Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 756 : งานชุมนุมยุทธ์ดาบ
ฉินหยุนนั่งอยู่ข้างสตรีชุดแดง ด้วยเหตุนี้ ยามที่ลูกธนูยิงเข้าใส่ เขาจึงปลดปล่อยม่านพลังขวางกั้น ฉินหยุนหาได้แปลกใจใดไม่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สัตว์อสูรตัวเมื่อครู่มีคุณภาพที่ดี มูลค่าถึงหลายแสนเหรียญม่วง เป็นปกติที่ผู้อื่นจะจับจ้องพร้อมเข้าปล้นชิง
ฉินหยุนคว้าร่างสตรีชุดแดงไว้พร้อมกล่าว “อย่าเพิ่งแตกตื่น!”
สตรีชุดแดงเวลานี้หลั่งน้ำตาออกเป็นสาย โดยเฉพาะยามที่ได้เห็นสภาพชวนสังเวชของอาจารย์และศิษย์พี่ของนาง มันยิ่งทำให้นางทั้งหวาดกลัวและโศกเศร้า
กลุ่มคนที่โผล่พรวดอย่างกะทันหัน พวกเขาเหล่านี้หลบซ่อนตัวด้านหลังโขดหินใหญ่ไกลออกไป จำนวนรวมแล้วมีนับร้อย
“วิเศษนัก! พวกเราไม่ต้องลงแรงใดก็ล่าสัตว์อสูรมูลค่าหลายแสนเหรียญม่วงมาได้ ทั้งยังได้ปล้นชิงของจากร่างพวกมัน!”
ชายไว้หนวดเคราผิวเข้มหัวเราะดังสนั่น
“ลูกพี่ ยังมีสองคนอยู่ตรงนั้น!” ชายวัยกลางคนหัวเราะชั่วร้าย
“สตรีนั่นไม่คล้ายดูดีเท่าใดนัก ผู้ชายนั่นก็คล้ายสวะตัวหนึ่ง ไปจับพวกมันมา สังหารและกินเนื้อพวกมัน อย่างน้อยก็น่าจะพออร่อยได้บ้าง!” ชายไว้หนวดเครามองฉินหยุนและสตรีชุดแดงด้วยใบหน้านึกรังเกียจ
ฉินหยุนย่อมสัมผัสได้ ว่ากลุ่มคนที่พุ่งทะยานมามีออร่าอสูร เหล่านี้คือผู้ฝึกตนอสูร ลูกพี่ของคนกลุ่มนี้คือขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ฉินหยุนหาได้หวั่นเกรงอีกฝ่ายแต่อย่างใดไม่ ทว่าสตรีชุดแดงข้างกายเขา เวลานี้นางร่างสั่นเทิ้มเพราะทราบ ว่าอีกฝ่ายคือพวกอาชญากรที่กินคน
“พี่ชาย รีบไปเร็วเข้า ข้าจะพยายามต้านพวกมันเอาไว้!” สตรีชุดแดงเอ่ยคำเสียงเบา น้ำเสียงของนางสั่นเครือ
ฉินหยุนประทับใจไม่น้อย เพราะสตรีชุดแดงเผชิญเรื่องหนักหนา กระนั้นนางยังมีใจคิดอยากปกป้องตัวเขา
“พวกเราจะไม่เป็นไร!” ฉินหยุนยิ้มให้สตรีชุดแดงพร้อมปล่อยมีดบินออก
ขณะคิดโจมตี กลุ่มออร่านับสิบพลันเข้ามา! คนอีกกลุ่มหนึ่งได้มายังที่นี่!
