Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 699 ผู้พ่ายแพ้ที่แท้จริง
ตอนที่ 699 ผู้พ่ายแพ้ที่แท้จริง
ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่คาดคิด เชี่ยวเย่ว์หลานที่ทำตัวประหนึ่งเซียนภูเขา
น้ำแข็ง จะถึงขั้นกล้ากล่าวให้สัญญาเช่นนี้
แม้เจี้ยนรั่วหยานภายในเกิดยินดี แต่ความจริงที่เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
เช่นนี้ต่อหน้าสาธารณชน ก็อดไม่ได้ที่จะทำใบหน้าของนางแดงก่ำ
จนถึงใบหู
ฉินหยุนยังคงอาการสงบและใจเย็น เพราะเขาทราบว่าเชี่ยวเย่ว์หลาน
จงใจทำให้ปันหยุนหั่วมีโทสะ
ปันหยุนหั่วเผยเสียงกราดเกรี้ยว “เชี่ยวเย่ว์หลาน เจ้าคิดหรือว่าจะทำ
ให้ข้ามีโทสะเพราะเรื่องแค่นี้? เจ้ามีเจตนายั่วยุโทสะข้า เป็นข้าด้อย
กว่าฉินหยุนที่ตรงใด?”
“เจ้าไม่หล่อเหลาเท่าเขา ไม่มีมารยาทเฉกเช่นเขา อย่างน้อยเขาก็ไม่
เคยเหยียดหยามต่อข้า ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นอาจารย์จารึกลึกล้ำ
และยังสามารถสร้างอุปกรณ์ลึกล้ำและยันต์ลึกล้ำ เทียบกับเจ้า ข้าไม่
ทราบแล้วว่าเขาอยู่เหนือเจ้าขึ้นไปเพียงใด” เชี่ยวเย่ว์หลานกล่าว
“เชี่ยวเย่ว์หลาน ในเมื่อเจ้ารู้สึกว่าฉินหยุนเหนือล้ำเพียงนั้น ข้าก็จะ
บดขยี้มันให้แหลกเป็นชิ้นต่อหน้าเจ้า!” ใบหน้าปันหยุนหั่วเผยอาการ
โฉดชั่วหัวเราะดังราวคลุ้มคลั่ง
เชี่ยวเย่ว์หลานไม่กังวลใดแม้แต่น้อย เพราะนางเชื่อมั่นในกำลังของ
ฉินหยุน
“ปันหยุนหั่ว เจ้าต้องเอาชนะฉินหยุนได้แน่!” คนผู้หนึ่งที่กล่าวขึ้น
เป็นซุนไท่ข่าย ตัวเขาเคยไล่ตามเจี้ยนรั่วหยานมาก่อน
อันที่จริง เจี้ยนรั่วหยานก็มีหลายคนไล่ตามนาง
แม้ว่าไม่ใช่ผู้ที่ไล่ตามขอรักจากเจี้ยนรั่วหยาน พวกเขาก็ยังไม่คิดอยาก
ได้เห็นฉินหยุนคว้าเอาสองโฉมงามเช่นเชี่ยวเย่ว์หลานและเจี้ยนรั่ว
หยานไป ดังนั้นแล้ว พวกเขาต่างปรารถนาให้ปันหยุนหั่วได้สังหาร
ฉินหยุนลงที่ตรงนี้
ไม่นานนัก ศิษย์ผู้เยาว์หลายคนต่างเริ่มตะโกนชื่อของปันหยุนหั่วกัน
ขึ้นมา
ฉินหยุนมองอย่างอับจนไปทางเชี่ยวเย่ว์หลาน
ดวงตางดงามของเชี่ยวเย่ว์หลานอัดแน่นด้วยความเชื่อมั่น
เจี้ยนหนันหู่หัวเราะกล่าว “ฉินหยุนกลับกลายเป็นศัตรูของมวลชน!
น้องหยาน ข้าคงได้ไปร่วมดื่มในงานวิวาห์เจ้าในไม่ช้าแล้ว เจ้าและ
ฉินหยุนดูไปด้วยกันได้ดี นั่นจะได้ถ่วงให้เขาไม่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไป
กว่านี้ได้!”
