Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 477 จันทราทมิฬ
ตอนที่ 477 จันทราทมิฬ
หลังจากที่ฉินหยุนกลับถึงรากฐานค่ายอาคม เขาพบว่าอาการของ
เซี่ยอู๋เฟิ งดีขึ้นมากแล้ว
หงเหยียน มู่หรงต้าเหริน ไค่เซียงจิ้ง พวกเขาล้วนเป็นกังวลถึงฉินหยุน
และเชี่ยวเย่ว์หลาน พวกเขาได้แต่อยู่ที่ฐานค่ายอาคม ยิ่งเวลาผ่านไป
พวกเขายิ่งรับรู้ถึงคลื่นกระแทกหลายระลอก ทําให้ทราบว่าภายนอก
เกิดการต่อสู้ตึงเครียดกันเพียงใด
เมื่อหงเมิ่งจูได้เห็นพวกฉินหยุนกลับมา ทั้งยังพาสาวงามผู้หนึ่งกลับ
มาด้วย นางกล่าวออกด้วยความยินดี “พี่สาวผู้นี้งดงามนัก มาจากที่
ใดกันหรือ?”
เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้ม “พี่หยางเคยเป็นอาจารย์ของฉินหยุน!”
หยางฉีเย่ว์ยิ้มมีมารยาทตอบแก่หงเมิ่งจูและคณะ นี่เรียกว่าเป็นการ
ทักทายอย่างเป็นกันเอง
มู่หรงต้าเหรินและเซี่ยอู๋เฟิ งล้วนรู้จักหยางฉีเย่ว์ กระนั้นก็ต้องแปลก
ใจว่าเหตุใดนางจึงเข้าสู่นครโบราณ
ฉินหยุนปลดปล่อยยอดฝีมือสายเลือดจากหม้อราชสีห์สวรรค์สะกด
มังกร จากนั้น เขาและเชี่ยวเย่ว์หลานจึงใช้หลายวิธีการ นําเอาดาบ
ต้นกําเนิดกลับคืนแก่เซี่ยอู๋เฟิ ง
ไม่ช้า เชี่ยวเย่ว์หลานค่อยสรุปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายนอก
ฉินหยุนช่วยเหลือเซี่ยอู๋เฟิ งซ่อมแซมดาบต้นกําเนิด
ไค่เซียงจิ้งทราบว่าแม่เฒ่าหลิงอยู่ด้านนอก นางคิดอยากออกไป แต่ก็
ทราบว่าด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่นางจะออกไป
“ตระกูลสายเลือดชนชั้นสูง ตําหนักโทเทม ตําหนักจารึกเทวะ และ
สํานักจากแดนวิญญาณอ้างว้าง ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าของพวกมัน
ทั้งหมดถึงกับส่งเข้ามาจัดการน้องหยุนและเย่ว์หลาน!”
“ตอนนี้ผู้ฝึกตนของสํานักเก้าตะวันก็คิดเข้าสู่นครโบราณยุทธ์เต๋า
วิเศษนัก! ข้า มู่หรงต้าเหริน ในที่สุดค่อยมีโอกาสได้แสดงถึงความ
สามารถอันสูงส่งเสียบ้าง!”
“เป็ดมู่หรง เหตุใดเจ้าไม่หันมองระดับพลังตนเองบ้าง? เจ้าจะทํา
อะไรได้!” หงเหยียนกล่าวขึ้น
“หากพวกเราเข้าสู่สระนํ้าศักดิ์สิทธิ์และฝึกฝน ย่อมต้องเลื่อนระดับ
พลังอย่างก้าวทะยาน! ตราบเท่าที่ฝึกฝนจนถึงขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
ระดับที่หกได้ ข้าจะจัดการพวกมันได้แม้เพียงมือข้างเดียว!”
ไค่เซียงจิ้งขมวดคิ้ว “ศิษย์ของสํานักเก้าตะวันล้วนแข็งแกร่ง ครั้ง
พวกเรายังอยู่ที่แดนวิญญาณอ้างว้าง บ่อยครั้งต้องพบเจอศิษย์ของ
พวกเขา มันไม่ใช่ว่าพวกเขาได้ครอบครองความสามารถเทวะ แต่
พวกเขามีสายเลือดที่แข็งแกร่ง มรดกมากมาย อีกทั้งยังครอบครอง
โทเทมแต่กําเนิด เคล็ดวิชายุทธ์ที่พวกเขาเผยให้เห็น ล้วนแกร่งกล้า
และลึกลํ้า”
ฉินหยุนกล่าว “ขณะนี้พวกเราหลบซ่อนในเงามืด กระทั่งว่าพวกเรา
ไม่อาจจัดการพวกมัน ก็ไม่มีทางที่จะทําอะไรพวกเราได้! ฐานแห่งนี้
อยู่ภายใต้การควบคุมของข้าโดยสมบูรณ์ หากไม่มีข้านําทาง ก็ไม่มี
ผู้ใดสามารถเข้ามา นี่ถือเป็นหลักประกันความปลอดภัย!”
