Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 670 เป็นหรือตาย
ตอนที่ 670 เป็นหรือตาย
หลังได้รับแกนกลางดวงดาวกลับคืนมา ฉินหยุนจึงเข้าควบคุมร่าง
จอมราชันดวงดาวอสูร พร้อมสั่งให้มันพุ่งเข้าปะทะกับสัตว์ราชัน
ดวงดาวอสูร
“พวกมัน ต่อหน้าจอมราชันดวงดาวอสูรก็ไม่ต่างอะไรกับมดปลวก!”
ฉินหยุนหัวเราะอย่างเดียดฉันท์พลางคว้าจับที่มือขาวนวลของเชี่ยว
เย่ว์หลาน จากนั้นเขาจึงส่งสิ่งที่เห็นสู่จิตของนาง เขายิ้มกล่าว “รับชม
ข้าจัดการมัน!”
แม้จอมราชันดวงดาวอสูรร่างสูงเกือบหกเมตร กระนั้นความเร็วนั้น
เหนือล้ำเกินผู้ใดคาดคิด
สัตว์ราชันดวงดาวอสูรเดิมคือสัตว์ราชันอสูร ทว่าได้รับการวิวัฒนาการ
ขึ้นหลังดูดกลืนพลังดวงดาวชั่วร้ายเข้าไป
มันทั้งแข็งแกร่งขึ้น และร่างกายขยายขนาดใหญ่มากขึ้น
ด้วยร่างที่ยาวราวสิบเมตรวิ่งพุ่งเข้ามา ทุกฝีเท้าที่ย่างก้าวของมันจะ
เหยียบย่างอสูรดวงดาวขนาดใหญ่จนตายตก ทั้งยังส่งผลให้พื้นดิน
เกิดการสั่นสะเทือน
ร่างหมาป่าขนาดใหญ่เป็นสีดำและแดง ผิวหนังของมันปกคลุมด้วย
เกล็ดหนาดูทนทานและอัดแน่นด้วยพลัง ปากใหญ่โตของมันมีแต่
ฟันสีแดงที่คมกริบจำนวนมหาศาล ราวกับมันพร้อมที่จะกัดและบด
ขยี้สรรพสิ่งให้แหลกเละ
อู๋ว!
หมาป่ าร่างยักษ์ที่ได้เห็นจอมราชันดวงดาวอสูร มันจึงทะยานร่างพุ่ง
พรวดเข้าหาอย่างดุดัน
ฉินหยุนควบคุมร่างจอมราชันดวงดาวอสูร ส่งร่างหมาป่าขนาดใหญ่
ปลิวกระเด็นพร้อมสะบัดฝ่ามือ
ร่างจอมราชันดวงดาวอสูรกล่าวได้ว่าค่อนข้างใหญ่ แต่หากเทียบกับ
หมาป่ ายักษ์แล้ว ขนาดออกจะเล็กกว่าบ้าง กระนั้น มันก็ยังมีแรง
เหลือเฟือให้ส่งร่างหมาป่าขนาดใหญ่ลอยลิ่วด้วยการประทับฝ่ามือ
เพียงหนึ่งการโจมตี
“ตาย!”
ฉินหยุนควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูรพุ่งออก แขนทั้งหกเปรียบดัง
กระบี่หกเล่มสับฟันด้วยวิชากระบี่พื้นฐาน
เพียงการโจมตีไม่กี่ครั้ง ร่างหมาป่ าขนาดใหญ่จึงกลับกลายเป็นอัด
แน่นด้วยแผลเลือดไหลเจิ่งนอง
สุดท้ายแล้ว หัวของหมาป่าร่างใหญ่จึงถูกฝ่ามือจอมราชันดวงดาว
อสูรสะกดลง คลื่นพลังรุนแรงถ่ายเทสาดซัด เป็นผลให้หัวหมาป่า
ต้องระเบิดออกรุนแรง
หมาป่ าร่างใหญ่ยักษ์ร่วงโรยตกตายแล้ว ฉินหยุนจึงคว้าเอาแก่นผลึก
แก้วออกจากร่างหมาป่ าตัวนี้
ตอนนี้เอง หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เสี่ยวหยุน ข้าสามารถควบคุมวิญญาณ
ยุทธ์ตะวันทมิฬ เพื่อใช้ความสามารถเทวะกลืนกินรวบรวมพลัง
ดวงดาวในร่างอสูรดวงดาวขนาดใหญ่เข้าสู่แกนกลางดวงดาวนี้ได้”
“พลังดวงดาวนี้เดิมเป็นของจากแกนกลางดวงดาวอยู่แล้ว กลืนกิน
พวกมันกลับคืนเป็นกระบวนการที่มีแต่ราบลื่น มันเหมือนการนำ
กลับมาใช้งานใหม่อีกครั้งหนึ่ง!”