“พี่หู่ คำของท่านหมายความถึงอะไร? ท่านจะบอกว่าหากข้าอยู่กับ
เขา ข้าจะถ่วงเขาอย่างนั้นหรือ?” เจี้ยนรั่วหยานทั้งอับอายและโกรธ
เคือง นางอดไม่ได้จนสบถเสียงเบาออกมา
“เขามีภรรยาแล้วหรือไม่ใช่? หากรับเจ้าไปอีกคน คงเป็นการสูบพลัง
เขาได้ไม่น้อย เมื่อถึงตอนนั้น…” เจี้ยนหนันหู่ยิ้มกล่าว
“วาจาไร้สาระ บิดาท่านและปู่ท่านล้วนมีสตรีรายล้อม แล้วพวกท่าน
นั้นอ่อนแองั้นหรือ? ตัวท่านชัดเจนว่าโดดเดี่ยว กระนั้นก็ยังอ่อนด้อย
กว่าฉินหยุนที่มีภรรยา ทั้งยังเป็นฉินหยุนเอาชนะท่านได้ถึงสามครั้ง
คราแล้ว!” คำกล่าวของเจี้ยนรั่วหยาน มันคล้ายสาดเกลือลงแผลเจี้ยน
หนันหู่
เจี้ยนหนันหู่ไม่กล่าวคำใดอีก
เจี้ยนรั่วหยานแค่นเสียงพึงใจก่อนจะหันมองทางลานประลองยุทธ์
ที่ลานกว้าง หลายผู้คนต่างเริ่มตะโกนชื่อฉินหยุน บอกให้เขาพ่ายแพ้
ไปเสีย หลังได้ฟังคำของเจี้ยนรั่วหยาน พวกเขายิ่งรู้สึกย่ำแย่เลวร้าย
หลายคนต่างคาดหวังให้ฉินหยุนพ่ายแพ้ เพราะหากฉินหยุนชนะ ไม่
เพียงแต่ได้สาวงามเช่นเชี่ยวเย่ว์หลาน แต่ยังจะได้ต้นกำเนิดเซียนกลับ
นครเซียนยุทธภัณฑ์เพิ่มอีกหนึ่ง
ถึงตอนนั้น นครเซียนยุทธภัณฑ์เท่ากับมีต้นกำเนิดเซียนถึงสาม!
สำนักเซียนอื่นมีต้นกำเนิดเซียนเพียงแค่หนึ่ง พวกเขาคงต้องถูกนคร
เซียนยุทธภัณฑ์บดขยี้ในสักวันเป็นแน่
ปันหยุนหั่วหัวเราะดัง “ฉินหยุน เจ้าเห็นหรือไม่? ผู้คนต่างต้องการ
ให้เจ้าพ่ายแพ้ และข้าคือผู้ที่พวกเขาต้องการให้ชนะ! ตราบเท่าที่ข้า
เอาชนะเจ้าได้ ข้าก็กลายเป็นวีรบุรุษในใจพวกเขาแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า!”
“วีรบุรุษ? ช่างเป็นคำที่น่าสะอิดสะเอียนนัก!” ฉินหยุนแค่นเสียง
เชี่ยวเย่ว์หลานย่อมมีโทสะไม่ต่างกัน เพราะในใจนาง ฉินหยุนต่างหาก
จึงเป็นวีรบุรุษ เป็นนางได้ฉินหยุนช่วยปกป้องไว้ตั้งแต่ครั้งยังเด็ก
“ฉินหยุน หากเจ้าแพ้ ชะตาคือความตาย ระหว่างช่วงเวลาเตรียมการ
ยังมีโอกาสให้ยอมแพ้ได้! ไม่เช่นนั้น เมื่อใดเริ่มแล้ว เจ้าจะไม่มีโอกาส
ได้ยอมรับความพ่ายแพ้อีก!”
ปันหยุนหั่วได้ยินหลายผู้คนส่งเสียงโห่ร้องบอกต่อถึงชัยชนะ เขายิ่ง
ยืดอกรับอย่างภาคภูมิ
ราชันแคว้นมู่ตะโกนดัง “หยุนหั่ว อย่าได้สังหารเขา ไว้ชีวิตบัดซบ
ของมันไว้ก่อน ชีวิตมันสามารถแลกเปลี่ยนเป็นจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาวได้!”
