Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 682 หุบเขาหมื่นพิษ
ตอนที่ 682 หุบเขาหมื่นพิษ
เจี้ยนสือเทียนไม่อาจพบเจอความแกร่งกล้าใดจากเชี่ยวเย่ว์หลาน
กระนั้นเขาย่อมไม่สงสัยต่อคำกล่าวของแม่เฒ่าหยุนเหยา เขาเพียง
รู้สึกอึ้งทึ่งที่เกาะจันทราปีศาจมีศิษย์หญิงเลิศล้ำเพียงนี้
“เหมือนว่าเกาะจันทราปีศาจปรารถนาครอบครองต้นกำเนิดเซียน
เพื่อขึ้นเป็นสำนักเซียนแล้วกระมัง? ข้าชักอยากเห็นความสามารถแม่
สาวน้อยนั่นแล้ว!
เชี่ยวเย่ว์หลานจับจ้องเย็นเยือกยังเฮ่ยเถิงบนลานประลอง
เพราะตำหนักโทเทมเคยหมายหัวฉินหยุน กระทั่งตอนนี้ พวกนั้นก็
ยังคิดอยากจับตัวฉินหยุนเพื่อฉกชิงโทเทมราชสีห์สวรรค์ ดังนั้น
เชี่ยวเย่ว์หลานย่อมเกลียดชังตำหนักโทเทม
เฮ่ยเถิงคือศิษย์สำนักอสูรจากตำหนักโทเทม และเขายังเป็นศิษย์คน
สำคัญยิ่ง
“แม่สาวน้อย ข้าไม่นึกว่าเจ้าจะมีความหาญกล้าเพียงนี้ ถึงขั้นไม่หวั่น
เกรงข้าแม้แต่น้อย!” เฮ่ยเถิงจับจ้องที่เชี่ยวเย่ว์หลาน สายตาของเขา
อัดแน่นด้วยประกายแสงชั่วร้าย
ในแดนอสูรอ้างว้าง โฉมงามถือเป็นสิ่งหาได้ยาก
เพราะส่วนใหญ่คือผู้ฝึกตนอสูร ไม่ว่าชายหรือหญิงแทบไม่ต่างอะไร
กับเครื่องมือ พวกเขาต้องสะกดข่มอารมณ์ความรู้สึก และสตรีหาได้
มีสถานะใดในแดนอสูรอ้างว้าง นับตั้งแต่ถือกำเนิด พวกนางจะถูก
ย่ำยีและไม่เคยมีผู้ใดพบจุดจบที่ดี
ในแดนอสูรอ้างว้าง มีสตรีเพียงน้อยนิดที่มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ทว่า
พวกนางเหล่านั้นล้วนเป็นธิดาแห่งแดนอสูรอ้างว้างอันแกร่งกล้า
แม้เฮ่ยเถิงไม่อาจเห็นใบหน้าชัดเจนของเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาก็สามารถ
บอกได้ ว่านางคือโฉมงามมากล้ำคนหนึ่ง
“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเจ้า?” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยเสียงเย็นเยือกอัดแน่น
ด้วยจิตสังหาร
“โฮ่โฮ่ สมเป็นสตรีที่หาญกล้า” เฮ่ยเถิงหัวเราะออกมา “รอสักประเดี๋ยว
ข้าจะทำให้เจ้าได้ทราบว่าสมควรต้องแสดงความหวาดกลัวต่อข้า
เช่นไร!”
“เจ้าก็แค่อสูรร้ายตนหนึ่งที่บังเอิญต้องตายที่นี่ ข้ายังมีอันใดให้ต้อง
หวาดกลัว?” เชี่ยวเย่ว์หลานเอ่ยคำเดียดฉันท์พร้อมหลับตาลง “ข้า
เห็นเจ้าแล้วคิดอยากสำรอกออกมานัก! ตัวตนอัปลักษณ์และโฉดชั่ว
เช่นเจ้าอย่าได้ไสหัวออกมาให้ผู้อื่นต้องสายตาเสียแล้ว เหตุใดจึงไม่
ไปเล่นโคลนตมของเจ้าในแดนอสูรอ้างว้างแล้วจมโคลนตายไปที่
นั่นเสีย?”
“นางผู้หญิง เจ้าช่างอวดดียิ่งนัก!” เฮ่ยเถิงเริ่มมีโทสะ “ข้าจะฉีก
ใบหน้าเจ้าออกเป็นชิ้น!”