“อสูรดวงดาวขนาดใหญ่ รวมถึงสัตว์ราชันดวงดาวอสูร พวกมัน
ย่อมต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของผู้ใช้วิชาปกครองอสูร พวกมัน
เหล่านั้นสมควรคิดพยายามจับตัวจอมราชันดวงดาวอสูรแล้ว!”
ฉินหยุนพอได้ยินข้อสันนิษฐานของหลิงหยุนเอ๋อ เขาจึงเห็นด้วยที่
จะใช้งานพลังกลืนกิน ด้วยเชี่ยวเย่ว์หลานอยู่ข้างกาย เขาจึงกล้าลง
มือโดยบุ่มบ่ามถึงเพียงนี้
“เย่ว์หลาน ทางด้านเจี้ยนรั่วหยานและคนอื่นเล่า? พวกเขาปลอดภัย
กันใช่หรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พวกเขาออกไปผ่านรูขนาดเล็กบนยอดสุดของม่านพลังแล้ว พวก
เขาได้รับแก่นเต๋าดวงดาวกันไปไม่ใช่น้อย!” เชี่ยวเย่ว์หลานหัวเราะ
“เสี่ยวหยุน เมื่อใดเจ้าคิดออกไป? ข้าเองก็ได้แก่นเต๋าดวงดาวมาไม่ใช่
น้อย ไม่เพียงแต่พวกมันยังพอให้ข้าใช้ ทว่ายังพอสำหรับหงหลันและ
ผู้อื่นด้วย!”
“ข้าคิดนำพลังดวงดาวกลับคืนมาก่อน!” ฉินหยุนตบเข้าที่แกนกลาง
ดวงดาวพร้อมเผยยิ้ม
ทันใดนี้เอง หลิงหยุนเอ๋อจึงควบคุมความสามารถเทวะกลืนกิน ใช้
งานร่างจอมราชันดวงดาวอสูร ดูดกลืนพลังดวงดาวจากร่างของอสูร
ดวงดาวขนาดใหญ่
พื้นที่โดยรอบของจอมราชันดวงดาวอสูรเวลานี้โล่งเตียน ชั่วขณะ
เวลานี้ อสูรดวงดาวขนาดใหญ่กว่าสิบตัวได้เร่งพุ่งทะยานเข้ามา
พวกมันพลันต้องถูกความสามารถเทวะกลืนกินเข้าปกคลุมรุนแรง
ร่างของอสูรดวงดาวขนาดใหญ่เหล่านั้นเริ่มทะลักออกซึ่งแสงสีขาว
บอลแสงสีขาวนับไม่ถ้วนเริ่มไหลหลั่งสู่ร่างของจอมราชันดวงดาว
อสูร
เกาะยุทธ์อสูรก่อนหน้าถูกปกคลุมโดยพลังดวงดาวชั่วร้าย ทั้งเกาะ
มืดมิดและหมองหม่น
กระนั้นเวลานี้ บอลแสงพลังดวงดาวสีขาวจำนวนมากได้ไหลออก
จากร่างของอสูรดวงดาวขนาดใหญ่ เป็นผลให้แดนอันมืดมิดค่อย
สว่างขึ้นมา
แกนกลางที่ฉินหยุนถือเอาไว้ในมือ มันกำลังโคจรแสงสว่างสีขาว
เจิดจ้าเช่นกัน
ที่ทำฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานตื่นตะลึงที่สุด คือตำแหน่งของพวก
เขาในตอนนี้ พื้นที่ภายในหัวใจ มันเริ่มขยายขนาดใหญ่มากขึ้น
“จอมราชันดวงดาวอสูรกำลังขยายร่างขึ้น! ตอนนี้สมควรสูงเพิ่มขึ้น
อีกหนึ่งเมตรได้แล้ว!” ฉินหยุนเผยเสียงยินดี
“เสี่ยวหยุน จอมราชันดวงดาวอสูรตนนี้สามารถหดขนาด แต่หากเจ้า
ต้องการให้มันเติบใหญ่มากขึ้น นั่นหมายถึงต้องใช้พลังดวงดาวที่
เพิ่มมากขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อเผยเสียงยินดีกล่าวคำ “นี่ถือเป็นหุ่นเชิดที่
วิเศษไม่ใช่น้อย!”
