Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 461 ทุบตี
ตอนที่ 461 ทุบตี
ชายชุดขาวอึ้งไปวูบ เขาไม่คิด ว่าจะมีผู้ใดหาญกล้ากระทําการอหังการ
ต่อหน้าตน อย่างไรแล้ว เขาก็คือผู้มาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง คนจาก
แดนยุทธ์อ้างว้าง สมควรต้องเคารพบูชาพวกเขา!
ขณะทุกคนได้เห็น ว่ามีผู้หาญกล้าขวางหน้าชายชุดขาว พวกเขาล้วน
ต้องสูดลมหายใจเย็นเยือกเข้าปอด!
หงเหยียนและมู่หรงต้าเหรินทราบ ว่าฉินหยุนไม่มีทางยืนนิ่งเฉยแต่
แรกแล้ว
“ส่งข้าไปนรกหรือ? กล้าดีอย่างไรกล่าววาจานั้น!” ชายในชุดขาว
แค่นเสียง
ฉินหยุนเมินเฉยต่อชายชุดขาว กลับกัน เขามองไปทางหญิงชราและ
กล่าว “ท่านยาย ข้าขอซื้อผลไม้ทั้งหมดเอง!”
หญิงชราเผยความตื่นตะลึง ขณะนี้ลอบกล่าวขอบคุณต่อฉินหยุนภาย
ใน นางเร่งรีบนําผลไม้ออกมาทีละลูกและส่งต่อให้แก่ฉินหยุน
ทั้งหมดสามสิบผล รวมแล้วเป็ นเงินเพียงหกแสนเหรียญม่วงเท่านั้น
ชายในชุดขาวเผยสีหน้าเย็นเยือก เพราะเหตุการณ์ตรงหน้า ชัดเจนว่า
ฉินหยุนกัดผลไม้วิญญาณสายฟ้า เสียงกล่าวคําออก “ไม่นึกเลยว่าคน
จากแดนวิญญาณอ้างว้างยากแค้นเพียงนี้ ถึงขั้นคิดฉกชิงผลไม้กลาง
ตลาด! ในเมื่อข้นแค้นเพียงนั้น ข้าก็ยินดีจะมอบให้สักผลหนึ่ง!”
กล่าวคําจบ เขาจึงโยนผลไม้นั้นลงกับพื้น มองที่พยัคฆ์ตัวนั้น ปาก
เอ่ยคํา “นายของเจ้าข้นแค้นนัก ผลไม้แค่นี้ยังให้ไม่ได้ และยังคิดฉก
ชิงกลางตลาด ช่างน่าสมเพช!”
ฝูงชนเคยเห็นผู้แสวงหาความตายมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นผู้ใดที่จะ
ตายได้เลวร้ายเท่านี้มาก่อน
“เจ้ายังดูหนุ่ม ไม่นึกว่าจะหน่ายการมีชีวิตเพียงนี้!” ชายชุดขาวเผย
เสียงลุ่มลึกเปี่ ยมด้วยโทสะ หมัดต่อยออกที่ผลไม้วิญญาณสายฟ้าบน
พื้น จนมันแหลกเละกระจาย
ถัดจากนั้น ดาบปรากฏในมือเขา และเหวี่ยงเข้าใส่ที่ร่างของฉินหยุน!
ฉินหยุนหลบเลี่ยงไปด้านข้าง เผยนํ้าเสียงเฉยชา “หากเจ้าไม่กิน เหตุ
ใดจึงทําลายมันเช่นนั้น? จงเร่งรีบจ่ายค่าชดเชยแก่ข้าสองหมื่น
เหรียญม่วงเดี๋ยวนี้!”
ชายชุดขาวโจมตีต่อเนื่องรวดเร็ว ทว่าฉินหยุนก็หลบเลี่ยงง่ายดาย
ชัดเจนว่าเขาครอบครองพลังแกร่งกล้ากว่าเพียงใด!
ขณะชายชุดขาวตระเตรียมเปิ ดศึก ชายชราพลันบินเข้ามาใกล้ “การ
ต่อสู้ส่วนตัวไม่ได้รับอนุญาตให้กระทําในนครโบราณ หากเจ้ามีข้อ
พิพาทใดกัน จงออกไปจากเมืองเสี่ยงเป็นตายที่นั่น!”
