Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 755 : ช่องว่างกาลอวกาศ
หลังฉินหยุนได้รับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก โดยทันที เขาได้บอกกล่าวต่อเหยาเฟิง หลังจากที่ได้รับฟัง นางจึงออกมาจากวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ยามที่ฉินหยุนได้เห็นนางออกมา เขาจึงส่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกให้แก่เหยาเฟิง
เหยาเฟิงพิจารณามันและกล่าว “สมกับเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์อันทรงอำนาจ ย้อนกลับไปตอนนั้น จอมจักรพรรดิอสูรเซียนได้ใช้ครึ่งชีวิตเพื่อสร้างความเสียหายแก่กระบี่เล่มนี้! กระทั่งว่าเสียหายหนักหนา มันก็ยังดียิ่งกว่าอาวุธทั้งหลาย!”
“ฉินหยุน เจ้ามีวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ย่อมสามารถใช้ซ่อมแซมมันได้อย่างรวดเร็ว!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว “กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกที่เสียหาย เทียบกับอุปกรณ์เต๋าและอุปกรณ์ราชันเป็นอย่างไร?”
เหยาเฟิงส่งคืนกระบี่แก่ฉินหยุนและกล่าว “ข้าไม่มั่นใจนัก หากมีโอกาส เจ้าจงทดลองดู!”
นางหันมองรอบและกล่าว “เพราะกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกได้รับความเสียหาย จอมจักรพรรดิปรโลกจึงถูกบีบบังคับให้ต้องมาที่นี่! ตามความทรงจำของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน จอมจักรพรรดิปรโลกถูกสังหารที่นี่โดยการร่วมมือโจมตี!”
“จะบอกว่าจอมจักรพรรดิปรโลกยังมีโอกาสรอดชีวิตหรือ?” ฉินหยุนตระหนก เขาเร่งรีบกระชับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกเอาไว้แน่น
“เจ้าทดลองดู ว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกมีความสามารถสัมผัสถึงเจ้านายที่ยังคงอยู่ได้หรือไม่ หากมันมี เช่นนั้นจอมจักรพรรดิปรโลกก็ยังมีชีวิตรอด และเจ้าจะไม่อาจทำให้มันยอมรับเป็นเจ้าของได้!” เหยาเฟิงกล่าว
ฉินหยุนหยดเลือดลงที่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก กระนั้นกลับไม่มีการตอบสนองใด
“จอมจักรพรรดิปรโลกยังมีชีวิต!” ดวงตาเหยาเฟิงเผยอาการตื่นตะลึง “หากเขายังมีชีวิต เช่นนั้นแล้วไปอยู่ที่ใดกัน?”
“หากมันไม่ยอมรับข้าเป็นเจ้าของ หมายความถึงข้าไม่อาจใช้ความสามารถพิเศษของมันได้ใช่หรือไม่?”
ฉินหยุนทดลองดู พบว่าสามารถใส่พลังเข้าไปในตัวมันได้อย่างลื่นไหล ทว่า เขารู้สึกชัดเจนว่ายังขาดอะไรไป
“อย่างน้อยก็ใช้มันได้ชั่วคราว แม้มีรอยปริแตกบนพื้นผิวอาวุธ ทว่าครั้งหนึ่งมันก็เคยเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสุดยอด!”