ปันหยุนหั่วพอได้รับฟัง เขานึกย้อนขึ้นได้จนเผยรอยยิ้มโฉดชั่ว “ฉิน
หยุน ข้าต้องกล่าวเลย โชคด้านสตรีของเจ้าคล้ายดีไม่น้อย! เจ้าถึงขั้น
ได้รู้จักสตรีประหลาดเช่นหยางฉีเย่ว์ นางเป็นผู้หญิงของเจ้าหรือ?
อย่าได้กังวลไป ข้าจะเพียงจับตัวเจ้าเอาไว้ แล้วบีบบังคับให้นางออกมา
เป็นทาสกามแก่ข้า ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ผู้คนที่นี้ล้วนทราบ ว่าผู้ใดที่คิดต้องการจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว
ผ่านฉินหยุน ชะตาคือมีแต่ต้องตาย!
สีหน้าฉินหยุนเริ่มดำมืดและหนักอึ้งขึ้นมาแล้ว
เชี่ยวเย่ว์หลานมีโทสะ ฟันของนางกัดแน่น สายตาจับจ้องที่ปันหยุน
หั่ว นางเองก็มีสัมพันธ์และความรู้สึกต่อหยางฉีเย่ว์ไม่ยิ่งหย่อนไป
กว่าผู้ใด
ในชาติภพก่อน พวกนางไม่เพียงแต่เป็นสหายที่ดีต่อกัน ทั้งยังได้ใช้
เวลาร่วมกันในตำหนักตะวันออกวิญญาณสีคราม และที่หุบเขาลึกล้ำ
จันทรา รวมเข้ากับเรื่องราวในชาติภพก่อน สัมพันธ์ของพวกนางยิ่ง
ลึกล้ำ
เจี้ยนหนันหู่พอได้เห็นสีหน้าฉินหยุน เขาจึงกล่าวเสียงเบา “ปันหยุน
หั่ว ชีวิตมันจบสิ้นแน่แล้ว!”
ฉินหยุนไม่กล่าวคำอื่นใดอีก เขา ผู้ซึ่งไม่พูดคำใด นั่นจึงเป็นตัวตนที่
ชวนพรั่นพรึงที่สุดแล้ว
ฉินหยุนที่เผยอาการสงบทว่าใบหน้ามืดมน มันคือช่วงเวลาที่เขาจะ
เผยเรื่องราวชวนสะพรึงแก่ผู้คน
ปันหยุนหั่วมองทางเจี้ยนสือเทียนพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโส พวกเรา
พร้อมแล้ว!”
เจี้ยนสือเทียนมองทางฉินหยุนและกล่าวถาม “ฉินหยุน เจ้าเล่า?”
“ฉินหยุน เจ้าพร้อมหรือไม่?” เจี้ยนสือเทียนกล่าวถามย้ำเมื่อเห็นว่า
ฉินหยุนไม่ตอบคำ
“พร้อม!” ฉินหยุนกำหมัดแน่นกล่าวคำทุ้มลึกตอบกลับ
เจี้ยนสือเทียนสัมผัสได้ ว่าฉินหยุนผิดแผกออกไป เขาขมวดคิ้วกล่าว
ตะโกน “เริ่มได้!”
