Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 510 สังหารสองศพ
ตอนที่ 510 สังหารสองศพ
เทียนฉั่วเงยหน้าขึ้นพลางหัวเราะ “ข้าไม่เข้าพวกแล้วเป็นอย่างไร?
คิดสังหารข้าหรือ? หากกล้าสังหารผู้อื่นในหอขุนเขาดาบกระบี่
เช่นนั้นผลที่ตามมาจะน่ากลัวเพียงใดพวกเจ้าล้วนคาดเดา!”
“อย่าได้กังวลไป ข้ายังมีโอกาสให้สังหารเจ้าได้มากมายนัก!” เทียน
รั่วเหลิงสามารถสังหารเทียนฉั่วได้ในเพียงการโจมตีครั้งหนึ่ง คํา
กล่าวนี้ มันมาพร้อมจิตสังหาร
เทียนฉั่วหาได้กังวลใดไม่ เพียงแต่หันกาย เดินกลับไปห้องพักของ
ตนเอง
“กลับไปทําความสะอาดห้องกันดีกว่า!” เย่ว์อู่หลันกล่าวขึ้น
ขณะนางคิดจากไป ชายชราคนหนึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีทอง กําลังเร่ง
รีบเดินมาทางนี้
ในหอขุนเขาดาบกระบี่ ผู้สวมใส่ชุดคลุมสีทอง หมายถึงเป็นผู้อาวุโส!
ทว่าผู้อาวุโสนี้เป็นเพียงอาจารย์ยุทธ์ หรือก็คือขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
ในความเป็นจริง หอขุนเขาดาบกระบี่ มีขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าหรือ
ยอดยุทธ์อยู่เพียงน้อยนิด และหลายคนต่างก็เก็บตัวกันเงียบงัน
สาเหตุก็เพราะ ยอดยุทธ์ส่วนใหญ่ในหอขุนเขาดาบกระบี่ ต่างไป
สังกัดอยู่ในสํานักเซียนกันเสียแทน
พลังอํานาจของสํานักเซียนยิ่งใหญ่ พวกเขาดูดกลืนยอดยุทธ์จาก
สํานักและตระกูลใหญ่ทั้งหลายเข้าไป
กระทั่งว่าเป็นผู้ฝึกตนของห้าสํานักดวงดาว เมื่อใดก้าวสู่ขอบเขตวร
ยุทธ์ลึกลํ้าและได้เป็นยอดยุทธ์ เมื่อนั้นพวกเขาย่อมคิดก้าวเดินต่อไป
ยังสํานักเซียน
“ลุงหก เหตุใดท่านมาที่นี่?”
เมื่อเย่ว์อู่หลันได้เห็นผู้อาวุโสชุดสีทอง นางพลันตะโกนถามด้วย
ความประหลาดใจ
ผู้อาวุโสชุดสีทองนี้ เป็นคนของตระกูลเย่ว์ นามคือเย่ว์เหลียง และ
เขาเป็นผู้อาวุโสของหออาวุโส
“อู่หลัน ข้าได้ยินเรื่องระหว่างเจ้าและฉินหยุนมา!” ทันทีเมื่อเย่ว์เหลียง
เข้ามาถึง สายตานั้นจับจ้องที่ฉินหยุน “เจ้า ฉินหยุน จงอยู่ให้ห่างจาก
อู่หลัน!”
เย่ว์อู่หลันขมวดคิ้วพร้อมร้องถาม “เพราะอะไรกันเล่าลุงหก?”
“เพราะอะไรงั้นหรือ? เจ้า เย่ว์อู่หลัน เป็นหนึ่งในห้าโฉมงามแห่ง
แคว้นมหาดวงดาว! ตัวเจ้าเป็นหน้าตาของตระกูลเย่ว์ หากเจ้าคิด
อยากอยู่ร่วมกับชายอื่น ก็จําเป็นต้องได้รับอนุญาตจากตระกูลเย่ว์
เสียก่อน!”
“และเจ้า ถึงกับกล้าขายเรือนร่างโดยง่ายเพียงนั้น! ขณะนี้ตัวเจ้าทํา
เอาผู้อาวุโสในตระกูลหลายต่อหลายคนของตระกูลเย่ว์สาขาแคว้น
มหาดวงดาวแทบคลั่งแล้ว!”