“ผู้อาวุโส เขาเป็นศิษย์จากแดนวิญญาณอ้างว้าง และยังโฉดชั่วตํ่า
ทราม คิดว่าเขาจะฟังท่านหรือ?” ฉินหยุนเย้ยหยัน
ชายชุดขาวพอได้ยินดังนี้ เขาคํารามร้องออกเสียงดัง ทะยานร่างลง
จากหลังพยัคฆ์ ดาบในมือขณะนี้ระเบิดออกซึ่งแสงสีขาว พลัง
ภายในตัวดาบล้นทะลักอย่างชวนตื่นตะลึง
ชายชราจากตําหนักจารึกเทวะผู้นี้ อยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า
เขาแค่นเสียงเย็น ทะยานออก พร้อมโจมตีดาบเล่มนั้นด้วยฝ่ ามือ
พร้อมกันนี้ ชายวัยกลางคนพลันปรากฏที่บนหลังคาใกล้เคียงพร้อม
ตะโกน “จ้าวจิงอวี้ หากเจ้ายังกล้าก่อเรื่อง ข้าจะเตะเจ้าให้พ้นจาก
เมือง!”
จ้าวจิงอวี้ได้ยินเสียงชายวัยกลางคน พลังเร่งร้อนดึงกลับ ด้วยความ
โกรธสุมแน่น เขาขึ้นขี่ด้านหลังพยัคฆ์อีกครั้ง
“อย่าได้หนี เจ้าทําลายผลไม้ของข้า มูลค่าสองหมื่นเหรียญม่วง จง
เร่งรีบจ่ายชดใช้แก่ข้า!” ฉินหยุนตะโกนดัง
ชายชราเอ่ยถาม “ฉินหยุน เกิดเรื่องอันใด? เหตุใดชายคนนี้จึงคิดโจมตี
เจ้าในฉับพลัน?”
ฝูงชนที่อยู่ไกลออกไป ถึงกับส่งเสียงร้องฮืออาเผยความตื่นตะลึง
หลังจากทราบว่าเป็นฉินหยุน ผู้คนขณะนี้ล้วนถอนหายใจ
ทุกคนต่างทราบเรื่องฉินหยุน เขาคือผู้ที่กล้าลงมือสังหารผู้ฝึกตน
สายเลือดและผู้ฝึกตนโทเทม กระทั่งตระกูลสายเลือดชนชั้นสูงและ
ตําหนักโทเทมเขายังไม่หวั่นเกรง
มีแต่ฉินหยุนแล้วที่จะมีอํานาจกล้ายั่วยุคนเหล่านี้ได้!
“ชายคนนี้พยายามขโมยผลไม้วิญญาณผู้อื่น! หากไม่ส่งมอบ เขา
บอกจะสังหารทิ้ง!” ฉินหยุนแค่นเสียงตอบ “ข้าคิดว่าคนจากแดน
วิญญาณอ้างว้างสมควรมีอารยะและสง่างาม ผู้ใดทราบกันว่าเป็น
ปุถุชนดังนายน้อยจอมโอหังของแดนยุทธ์อ้างว้าง! อย่างนั้นแล้ว ก็
ไม่เห็นมีอันใดให้ต้องหวั่นเกรง!”
ชายวัยกลางคนที่ยืนบนหลังคา ชัดเจนว่ามาจากแดนวิญญาณอ้างว้าง!
พวกเขาดูถูกผู้คนจากแดนยุทธ์อ้างว้าง และในใจพวกเขาขณะนี้ ย่อม
ไม่ยินดีที่จะให้เรื่องราวเกินเลยกว่านี
จ้าวจิงอวี้เผยดวงตาโกรธแค้นแทบหลั่งเลือดออก ใบหน้าเผยจิตสังหาร
รุนแรง ดาบในมือคล้ายพร้อมจ้วงแทงได้ทุกชั่วขณะ!
“จงตาย!” เขาคําราม ดาบพุ่งทะยานออกแล้ว!
ชายวัยกลางคนพลันพุ่งตัวลงมา คว้าดาบเล่มนั้นเอาไว้ นํ้าเสียงกราด
เกรี้ยวตะโกนใส่จ้าวจิงอวี้ “เจ้าคิดหรือว่าข้าไม่กล้าโยนเจ้าออกจาก
เมือง?”
ฉินหยุนหัวเราะ “ท่านเตือนเขาเมื่อครู่ กระนั้นยังหุนหันเพียงนี้ ท่าน
ควรขับไล่เขาออกจากเมืองเสียเดี๋ยวนี้ แต่นี่อะไร? ท่านเพียงแค่ข่มขู่
เป็นเขาทราบว่าท่านเพียงข่มขู่ ดังนั้นจึงไม่หวาดเกรงอะไรทั้งสิ้น!”