“อืม ภายหลังข้าคงต้องขัดเกลาอาวุธอันแข็งแกร่งที่แกะสลักอักขระ
ดวงดาวและจันทราให้มันได้ใช้แล้ว!”
ฉินหยุนเผยความตื่นเต้นยินดียามนึกถึงภายหน้า เพราะร่างจอมราชัน
ดวงดาวอสูรสามารถบดขยี้ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำได้อย่างง่ายดาย
มีแต่เชี่ยวเย่ว์หลานที่ทราบว่าเขาได้รับจอมราชันดวงดาวอสูรมา
ครอง ดังนั้นแล้ว เขาจึงไม่ต้องหวาดเกรงว่าผู้อื่นจะทราบแต่อย่างใด
ไม่เช่นนั้น โดยพื้นฐานของตำหนักจารึกเทวะและสำนักเซียนทั้งหลาย
พวกเขาคงพร้อมเข้าต่อสู้กันเองเพื่อแย่งชิงมันไปครอบครองอย่าง
แน่นอน
จอมราชันดวงดาวอสูรยังคงเรียกคืนพลังดวงดาวในละแวกไม่หยุด
หย่อน บรรดาอสูรดวงดาวขนาดใหญ่ต่างเริ่มกลับคืนสู่ร่างเดิม กลับ
กลายเป็นเพียงอสูร
และทางด้านจอมราชันดวงดาวอสูร ขนาดของมันยิ่งใหญ่โต จน
สุดท้ายแล้วจึงสูงมากถึงยี่สิบเมตร!
ด้วยไม่มีพลังดวงดาวเกื้อหนุน พละกำลังของอสูรเหล่านั้นจึงลดทอน
ลงอย่างมหาศาล
จอมราชันดวงดาวอสูรพุ่งทะยานออก แขนทั้งหกกวาดไปมาซ้าย
ขวา สังหารอสูรกลุ่มใหญ่จนตายตก
อสูรหลายต่อหลายตัวเริ่มเผ่นหนีหาย
“ผู้ใช้วิชาปกครองอสูรยังอยู่ที่ในนี้ พวกมันคือคนที่ควบคุมอสูร
ดวงดาวขนาดใหญ่ให้โจมตีเจ้าก่อนหน้านี้!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ค้นหาพวกมันและสังหารให้สิ้น!”
“ได้!” ฉินหยุนมอบแกนกลางดวงดาวแก่เชี่ยวเย่ว์หลานให้นางได้
สนุกบ้าง
เชี่ยวเย่ว์หลานย่อมยินดีรับไว้ นางควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูร
เข้ากวาดล้างบรรดาอสูรที่เหลือรอดด้วยมือเปล่า
บรรดาอสูรเหล่านี้คิดหลบหนีอย่างสุดชีวิต กระนั้นก็ต้องตายตกยาม
เมื่อถูกฝ่ามือใหญ่โตของจอมราชันดวงดาวอสูรเข้าปะทะโจมตี
บรรดาอสูรบนเกาะยุทธ์อสูร ในที่สุดค่อยได้ทราบว่าอสูรที่แท้จริง
คือสิ่งใด!
