Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 748 ครอบครองจ้าวดวงดาว
ตอนที่ 748 ครอบครองจ้าวดวงดาว
ทาสเงาถูกจับตัว เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬกลับคืนสู่สภาวะปกติ
ฉินหยุนซ่อนตัวในถ้ำ อาการบาดเจ็บของเขากำลังฟื้นฟู
เมื่อเขาก้าวเดินออกมาจากถ้ำ ก็พบว่าเป็นช่วงบ่ายแล้ว
เวลานี้ ดวงตะวันสาดแสงร้อนแรงสว่างไสว เดิมเขตแดนอ้างว้าง
จันทราทมิฬมีแต่หมอกบดบัง เวลานี้พวกมันเลือนหายจนสิ้น
นั่นก็เพราะจันทราจำแลงถูกทำลายไปแล้ว
หลังทาสเงาปรากฏ มันรับรู้ถึงเฉียหยิ่งที่อยู่บนจันทราจำแลงว่า
แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงมุ่งหน้าทำลายทั้งจันทราจำแลงและเฉียหยิ่งไป
พร้อมกัน
“เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ในที่สุดก็กลับคืนสู่ปกติ” ฉินหยุนมอง
ดวงตะวันร้อนแรงบนฟากฟ้า เขากำลังดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้า
ตะวัน
“เสี่ยวหยุน เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแห่งนี้คงอยู่มานานนับ ภายใน
นี้สมควรมีหลายผู้คนคงอยู่!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬกว้างใหญ่ นอกจากนี้ พลังวิญญาณยัง
หนาแน่น และทรัพยากรธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์
“เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬแห่งนี้ยังอันตรายยิ่ง อย่างไรแล้ว จันทรา
ทมิฬก็คงอยู่มานานนับ มันปลดปล่อยพลังหยินชั่วร้ายออกไปปริมาณ
มหาศาล ดังนั้นสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ คงมีสภาพเป็นอสูรร้ายกันไปไม่
น้อย” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“หยุนเอ๋อ พลังหยินชั่วร้ายเป็นผลให้กลายเป็นอสูรร้ายง่ายดายเพียง
นั้นเลยหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“เป็นเช่นนั้น! มันก็มีบางสถานการณ์ที่สามารถสะกดพลังหยินชั่วร้าย
เอาไว้ได้ กระนั้นก็ยังต้องแปรเปลี่ยนเป็นอสูรร้าย เพราะนั่นคือวิธีการ
ที่จะทำให้แข็งแกร่งได้รวดเร็วและยังควบคุมมันได้ นอกจากนี้แล้ว
มันยังจะทำให้พลังของอสูรร้ายนั้นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล!”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ผู้คนเช่นนี้มักจะเป็นอสูรร้ายที่ชวนสะพรึง เพราะ
พวกเขาควบคุมตนเองได้ ทำให้จึงสามารถควบคุมพลังอสูรร้ายได้!”
ฉินหยุนนึกย้อนไป ว่ามีอสูรร้ายหลายคนที่เป็นคู่ต่อสู้ซึ่งเขาต้องเผชิญ
หลายคนเกิดคลุ้มคลั่งอย่างกะทันหัน พวกเขาสูญเสียสภาวะจิตใจ
กลับกลายเป็นอสูรร้ายเต็มตัว กระนั้น พลังที่ครอบครองก็ยังแข็งแกร่ง
เขายังได้ประสบพบเจอกับตนเอง ที่เกือบถูกตะวันทมิฬกลืนกิน
พลังนี้กล่าวได้ว่าชวนพรั่นพรึง หากสามารถควบคุมได้ มันจะเป็น
พลังอันเลิศล้ำที่สามารถใช้งาน
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ความเลิศล้ำที่สุดของร่างเซียนอสูร นั่นก็คือมัน
สามารถใช้พลังอสูรได้! ส่วนวิธีการใช้ เจ้าคงต้องขอคำชี้แนะจากพี่
ฉีโหรวในภายหน้า”
ฉินหยุนนึกถึงเซี่ยฉีโหรว จึงนำเอาแผนที่หลุมฝังเซียนออกมา
หลังหยดเลือดลงไป มันตอบสนองอย่างรวดเร็ว
“เสี่ยวหยุน มีเรื่องอะไรหรือ?” เซี่ยฉีโหรวเอ่ยถาม
“ปัญหาใหญ่ขอรับ!” ฉินหยุนบอกเล่าต่อเซี่ยฉีโหรว ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ทั้งยังบอกต่อนางว่าได้รับจันทราทมิฬ
มาแล้ว
แน่นอนว่า เขายังบอกกล่าวถึงเรื่องของเหยาเฟิงไปด้วย
เซี่ยฉีโหรวที่ได้รับข่าวคราวมากมาย เป็นธรรมดาที่จะต้องใช้เวลา
ย่อยวิเคราะห์ หลังเงียบไปพักหนึ่ง นางจึงกล่าว “เสี่ยวหยุน เจ้าควร
ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำก่อน! อย่าได้กังวลถึงเรื่องจันทราทมิฬ
ไป! ด้วยกำลังเจ้าตอนนี้ ทำให้ยังไม่อาจใช้พลังของจันทราทมิฬและ
ตะวันทมิฬไปพร้อมกันได้!”