ในที่สุดก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
ผู้คนด้านนอกลานประลองยุทธ์พร้อมใจกันหยุดตะโกน พวกเขา
เพียงรับชมการศึกอย่างเงียบงัน
ดวงตาของปันหยุนหั่วปะทุออกซึ่งเมฆแสงสีน้ำเงิน
ฉินหยุน ผู้ซึ่งยืนนิ่งไร้การเคลื่อนไหว ฉับพลันถูกเมฆแสงสีน้ำเงิน
ปกคลุมทั้งร่าง
เชี่ยวเย่ว์หลานคล้ายร้อนรนไม่น้อย นางกระชับมือเจี้ยนรั่วหยานจับ
เอาไว้แน่น
ก่อนหน้านี้ ครั้งแสงสีน้ำเงินโจมตีต่อนาง มันทำให้นางนึกย้อนถึง
ความทรงจำที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในชีวิตของนาง
มันทำให้นางได้เห็นความหวาดกลัวก่อนตายในชาติภพก่อน เป็นนาง
ที่เป็นประจักษ์พยานถึงความตายของมิตรสหายและคนรัก นำพามา
ซึ่งความโศกศัลย์และปวดร้าวในหัวใจ
ฉินหยุนที่ร่างถูกสาดส่องด้วยแสงสีน้ำเงิน หลายความทรงจำได้
ย้อนกลับขึ้นมา พวกมันเป็นความทรงจำอันขื่นขมในชีวิตนี้
แม้เขายากลำบากตั้งแต่ยังเด็ก แต่เขาก็แข็งแกร่งเรื่อยมา เขาได้เปลี่ยน
โชคชะตาของตนเองและลงทัณฑ์คนชั่วเหล่านั้น
ทว่า แสงสีน้ำเงินนี้ยังทำให้เขาต้องเจ็บปวด มารดาของเขาที่สิ้นพระชนม์
บิดาที่ไม่อาจช่วยเหลือแม้ตนเอง เซี่ยฉีโหรวที่เจ็บปวด และเรื่องราว
ครั้งที่เซี่ยอู๋เฟิงถูกตัดแขนเพราะเขา…
แม้ความทรงจำเหล่านี้เจ็บปวด แต่มันก็เป็นแรงขับเคลื่อนแก่เขา
เสมอมา สำหรับฉินหยุน มันไม่อาจทำให้เขาเสียสมาธิได้
ในทางตรงกันข้าม มันคือแรงใจแก่เขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น!
ปันหยุนหั่ว ผู้ซึ่งเผยรอยยิ้มชั่วร้ายที่ใบหน้า ขณะนี้ยิ่งยินดีเมื่อได้
เห็นฉินหยุนเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน เขาเร่งรีบทะยานร่างพร้อมต่อย
หมัดเข้าใส่หน้าท้องของฉินหยุน
ครืน!
หมัดของปันหยุนหั่วระเบิดสายฟ้าอสนีบาตสีน้ำเงิน มันเข้าปะทะ
รุนแรงที่หน้าท้องฉินหยุน สายฟ้าสีน้ำเงินกระจายเป็นวงกว้างปก
คลุมทั่วทั้งลานประลองยุทธ์!
ผู้คนต่างระเบิดเสียงโห่ร้องยินดี!
“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!”
“พลังหมัดนั้นรุนแรงนัก ถึงขั้นทำเอาลานประลองยุทธ์สะท้าน
สะเทือน!”
“สายฟ้าเช่นนี้รุนแรงมาก ย่อมต้องเป็นความสามารถเทวะเป็นแน่”
“ตัวบัดซบเช่นฉินหยุน ในที่สุดก็ได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่า
เสียที”
ผู้คนต่างมองลานประลองซึ่งอัดแน่นด้วยสายฟ้าพร้อมร้องตะโกน
กันสนุกปาก
สายฟ้าเลือนหาย ปรากฏเป็นหมัดของปันหยุนหั่วติดที่หน้าท้องของ
ฉินหยุน
ใบหน้าของปันหยุนหั่วเผยความหวาดกลัว ลำคอของเขาถูกมือของ
ฉินหยุนที่มีหมอกสีดำเข้าเกาะกุม
“ปันหยุนหั่ว เจ้าไม่รู้อะไร ผู้อื่นที่คิดได้รับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว
จากข้า พวกมันทั้งหมดถูกข้าสังหารที่บนลานประลองยุทธ์แห่งนี้!”
ฉินหยุนมองที่ดวงตาของปันหยุนหั่วซึ่งมีแต่ความหวาดกลัวพร้อม
กล่าวเสียงเย็น
หมัดของปันหยุนหั่วที่ต่อยค้างตรงหน้าท้องฉินหยุน มันรู้สึกราวกับ
เป็นก้อนหินที่จมสู่ห้วงลึกแห่งมหาสมุทร
นี่คือพลังกลืนกินของแก่นเต๋าตะวันทมิฬของฉินหยุน!