เหยาเฟิงตบไหล่ฉินหยุน ก่อนจะกลับเข้าสู่วิญญาณเทวะเก้าตะวัน
ฉินหยุนไม่คิดอื่นใดมากความ อย่างไรแล้ว กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกนี้ก็เป็นสิ่งที่เกินคาดคิดของตัวเขาไปมาก แม้ว่าไม่อาจครอบครองโดยสมบูรณ์ เขาก็ยังสามารถใช้งานมันชั่วคราว เพียงเท่านี้ก็ไม่แย่แล้ว แต่ขณะเหยาเฟิงกลับเข้าวิญญาณเทวะเก้าตะวันไป ฉินหยุนกลับสัมผัสได้ว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกเริ่มสั่นไหว
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉินหยุนกล่าวอย่างตื่นตะลึง
“วิญญาณอุปกรณ์! มันมีวิญญาณอุปกรณ์อยู่ภายในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “เป็นวิญญาณอุปกรณ์ไม่อาจสื่อสารกับเจ้า ให้ข้าได้ทดลองดู”
หลิงหยุนเอ๋อคือวิญญาณเต๋า นางสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับวิญญาณนานาชนิดได้
ไม่นานนัก หลิงหยุนเอ๋อจึงบอกอย่างต่อฉินหยุนด้วยอาการตระหนก “เสี่ยวหยุน จอมจักรพรรดิปรโลกยังไม่ตาย! อย่างน้อยจิตวิญญาณก็ยังมีชีวิตรอด!”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว “จริงหรือ? อย่างนั้นแล้วจอมจักรพรรดิปรโลกอยู่ที่ใด?”
หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “วิญญาณอุปกรณ์ไม่ทราบ เพราะจอมจักรพรรดิปรโลกไม่ได้อยู่ที่หุบเหวจันทราเงียบงันแห่งนี้! หลังไปที่แดนวิญญาณอ้างว้าง ข้าจะลองสอบถามอีกครั้ง บางทีจอมจักรพรรดิปรโลกอาจอยู่ที่แดนวิญญาณอ้างว้าง!”
“ได้!” ฉินหยุนคิด ว่าจอมจักรพรรดิปรโลกอย่างน้อยก็เห็นเป็นคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกันได้ อย่างไรแล้ว เขาก็มีความแค้นต่อทั้งจอมจักรพรรดิอสูรเซียนและจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง
หากเขาสามารถหาตัวจอมจักรพรรดิปรโลก อย่างนั้นแล้ว มันก็หมายถึงภายหน้าเขาจะมีคนหนุนหลังอันยิ่งใหญ่
หลิงหยุนเอ๋อพูดกล่าวอย่างยินดี “เสี่ยวหยุน วิญญาณอุปกรณ์ทราบว่าจะออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬอย่างไร มันจะนำเจ้าออกไปให้!”
ถัดจากนั้น หลิงหยุนเอ๋อและวิญญาณอุปกรณ์จึงพูดคุยกันชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลังได้ทราบว่าต้องไปที่ใด ภายใต้การชี้นำของวิญญาณอุปกรณ์ ฉินหยุนจึงออกจากหลุมลึกที่ก้นบึ้ง เร่งรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางหนึ่ง ตามที่วิญญาณอุปกรณ์บอกกล่าว คิดออกไปไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเส้นทางยาวไกล ทั้งยังมีอันตรายมากมายรอคอย ฉินหยุนย่อมไม่หวาดเกรง เนื่องด้วยเขายังมีเหยาเฟิง
“เสี่ยวหยุน หากเจ้าต้องการออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เช่นนั้นเจ้าต้องผ่านช่องว่างกาลอวกาศออกไป! ในช่องว่างกาลอวกาศ พี่สาวเหยาเฟิงจะไม่อาจออกมา ดังนั้นมันจึงอันตรายยิ่ง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“ไม่เป็นไร มีแต่ต้องไป! ไม่ว่าด้วยอะไร เราก็ต้องออกจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬให้ได้!” ฉินหยุนยังมีเรื่องสำคัญอีกมากมายต้องทำที่แดนวิญญาณอ้างว้าง
ด้วยการไปยังแดนวิญญาณอ้างว้าง เขาจะสามารถได้รับทรัพยากรมหาศาลเพื่อก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำอย่างรวดเร็ว เซี่ยฉีโหรวมีเรื่องสำคัญให้เขาต้องไปทำ กระนั้นมันต้องรอให้เขาก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำเสียก่อน
ตามที่วิญญาณอุปกรณ์ชี้นำ ฉินหยุนบินอยู่กว่าสิบวัน จนในที่สุดค่อยถึงสถานที่แห่งหนึ่งภายในหุบเหว มันคือบึงขนาดใหญ่สีดำสนิท
“ทางออกอยู่ด้านล่างบึงแห่งนี้ เจ้าเพียงกระโดดลงไป!” หลิงหยุนเอ๋อบอกต่อ “ด้านล่างตรงนี้ไม่น่าจะมีอันตรายใด แต่เป็นช่องว่างกาลอวกาศที่ยากจะผ่านพ้นไปได้!”