“พี่สาว จันทราทมิฬคล้ายสำคัญต่อพี่หยางยิ่งนัก” ฉินหยุนถามขึ้นมา
“มันสำคัญจริง ทว่านางย่อมต้องมีวิธีการอื่นแก้ไขปัญหา จันทราทมิฬ
ยังมีอีกมากมาย ดังนั้นด้วยวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬ นางย่อมพบเจอ
เป้าหมายถัดไปได้ไม่ยาก!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“แล้วเหยาเฟิงเล่า? ท่านพอจะนึกออกหรือไม่ว่านางเป็นใคร?” ฉิน
หยุนเอ่ยถาม “ดูเหมือนนางจะมีสัมพันธ์อันดีกับมารดาท่านด้วย!”
“ข้าคาดเดาได้โดยคร่าวว่านางเป็นผู้ใด และไม่นึกเลยว่าจะเป็นนาง!”
เซี่ยฉีโหรวถอนหายใจยาว “ข้าไม่นึกจริง ๆ ว่าเจ้าในชาติภพก่อนจะ
ถึงขั้นมีสัมพันธ์กับนางด้วย!”
“แล้วนางเป็นผู้ใด? เร่งรีบบอกข้าได้แล้ว!” ฉินหยุนยินดีจนร้องถาม
“ข้าจะยังไม่บอกเจ้าตอนนี้!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะ “อะไรก็ดี ตัวเจ้าไป
ได้ด้วยดีกับนาง นั่นก็ถือว่าดีแล้ว!”
“อย่าได้แล้ว! ข้าอยากทราบจริงว่านางคือผู้ใด!” ฉินหยุนเบะปาก
ร้องกล่าว
“ข้าไม่พูด ข้าจะไม่พูด!” เซี่ยฉีโหรวหัวเราะหยอกล้อ
ฉินหยุนที่ไร้ซึ่งทางเลือก จึงต้องฮึมฮัมออกไป
“พี่ฉีโหรว ข้าจะต้องอยู่ที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬต่อไปอีกนาน
เพียงใด?” ฉินหยุนคิดอยากออกไปเสียเดี๋ยวนี้
“อยู่ที่ภายในนั้น ฝึกฝนจนถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ เมื่อใดเจ้ามีกำลัง
เพียงพอ เจ้าจะสามารถใช้อักขระลึกล้ำที่ซับซ้อนได้ ถึงตอนนั้น เจ้า
น่าจะมีวิธีการเปิดทางให้ตนเองได้!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว “ตอนนี้อย่าได้
เร่งร้อนเกินไปนัก”
ฉินหยุนได้แต่ยอมรับเรื่องนี้เป็นการชั่วคราว เพราะเขาไม่มีหนทางอื่น
หลังพูดคุยกับเซี่ยฉีโหรวเรียบร้อย เขาจึงออกเดินไปอย่างไร้จุดหมาย
เขาคิดหาสถานที่เหมาะสมเพื่อใช้เก็บตัว
เหยาเฟิงพักอยู่ในไข่มุกเม็ดที่สาม นางกำลังดูดกลืนพลังของทาสเงา
โดยตรงจากไข่มุกเม็ดที่สอง
ค้นหาอยู่หลายวัน ฉินหยุนค่อยพบสถานที่เหมาะสมแห่งหนึ่ง มัน
เป็นช่องเขาขนาดเล็ก ทั้งยังมีน้ำตกน้อยคงอยู่
“สภาพแวดล้อมดี เหมาะแก่การฝึกฝนไม่ใช่น้อย!”