“เจ้ายังเชื่อหรือว่าสามารถแตะต้องใบหน้าข้า? วางใจเถอะ ข้ารับประกัน
ว่าเจ้าจะไม่อาจแม้ได้จับเสื้อข้า!” เชี่ยวเย่ว์หลานแค่นเสียงกล่าว
ผู้คนต่างระเบิดเสียงฮือฮา พวกเขาไม่เคยคาดคิด ว่าสตรีผู้นี้ถึงขั้น
หาญกล้าอวดดีต่อหน้าเฮ่ยเถิง มันทำเอาพวกเขาต้องเผยความนับถือ
ต่อนางกันถ้วนหน้า
ต้องทราบว่าเฮ่ยเถิงคือศิษย์สำนักอสูรที่มีชื่อเสียงเลิศล้ำ ทั้งยังขึ้นชื่อ
เรื่องความโหดเหี้ยม ผู้ใดตกอยู่ในมือเขา ไม่เคยพบเจอความตายที่ดี
ตูเทียนตี้แห่งตำหนักโทเทมเผยเสียงเย็น “เกาะจันทราปีศาจ ข้าไม่
นึกเลยว่าผ่านมานานหลายปี พวกเจ้าจะบ่มเพาะสตรีหาญกล้าเช่นนี้
ขึ้นได้! ความกล้าหาญย่อมไม่เลว แต่หากนางยังทำตัวเช่นนี้ต่อ ชีวิต
คงไม่ยืนยาวแล้ว!”
“ตัวสารเลวเช่นเจ้ายังมีชีวิตมาได้เป็นหมื่นปี เหตุใดข้าจึงไม่อาจมี
ชีวิตยืนยาวกันเล่า?” เชี่ยวเย่ว์หลานตอบกลับอย่างไม่หวั่นเกรงใด
“เด็กน้อยวาจาสามหาว!” ตูเทียนตี้หรี่ตาลงกล่าวคำ “เฮ่ยเถิง สั่งสอน
บทเรียนแก่นาง อย่าได้สังหาร ให้นางต้องพบสิ่งที่เลวร้ายกว่าความ
ตายไปชั่วชีวิตเสีย!”
เฮ่ยเถิงหัวเราะโฉดชั่ว “จ้าวสำนักอย่าได้เป็นกังวล ข้าย่อมทำให้นาง
ได้ทราบถึงพลังของตำหนักโทเทมเรา!”
ตูเทียนตี้หัวเราะดัง เขาหันไปกล่าวกับผู้จัดการอาวุโสเยี่ย “เหล่าเยี่ย
เฮ่ยเถิงถือเป็นขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนัก
โทเทมเรา กล่าวได้ว่าเขาเป็นที่หนึ่ง เจ้าคิดว่าเขาจะใช้กี่กระบวนท่า
จัดการแม่เด็กน้อยนั่นก่อนจะพ่ายแพ้ไป?”
“ให้ข้าเดา สามกระบวนท่า!” ผู้จัดการเยี่ยหัวเราะคิกคัก
ก่อนการแข่งขัน จะเป็นเวลาให้ทั้งสองฝ่ายปรับตัวและอารมณ์เนื่อง
ด้วยการจับจ้องของสายตาผู้คนจำนวนมาก
ผู้ตัดสินชราได้เห็นเชี่ยวเย่ว์หลานกับเฮ่ยเถิงพร้อมแล้ว เขาจึงตะโกน
ดัง “เริ่ม!”
เฮ่ยเถิงคำรามพลางหัวเราะ พลังงานสีดำทะลักล้นจากกายของเขา
พวกมันแปรเปลี่ยนเป็นอักขระโทเทมจำนวนมากล้อมร่างกายของ
เขาเอาไว้
ได้เห็นความสามารถควบคุมอักขระโทเทมอันเหนือล้ำ ผู้อาวุโส
หลายคนต่างต้องอุทานชื่นชม
“เหล่าตู เฮ่ยเถิงผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมนัก ถึงขั้นสามารถควบคุมอักขระโท
เทมจำนวนมากและผสานรวมกับพลังเต๋าแรกเริ่ม และยังแปรเปลี่ยน
พวกมันเป็นรูปร่างอันหลากหลาย” ผู้จัดการเยี่ยอุทานชื่นชม
“นี่ไม่นับเป็นอะไร ความแข็งแกร่งของเขาคือสามารถแปรเปลี่ยนโท
เทมและผสานรวมกับตนเองได้!” ตูเทียนตี้กล่าวอย่างภาคภูมิ
“นางแพศยา เจ้าต้องใช้ช่วงชีวิตที่เหลือใต้เงาข้า!” เฮ่ยเถิงหัวเราะดัง
ออก อักขระโทเทมบนกายของเขาเปรียบดังแส้ยาวจำนวนมาก พวก
มันพุ่งทะยานเข้าหาเชี่ยวเย่ว์หลาน
อักขระโทเทมผสานรวมกับพลังเต๋าแรกเริ่ม ยิ่งไปกว่านั้น พวกมัน
ยังเป็นพลังมาร มันเปรียบดังแส้สายฟ้าอสนีบาตพุ่งทะยาน
แส้โทเทมอสนีบาตปรากฏพลังมารหลากสีอัดแน่น พวกมันเปรียบ
ดังอสรพิษร้ายคิดเข้ากัดเชี่ยวเย่ว์หลาน
แส้โทเทมอสนีบาตยืดยาวออก ขณะเชี่ยวเย่ว์หลานจะถูกฟาดหวด
จนร่างแหลก นางพลันเคลื่อนไหวปลดปล่อยม่านพลังโปร่งใส สกัด
ต้านรับแส้โทเทมมอสนีบาตที่พุ่งเข้าหาเอาไว้ได้!