ท้องฟ้าเหนือขึ้นไปจากเกาะยุทธ์อสูร บรรดาผู้อาวุโสของหลายขั้ว
อำนาจต่างกำลังสอบถามรายละเอียดจากเหล่าศิษย์ของตนเอง
ศิษย์ส่วนหนึ่งตกตาย กระนั้นพวกเขาไม่ได้ถูกฉินหยุนสังหาร
บรรดาผู้อาวุโสที่กล่าวโทษฉินหยุนก่อนหน้า ต่างรู้สึกอับอายกัน
อย่างถึงที่สุด
เปาเฉิงโฉ่วเผยความกังวล เขามองไปยังรูบนม่านพลังพร้อมกล่าว
“เหตุใดฉินหยุนยังไม่กลับมาอีก?”
“ฉินหยุนจะไม่กลับมา เขาตายแล้ว!” เจี้ยนหนันหู่ที่บาดเจ็บหนัก
ถอนหายใจกล่าวคำออก “จอมราชันดวงดาวอสูรตัวนั้นแข็งแกร่ง
พละกำลังของมันทัดเทียมราชันยุทธ์ ข้ายังต้องบาดเจ็บหนักเพราะ
ปะทะกับมันไม่กี่กระบวนท่า!”
บรรดาศิษย์และผู้อาวุโสที่นี่ต่างทราบกระจ่างชัด ว่าเจี้ยนหนันหู่คือ
ตัวตนแกร่งกล้าเพียงใด
“ฉินหยุนตายถือเป็นเรื่องน่ายินดีนัก!” ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ
เอ่ยเสียงภาคภูมิยินดี
“สาเหตุว่าทำไมเจ้าอัญเชิญดวงดาวอสูรลงมา ก็เพื่อสังหารฉินหยุน
แน่นอนว่าหากเขาตายเจ้าคงยินดีเป็นล้นพ้น!” แม่เฒ่าหม่าเผยเสียง
เกรี้ยวกราด
เปาเฉิงโฉ่วกลับกลายเป็นเดือดด้วยโทสะ ออร่าของเขาอัดแน่นด้วย
จิตสังหารเป็นล้นพ้น ส่งผลให้บรรดาผู้อื่นในที่แห่งนี้รู้สึกถึงความ
ยากลำบากจนแทบไม่อาจหายใจ บางคนถึงขั้นกระอักเลือดออก
“เปาเฉิงโฉ่ว เจ้าทำเกินไปแล้ว! ฉินหยุนสังหารศิษย์ร่างเซียนไปสาม
ครานี้เขาตาย ถือว่าเสมอกันไป!” ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะ
ตะโกนกราดเกรี้ยวตอบโต้ “พวกเจ้ายังสังหารผู้อาวุโสเหวินของทาง
เราไป เรื่องนี้อย่าได้ลืม!”
เจี้ยนรั่วหยานและผู้อื่นล้วนทราบ ว่าจ้าวสำนักและเบื้องบนของนคร
เซียนยุทธภัณฑ์แบกรับเรื่องราวใดที่นี้เอาไว้ เป็นพวกเขาสังหารบรรดา
ผู้อาวุโสของหลายขั้วอำนาจ
แม้นางไม่อยู่ที่นี่เพื่อเห็นกับตา ทว่าเพียงได้ยินก็ทำเอานางยินดีจน
หัวใจเต้นแรงแล้ว!
“ตัวบัดซบเช่นพวกเจ้าจากตำหนักจารึกเทวะทำให้ดวงดาววอสูรร่วง
หล่นมาเพื่อสังหารฉินหยุนอย่างนั้นหรือ? แต่เป็นพวกเราเกือบถูก
สังหารโดยกลุ่มตาเฒ่าสารเลวเช่นเจ้า!” เจี้ยนรั่วหยานร้องโพล่งตะโกน
ดังด้วยโทสะ “โชคยังดีนักที่พวกเราได้รับแก่นเต๋าดวงดาวมาจำนวน
หนึ่ง ไม่เช่นนั้น ข้าคงสังหารพวกเจ้าระบายโทสะแล้วเป็นแน่!”