ฉินหยุนมองหาภูเขาหินลูกหนึ่ง ก่อนจะใช้ความสามารถเทวะทะลุ
ทะลวงผ่านเข้าไป จากนั้นจึงเริ่มสร้างห้องหินขึ้นที่ด้านใน
เช่นนี้ ห้องหินแห่งนี้จะไม่มีทางเข้า
คิดเข้าและออกห้อง เขาเพียงใช้ความสามารถเทวะ ดังนี้จะได้ไม่ต้อง
หวาดเกรงถูกผู้อื่นพบเห็น มันมีแต่จะปลอดภัยยิ่งขึ้น
ฉินหยุนนำเอาหยกผลึกแก้วเต๋า และผลึกแก้วหัวใจลึกล้ำออกมา
“สงสัยนักว่านี่จะพอให้ใช้ควบแน่นผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำหรือไม่!”
ฉินหยุนมองที่กระเป๋ าทั้งสอง จากนั้นเขาจึงนำไข่มุกออกมาเม็ดหนึ่ง
สิ่งนี้คือไข่มุกผนึกวิญญาณ ภายในของมัน คือจารึกวิญญาณจ้าว
ดวงดาว
“นี่เป็นของขวัญที่พี่หยางมอบให้!” ฉินหยุนยิ้มบาง ด้วยหลิงหยุนเอ๋อ
ช่วยเหลือ เขาจึงผสานรวมเข้ากับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวได้สำเร็จ
“วิเศษนัก! ภายหน้า เมื่อใดแกะสลักอักขระดวงดาว จะยิ่งเป็นไป
อย่างง่ายดาย!” ฉินหยุนยินดีไม่น้อย
ตั้งแต่ได้เป็นศิษย์เพียงผู้เดียวของประตูจารึก เขาจึงได้รับอักขระโบราณ
และต้องห้ามมาหลากหลาย พวกมันส่วนใหญ่เป็นอักขระดวงดาว
และจันทรา และก็มีจำนวนหนึ่งที่ค่อนข้างลึกล้ำและซับซ้อน
ตอนนี้ เขาได้ผสานรวมเข้ากับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว ที่ต้องทำ ก็
เพียงแค่มีกำลังอย่างเพียงพอเพื่อแกะสลักอักขระดวงดาวที่ซับซ้อน
เหล่านั้น
ฉินหยุนฝึกฝนผลึกแก้ววิญญาณดวงดาว จากนั้นจึงแปรเปลี่ยนเป็น
จันทรา พื้นฐานของเขาสูงส่ง เขาสามารถแกะสลักอักขระดวงดาว
และจันทราได้รวดเร็วกว่าผู้อื่น
“เสี่ยวหยุน หากเจ้าควบแน่นผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำได้สำเร็จ
เท่ากับเจ้าจะได้ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเร็วมากขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อ
ยิ้มกล่าวคำ “เมื่อใดเจ้าออกไป ตอนนั้นเจ้าก็จะได้เป็นขอบเขตวรยุทธ์
ลึกล้ำแล้ว!”
ฉินหยุนไม่ทราบ ว่าตนเองต้องใช้เวลานานเพียงใดกว่าจะก้าวถึง
ระดับนั้น
หากเป็นผู้อื่น ด้วยทรัพยากรมหาศาล ความคืบหน้าต้องเป็นไปอย่าง
รวดเร็ว
ทว่าเขาไม่ใช่ สถานการณ์ทางการฝึกฝนของเขาค่อนข้างซับซ้อน
ฉินหยุนเริ่มดูดกลืนพลังภายในผลึกแก้วหัวใจลึกล้ำ และหยกผลึก
แก้วเต๋า พบว่าพวกมันยากดูดกลืนเป็นอย่างยิ่ง
“หยุนเอ๋อ เจ้าสามารถใช้ความสามารถวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ ดูดกลืน
ผลึกแก้วหัวใจลึกล้ำ และหยกผลึกแก้วเต๋าพวกนี้ได้หรือไม่?” ฉินหยุน
เอ่ยถาม
“ย่อมต้องได้! ความเร็วการดูดกลืนของเจ้ามากล้ำ และตัวเจ้ายัง
สามารถดูดกลืนพลังทั้งเก้าอย่างได้จากภายใน! หากเป็นผู้อื่น ขั้นตอน
นี้จะเชื่องช้าอย่างมหาศาล!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ปกติแล้ว ผู้อื่นจะ
ได้ผู้อาวุโสกว่าช่วยเหลือ พวกเขาจะปล่อยพลังออกจากหยกผลึกแก้ว
เต๋า และผลึกแก้วหัวใจลึกล้ำ จากนั้นจึงชักนำพวกมันให้ผู้เยาว์ของ
ตนได้ดูดกลืนเข้าไป วิธีการเช่นนี้จึงค่อยเร่งความเร็วได้!”