ฉินหยุนบอกเรื่องราวต่อเหยาเฟิง
เหยาเฟิงกล่าวตอบ “ช่องว่างกาลอวกาศเกิดขึ้นจากพลังงานรุนแรงมหาศาล ดังนั้นภายในจึงมีพลังงานรุนแรงมหาศาล หากเจ้าไม่แข็งแกร่งพอ เมื่อเข้าไปจะถูกช่องว่างกาลอวกาศฉีกกระชากออกเป็นเสี่ยง!”
“ฉินหยุน เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร ดังนั้นจึงไม่น่ามีปัญหาใด กระนั้นให้จดจำเอาไว้ เมื่อใดคิดผ่านทางไป อย่าได้ใช้อุปกรณ์ใดอย่างเด็ดขาด!”
“เพราะหากมีความโกลาหลเกิดขึ้นในช่องว่างกาลอวกาศ เจ้าจะต้องติดอยู่ภายในนั้น!”
ฉินหยุนตระเตรียมมาเป็นอย่างดี ทั้งยังสร้างยันต์ไว้มาก กระนั้นตอนนี้ เขาไม่อาจใช้งานพวกมัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนกระโดดลงบึงสีดำ หลังจมดิ่งลงมา เขารับรู้ได้ถึงพลังแรงดึงดูดมหาศาล เพียงไม่นาน เขาพบว่าตนเองอยู่ในเส้นทางที่สว่างไสวด้วยแสงหลากสี ทุกสิ่งรอบด้าน มันมีแต่ลำแสงเป็นประกายสารพัดอย่าง
“เสี่ยวหยุน เร่งรีบไป! ในช่องว่างกาลอวกาศ เวลาไม่เสถียรมั่นคง บางครั้งเร็ว บางครั้งช้า! เป็นไปได้ว่าสำหรับเจ้าอาจผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยาม ทว่าภายนอกอาจผ่านไปนับเดือน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
“จริงหรือนี่?” ฉินหยุนพอได้ทราบ เขาจึงเร่งรีบมุ่งหน้าไป
เขาเพียงก้าวได้ไม่กี่ก้าว กลับต้องรู้สึกถึงพลังต่อต้านรุนแรง พลังต่อต้านนี้แปลกประหลาดและชวนสะพรึง เขาไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แต่ยิ่งเขาก้าวเดินไปด้านหน้าเพียงใด ร่างกายเขาจะรับรู้ถึงความเจ็บปวดจากพลังงานโหดร้ายนานาชนิดที่เจาะเข้าสู่ในร่าง ตัวเขาแทบไม่มีทางต่อต้านพลังนี้ไว้ได้!
“เสี่ยวหยุน พลังของช่องว่างกาลอวกาศไม่อาจสกัดต้านไว้ ระหว่างที่ไปมาในช่องว่างนี้ มันจะปรากฏขึ้นในร่างกายเจ้า!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “อดทนไว้ และเร่งรีบผ่านมันไป!”