นํ้าเสียงของเย่ว์เหลียงเปี่ ยมด้วยความโกรธเคืองและขุ่นข้อง
ฉินหยุนทราบถึงความคิดเช่นนี้ และเขาก็พอทราบถึงวิธีการที่ตระกูล
เย่ว์คิดเลือกใช้ อีกฝ่ ายคงคิดตบแต่งเย่ว์อู่หลันต่อไปยังตระกูลสูงส่งอื่น
หรือไม่ ก็อาจเป็นการตบแต่งกับศิษย์ของสํานักเซียน!
“เรื่องของข้า ผู้ใดให้ผู้อื่นเจ้ากี้เจ้าการกัน!” ใบหน้าของเย่ว์อู่หลันเย็น
เยือกพร้อมตะโกนโกรธเกรี้ยว
เย่ว์เหลียงแค่นเสียง “สามหาว! พวกเราจัดแจงให้เหลียวฉงเจิ้งได้นัด
ดูตัวกับเจ้าแล้ว ถึงตอนนั้น หากเขาพึงใจ พวกเจ้าทั้งสองจะได้ตบ
แต่ง และเมื่อถึงเวลา เขาจะหาทางให้เจ้าได้เข้าร่วมสํานักเซียน!”
ฉินหยุนเกิดความรู้สึก ว่าเรื่องราวช่างบังเอิญยิ่งนัก เย่ว์อู่หลันถึงขั้น
ถูกจัดแจงเตรียมใส่พานส่งมอบแก่เหลียวฉงเจิ้ง!
นี่เป็นสาเหตุว่าทําไมตระกูลเย่ว์จึงมีโทสะ มันเป็ นเพราะเย่ว์อู่หลัน
อยู่กับฉินหยุน และฉินหยุนก็คือศัตรูตัวร้ายของเหลียวฉงเจิ้ง
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อย่างกะทันหัน เย่ว์อู่หลันกลับกลายหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“วิเศษนัก! นี่ยิ่งทําให้ข้าอยากอยู่กับฉินหยุนเข้าไปใหญ่! บุคคลชั้น
สวะที่ถูกฉินหยุนตบหน้าผู้นั้นหรือคิดอยากตบแต่งกับข้า? น่าขัน!”
“นี่เจ้า!”
เย่ว์เหลียงยิ่งมีโทสะ เท้ากระทืบพื้น ฝี เท้าก้าวทะยานออก ฝ่ ามือเงื้อ
ขึ้น คิดฟาดตบเข้าที่ใบหน้าของเย่ว์อู่หลันอย่างหาได้ปรานีใดไม่!
เทียนรั่วเหลิงและคณะต่างอึ้ง พวกเขาไม่คาดคิด ว่าผู้อาวุโสตรงหน้า
ขณะนี้ถึงขั้นกล้าลงมือกับเย่ว์อู่หลัน!
ฝ่ ามือเย่ว์เหลียงไร้ซึ่งปรานี ปลดปล่อยกําลังออกอย่างเต็มที่ ขณะ
ฟาดลงมา มันถึงขั้นทําให้พื้นสั่นสะเทือน!
แต่แล้ว ขณะฝ่ ามือใกล้ถึงที่ใบหน้าขาวนวลของเย่ว์อู่หลันนั้นเอง…
เสียง “ตู้ม” พลันบังเกิดดังขึ้น
ฉินหยุนเร่งรีบออกหน้า หมัดของเขาเปี่ ยมแน่นด้วยออร่าสีดํา มันเผย
ออกซึ่งกําลังพร้อมสะท้านสะเทือนผืนแผ่นดิน พร้อมเสียงคํารามดัง
ขณะนี้มันปลดปล่อยเข้าปะทะกับหน้าท้องของเย่ว์เหลียง!
“อั่ก…”
เย่ว์เหลียงไม่อาจป้องกันได้ทัน ร่างต้องกระเด็นลอยเพราะแรงหมัด
ของฉินหยุน กระทั่งถึงขั้นกระอักเลือดออกด้วยซํ้า
เย่ว์อู่หลันตื่นตะลึง นางไม่มีเวลาแม้หลบเลี่ยงด้วยซํ้า แทบไม่ต้อง
กล่าวถึงการโจมตีตอบโต้
แม้คิดตอบโต้กลับ ผู้อาวุโสตรงหน้าก็ยังถือเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง!