เชี่ยวเย่ว์หลานพยักหน้ารับ “และสระนํ้าศักดิ์สิทธ์ทั้งสามนั่น ก็มีค่าย
อาคมคุ้มกันอีกทีหนึ่ง! หากพวกคนจากสํานักเก้าตะวันแข็งแกร่งจริง
พวกเราก็แค่เก็บตัวอยู่ภายในนั้นสักชั่วระยะเวลาหนึ่ง เมื่อก้าวถึง
ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า เมื่อนั้นพวกเราจะจัดการโค่นพวกมัน
ลงได้!”
ฉินหยุนยิ้มรับ “ทุกคน ข้าจะพาไปยังถํ้าแห่งนั้น!”
หยางฉีเย่ว์ช่วยพยุงหงเมิ่งจูที่อ่อนแรง ทั้งยังส่งถ่ายพลังจากวิญญาณ
ยุทธ์จันทราสู่ร่างของหงเมิ่งจู ทําให้นางฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว
หงเมิ่งจูถึงกับลอบอึ้งต่อพลังของหยางฉีเย่ว์ ก่อนหน้านี้นางได้ยิน
จากเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ว่าฉินหยุนมีภรรยาอยู่แล้ว
เช่นนั้น หญิงใดกันที่จะเป็นภรรยาของฉินหยุน? ขณะนี้นางพบเชี่ยว
เย่ว์หลานแล้ว นางนับว่าแตกต่างจากที่คิดไว้มาก
สําหรับหงเมิ่งจู ตัวตนเช่นฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์เหม่ย เชี่ยวเย่ว์หลาน
หยางฉีเย่ว์ และเซี่ยอู๋เฟิ ง ถือเป็นความลึกลับประการหนึ่ง
พวกเขาแต่ละคนล้วนมีจุดแข็งของตนเอง และคนกลุ่มนี้ต่างก็รู้จัก
กันและกันมานาน มีสัมพันธ์อันดีต่อกันอย่างเหนียวแน่น
ไม่นานนัก ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานจึงนําเซี่ยอู๋เฟิ งและคณะถึงถํ้า
ที่ทําฉินหยุนตระหนักก็คือ เชี่ยวเย่ว์หลานจับหลักความสามารถเทวะ
ทะลุทะลวงได้ หากมีแต่เขาเพียงผู้เดียว การพาแต่ละคนผ่านม่าน
พลังถือเป็นความกดดันอย่างหนักหนา
หากเขาต้องนําหลายคนผ่านค่ายอาคมสู่ภายในถํ้า นั่นจะเป็นการกิน
พลังงานอย่างมหาศาล
ความสามารถในการคัดลอกพลังผู้อื่นผ่านวิญญาณยุทธ์ของเชี่ยวเย่ว์
หลาน ถึงกับทําฉินหยุนต้องตระหนกตกใจ เขาไม่คาดคิด ว่าความ
สามารถเทวะนี้ก็สามารถคัดลอกได้!
ฉินหยุนเกิดความรู้สึก ว่ามีความเป็นไปได้สูง ที่เชี่ยวเย่ว์หลานจะ
สามารถจับหลักความสามารถเทวะอัญเชิญราชสีห์สวรรค์!
เซี่ยอู๋เฟิ งกล่าว “ข้าต้องการร่างกายที่แกร่งขึ้น ขอเข้าสระกายเต๋าก็
แล้วกัน!”
“ข้าคิดฝึกฝนกายเต๋าด้วย!” มู่หรงต้าเหรินกล่าว
หงเหยียนพยักหน้ารับ และตามมู่หรงต้าเหรินสู่สระกายเต๋า
ขณะนี้เหลือเพียงแต่ฉินหยุนกับหญิงสาวอีกหลายคนในโถงทางเดิน
“ข้าคิดไปยังสระหัวใจเต๋า! พลังจิตถือเป็นจุดด้อยของข้ามาโดยตลอด!”
ไค่เซียงจิ้งยิ้ม “ข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ มันจะช่วยเหลือข้าได้
มาก!”