ผู้คนก่อนหน้านี้ที่ตะโกนว่าฉินหยุนต้องพ่ายแพ้ ครานี้กลับตื่นตะลึง
พวกเขาไม่คาดคิด ว่าลำคอของปันหยุนหั่วจะถูกฉินหยุนบิดจนเสีย
รูปได้เพียงนั้น
แม้แต่ราชันแคว้นมู่ยังพบว่าเป็นเรื่องแปลก กระนั้นเขาก็ไม่กล่าวอัน
ใด เพราะปันหยุนหั่วมีพลังการฟื้นฟูที่แข็งแกร่ง แม้ได้รับบาดเจ็บ
เขาก็สามารถฟื้นฟูได้รวดเร็ว ดังนั้นจึงไม่มีทางแพ้โดยง่าย
หมัดของปันหยุนหั่วติดแน่นที่หน้าท้องฉินหยุน เขาไม่อาจดึงกลับ
ได้แม้พยายามสักเพียงใด
และแขนอีกข้างของเขาได้ถูกฉินหยุนเกาะกุมเอาไว้ ที่ขายังมีกรง
เล็บพฤกษาพันธนาการเอาไว้จนไม่อาจขยับ
มีแต่เขาที่ทราบกระจ่างชัด ว่าฉินหยุนกำลังกลืนกินพลังของเขา ทว่า
เขาไม่อาจกล่าวคำใด
หลิงหยุนเอ๋อตื่นเต้นยินดีควบคุมแก่นเต๋าตะวันทมิฬ ทำการกลืนกิน
พลังสารพัดชนิดจากร่างของปันหยุนหั่ว
“เสี่ยวหยุน ร่างของมันผู้นี้พิเศษยิ่ง เป็นมันครอบครองวิญญาณยุทธ์
คืนชีพ รวมถึงอักขระโทเทมคืนชีพ ดังนั้นจึงสามารถฝึกฝนร่างคืนชีพ
ลึกล้ำ ความสามารถเทวะของมัน เป็นความสามารถเทวะสะกดใจ มัน
เป็นความสามารถเทวะพลังจิตที่ยอดเยี่ยมไม่ใช่น้อย” หลิงหยุนเอ๋อ
เผยยิ้มยินดีกล่าวคำ
ปันหยุนหั่วพยายามดิ้นรน ดวงตาสีน้ำเงินของเขาเริ่มกลับกลายเป็น
สีดำ วิญญาณยุทธ์ความสามารถเทวะของเขาถูกกลืนกินไปแล้ว!
ชั่วขณะนี้ ฉินหยุนแทบกลืนกินทุกอย่างจนหมดสิ้น
ตู้ม!
เขาพลันตบที่ใบหน้าปันหยุนหั่วจนปูดบวมแดงก่ำ จากนั้นจึงส่งร่าง
อีกฝ่ายกระเด็นจนกระแทกม่านพลังที่ริมขอบลานประลองยุทธ์
“สวะเช่นเจ้างั้นหรือที่คิดเอาชนะข้า?” ฉินหยุนทะยานพรวด อสนีบาต
อัคคีสีดำกำลังทอประกายเบื้องล่างฝ่าเท้าของเขา
ตึง! ตึง! ตึง!
เท้าของเขากระทืบลง อัคคีเพลิงสีดำทะลักออก อสนีบาตสีดำระเบิด
รุนแรง พลังทั้งสองเข้าปกคลุมทั้งร่างของปันหยุนหั่วเอาไว้
“อ๊าก!” ปันหยุนหั่วกรีดร้องเสียงอ่อนแรง
ฉินหยุนได้เห็นปันหยุนหั่วคิดอยากพูดกล่าว เขาจึงโจมตีด้วยห้าฝ่า
มือมังกรสัมบูรณ์ พลังฝ่ามือนี้เปรียบดังอสนีบาตอัคคีสีดำ มันมา
พร้อมพลังแรงโน้มถ่วงรุนแรงเข้าบดขยี้ที่อีกฝ่าย
ตู้ม!