แต่แล้ว หมัดของฉินหยุน กลับส่งร่างของเย่ว์เหลียงลอยลิ่วไปนับ
สิบเมตร!
“เจ้า… นี่เจ้า!”
คํายังกล่าวไม่ทันจบดี เย่ว์เหลียงก็สําลักเอาโลหิตคําโตออกจากปาก
อาการดังกล่าว ชัดเจนว่าอีกฝ่ ายบาดเจ็บร้ายแรงไม่ใช่น้อย!
เทียนรั่วเหลิง จีฉางเจี้ยน จีฉางเชียน และเย่ว์อู่หลัน ทั้งสี่ล้วนตื่นตะลึง!
ฉินหยุน ผู้ซึ่งอยู่ขอบเขตวรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้า ถึงขั้นสามารถทําให้
อาจารย์ยุทธ์ได้รับบาดเจ็บเพียงหนึ่งหมัด!
“ตัวเจ้าล่วงละเมิดก่อการในสวนกระบี่ คิดตบตีทําร้ายผู้อื่น เป็ นเจ้า
หาเรื่องก่อน!” ฉินหยุนยังคงกล่าวโดยสีหน้าสงบ ออร่าสีดําขณะนี้
หลุดลอยจากดวงตา ที่หมัด ยังคงมีเส้นสายอสนีบาตสีดําร่ายรําอยู่
รอบ
“วิญญาณยุทธ์สีดํา! วิญญาณยุทธ์อสนีบาตสีดําหรือ?” จีฉางเจี้ยนสูด
อากาศเย็นเยือกเข้าปอด
ยิ่งวิญญาณยุทธ์ระดับสูงเพียงใด มันก็ยิ่งปลดปล่อยพลังแรงกล้า
ออกมาเท่านั้น!
กระทั่งว่าเป็นแดนวิญญาณอ้างว้าง วิญญาณยุทธ์สีดําก็ถือว่าหาพบ
ได้ยากยิ่ง นี่ยังไม่กล่าวถึงวิญญาณยุทธ์อสนีบาตสีดําที่รุนแรงได้
เพียงนี้!
และที่ชวนตื่นตะลึงที่สุด ก็คือบุคคลผู้ครอบครองหนึ่งชีพจรวิญญาณ
ถึงขั้นสามารถทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา และก้าวสู่ขอบเขต
วรยุทธ์เต๋าระดับที่เก้าได้ด้วยอายุยังเยาว์เพียงนี้!
ในแดนวิญญาณอ้างว้าง หากคิดทําลายคําสาปวิญญาณยุทธ์สีดํา มัน
แทบจะเป็นการรวบรวมทรัพยากรของกองกําลัง!
“พวกเจ้า… ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เย่ว์เหลียงกราดเกรี้ยว ขณะนี้ เขาใช้
แขนที่สั่นเทาชี้หน้าฉินหยุนและเย่ว์อู่หลัน
“ตาเฒ่า นี่เจ้าถึงขั้นกล้าคิดตบตีข้าเชียวหรือ?”
สายตาเย็นเยือกวาบผ่านในดวงตาของเย่ว์อู่หลัน ร่างอันงดงามของ
นาง ขณะนี้ทะยานออกประดุจสายลมกระโชก!
กระบี่ยาวพลันปรากฏในมือของนาง สับฟันเข้าที่แขนของเย่ว์เหลียง
ตัดมันออกมาครึ่งหนึ่งที่ศอก
“อ๊าก!” เย่ว์เหลียงคํารามร้อง “นางตัวบัดซบ!”
“หุบปาก!”
เย่ว์อู่หลันระบายโทสะ ใบหน้าแต่เดิมงดงามขณะนี้แทนที่ด้วยจิต
สังหารมากล้น
กระบี่นางสับฟันออกอีกครั้ง ครานี้เป้าหมายคือหัวไหล่ของเย่ว์เหลี
ยง ตัดเอาอีกแขนที่เหลือออกจากตัว
เย่ว์เหลียงไม่คาดคิด ว่าเขาจะบาดเจ็บมากมายเพียงนี้เพราะหมัดของ
ฉินหยุน!