ตอนนี้ ก็มีแต่เหยาเฟิงแล้วที่สามารถช่วยเขาได้
กระนั้น หลังร้องตะโกนเรียกอยู่นาน เหยาเฟิงกลับไม่ตอบแม้ครึ่งคำ
“พี่สาวเหยาเฟิงคงกำลังดูดกลืนพลังของทาสเงาอยู่” หลิงหยุนเอ๋อ
บุ้ยปาก “นางคงกำลังเฉลิมฉลองพลังอย่างอิ่มเอมอยู่กระมัง!”
ฉินหยุนนึกขึ้นได้ ว่าก่อนหน้านี้เหยาเฟิงตื่นเต้นยินดีเพียงใด
“ทาสเงาผู้นั้นแข็งแกร่ง นางคงต้องใช้เวลาดูดกลืนนานไม่ใช่น้อย!”
ฉินหยุนถอนหายใจกล่าว “มีแต่ต้องพึ่งตนเองแล้ว”
แม้ความเร็วการดูดกลืนของเขาช้าไปบ้าง กระนั้นฉินหยุนก็ยังตื่นเต้น
ยินดี
โดยเฉพาะยามที่รับรู้ได้ว่าพลังงานทั้งเก้าสายได้ไหลเวียนเข้าสู่แก่น
เต๋าตะวันทมิฬ ร่างกายของเขามันทั้งรู้สึกสบายและอ่อนนุ่ม
“ครอบครองวิญญาณเทวะเก้าตะวันช่างวิเศษนัก! ด้วยอาศัยเรื่องนี้
ทรัพยากรทั้งหลายที่เจ้าได้รับมา น่าจะเพียงพอให้ฝึกฝนผลึกแก้วเต๋า
วิญญาณลึกล้ำได้!” หลิงหยุนเอ๋อยิ้มกล่าว
แม้ความเร็วดูดกลืนฉินหยุนเป็นไปเชื่องช้า กระนั้นก็ยังมีความ
ได้เปรียบที่ตรงนี้ มันทำให้ความคืบหน้าของเขาเป็นไปได้ราบรื่น
ทั้งยังจะไม่เกิดปัญหาใด
ราวพลิกหน้ากระดาษ สองปีได้ผ่านพ้น!
ตามปกติแล้ว ฉินหยุนจะฝึกอยู่หลายวันก่อนออกไปเดินเล่นบ้าง เขา
อาบไล้แสงตะวันและแช่กายในสระน้ำเบื้องล่างน้ำตก
รูปลักษณ์ของเขาหาได้แปรเปลี่ยนใดไม่ ยังคงเป็นความเยาว์วัย หาก
เขาไม่อาบไล้แสงตะวันเจิดจ้าจนปล่อยให้ผิวพรรณกลายเป็นสี
น้ำตาลข้าว ตัวเขาคงดูยังหนุ่มยิ่งกว่านี้
“อา… อยากออกไปยิ่งนัก! ภายนอกแห่งนั้น ยังมีอีกหลายคนที่รอ
คอยเราอยู่!” ฉินหยุนอยู่ภายใต้น้ำ สายตามองไปยังดวงตะวันบน
ฟากฟ้า เขาไม่คิดว่าเวลาสองปีจะผ่านไปรวดเร็วเพียงนี้ และเขาก็
เกือบจะควบแน่นผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำได้แล้ว
สองปีก่อน เขาได้วางแผนเดินทางกลับเอาไว้ ว่าหลังออกจากเทือกเขา
นิราศจันทรา จะได้ไปพบพวกเย่ว์เหม่ย และช่วยกันขัดเกลาวิญญาณ
ยุทธ์และจารึกวิญญาณออกมา เพียงนึกถึงเรื่องนี้ก็ทำเขาตื่นเต้นไม่ใช่
น้อยแล้ว
กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังคิดเช่นเดิม
นอกจากนี้ เขายังต้องการวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬอย่างมากล้ำ
“เย่ว์เหม่ยได้คัดลอกวิญญาณยุทธ์จันทราทมิฬของพี่หยางเอาไว้ หาก
ทุกอย่างราบรื่น ด้วยเย่ว์เหม่ย เราจะสามารถขัดเกลาวิญญาณยุทธ์