“พี่จิ้ง ให้ข้าไปกับท่าน!” หงเมิ่งจูเร่งรีบติดตามไค่เซียงจิ้งไป
ขณะนี้เหลือแต่ฉินหยุน เชี่ยวเย่ว์หลาน และหยางฉีเย่ว์ในโถงทางเดิน
“อาจารย์หยาง ท่านเข้าสระต้นกําเนิดเต๋า เสี่ยวหยุนมีอะไรคิดบอก
ต่อท่าน!” เชี่ยวเย่ว์หลานเปิ ดประตูสระต้นกําเนิดเต๋าพร้อมกล่าว
เสียงเบา
หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเดินเข้าสู่ด้านในสระต้นกําเนิดเต๋า
“เสี่ยวหยุน ให้ข้าออกไปก่อนดีหรือไม่?” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ
“ย่อมไม่ต้อง!” ฉินหยุนยิ้ม มือคว้าเชี่ยวเย่ว์หลานไว้ พร้อมดึงนาง
ผ่านประตูและปิ ดมันตามหลัง
หยางฉีเย่ว์ขณะนี้มองที่สระต้นกําเนิดเต๋า มือขาวนวลจุ่มลงในนํ้า
โปร่งใส นางรับรู้ได้ถึงพลังงานพิเศษภายในสระ
“คิดอยากบอกกล่าวอะไรหรือ?” หยางฉีเย่ว์มองที่สระนํ้า รอยยิ้มเผย
ออกพร้อมกล่าว “ข้าแทบรอลงไปแช่มันไม่ไหวแล้ว!”
สีหน้าฉินหยุนพลันแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง “อาจารย์หยาง…”
“ข้าออกจากสถาบันยุทธ์ฮัวหลิงมานานแล้ว อย่าได้เรียกหาข้าเป็น
อาจารย์หยาง เรียกข้าเป็นพี่หยาง!” หยางฉีเย่ว์ยิ้มอ่อนโยนกล่าวตอบ
“พี่หยาง… ท่านเคยมีความฝันแปลกประหลาดยามหลับใหลบ้าง
หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถามสีหน้าจริงจัง
เชี่ยวเย่ว์หลานพอได้ยินคําถาม นางพบว่าเรื่องนี้ชวนงุนงง เป็นนาง
ไม่ทราบว่าเหตุใดฉินหยุนจึงโพล่งถามเช่นนี้ออกมา
ได้ยินดังนี้ หยางฉีเย่ว์ขมวดคิ้ว ฝี เท้าก้าวเดินไปมาตรงหน้าสระนํ้า
คําถามนี้ แม่เฒ่าจากตําหนักจันทราทมิฬก็เคยถามต่อนาง
“ใช่ แต่ข้าจําไม่ได้ว่าความฝันนั้นเป็นอย่างไร และมันยังทําให้ข้า
หวาดกลัวด้วย!” หยางฉีเย่ว์พอกล่าวคําจบ นางจึงสูดลมหายใจเข้าลึก
ฉินหยุนนําเอาไข่มุกสีดําออกมา ส่งมันให้แก่หยางฉีเย่ว์
“นี่เป็นวิญญาณยุทธ์สีดํา!” เชี่ยวเย่ว์หลานตื่นตะลึง “เสี่ยวหยุน นี่เจ้า
เอามันมาจากที่ใด?”
“เรื่องราวยาวนัก…” นับตั้งแต่ที่ฉินหยุนเข้าสู่สวนโบราณ เรื่องราว
ถูกบอกเล่า เชี่ยวเย่ว์หลานและหยางฉีเย่ว์ต่างเผยความตื่นตะลึงยาม
ได้รับฟัง
ย้อนกลับไปตอนอยู่หุบเขาลึกลํ้าจันทรา พวกนางทราบวีรกรรมของ
ฉินหยุนมากมาย แต่พอออกจากปากของฉินหยุน มันก็ยังเป็ นเรื่อง
ชวนขนหัวลุก
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อฉินหยุนเมื่อเข้าสวนโบราณ มีเรื่องหนึ่งลึกลับที่สุด
เหตุใดเขาจึงออกมาก่อนกําหนด?
“ในช่วงชีวิตก่อนหน้าของข้า… ถึงกับเป็นเช่นนั้น?” หยางฉีเย่ว์มอง
ไข่มุกในมือ พบว่าเป็ นเรื่องยากจะเชื่อ
“พี่หยาง ขณะนี้ท่านครอบครองวิญญาณยุทธ์จันทราทองม่วง จะเกิด
อะไรขึ้นหากผสานรวมกับวิญญาณยุทธ์จันทราสีดํา?” เชี่ยวเย่ว์หลาน
เผยความตื่นเต้น “วิญญาณยุทธ์นี้เป็นมารดาท่านหลงเหลือไว้ ย่อม
ต้องช่วยเหลือท่านอย่างมหาศาล!”