หมัดของฉินหยุน มันมาพร้อมทั้งพลังอสนีบาตอัคคีและสั่นไหว
ด้วยพลังรุนแรงที่ปลดปล่อยออก มันสร้างความเสียหายได้ทั้งแก่น
เต๋าและหัวใจ
กระทั่งว่าเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ หากไม่ได้ตระเตรียมรับมือ ก็
ไม่อาจต้านรับไว้ได้ไหว
และเวลานี้ เย่ว์อู่หลันก็ตัดแขนทั้งสองข้างของอีกฝ่ ายไปแล้ว!
“สังหารมัน!”
ไม่ทราบว่านี่เป็นเทียนรั่วเหลิงคิดบันดาลโทสะจากเหตุการณ์เมื่อครู่
หรือไม่ ร่างของนางทะยานออก เข้าสับฟันเข้าที่ศีรษะของเย่ว์เหลียง
อสูรแฝดตระกูลจี ต่างมองหน้ากันเองพร้อมดวงตาเบิกกว้าง นํ้าลาย
กลืนอึกใหญ่ ใบหน้านั้นเปี่ ยมด้วยความหวาดเกรง!
เย่ว์อู่หลัน เร่งรีบนําเอาเตาเผาออกมา ใส่ร่างศพของเย่ว์เหลียงสู่ภายใน
จากนั้น นางค่อยเร่งรีบชะล้างคราบเลือดบนพื้นอย่างหมดจด!
ครึก ครึก ครึก!
อย่างกะทันหัน มีคนผู้หนึ่งเปิ ดประตูออก เป็นเทียนฉั่ว!
อีกฝ่ ายแม้ไม่ได้ออกมาจากห้องรับชมเรื่องราว แต่ก็พอคาดเดาได้ว่า
เมื่อครู่นี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น!
ชั่วขณะที่เทียนฉั่วออกมา เขาคิดบินขึ้นฟ้า กระนั้น อสูรแฝดแห่ง
ตระกูลจีกลับเร่งรีบเข้าไปหยุดยั้งอีกฝ่ ายไว้!
“นี่พวกเจ้า…”
ขณะเทียนฉั่วคิดออกปาก เขาพลันโดนบอลพลังเย็นเยือกพุ่งเข้า
ปะทะ ทําให้นํ้าแข็งเข้าไปอัดแน่นอยู่เต็มปากจนไม่อาจออกเสียง
“เจ้าเองก็สมควรตายด้วย!”
ความเร็วของเย่ว์อู่หลันมากลํ้า ด้วยการทะยานกายครั้งหนึ่ง นางก็ถึง
เบื้องหน้าเทียนฉั่วแล้ว
“มันเป็นคนของตระกูลเทียน ให้ข้าสังหารมันเอง!”
“เจ้าสังหารตาเฒ่านั่นแล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นถือว่าพวกเราเสมอกัน
ไป!” เย่ว์อู่หลันหัวเราะเสียงเบา
ฉินหยุนถึงขั้นไม่ทราบว่าควรร้องไห้หรือหัวเราะ หญิงสาวทั้งสอง
ถึงขั้นลงมือบุ่มบ่ามกันอย่างไม่คิดหารือต่อเขาแต่อย่างใด
การทําร้ายเย่ว์เหลียง เขามองว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ กระทั่งว่าปล่อยอีก
ฝ่ ายไปยังไม่น่าเป็นอะไร ทว่า เย่ว์เหลียงก็ก่อการอย่างหยิ่งผยองใน
ที่แห่งนี้จนเกินไป
แต่แล้วผู้ใดกันจะทราบ ว่าเย่ว์อู่หลันฉับพลันคิดลงมือ สับฟันแขน
ทั้งสองของเย่ว์เหลียงออก
จากนั้น จึงเป็นคราวกระบี่ของเทียนรั่วเหลิงที่สับฟันเข้าใส่ศีรษะ
ของเย่ว์เหลียง!
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นกะทันหันเกินไป กระทั่งเขาก็ยังไม่คาดคิด!
