปได้ว่านางจะถูกโจมตี
จากพลังอํานาจที่จํากัดแดนยุทธ์อ้างว้างเอาไว้
ผู้อาวุโสที่สอง ขณะนี้เร่งรีบเดินมาพร้อมจดหมายในมือ ส่งมันต่อ
ให้แก่เว่ยจงเจิ้งและกล่าว “จ้าวสํานัก นี่เป็นจดหมายจากตําหนัก
จารึกเทวะ!”
เว่ยจงเจิ้งรับมันไว้ เปิ ดออกอ่าน พิจารณาจนเกิดความประหลาดใจ
ไม่น้อย คิ้วขณะนี้ขมวด “นครโบราณยุทธ์เต๋าเปิ ดออกแล้ว!”
ผู้อาวุโสที่สองเอ่ยถามด้วยความตระหนก “พวกเขาเชื้อเชิญศิษย์พวก
เราเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า?”
“ถูกต้อง นี่เป็นจดหมายเทียบเชิญ! เป็นการเชิญต่อพวกเรา ให้ศิษย์
ของประตูลึกลํ้าเก้าสมบูรณ์ไปยังนครโบราณยุทธ์เต๋า!” เว่ยจงเจิ้ง
มองทางฉินหยุนและกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าสามารถไปได้!”
“นครโบราณยุทธ์เต๋า? มันคืออะไรกันขอรับ?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วย
ความงุนงง
เว่ยจงเจิ้งอธิบาย “มันเป็นเมืองโบราณเก่าแก่ ตลอดมาได้ตําหนัก
จารึกเทวะคุ้มกันเอาไว้!”
“นครโบราณแห่งนี้ไม่ได้สร้างขึ้นโดยตําหนักจารึกเทวะ ได้ยินว่า
เมื่อนานมาแล้ว มันร่วงหล่นจากฟากฟ้า มีแต่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าจึง
สามารถเข้าไป นามของมันคือนครโบราณยุทธ์เต๋า!”
ฉินหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงถามต่อ “หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับคนจาก
แดนวิญญาณอ้างว้าง?”
“เป็นไปได้มากว่าจะเกี่ยวข้อง! เมื่อนครโบราณยุทธ์เต๋าเปิ ดออก ผู้
ฝึกตนจากสามแดนอ้างว้างจะสามารถไปรวมตัวกันที่นั่น! พวกเขา
คงคิดค้นหาศิษย์ที่เหนือลํ้าซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าเป็นแน่!”
“หากข้าคาดเดาไม่ผิด พวกเขาน่าจะวางแผนเข้าสวนโบราณอีกครั้ง
หนึ่ง!”
ฉินหยุนยิ่งมั่นใจ ว่าที่สวนโบราณซึ่งอยู่ในเส้นทางหนามปี ศาจ มัน
ต้องมีวิญญาณดวงตะวันคงอยู่!
ขณะนี้เขาได้รับวิญญาณดวงตะวันเรียบร้อยแล้ว แม้ไม่ทราบว่าจะ
ใช้งานมันอย่างไร แต่นี่คือสิ่งที่แม้กระทั่งเซียนอย่างปิ งชิงยังคาดหวัง
ทันทีเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาค่อยตระหนักได้ว่าหากตนครอบครอง
วิญญาณดวงตะวันอีกสักหนึ่ง ความยินดีพลันล้นทะลัก ย่อมไม่มี
ผู้ใดคิดว่าสิ่งนี้คือของเล็กน้อยอยู่แล้ว!