ชายวัยกลางคนมีโทสะ กระทั่งผู้อาวุโสจากสํานักราชันยังต้องเคารพ
ผู้ที่มาจากสํานักในแดนวิญญาณอ้างว้าง แต่พวกเขาพอมาที่นี่ เด็ก
น้อยตรงหน้ากลับหยามเหยียดต่อพวกเขา
แน่นอนว่าเขาทราบ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะจ้าวจิงอวี้!
“ข้าจะจําเจ้าเอาไว้!” จ้าวจิงอวี้จับจ้องกราดเกรี้ยวที่ฉินหยุน จากนั้น
ค่อยขี่พยัคฆ์จากไป
ฉินหยุนมองที่พยัคฆ์ตัวดังกล่าว ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณ
สังหาร โจมตีใส่จิตใจของพยัคฆ์ตัวนั้น
พยัคฆ์นี้เป็นหุ่นเชิดสัตว์ที่พิเศษ มันสร้างขึ้นและขัดเกลาโดยร่าง
สัตว์ที่มีชีวิต กล่าวได้ว่ามีเลือดเนื้อและกระดูกเหมือนสัตว์ปกติ
พยัคฆ์สีนํ้าเงินดําเมื่อถูกฉินหยุนโจมตี ร่างนั้นล้มกับพื้น จ้าวจิงอวี้ที่
นั่งอยู่ด้านบนแผ่นหลัง ไม่คาดคิดและตอบสนองไม่ทัน ร่างกระเด็น
ขึ้นฟ้า สภาพดูน่าขบขัน
ฉินหยุนกัดผลไม้วิญญาณสายฟ้า ก้าวเดินกลับหาหงเหยียนและมู่หรง
ต้าเหริน และออกไปพ้นจากสถานที่
จ้าวจิงอวี้เร่งรีบตรวจสอบพยัคฆ์ตนเอง เป็นเขาไม่ทราบว่าเกิดอันใด
ขึ้น เพียงคิดว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นกับหุ่นเชิดสัตว์ตนเอง
พยัคฆ์ถูกเก็บเข้ามิติเก็บของ จากนั้นจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปยังตําหนัก
จารึกเทวะด้วยโทสะเปี่ ยมล้น
ชายวัยกลางคนและผู้อาวุโสจากตําหนักจารึกเทวะแลกเปลี่ยนสายตา
กัน ชัดเจนว่าพวกเขาสงสัยฉินหยุน ที่อาจทําอะไรบางอย่าง กระนั้น
พวกเขาไม่พบเจอ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยไป
ในโรงเตี๊ยม มู่หรงต้าเหรินและหงเหยียนขณะนี้ดื่มกินอย่างยินดี
ฉลองให้กับชัยชนะที่เพิ่งได้รับมา!
หงเหยียนกล่าวขึ้น “น้องหยุน จ้าวจิงอวี้นั้นเป็นจ้าวสังเวียน!”
“จ้าวสังเวียน? มันคืออันใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“นครโบราณแห่งนี้เปิ ดอีกครั้ง แดนวิญญาณอ้างว้างส่งคนมา นี่ไม่ใช่
เรื่องบังเอิญ!” หงเหยียนกล่าวขึ้น “จ้าวสังเวียนล้วนเป็นศิษย์จาก
แดนวิญญาณอ้างว้าง มีเจ็ดสังเวียนอยู่ภายในคฤหาสน์จารึก และแต่
ละสังเวียนจะมีจ้าวสังเวียน สามเดือนนับจากนี้ จ้าวสังเวียนทั้งเจ็ด
จะได้เข้าสู่สวนโบราณ”
“ไม่ใช่พวกเขาบอกหรือว่าสวนโบราณจะเปิ ดทุกหนึ่งพันปี ?” ฉิน
หยุนยังทราบ ว่าขั้วอํานาจเหนือขึ้นไปจากตําหนักจารึกเทวะ คิด
ค้นหาวิญญาณดวงตะวันที่อยู่ภายใน
“ข้าไม่ทราบแล้ว อะไรก็ตามแต่ ขณะนี้พวกเราสามารถเข้าไปได้อีก
ครั้ง และครั้งนี้มีด้วยกันถึงเจ็ดที่นั่ง!” หงเหยียนดื่มไวน์อึกใหญ่และ
กล่าวต่อ “น้องหยุน หากเจ้ายังคิดอยากเข้าไป เจ้าสามารถท้าทายจ้าว
สังเวียน สั่งสอนบทเรียนแก่พวกมันสักคราหนึ่ง!”