“นางเด็กน้อยผู้นี้ เจ้ากล้าต่อว่าข้าอย่างนั้นหรือ?” ครึ่งเซียนจากตำหนัก
จารึกเทวะมีโทสะ กล้ามเนื้อบนใบหน้าของอีกฝ่ายถึงกับกระตุกรุนแรง
“ข้าต่อว่าเจ้าแล้วอย่างไร พวกเจ้ามันกลุ่มคนสารเลวสมควรแก่การ
ถูกสาปแช่ง!” เจี้ยนรั่วหยานเป็นสตรีที่ร้อนแรง นอกจากนี้แล้ว นาง
ยังมีโทสะยามได้ทราบว่าฉินหยุนตกตายไปแล้ว
“เจ้า… นี่เจ้า…”
เจี้ยนรั่วหยานโพล่งเสียงด้วยโทสะอีกครั้งหนึ่ง “กลุ่มศิษย์สวะเหล่านั้น
สมควรตาย หนึ่งในศิษย์ร่างเซียนนามหลู่หลิงเทียน มันเกือบข่มขืน
ข้าและหลงเฉียวเฟิง ถือเป็นเดรัจฉานตนหนึ่ง! ที่น่าขำขันกว่านั้นคือ
ระหว่างที่ฉินหยุนต่อสู้ กลับมีศิษย์ร่างเซียนผู้หนึ่งที่ร่างกายโปร่ง
แสงรับชมหลู่หลิงเทียนตกตายในเงามืด!”
“หลู่หลิงเทียนเมื่อถูกฉินหยุนสังหาร มันผู้นั้นจึงค่อยลอบโจมตีฉิน
หยุน! เหอะ ศิษย์ร่างเซียนที่พวกเจ้าฟูมฟักมา ไม่คล้ายพวกมันจะ
กตัญญูรู้คุณเท่าใดนัก!”
“ข้าเกือบถูกหลู่หลิงเทียนสังหาร” เย่ว์ผูเฟิงกล่าวน้ำเสียงสงบ “เป็น
ฉินหยุนที่ช่วยเหลือพวกเราไว้!”
ฝูงชนต่างฮือฮา พวกเขาทราบเพียงว่าศิษย์ร่างเซียนถูกฉินหยุนสังหาร
กระนั้นโดยละเอียดไม่ทราบแน่ชัดนัก
“เหอะ แต่ตอนนี้ฉินหยุนมันก็ตายไปแล้ว ถือว่าสมควรแก่สิ่งที่มัน
ทำ!” ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะหัวเราะโฉดชั่ว “นั่นถือเป็น
ราคาที่มันต้องจ่ายยามสังหารศิษย์ร่างเซียนของพวกเรา!”
ทันใดนี้เอง เจี้ยนหนันหู่พลันกล่าวคำเชื่องช้า “ข้าเองก็สังหารศิษย์
ร่างเซียนไปผู้หนึ่ง สงสัยนักว่าข้าจะมีจุดจบเช่นไร?”
เขากล่าวพร้อมนำเอาหัวของศิษย์ร่างเซียนออกมาโยนไปยังครึ่งเซียน
จากตำหนักจารึกเทวะ น้ำเสียงเย็นเยียบกล่าวคำออก “มันผู้นี้นึกว่า
ข้าคือฉินหยุน ด้วยไม่สนอื่นใดทั้งสิ้น มันบุกเข้าโจมตีข้า ศิษย์ร่าง
เซียนอะไร มันไม่ต่างอะไรกับสุนัขผายลม! สุดท้ายก็ถูดาบข้าสับ
ฟันสังหาร!”
“อาหู่ เจ้าช่างแข็งแกร่งนัก!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะกล่าวชมยกใหญ่
ครึ่งเซียนจากตำหนักจารึกเทวะถือศีรษะเอาไว้ในมือ โทสะภายใน
ของเขาสุมอัดแน่นรุนแรงจนถึงขนาดมือสั่นสายตาจับจ้องเจี้ยนหนันหู่
หากพูดกล่าวถึงความมีเหตุและผล อย่างนั้นแล้ว ศิษย์ร่างเซียนเหล่านั้น
ก็เป็นผู้ที่ผิดในทุกตรง
ครึ่งเซียนชุดเทาถอนหายใจยาวออกมา “อัจฉริยะหลายต่อหลายคน
ต้องหายไปเพราะการทดสอบนี้ แม้ว่าพรสวรรค์พวกเขาเหนือล้ำ
กระนั้นโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้ก็ไม่อาจขัดขืน!”