หยางฉีเย่ว์รู้สึกซับซ้อน อย่างไรแล้ว เรื่องราวนี้ก็เป็นการบอกเล่า
อย่างปุบปับเกินไป
ฉินหยุนจับจ้องเชี่ยวเย่ว์หลาน ฉับพลันนี้รู้สึกได้ว่านางสมควรทราบ
ความลับบางอย่าง กระนั้นกลับไม่กล่าวออกมา
“เสี่ยวหยุน ช่วยข้าผสานมัน!” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจยาว
“ขอรับ!” ฉินหยุนไม่กล่าวถึงราชันเซียนผู้ลึกลับ
ฉินหยุนนําเอาหมอนออกมาให้นางหนุนนอน
“พี่หยาง เอ่อ… มันจะดีหากท่านช่วยปลดเสื้อผ้าบริเวณหน้าท้อง ข้า
จําเป็นต้องสัมผัสโดยตรงเพื่อผสานวิญญาณยุทธ์!” ฉินหยุนเกิด
ความเขินอาย เขานึกว่าหยางฉีเย่ว์จะผสานมันด้วยตัวเองเมื่อสัมผัส
กับไข่มุกเสียอีก
พอมาคิดให้ดี ก็เป็ นเขาต้องลงมือช่วย!
หยางฉีเย่ว์ปลดสายคาดเอว เลิกเสื้อขึ้นเล็กน้อย เผยช่วงเอวขาวนวล
งดงาม
ฉินหยุนสัมผัสด้วยมือบางเบา ผสานพลังเข้าไปจํานวนหนึ่ง เพื่อเป็น
การเปิ ดประตูวิญญาณ และสร้างสะพานวิญญาณ
“เสี่ยวหยุน ผิวพรรณพี่หยางยอดเยี่ยมนัก สัมผัสมันแล้วรู้สึกอย่างไร
บ้าง?” เชี่ยวเย่ว์หลานที่ยืนด้านข้าง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มกระหยิ่ม
นางทราบว่าฉินหยุนเคยช่วยเชี่ยวเสวียนฉินผสานวิญญาณยุทธ์
กระบวนการย่อมต้องเป็นเช่นเดียวกัน
“เหมือนผิวพรรณเจ้า!” ฉินหยุนหัวเราะแห้ง สบถต่อเชี่ยวเย่ว์หลาน
ภายใน เป็นนางหยอกล้อเขาจนแทบตายตกแล้ว
ต่อหน้าผู้อื่น เชี่ยวเย่ว์หลานคือโฉมงามภูเขานํ้าแข็ง ใบหน้าเปี่ ยม
ด้วยจิตสังหารเสมอมา
ขณะนี้ต่อหน้าคนคุ้นเคย นางปล่อยตัว ทําเหมือนดังเช่นเชี่ยวเย่ว์
เหม่ย เป็นเด็กสาวแสนซนกันทั้งคู่
นางลูบไล้ที่ใบหน้างดงามของหยางฉีเย่ว์ กล่าวว่านางไม่ได้งดงาม
ดั่งหยางฉีเย่ว์ ผิวพรรณของหยางฉีเย่ว์ก็ดียิ่งกว่ายามสัมผัส
ครั้งเชี่ยวเย่ว์หลานเข้าร่วมตําหนักตะวันออกวิญญาณสีคราม นางมี
สัมพันธ์อันดีกับหยางฉีเย่ว์
ฉินหยุนเมื่อสร้างสะพานวิญญาณเรียบร้อย เขาจึงกล่าวออก “พี่หยาง
ข้าจะเริ่มแล้ว ผ่อนคลายด้วย!”