“จ้าวจิงอวี้เป็นจ้าวสังเวียนที่เจ็ด และเขาถือว่าอ่อนด้อยที่สุด! เจ้า
ย่อมสามารถเอาชนะมันและเป็นจ้าวสังเวียนแทนมัน!”
ฉินหยุนถามกลับ “ข้าจะท้าประลองมันอย่างไร? สมควรมีเงื่อนไข
ใช่หรือไม่?”
“จําเป็นต้องใช้เหรียญม่วงจํานวนมหาศาลทําการประมูลตําแหน่ง
โดยจะเริ่มทุกห้าวัน! ผู้ที่เสนอราคาได้สูงที่สุด จะสามารถท้าประลอง
จ้าวสังเวียนได้ภายในห้าวัน!”
หงเหยียนกล่าวเช่นนี้ พลางสบถไปด้วย “ผู้เสนอราคา สามารถเสนอ
ได้เพียงหนึ่งครั้ง ไม่ว่าจะได้รับตําแหน่งหรือไม่ ก็ต้องจ่ายเหรียญ
ม่วงในราคาที่เสนอให้แก่ตําหนักจารึกเทวะ!”
ฉินหยุนกล่าวคิ้วขมวด “หากข้าเสนอไปสิบล้านเพื่อเข้าร่วม กระทั่ง
ว่าท้ายที่สุดไม่ได้รับตําแหน่ง ก็ยังต้องเสียสิบล้านอย่างนั้นหรือ?”
มู่หรงต้าเหรินพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว ตําหนักจารึกเทวะช่างหลอก
ลวงผู้คน! ทุกห้าวันนับจากนี้ จะมีการประมูลเจ็ดรอบ สิทธิ์การท้า
ประลองทั้งเจ็ดสังเวียน จะถูกขายผ่านการประมูล!”
“หนึ่งรอบเสนอราคาได้เพียงหนึ่งครั้ง วิธีการเสนอราคา คือบอก
ราคาในใจเจ้าลงในเหรียญตรา จากนั้นจะมีการประกาศผู้ที่เสนอ
ราคาสูงที่สุด คนนั้นคือคนที่ได้รับสิทธิ์ท้าประลอง!”
ฉินหยุนวางจอกลง หันมองขึ้นท้องฟ้าและกล่าว “ตําหนักจารึกเทวะ
ช่างกล้าหลอกลวงผู้คนนัก! ท้องฟ้ามืดคํ่าแล้ว เมื่อใดจึงเริ่ม? ข้าคิด
ซื้อหาสักหนึ่งตําแหน่งในคํ่าคืนนี้!”
หงเหยียนยิ้มตอบ “น้องหยุน หากเจ้าได้เป็นจ้าวสังเวียน และคุ้มกัน
ตําแหน่งเอาไว้ได้ เจ้าจะได้รับเหรียญม่วง! ยกตัวอย่าง ผู้ที่ท้าเจ้า
ประลอง พวกนั้นอาจใช้หนึ่งร้อยล้านซื้อสิทธิ์การท้าประลอง หาก
พ่ายแพ้แก่เจ้า เจ้าก็จะได้รับห้าสิบล้านเหรียญม่วง!”
“ฟังดูดี!” ฉินหยุนยิ้มกว้าง “อย่างนั้นข้าจะไปซื้อสิทธิ์การท้าประลอง
คํ่าคืนนี้ สั่งสอนจ้าวจิงอวี้สักบทเรียนหนึ่ง!”
เขาดื่มไวน์ในจอกจนหมดและถามต่อ “แล้วพี่ใหญ่อู๋เฟิ งมาด้วย
หรือไม่? ด้วยกําลังระดับเขา สมควรเป็นจ้าวสังเวียนได้ไม่ยาก!”
“น่าจะมา แต่ยังไม่เห็นได้ยินข่าวคราวใดเลย!” มู่หรงต้าเหรินตอบ
กลับ
หงเหยียนกล่าวขึ้น “ไปกัน พวกเราจะไปยังตําหนักจารึกเทวะ การ
ประมูลจะเริ่มในอีกไม่ช้าแล้ว!”