ฉินหยุนกัดฟันแน่น ก้าวเดินออกไปทางด้านหน้า ทุกย่างก้าว เขาจะต้องแบกรับความเจ็บปวดมากล้น นับเป็นโชคดีที่เขาฝึกฝนร่างเซียนอสูร กระบวนการมันไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ยังทำให้เขาได้ครอบครองเจตจิตอันแรงกล้า สำหรับเขาแล้ว ความเจ็บปวดเหล่านี้แทบไม่นับเป็นอะไร ฉินหยุนกล้ำกลืนอดทนขณะเร่งรีบผ่านช่องว่างกาลอวกาศ
เขาไม่อาจทราบว่าวิ่งมาไกลเพียงใดแล้ว เพียงแต่ทราบ ว่าที่สุดปลายของช่องว่างนี้จะทำให้เขากลับสู่แดนวิญญาณอ้างว้างได้
“เจ็บ!” ฉินหยุนที่วิ่งไป มันราวกับมีเข็มนับหมื่นทิ่มแทงร่างกาย ทุกย่างก้าว ร่างกายของเขาจะต้องประสบแต่ความเจ็บปวด
ครั้งที่ฝึกฝนร่างเซียนอสูร เขาได้มีประสบการณ์ความเจ็บปวดไม่รู้จบมาแล้ว กระนั้น ตอนนี้เขาก็ได้แต่เพียงกรีดร้องออกมา
“มันจะยังไกลอีกเพียงใดกัน?” ระหว่างฉินหยุนพุ่งทะยานไป เขาไม่คล้ายพบเห็นสุดปลาย ตัวเขาเริ่มเกิดความท้อถอย
“อีกไม่นาน!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนออกวิ่งอยู่หลายวัน สุดท้ายแล้วเขาค่อยรับรู้ได้ว่าชนอะไรบางอย่างเข้า จากนั้น ที่ตรงหน้าของเขา มันมีแสงสว่างปรากฏวูบเข้ามา ไม่ช้า พลังวิญญาณเก้าตะวันอันคุ้นเคยของแดนวิญญาณอ้างว้างจึงปรากฏให้เห็น ความยินดีแทบล้นทะลักภายในใจเขา
“ในที่สุดก็ออกมาได้!” ฉินหยุนมองที่เก้าดวงตะวันด้านบนฟากฟ้า พร้อมรู้สึกว่าพวกมันคล้ายใหญ่กว่าแต่ก่อน
“ตัวเจ้าอยู่บนฟ้าสูง!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ตอนนี้ พลังกาลอวกาศได้สลายหายจากฉินหยุนหมดสิ้น ฉินหยุนจึงร่วงหล่นสู่เบื้องล่างรวดเร็ว ด้วยเพราะบาดเจ็บ ทำให้ฉินหยุนไม่อาจเร่งรีบควบคุมการลอยตัวไว้ได้ทัน
ตู้ม!
“โอย!” ฉินหยุนโอดครวญออกมา
สถานที่ซึ่งเขาร่วงหล่น คือดินแดนรกร้าง กระนั้น ที่นี่ก็มีสัตว์อยู่อาศัยให้เห็น มันเป็นจระเข้หรือสัตว์เลื้อยคลานประเภทหนึ่ง ร่างมันมีหนามปกคลุม ฉินหยุนที่ร่วงหล่นลงมา หนามจำนวนหนึ่งบนหลังสัตว์อสูรจึงหักออก ผลลัพธ์ที่ได้ สัตว์อสูรร่างใหญ่ยักษ์นี้จึงร่างแนบกับพื้นพร้อมร้องออกมา ฉินหยุนครอบครองร่างเซียนอสูร ดังนั้นยามร่วงหล่นจากฟ้า เขาจึงสร้างแรงปะทะอย่างมหาศาล
“เร่งรีบขึ้นมา!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกน
ไม่นานนัก ฉินหยุนจึงได้ยินเสียงสารพัดการโจมตีพุ่งเข้าใส่
“อาจารย์ อย่าได้โจมตีบุคคลตรงนั้น! เขายังไม่ตาย!” ชายหนุ่มร้องตะโกน
“ข้าหรือจะสน เร่งรีบสังหารสัตว์อสูรนั่นได้แล้ว เจ้านั่นมีมูลค่าเทียบเท่าห้าแสนเหรียญม่วง!” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งหัวเราะดัง