ผู้คนต่างนิ่งกายแข็งค้าง!
พวกเขาไม่คาดคิด ว่าสตรีดูบอบบางเช่นนั้นกลับสามารถต้านรับ
พลังโทเทมอันชวนสะพรึงด้วยม่านพลังได้
เจี้ยนรั่วหยานเองก็นึกทึ่ง สายตาของนางหันมองทางฉินหยุน กระนั้น
ที่นางได้เห็นคือสีหน้าอันสงบของฉินหยุน
“นางสารเลว!” เฮ่ยเถิงคำรามกราดเกรี้ยว โทเทมบนกายของเขาเริ่ม
หมุนวน ชัดเจนว่ามันคิดปลดปล่อยพลังโจมตีรุนแรงออกมา
กระนั้น เพียงอึดใจ ผู้คนที่นี่ต่างต้องร้องอุทานตื่นตระหนก!
เพราะที่ด้านหลังเฮ่ยเถิง เชี่ยวเย่ว์หลานได้ปรากฏตัวขึ้น!
ตรงหน้าเฮ่ยเถิงก็มีเชี่ยวเย่ว์หลาน และด้านหลังก็ยังมีอีกคน!
บนลานประลองยุทธ์ ถึงกับมีเชี่ยวเย่ว์หลานสองคน!
“เฮ่ยเถิง ด้านหลังเจ้า!” ตูเทียนตี้เร่งร้อนตะโกน
เฮ่ยเถิงผู้ซึ่งคิดโจมตีออก ฉับพลันต้องหันกลับไปมองทางด้านหลัง
พบเห็นเป็นเชี่ยวเย่ว์หลาน เขาจึงเร่งรีบโจมตีออกโดยปลดปล่อย
พลังมารสีดำ
และตอนนี้ เชี่ยวเย่ว์หลานที่ด้านหลังเฮ่ยเถิง พลันรุกหน้าทะยาน!
เชี่ยวเย่ว์หลานเพียงวูบผ่านร่างเฮ่ยเถิง ร่างใหญ่โตอีกฝ่ายพลันต้อง
คุกเข่าลงกับพื้นกรีดร้องเจ็บปวด
ผู้คนล้วนมึนงงร่างแข็งทื่อ เมื่อครู่ เชี่ยวเย่ว์หลานได้ปรากฏตัวถึง
สอง ดึงความสนใจของเฮ่ยเถิง และจากนั้นเชี่ยวเย่ว์หลานตัวจริงจึง
ลงมือโจมตี!
เชี่ยวเย่ว์หลานกางฝ่ามือออก ที่ฝ่ามือของนาง คือหัวใจสีดำและแก่น
เต๋าสีดำที่ลอยค้างกลางอากาศ!
แก่นเต๋าสีดำพลันปริแตกออก ปลดปล่อยซึ่งคลื่นพลังมารสีดำ
แก่นเต๋าแตกกระจาย!
ส่วนหัวใจสีดำ เชี่ยวเย่ว์หลานขว้างปามันรุนแรงเข้าใส่หัวของเฮ่ย
เถิง มันพุ่งผ่านอากาศปะทะกับม่านพลังก่อนจะแตกกระจาย!