อสูรแฝดตระกูลจีก็มีส่วนร่วม ขณะนี้พวกเขายังคงเงียบ กระนั้น
ภายในก็กังวลยิ่งนักแล้ว
ความจริงที่เทียนฉั่วถูกพวกเขาเข้าสกัดตัวเอาไว้ ก็เป็นการเผยเจตนา
ว่าเข้าข้างฉินหยุนและคณะ
เย่ว์อู่หลันแม้โกรธเกรี้ยว แต่นางไม่ได้ลงมือสังหารเย่ว์เหลียง ครานี้
ได้เห็นเทียนฉั่วถูกสกัดตัวเอาไว้ จึงเร่งรีบเข้าสับฟันใส่ศีรษะอีกฝ่ าย
อย่างไร้ปรานี
ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ทั้งชีวิตและกายของเย่ว์เหลียงขณะนี้ไม่
หลงเหลือ สถานที่นี้ คล้ายไม่มีอันใดเกิดขึ้นมาก่อน
“หากมีผู้ใดถามเรื่องราว พวกเราก็เพียงกล่าวตอบว่าไม่รู้เห็น!”
รอยยิ้มหวานปรากฏที่ใบหน้าของเย่ว์อู่หลัน นางยินดีอย่างยิ่งที่สอง
คนซึ่งนางไม่ชอบหน้าถูกสังหารเรียบร้อยแล้ว
“ไปพักกันดีกว่า!” เทียนรั่วเหลิงเดินกลับห้องของนาง พร้อมกล่อง
หนึ่งในอ้อมแขน
ฉินหยุนเปิ ดกล่องที่เต๋าฟานมอบให้ รับชมภายใน มันเป็นกระบี่
วิญญาณระดับต้น และชุดสีดําจํานวนหนึ่ง รวมถึงตั๋วสําหรับเข้าออก
ซึ่งจําเป็นต้องหยดเลือดเพื่อยืนยันความเป็ นเจ้าของ
ทั้งห้าคนต่างกลับห้องตนเองเพื่อไปจัดเตรียมและพักผ่อน!
ภายในหอขุนเขาดาบกระบี่ พวกเขาเป็นศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วม กระนั้น
กลับลงมือสังหารทั้งผู้อาวุโสและศิษย์ร่วมสํานักไปแล้วอย่างน่าทึ่ง!
ฉินหยุนและคณะต่างสงบเสงี่ยมกลับห้องตนเอง พักผ่อน เสมือน
ไม่ได้ลงมือทําอันใดกันไป
และก็ไม่มีผู้ใดคาดคิด ว่าผู้อาวุโสของสํานักจะถึงขั้นถูกสังหารโดย
ศิษย์ใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมสํานัก!
กลางดึก ฉินหยุนซึ่งนอนทอดกายบนเตียง ฉับพลันลืมตาเบิกโพลง
ทั้งเทียนรั่วเหลิงและเย่ว์อู่หลัน ขณะนี้เข้าผ่านหน้าต่างมาอย่างไร้สุ้ม
เสียง
พิจารณาจากชุดรัดรูปสีดําที่อีกฝ่ ายสวมใส่ จึงทราบว่าเป็นเครื่องแบบ
ของสถาบันกระบี่
หญิงสาวทั้งสองล้วนไม่อ่อนด้อย ร่างกายพวกนางที่เผยออกผ่านชุด
รัดรูป เรียกได้ว่าร้อนแรงดุจเปลวเพลิง!
สองหญิงสาว หนึ่งเย็นเยือกดุจนํ้าแข็ง อีกหนึ่งทรงเสน่ห์ราวกับต้อง
มนตร์ ทั้งสองขณะนี้คล้ายหิวกระหายเลือดยิ่ง!
ฉินหยุนเร่งรีบลุกพรวดขึ้นนั่งพร้อมเอ่ยถาม “พวกเจ้าลับล่อมาทํา
อะไรกัน?”