แรงระเบิดครั้งใหญ่บังเกิดเลือนลั่นถึงฟากฟ้ากระจายทั่วทิศ
ร่างกายปันหยุนหั่วเลือนหายโดยไร้ซึ่งร่องรอยใด ที่หลงเหลือเป็น
เพียงหมอกสีดำที่กระจาย
เมื่อครู่ ราชันแคว้นมู่ยังคงอาการสงบจิตใจ กระนั้นตอนนี้ได้เห็นปัน
หยุนหั่วร่างระเบิดโดยไม่หลงเหลืออันใดไว้ เขาถึงกับนั่งอึ้ง
เป็นเขาขาดความระวังจนปล่อยให้เกิดเรื่องราวเช่นนี้ขึ้น
แม้แต่เจี้ยนสือเทียนยังไม่คาดคิด ว่าฉินหยุนจะกำจัดปันหยุนหั่วอย่าง
หมดจดได้รวดเร็วเพียงนี้!
เพราะเมื่อครู่ผู้คนต่างได้เห็น ว่าปันหยุนหั่วครอบครองความสามารถ
ฟื้นฟูแกร่งกล้าเพียงใด กระทั่งสะกดข่มเชี่ยวเย่ว์หลานเอาไว้ได้ด้วยซ้ำ
กระนั้นเวลานี้ เขากลับถูกฉินหยุนสังหารในพริบตา!
“ข้าชนะแล้ว!” ฉินหยุนหันมองทางเจี้ยนสือเทียนพร้อมตะโกน
“ยะ… หยุนหั่ว!” ราชันแคว้นมู่คำรามด้วยโทสะจนสะท้านสะเทือน
ฟ้าดิน
เปาเฉิงโฉ่วและครึ่งเซียนจำนวนหนึ่งของตำหนักเซียนดาบต่างตึง
เครียดกันขึ้นมา กระทั่งแม่เฒ่าหยุนเหยายังปลดปล่อยออร่าของนาง
ทะยานสู่ด้านข้างลานประลองยุทธ์
เจี้ยนสือเทียนอัญเชิญดาบต้นกำเนิด พลังเซียนอัดแน่นทะลักล้นจาก
กายเขาปกคลุมทั้งลานกว้าง
ราชันแคว้นมู่ที่มีโทสะ สายตาขณะนี้มองที่ฉินหยุนด้วยความคิดฆ่า
ฟัน “เจ้า… เจ้าสังหารศิษย์ข้า!”
“ก็เป็นเช่นนั้น คิดอยากล้างแค้นจงมาพบข้าได้ทุกเมื่อ!” ฉินหยุนแค่น
เสียงกล่าว “ข้าได้พูดกล่าวไปแล้ว หากผู้ใดคิดได้รับจารึกวิญญาณ
จ้าวดวงดาวผ่านทางข้า จุดจบเดียวนั้นคือความตาย! ศิษย์เจ้าก็ไม่มี
ข้อยกเว้น!”
ราชันแคว้นมู่เป็นเพียงครึ่งเซียนตัวคนเดียว ที่นี้มีเปาเฉิงโฉ่ว เจี้ยน
สือเทียน และแม่เฒ่าหยุนเหยาคุ้มกันฉินหยุน ทั้งยังมีครึ่งเซียนผู้อื่น
ของตำหนักเซียนดาบคงอยู่
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “ในพื้นที่ตำหนักเซียนดาบของข้า ไม่อนุญาตให้
ผู้ใดลงมืออย่างอุกอาจ! การประลองเช่นนี้ ตายหรือบาดเจ็บมีเรื่อง
อันใดผิดหรือแปลกไป?”
ราชันแคว้นมู่ไม่อาจทนได้ เขาหันมองทางครึ่งเซียนตระกูลหลงพร้อม
กล่าวเสียงทุ้มลึก “ตราบเท่าที่ฉินหยุนตาย ข้าจะถือเป็นหนี้บุญคุณ
ติดค้าง! เร่งรีบให้หลงเย่ว์ลงมือ! ด้วยกำลังของนาง คิดสังหารฉินหยุน
ถือเป็นเรื่องง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ!”