ได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น กระทั่งฉินหยุนยังต้องอึ้ง
แม้เป็นครึ่งเซียนผู้มากล้ำประสบการณ์เช่นเจี้ยนสือเทียน เปาเฉิง
โฉ่ว และตูเทียนตี้ ทั้งหมดล้วนต้องอึ้งทึ่งกับการเคลื่อนไหวไม่กี่
กระบวนท่าของเชี่ยวเย่ว์หลาน
โดยเฉพาะวิธีการที่เชี่ยวเย่ว์หลานนำแก่นเต๋าและหัวใจออกมา หาได้
มีผู้ใดทราบไม่ว่านางใช้เคล็ดวิชาอันใด
เฮ่ยเถิงสัมผัสได้ถึงจิตสังหารรุนแรงจึงคิดตะโกนออก “ข้า…”
เขาคิดอยากตะโกนคำขอยอมแพ้ กระนั้นเพียงเอ่ยได้ครึ่งคำ ร่างกาย
ท่อนบนจึงต้องระเบิดกระจายเพราะฝ่ามือเชี่ยวเย่ว์หลานโจมตีใส่
“ข้าจบชีวิตบัดซบของเจ้าให้แล้ว อย่าได้กล่าวขอบคุณข้าให้มาก
มารยาทไป!” เชี่ยวเย่ว์หลานเผยคำเสียงเย็น จากนั้นค่อยเดินลงจาก
ลานประลองยุทธ์
เฮ่ยเถิงเป็นถึงศิษย์สำนักอสูรที่ครอบครองโทเทมอันแข็งแกร่ง!
กระนั้น เขากลับถูกสตรีเบื้องหน้าสังหารโดยไม่กี่กระบวนท่า
ผู้คนต่างได้เห็น ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานสังหารเฮ่ยเถิงด้วยท่าทีผ่อนคลาย
เพียงใด
เฮ่ยเถิงสิ้นชีวิต ตูเทียนตี้มีโทสะ กระนั้น เขาก็ได้แต่ต้องกล้ำกลืน
กระทั่งว่าเขาไม่อาจกล้ำกลืน เขาก็ไม่อาจทำอะไรได้ ไม่เช่นนั้น
เท่ากับว่าเขาได้ประกาศสงครามกับเจี้ยนสือเทียน!
ลานกว้างกลายเป็นอัดแน่นด้วยเสียงสนทนาของผู้คนอย่างแตกตื่น
“นางช่างยอดเยี่ยมนัก!” เจี้ยนรั่วหยานอุทานคำเบา
“เป็นเช่นนั้น!” ฉินหยุนยิ้มรับ
หลงเฉียวเฟิงยิ่งสงสัยต่อความแข็งแกร่งของเชี่ยวเย่ว์หลาน เพราะ
ก่อนหน้า นางสัมผัสได้ว่าเชี่ยวเย่ว์หลานครอบครองวิญญาณยุทธ์
มังกรที่แข็งแกร่งมากล้ำ
ฉินหยุนหาได้กังวลด้านเชี่ยวเย่ว์หลานไม่ อย่างไรแล้ว ชาติภพก่อน
นางคือเซียน และยังครอบครองวิญญาณยุทธ์อันเลิศล้ำ ทั้งยังมีความ
สามารถเทวะ
เขาเชื่อว่าในที่แห่งนี้ มีแต่เขาที่สามารถประมือกับเชี่ยวเย่ว์หลานได้
เจี้ยนหนันหู่ก้าวเดินเข้ามาบ่นคำเสียงเบา “ให้ตายสิ แม่นางผู้นั้นน่า
กลัวเกินไปแล้ว!”
ตอนนี้เอง ค่อยเป็นคราวของเจี้ยนหนันหู่ขึ้นบนลานประลอง
การแข่งขันรอบแรกเริ่มขึ้นในช่วงเช้า และรอบที่สองเริ่มในช่วงบ่าย
กลุ่มส่วนใหญ่ ตราบเท่าที่สู้กันได้สี่รอบ ย่อมได้ตัวผู้ชนะแล้ว มีอีก
เพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่ต้องปะทะกันเพิ่มเติมอีกหนึ่งหรือสองรอบ
คู่ต่อสู้ของเจี้ยนหนันหู่คือศิษย์ของขุนเขาเซียนอัคคีคราม อีกฝ่ายหา
ได้ใช่ร่างเซียน
เขาไม่ใช้ดาบ ก็ยังสามารถทุบตีคู่ต่อสู้จนต้องคุกเข่ายอมรับความ
พ่ายแพ้ได้
ศึกรอบเช้าจบสิ้นอย่างรวดเร็ว
ตอนบ่าย ผู้คนของตำหนักเซียนดาบต่างเข้าตรวจสอบสภาพลาน
ประลองยุทธ์
ผู้คนของตำหนักโทเทมและสำนักกระหายโลหิตคือผู้มีโทสะที่สุด
แล้ว เพราะพวกเขาต้องสูญเสียศิษย์ที่เหนือล้ำตั้งแต่งานประลองยุทธ์
รอบเช้า ทั้งสองต่างถูกฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์หลานสังหาร
จากสี่คนของนครเซียนยุทธ์ภัณฑ์ มีเพียงฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยาน
ที่ผ่านรอบแรก ที่เหลืออีกสองพ่ายแพ้
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มยินดีกล่าวกับฉินหยุนและเจี้ยนรั่วหยาน “หากเจ้า
สามารถเข้าถึงรอบตัดสินและทำให้ได้รับต้นกำเนิดเซียน ข้าย่อมตบ
รางวัลอย่างงาม!”