จ่ายค่าอาหารเรียบร้อย พวกเขาทั้งสามจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไปตําหนัก
จารึกเทวะ
ในห้องโถงกว้างของตําหนักจารึกเทวะ การเสนอราคาเพื่อสิทธิ์การ
ท้าประลองกําลังเริ่มขึ้น
เมื่อเข้าไปแล้ว เขาจะได้รับเหรียญตรา จําเป็นต้องมีการหยดเลือด
ยืนยันเป็ นเจ้าของ ระหว่างการเสนอราคา เหรียญตราจะแสดงมูลค่า
ค้างไว้ และส่งต่อไปยังผนังผลึกแก้วบนเวที
ท้ายที่สุด จะมีการประกาศผู้ที่เสนอราคาสูงที่สุดให้ได้เห็น
ขณะถือเหรียญตราในมือ ฉินหยุนกําลังคาดคิดถึงราคาที่เหมาะสม
การประมูลรอบแรก ก็เพื่อหาผู้มีสิทธิ์ท้าประลองเจ็ดจ้าวสังเวียน
และคนแรกก็คือจ้าวจิงอวี้!
ฉินหยุนพิจารณาอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงกําเหรียญตราเอาไว้แน่น โคจร
พลังจิตเข้าไป เสนอราคาหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน!
เขารู้สึกว่าราคานี้สมควรสูงแล้ว จึงมั่นใจในระดับหนึ่ง
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ชายชราบนเวทีประกาศดัง “ประกาศราคา สูงสุด
ที่สองร้อยแปดสิบล้าน ผู้ซื้อได้คือหยุนเป่ ยเซียว! ทุกท่านที่เข้าร่วม
ประมูล โปรดจ่ายเหรียญม่วงตามที่ตกลงด้วย!”
ฉินหยุนสบถรุนแรง นี่เป็นการประมูลครั้งแรก ไม่มีผู้ใดมั่นใจใด
ทั้งสิ้น พวกเขาไม่คาดคิด ว่าผู้อื่นจะเสนอราคาสูงลํ้าขนาดนั้น
เขาสบถในใจพร้อมเดินออกไป จ่ายหนึ่งร้อยห้าสิบล้านเหรียญ และ
ค่อยมองที่ผนังผลึกแก้ว
ผู้ที่เข้าร่วมการประมูล ล้วนเป็นศิษย์จากสํานักหรือไม่ก็ตระกูลชน
ชั้นสูง ศิษย์ตระกูลสายเลือดถือว่าเสนอราคากันดุเดือด มูลค่าเกิน
กว่าสองร้อยล้านกันทั้งสิ้น!
นี่เป็นเพียงรอบแรก ตําหนักจารึกเทวะก็สร้างผลกําไรมหาศาลไปได้
แล้ว มันทําเอาฉินหยุนต้องเผยดวงตาแดงกํ่าด้วยความอิจฉา!
สวนโบราณเป็นตัวล่อชั้นเลิศ ดังนั้น หลายคนจึงคิดเข้าร่วม
ตํานานกล่าวว่า ตราบเท่าที่ได้เข้าสวนโบราณ ภายหน้าย่อมได้กลาย
เป็นราชันยุทธ์ เพียงแค่เรื่องนี้ ก็พอให้หลายผู้คนยอมจ่ายเหรียญม่วง
จํานวนมหาศาลกันแล้ว
ฉินหยุนมีเป้าหมายที่จ้าวจิงอวี้ ดังนั้นเขาจึงได้แต่รอคอยจนกระทั่ง
ถึงรอบถัดไป ซึ่งก็คืออีกห้าวันให้หลัง
การประมูลสังเวียนที่หกเริ่มขึ้น ฉินหยุนยังอยู่ต่อรับชมราคา
ในห้องโถงกว้างแห่งนี้มีผู้ฝึกตนนับหมื่นรวมตัวกัน เสียงดังอึกทึก
แต่ละคนต่างพูดคุยถึงราคาสุดท้ายของสังเวียนที่หก
รอเพียงไม่นาน ราคาก็ประกาศออก!
“ผู้เสนอสูงสุดที่สามร้อยสามสิบล้าน! เซี่ยอู๋เฟิ งได้รับสิทธิ์ท้าประลอง
สังเวียนที่หก!” ชายชราประกาศดัง
ฉินหยุนและมู่หรงต้าเหริน ทั้งสองเกิดความประหลาดใจระคนยินดี
เซี่ยอู๋เฟิ งถึงกับอยู่ในห้องโถงแห่งนี้ด้วย!