“ฉินหยุนตายแล้วจริงหรือ?” ฉู่ปินอวี้ไม่คิดยอมรับความจริงเรื่องนี้
“เขาย่อมต้องตายแล้ว!” เจี้ยนหนันหู่ถอนหายใจ “ฉินหยุนคิดอวดโอ่
ตนเองเกินไป เขาพบเห็นเด่นชัดว่าข้ามีอาการย่ำแย่เพียงใด กระนั้น
ยังบุ่มบ่ามบุกเข้าโจมตีซึ่งหน้า! เป็นข้าเตือนเขาแล้วด้วยซ้ำ!”
แม่เฒ่าหม่าถอนหายใจเสียงยาว “พวกเราไม่อาจให้จิงเหมิงทราบ
เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นนางคงอารมณ์เลวร้ายไปอีกนานเป็นแน่”
เปาเฉิงโฉ่วส่ายศีรษะ “รอกันต่ออีกสักหน่อย! เจ้าหนุ่มนั่นมีชีวิตที่
ทนทายาดนัก เขาไม่สมควรตายโดยง่ายเช่นนั้นแน่!”
นอกจากคนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ที่คิดอยู่ต่อเพื่อรอดู ผู้คนของเกาะ
จันทราปีศาจต่างก็รอคอยที่นี่ เพราะเชี่ยวเย่ว์หลานที่พวกนางส่งเข้า
ไป ถือว่าเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมผู้หนึ่งจนแทบไม่อาจปล่อยให้สูญเสีย
บรรดาครึ่งเซียนเดิมคิดอยากทำลายม่านพลังเพื่อเข้าไป
กระนั้นตอนนี้ ศิษย์ทั้งหมดได้ออกมาผ่านรูขนาดเล็กบนม่านพลัง
แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงรอคอยที่ตรงนี้ เผื่อว่าพวกอสูรและจอมราชัน
ดวงดาวอสูรจะออกมา
“น้องหยาน ข้าคิดกลับแล้ว! ฉินหยุนไม่มีทางรอดชีวิตมาได้!” เจี้ยน
หนันหู่ทราบดีถึงความแข็งแกร่งของจอมราชันดวงดาวอสูร เขาจึง
ส่ายศีรษะพร้อมกล่าว
เจี้ยนรั่วหยานยังไม่คิดเชื่อ แม้นางค่อนขอดฉินหยุนหลายครั้ง กระนั้น
นางกับเขาก็ถือเป็นสหายที่ดีต่อกัน นางยังจดจำได้ ว่าเชี่ยวเย่ว์หลาน
ออกไปหาตัวฉินหยุน เป็นนางรู้สึกว่าความหวังยังคงมี
เพราะเชี่ยวเย่ว์หลานเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่ง!
เหนือท้องฟ้าเกาะยุทธ์อสูร ผู้คนของนครเซียนยุทธภัณฑ์ และเกาะ
จันทราปีศาจต่างกำลังรอคอยด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
ที่ภายในเกาะยุทธ์อสูร ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานได้ควบคุมจอม
ราชันดวงดาวอสูรออกละเล่นอย่างสนุกสนานราวกับอยู่ในสวนหลัง
บ้าน
พวกเขาไม่คิด ว่าหลายคนที่อยู่เบื้องบนจะโศกเศร้าเพราะพวกเขา
“เจอตัวผู้ใช้วิชาปกครองอสูรแล้ว เร่งรีบไปสังหารมัน!” เชี่ยวเย่ว์หลาน
หัวเราะดัง ก่อนจะควบคุมจอมราชันดวงดาวอสูรพุ่งทะยานไป
“ความตายของมันไม่มีทางผิดพลาด!”
จอมราชันดวงดาวอสูรหดขนาดร่างลงเล็กน้อยเพื่อให้เคลื่อนไหวได้
สะดวก ร่างของมันกำลังไล่ตามผู้ใช้วิชาปกครองอสูรอย่างเร็วรี่
ผู้ใช้วิชาปกครองอสูรเป็นชายชรา ความเร็วของเขาหาได้มากมายอัน
ใดนัก หลังถูกไล่ตามได้ทัน ด้วยเพียงหนึ่งฝ่ามือของจอมราชันดวงดาว
อสูร ชีวิตเขาจึงต้องจบสิ้นลงที่ตรงนั้น