“ขอรับ ให้ข้าไป!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
“กลับไปพักผ่อนก่อน ข้าจะไปส่งเจ้าที่นครโบราณยุทธ์เต๋าเอง!” เว่ย
จงเจิ้งหัวเราะ
ที่สวนสมุนไพร หลันเฟิ งจิน หยวนหยานหยิง และเฟิ งหงหลัน ทั้ง
สามต่างยุ่งกับหลายเรื่องราว เมื่อพวกนางพบว่าฉินหยุนกลับมา
ความยินดีจึงเผยออก เร่งรีบเข้ามาต้อนรับสอบถามหลายเรื่องราว
ฉินหยุนเดิมคิดพาพวกนางร่วมทางไปนครโบราณยุทธ์เต๋า ทว่าพวก
นางหาได้สนใจไม่
พักผ่อนอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยติดตามเว่ยจงเจิ้ง ออกเดินทางมุ่ง
หน้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า
เขารู้สึกได้ ว่าครั้งนี้อาจได้พบเจอเซี่ยอู๋เฟิ ง อย่างไรแล้ว นครโบราณ
ยุทธ์เต๋าที่กําลังเดินทางไป คืองานชุมนุมผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
จากทั้งสามแดนอ้างว้าง
ผู้ฝึกตนดาบที่พบพานได้ยากอย่างเซี่ยอู๋เฟิ ง ย่อมต้องปรากฏตัวแน่!
ระหว่างทาง เขาได้ขอให้เว่ยจงเจิ้งสืบเรื่องอู่หมิงซวี และขอให้ติดต่อ
กับมู่เฟิ ง รวมถึงแม่เฒ่าตู้ เพื่อสอบถามเรื่องของอู่หมิงซวีด้วย
เว่ยจงเจิ้งขณะนี้กําลังพูดคุยเรื่องตํานานของนครโบราณ มันเป็นเมือง
ที่มีปราการป้องกันแกร่งกล้า นอกจากขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ผู้อยู่ขอบเขต
อื่นไม่อาจเข้าไปได้
ภายในมีตําหนักมากมาย ที่ผู้ฝึกตนจะสามารถฝึกฝนหาความก้าวหน้า
ได้
ที่แห่งนี้เดิมทีเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ทว่าด้วย
การคุ้มกันตลอดเวลาจากตําหนักจารึกเทวะ ทําให้ผู้ฝึกตนขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าไม่อาจเข้าไป
ขณะนี้ ตําหนักจารึกเทวะตัดสินใจเปิ ดนครโบราณ!
เว่ยจงเจิ้งนําฉินหยุนออกบินกว่าสิบวัน จึงค่อยมาถึงแดนเขียวชอุ่มที่
อยู่แดนยุทธ์อ้างว้างภูมิภาคตะวันออก นครโบราณยุทธ์เต๋าตั้งอยู่
ท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้างใหญ่
เขาส่งฉินหยุนที่หน้านครโบราณยุทธ์เต๋า
นครโบราณยุทธ์เต๋ากว้างใหญ่ กําแพงเหยียดยาวสองฟากข้างจน
แทบไม่เห็นสุดปลาย
ขณะเข้าไปใกล้ พลังแกร่งกล้าของค่ายอาคมตัวเมืองจะสามารถสัมผัส
ได้เด่นชัด
ฉินหยุนครอบครองเหรียญม่วงนับพันล้าน เป็นเขาคิดว่าท่ามกลางผู้
ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า ตนเองถือว่ารํ่ารวยที่สุดแล้ว
อีกทั้ง เขายังอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม ดังนั้นย่อมไม่มีทาง
พ่ายแพ้ต่อผู้ใดที่ระดับใกล้เคียงกัน
เมื่อเดินผ่านประตูทองแดง เขาได้เห็นผู้คนมากมายสวมใส่ชุดหรูหรา
คนเหล่านี้มาจากต่างตระกูล ต่างสํานัก จากทั่วสารทิศของสามแดน
อ้างว้าง
ชั่วขณะที่เดินไป ฉินหยุนได้ยินคนเอ่ยถึงเรื่องเจ็ดโฉมงามจันทรา
กล่าวกันว่าหุบเขาลึกลํ้าจันทรา ได้ส่งศิษย์หญิงงามอย่างล้นพ้นถึง
เจ็ดนางที่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋ามาเข้าร่วม!
“หรืออาจารย์หยางกับเย่ว์หลานก็อยู่ที่นี่?” ฉินหยุนเกิดความยินดี
เร่งรีบสอบถามเรื่องราวของเจ็ดโฉมงามจันทรา