“ผู้อาวุโสฟานยังไม่กลับมา! พวกเราจึงมาถาม ว่าเจ้าคิดอยากสังหาร
อสูรแฝดแห่งตระกูลจีหรือไม่?” เทียนรั่วเหลิงเผยเสียงเบา
“กระทั่งว่าสองคนนั้นสกัดเทียนฉั่วเอาไว้ แต่พวกเขาตั้งแต่เริ่มจนจบ
เรื่องหาได้เคลื่อนไหวใด พวกเขาอาจหลบหนีออกไปในภายหลังก็
เป็นได้!” เย่ว์อู่หลันพยักหน้า
ฉินหยุนส่ายศีรษะ “จนถึงเวลานี้ก็มีเวลามากมายเหลือเฟื อแล้ว! หาก
พวกเขามีเจตนาคิดเป็นอื่น คงหลบหนีไปไกลแล้ว!”
“อย่าได้กังวลให้มากความ ทั้งสองคนล้วนเชื่อถือได้! ไม่เช่นนั้น เขา
คงไม่อาจได้เป็นสหายร่วมกลุ่มของเจี้ยนหมาง! ตัวเจี้ยนหมางนั้น
หาได้มืดบอดดังสายตาของเขาไม่!”
“เช่นกัน หากพวกเขาสองคนหายไปอีก เช่นนั้นพวกเรายิ่งถูกสงสัย!”
เย่ว์อู่หลันมองทางเทียนรั่วเหลิง นํ้าเสียงกล่าวออก “เช่นนั้นข้าจะเชื่อ
เจ้า!”
“ตกลงตามนั้น!” เทียนรั่วเหลิงกระโดดพรวดวออกจากหน้าต่าง
กลับสู่ห้องของนางเอง
“นายน้อยฉิน ท่านคิดให้ข้าหลับนอนด้วยสักคืนหนึ่งดีหรือไม่?” เย่ว์
อู่หลันฉับพลันเผยสีหน้าซุกซน ร่างกายบิดไปมาเล็กน้อยขณะเดิน
เข้ามาใกล้ฉินหยุน และนํ้าเสียงนี้ มันก็มาพร้อมรอยยิ้มที่สร้างความ
เหน็บชาให้แก่ชายทุกผู้ได้
“อย่าได้แล้ว เจ้าควรตามเทียนรั่วเหลิงกลับไป!” ฉินหยุนยิ้ม
เย่ว์อู่หลันกระทืบเท้าเบาอย่างไม่พอใจ จากนั้นค่อยกระโดดพรวด
ออกจากหน้าต่าง
“สองสาวนี่ช่างทําให้ชวนปวดหัวยิ่งนัก!”
ฉินหยุนยืนข้างหน้าต่าง รับชมดวงจันทร์สุกสว่าง ริมฝีปากพึมพํา
เอื้อนเอ่ย “พี่หยาง ท่านไปอยู่ที่ใดกันแล้ว?”
จากนั้น เขาค่อยนําหน้ากากหนังมนุษย์ออกมา เร่งรีบปรับเปลี่ยน
เป็นโฉมหน้าที่หยิ่งผยอง ก่อนจะออกไปจากสถาบันกระบี่
เช้าตรู่วันถัดมา ฉินหยุนและคณะต่างยืนนิ่งภายในสวน
เต๋าฟานเมื่อกลับมา เขาไม่พบเทียนฉั่ว ดังนั้นจึงสอบถามพวกเขาว่า
อีกฝ่ ายไปที่ใด
ฉินหยุนและคณะย่อมเสแสร้ง ทําเป็นไม่รู้เห็นก่อนจะส่ายศีรษะ
ยืนยันซํ้า
ขณะใบหน้าเต๋าฟานเผยความสงสัย ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งพลันก้าว
เดินเข้ามาพร้อมนํ้าเสียงเย็นเยือก “เต๋าฟาน มีศิษย์บอกว่าเห็นเทียน
ฉั่วออกจากสวนของเจ้ากลางดึก เป็นเขาลักลอบออกไปสู่ภายนอก!”
นั่นคือฉินหยุนที่ปลอมตัวเมื่อคืน เขาคืออาจารย์จารึกที่เก่งกาจคน
หนึ่ง คิดสร้างหน้ากากหนังมนุษย์ให้มีรูปลักษณ์เหมือนผู้อื่น หาได้
ใช่เรื่องยาก
ชายชราชุดขาวกล่าวต่อ “เช่นกัน ผู้อาวุโสเย่ว์เหลียงเสียชีวิตแล้ว!”