จันทราทมิฬขึ้นมาได้ เช่นนี้ จันทราทมิฬของเราจะได้กลายเป็น
วิญญาณยุทธ์ และเราจะได้ควบคุมมันอย่างง่ายดาย!” ฉินหยุนพอนึก
ถึงเรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเผยยิ้มออก
เหยาเฟิงยังคงเงียบงันตลอดมา หากเขามีเหยาเฟิงอยู่เคียงข้าง เช่นนั้น
คงวางใจได้มากกว่านี้
แม้เขาไม่อาจออกไป กระนั้นก็ยังสามารถติดต่อหาเซี่ยฉีโหรว
เซี่ยฉีโหรวย่อมบอกต่อเชี่ยวเย่ว์หลานและชี่เม่ยเหลียนถึงสถานการณ์
ทางนี้ ดังนั้นพวกนางจึงได้ทราบ ว่าฉินหยุนยังอยู่สบายดี
“เหตุใดเจ้าเป็ดน้อยหยางหยางจึงยังหลับอยู่กัน!” ฉินหยุนกล่าวขึ้น
“โชคดีแล้วที่นางยังไม่ตื่นขึ้น หากนางตื่น เช่นนั้นนางคงได้ร้อง
โวยวายอยากกินเนื้อมังกร เมื่อนั้นเจ้าจะไปหาจากที่ใดมาให้นาง?”
หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะ “เจ้าควรเร่งรีบเลื่อนระดับพลัง ถัดจากนั้น ค่อย
ไปยังตระกูลหลงจับมังกรมาสักตัวหนึ่ง!”
ฉินหยุนย่อมจดจำเรื่องนี้อย่างขึ้นใจ
หลงเฉียวเฟิงคือสายสืบที่เขาซ่อนเร้นไว้ภายในตระกูลหลง และนาง
ก็ซื่อสัตย์ต่อเขาเป็นอย่างยิ่ง
หากทุกสิ่งอย่างราบลื่น เขาจะสามารถตกปลาใหญ่ดังเช่นตระกูล
หลง โดยอาศัยหลงเฉียวเฟิงได้
ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เขายังได้ใส่ภูเขาผลึกแก้วเข้าสู่ภายในร่างจอม
ราชันดวงดาวอสูร
จอมราชันดวงดาวอสูรตอนนี้อยู่ระหว่างดูดกลืนพลัง กระบวนการ
ของมันเป็นไปอย่างเชื่องช้า
เขายังไม่ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับปิงชิง กระทั่งว่าไม่อาจฝึกฝนร่วมกับ
ปิงชิง เขาก็ยังคอยสกัดเม็ดยาพลังเซียนเก้าวิวัฒน์เอาไว้มาโดยตลอด!
เมื่อใดออกไปได้และพบปิงชิง เมื่อนั้นเขาจะได้ส่งมอบมันให้แก่นาง
“เริ่มฝึกฝนกันได้แล้ว!”
ฉินหยุนเดินขึ้นจากสระน้ำ ขณะกำลังคิดสวมใส่เสื้อผ้า เขาสัมผัสได้
ว่ามันมีบางสิ่งร่วงหล่นจากฟากฟ้า พุ่งตรงเข้าไปยังพื้นที่โกรกธาร
ซึ่งว่างเปล่า
เสียงกระทบพื้นระเบิดดังสนั่น ทั้งโกรกธารสั่นไหว น้ำตกและป่ า
ไม้ใกล้เคียงถูกทำลายสิ้น!
มันเป็นสัตว์ร่างใหญ่สีดำสนิท มีปีกคู่รูปร่างคล้ายกิ้งก่า ร่างนั้นยาว
หลายสิบเมตร ทั้งยังมีแต่บาดแผลเต็มไปทั่วร่าง!
“นี่อะไร? อาหารส่งตรงถึงที่หรือ?” ฉินหยุนหัวเราะซุกซนพลาง
ตระเตรียมไปเก็บเกี่ยว
ทันใดนี้เอง คนกลุ่มใหญ่ที่สวมใส่ชุดหนังสัตว์ได้ปรากฏตัวจากบน
ฟากฟ้า แต่ละคนล้วนดึงคันธนูหันมองทางฉินหยุน