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนรับรู้ได้ ว่าร่างกายโดนโจมตีโดยพลังสารพัดชนิด ส่วนใหญ่เป็นพลังเต๋าลึกล้ำของขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ
สุดท้ายแล้ว สัตว์อสูรจึงถูกสังหาร และฉินหยุนที่โดนโจมตีใส่ สภาพตอนนี้จึงย่ำแย่ กลุ่มที่ออกล่าสัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนตื่นตะลึง เพราะฉินหยุนไม่ตาย นอกจากนี้ ระหว่างที่ร่วงหล่น ฉินหยุนยังปะทะอย่างหนักหน่วงจนหนามยาวบนตัวจระเข้หักไปมาก กระนั้นแล้ว ร่างกายกลับไม่ถูกหนามพวกนั้นแทงทะลุ
“ชายผู้นี้สวมใส่ชุดเกราะไว้หรือ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยสายตาละโมบ
“เสื้อผ้าสภาพย่ำแย่เพียงนั้น จะนับเป็นชุดเกราะสมบัติวิเศษใดได้?” สตรีชุดแดงที่ได้เห็นฉินหยุนในสภาพเวทนา นางกล่าวออกด้วยอาการปวดใจ
ฉินหยุนฟื้นฟูตนเองได้รวดเร็วมากล้ำ อาการบาดเจ็บทั้งภายในและภายนอกสามารถรักษาหายอย่างรวดเร็ว สตรีชุดแดงผู้นี้ไม่งดงามเท่าใดนัก ใบหน้าของนางค่อนข้างกลม ดวงตาใหญ่ แม้นางไม่งดงาม กระนั้นดวงตากลับอ่อนโยนและห่วงหา
“ข้าสบายดี!” ฉินหยุนค่อยลุกยืนขึ้น แต่แล้วเขากลับรู้สึกถึงความเจ็บปวดมากมายภายในร่าง
ตอนนี้ ฉินหยุนสภาพดูไม่จืด เส้นผมก็ยุ่งเหยิง แทบไม่ต่างอะไรกับขอทานข้างถนน
“พี่ชาย เหตุใดจึงร่วงหล่นลงมาเช่นนี้เล่า?” สตรีชุดแดงเอ่ยถามเสียงเบา
“ข้าเองก็ไม่ทราบ เพียงบินอยู่ก็ร่วงหล่นลงมา! ขอบคุณที่ห่วงหาแล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะตอบคำ “จริงด้วย ที่นี่คือที่ใด? และอยู่แคว้นใด?”
“แคว้นมหาดวงดาว!” สตรีชุดแดงตอบคำ
“วิเศษนัก!” ฉินหยุนเป็นกังวลว่าจะไปตกยังสถานที่ไกลห่าง ไม่อย่างนั้น เขาต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งกว่าจะกลับสู่แคว้นมหาดวงดาวได้
ผู้อื่นกำลังจัดการสัตว์อสูร มีแต่สตรีชุดแดงที่เข้ามาพูดคุยกับฉินหยุน พวกเขาเหล่านั้นนึกรังเกียจอีกฝ่าย อย่างไรแล้ว ฉินหยุนก็สภาพดูไม่ได้ นอกจากนี้ยังดูยากจนข้นแค้น พละกำลังก็ไม่คล้ายมีอันใดดีเท่าใดนัก เรื่องแปลกคือยามเมื่อร่วงหล่นลงมาปะทะสัตว์อสูร หนามแหลมคมเหล่านั้นกลับไม่ทะลุทะลวงผ่านร่าง
ฉินหยุนและสตรีชุดแดงนั่งพักอยู่ด้านข้าง อย่างกะทันหัน ห่าฝนลูกธนูพลันโบยบินมาจากระยะไกล!
ฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!
ลูกธนูนับพันร่วงหล่นประหนึ่งสายฝนโปรยปราย ในพริบตา หลายคนถูกแทงทะลุผ่านร่าง
ยามเมื่อสตรีชุดแดงได้เห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้น นางหวาดกลัวจนถึงขั้นพูดกล่าวไม่ออก นางทั้งหวาดกลัวและโศกเศร้า เพราะผู้คนเหล่านั้น คือศิษย์พี่และอาจารย์ของนาง