“รางวัลอย่างงามของท่านคืออันใดขอรับ?” ฉินหยุนยิ้มถาม
“ข้าขอเก็บเป็นความลับไว้ก่อน!” เปาเฉิงโฉ่วหัวเราะรับ “พวกเจ้า
พยายามกันให้ดี!”
เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “ศัตรูที่แข็งแกร่งมีมากมายเกินไป คิดเข้าถึงรอบ
ตัดสินไม่ใช่เรื่องง่ายนัก!”
ฉินหยุนกล่าว “หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎว่าให้มีแต่ขอบเขตวร
ยุทธ์วิญญาณระดับต้นเข้าร่วม เจ้าก็มีโอกาสสูงล้ำที่จะได้เข้าถึงรอบ
ตัดสิน!”
เจี้ยนรั่วหยานถอนหายใจ “หากข้าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับ
สูง ข้าย่อมมีความมั่นใจมากกว่านี้! พวกร่างเซียน ร่างอสูร และร่าง
มาร พวกมันเหล่านั้นต่างอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูง และ
เจ้า… ไม่ใช่ผู้คนปกติเท่าใดนัก… ตัวเจ้าชัดเจนว่าอยู่ขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณระดับต้นทว่าครอบครองพลังไว้มากมายนัก”
เชี่ยวเย่ว์หลานอยู่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับกลาง พละกำลังของ
นางย่อมต้องแข็งแกร่งเลิศล้ำอย่างแน่นอน
ฉินหยุนมองทางเชี่ยวเย่ว์หลานที่อยู่ไม่ไกล เขาพลันยิ้ม “ดูเหมือนคง
มีแต่เชี่ยวเย่ว์หลานที่เป็นศัตรูแก่ข้าได้!”
เจี้ยนหนันหู่พอได้ยิน เขาเร่งรีบเดินเข้ามาโต้เถียง “ฉินหยุน เจ้า
หมายความว่าอะไร? นี่เจ้าปรามาสข้าหรือ?”
“บอกต่อเจ้าตามตรง หากเจ้าพบเจอข้าหรือเชี่ยวเย่ว์หลาน ผลลัพธ์
เดียวที่จะออกมาคือเจ้าพ่ายแพ้!” ฉินหยุนกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า
“บัดซบ!” เจี้ยนหนันหู่อารมณ์เลวร้ายยิ่ง “ข้าตอนนี้มีร่างเซียนอย่า
ได้ลืม!”
ฉินหยุนไม่เก็บคำมาใส่ใจ เพราะร่างเซียนหาได้พิเศษอันใดสำหรับ
เขา ร่างราชสีห์สวรรค์ลึกล้ำของเขาแข็งแกร่งไม่น้อยแล้ว นอกจากนี้
เขายังอยู่ระหว่างการฝึกฝนสู่ร่างเซียน
แม้เขาไม่อาจฝึกฝนสู่ร่างเซียนตอนนี้ ทว่ากำลังกายของเขาก็เพิ่มพูน
อย่างมหาศาล
ในช่วงบ่าย รอบที่สองได้เริ่มขึ้น
ฉินหยุนเป็นผู้แรกที่ขึ้นประลอง คู่ต่อสู้ยังคงเป็นศิษย์สำนักอสูร อีก
ฝ่ายมาจากห้าสำนักอสูรใหญ่ หุบเขาหมื่นพิษ เป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้
พิษ
กล่าวกันว่าคนของหุบเขาหมื่นพิษไม่มีกำลังแกร่งกล้า ทว่าพวกเขา
มักสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าแก่ศิษย์ของสำนักอสูรทั้งหลายได้
เหนือล้ำผู้ใด เพราะพวกเขาเชี่ยวชาญการใช้พิษอย่างเลิศล้ำ โดยเฉพาะ
ยามเมื่อใช้ในการต่อสู้