ใบหน้าของเชี่ยวเย่ว์หลานแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง ถอยห่าง และ
รับชมจากด้านข้าง
ฉินหยุนใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวง คว้าเอาไข่มุกภายใน
ตันเถียนของหยางฉีเย่ว์ จากนั้นค่อยเข้าทางประตูวิญญาณ ผ่าน
สะพานวิญญาณ ท้ายที่สุดเข้าถึงด้านในของแก่นเต๋า
“พี่หยาง ขณะนี้ท่านอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สอง หากผสานรวม
วิญญาณยุทธ์จันทราสีดํา และเมื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สาม
ท่านจะสามารถฝึกฝนความสามารถเทวะ!” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
“ข้าจะเริ่มการผสานแล้ว!” ฉินหยุนกล่าวด้วยนํ้าเสียงลุ่มลึก
“เจ็บ…” หยางฉีเย่ว์หมวดคิ้ว ร่างกายขณะนี้เกิดออร่าสีดําเป็นประกาย
เชี่ยวเย่ว์หลานเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน นางเร่งรีบกล่าว “เสี่ยวหยุน
สภาพการณ์นี้ไม่ถูกต้อง!”
หยางฉีเย่ว์เผยเสียงร้องเจ็บปวดออกมา มือทั้งสองเกาะกุมที่ศีรษะ
คณะครางออกด้วยความเจ็บปวด
เชี่ยวเย่ว์หลานเข้าคว้ากอดหยางฉีเย่ว์เอาไว้แน่น นํ้าเสียงเป็นกังวล
กล่าวออก “พี่หยาง อดทนอีกสักนิด!”
ฉินหยุนเองก็สัมผัสได้ถึงพลังแกร่งกล้าที่ออกมาจากแก่นเต๋าของ
หยางฉีเย่ว์ ที่ทําเอาเขาตื่นตะลึงที่สุด คืออักขระชีวิตที่ปรากฏบน
ผิวหน้าของแก่นเต๋า
“พี่หยาง ท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?” ฉินหยุนเร่งรีบโคจรพลัง
วิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ทําการประคองสภาพพลังไม่ให้มากเกินไป
“ข้า… ข้ายังทนได้!” หยางฉีเย่ว์ตอบกลับ นางขณะนี้รู้สึกได้ถึง
วิญญาณยุทธ์ทั้งสามของฉินหยุน ที่น่าสะพรึงที่สุด คือวิญญาณยุทธ์
ตะวันทมิฬ
ฉินหยุนพิจารณาวิญญาณยุทธ์จันทราสีดําของหยางฉีเย่ว์ เขาค่อย
ตระหนักได้ตอนนี้ ว่าที่พื้นผิววิญญาณยุทธ์ มันมีโทเทมคงอยู่ เป็น
โทเทมจันทรา!
หลังจากหยางฉีเย่ว์ร้องอย่างเจ็บปวดอยู่ครู่หนึ่ง เสียงค่อยสงบเงียบ
ใบหน้าขณะนี้ซีดเผือด นางหมดสติไปภายใต้อ้อมแขนของเชี่ยวเย่ว์
หลาน
“อาการคงที่แล้ว!” ฉินหยุนปาดเช็ดเหงื่อพลางถอนหายใจโล่งอก
“และยังก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่สามแล้วด้วย นอกจากนี้ ยัง
เป็นการเพิ่มพูนพลังอย่างต่อเนื่อง…”
ฉินหยุนมองที่เชี่ยวเย่ว์หลานและเอ่ยถาม “เย่ว์หลาน เมื่อครู่เจ้าก็ยื่น
มือเข้ามาสัมผัสใช่หรือไม่?”
“ใช่” เชี่ยวเย่ว์หลานยิ้มบาง
ฉินหยุนยิ่งเกิดความสงสัย เมื่อครู่เขาไม่อาจตรวจสอบถึงวิญญาณ
ยุทธ์ที่สามของเชี่ยวเย่ว์หลาน และยังไม่พบด้วยว่าวิญญาณยุทธ์ที่
สามของนางแท้จริงคืออะไร
กระทั่งตัวเชี่ยวเย่ว์หลานเอง ก็ยังไม่ทราบกระจ่างชัดว่ามันเป็น
วิญญาณยุทธ์ใด
เป็ นเขารู้สึก ว่าหากจะมีคนหนึ่งที่ทราบ ย่อมต้องเป็นเซี่ยฉีโหรว!
ขณะหยางฉีเย่ว์หลับใหล ภายนอกก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว
เรื่องแปลกก็คือ นอกจากเก้าดวงตะวันร้อนแรง ขณะนี้เกิดจันทร์
เสี้ยวสีดํา จันทร์เสี้ยวนั้นยิ่งมายิ่งขยายขนาดมากขึ้น ราวกับมัน
พร้อมที่จะเป็นจันทร์เพ็ญ
แม่เฒ่าหลิงมองที่จันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้า ร่างกายอดไม่ได้ที่จะสั่น
นางร้องตะโกนออกด้วยความหวาดกลัว “นี่… นี่คือจันทราทมิฬ!”