“ลูกพี่ นั่นเป็นพวกจากเกาะจันทราปีศาจ!” ชายวัยกลางคนร้องตะโกน
แน่นอนว่า อีกฝ่ายเป็นกลุ่มสตรีสวมใส่ชุดรัดรูปสีแดง ด้วยอาวุธในมือ พวกนางพุ่งทะยานมาดุดันประหนึ่งเปลวเพลิง
พวกนางพุ่งเข้าหากลุ่มคนร้ายพร้อมเริ่มล้างสังหาร ทุกคนล้วนมีรูปลักษณ์เป็นสตรีผู้งดงาม กระนั้นยามเมื่อลงมือสังหารวายร้ายเหล่านี้ พวกนางหาได้ปรานีใดไม่ แม้ฉินหยุนไม่ต้องลงมือใด เขาก็ยังคงระมัดระวังตัวไว้ มีดบินยังอยู่ในการควบคุมเพื่อเตรียมรับมือ
เขาไม่ต้องการได้เห็นสตรีข้างกายต้องได้รับบาดเจ็บ ยามเมื่อสตรีชุดแดงข้างกายเขาได้เห็นผู้อื่นมาช่วยเหลือ นางค่อยโล่งใจ เพียงไม่นาน กลุ่มคนร้ายจึงถูกสังหารกันครบถ้วน
ฉินหยุนนั่งอยู่ใกล้เคียงพร้อมพูดกล่าวพลางหัวเราะ “ข้าเดิมคิดอยากได้แสดงกำลังบ้าง แต่คล้ายคงไม่จำเป็นแล้ว!”
“พวกมันเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ฝึกตนอสูร พวกเราตามรอยมันมานานยิ่งนักแล้ว! เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” สตรีวัยกลางคนก้าวเดินมา นางถามพลางมองฉินหยุนและสตรีชุดแดง
“ข้าไม่เป็นไร!” ฉินหยุนตอบ
สตรีชุดแดงปาดเช็ดคราบน้ำตาพร้อมส่ายศีรษะ
สตรีหลายคนก้าวเดินมา สายตามองที่ฉินหยุนและถาม “เจ้าคือ?”
“ข้า… ข้าเพียงผ่านมาแล้วบังเอิญได้รับบาดเจ็บ แล้วก็เป็นสตรีท่านนี้ช่วยเหลือไว้!” ฉินหยุนเร่งรีบอธิบาย “และสตรีท่านนี้ก็เป็นคนของนักล่ากลุ่มนั้น!”
“พวกเขาเป็นอาจารย์และศิษย์พี่ของข้า กระนั้นตอนนี้กลับตายหมดสิ้นแล้ว” สตรีชุดแดงพยายามกลั้นน้ำตาจนถึงขนาดที่ร่างกายต้องสั่น
ทันใดนี้เอง สตรีจากเกาะจันทราปีศาจจึงดึงสตรีชุดแดงเข้าไปปลอบประโลม
กระนั้น พวกนางหาได้ปลอบฉินหยุนไม่ แต่ละคนล้วนมองเขาด้วยท่าทีสงสัย
“เจ้าเป็นใครกันแน่!” สตรีวัยกลางคนเอ่ยถามย้ำ
“ก็ได้ ข้าไม่ปิดบังแล้วก็ได้ ข้าคือฉินหยุน!” ฉินหยุนประกาศด้วยเสียงอันดัง สัมพันธ์ที่เขามีกับเกาะจันทราปีศาจกล่าวได้ว่าดีเยี่ยม
“เจ้าคือฉินหยุน?” สตรีวัยกลางคนอดไม่ได้จนหัวเราะออก “แต่จากที่พวกเราเห็น เจ้าไม่คล้ายเขาสักนิด ฉินหยุนหายตัวไปหกปีก่อน ครานี้จะปรากฏตัวอย่างกะทันหันอย่างนั้นหรือ?”
หกปี?
ฉินหยุนนิ่งอึ้ง!
เขาจำได้ ว่าตนเองอยู่ที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬเพียงแค่สองปี!
“บ้าฉิบ ต้องเป็นเพราะช่องว่างกาลอวกาศนั่น!” เขาสบถดังในใจ
เขาไม่ได้เสียเวลาในช่องว่างกาลอวกาศมากมายเท่าใดนัก กระนั้น มันก็ยังผ่านไปแล้วถึงหลายปี
สตรีผู้อื่นมาถึง พวกนางต่างหัวเราะใส่ฉินหยุน
“ฉินหยุนหล่อเหลา ดูเจ้าไม่ต่างอะไรกับเพิ่งจมบ่อโคลนมา!”
“ถูกต้องแล้ว! นี่ไม่คล้ายหล่อเหลาดังที่ร่ำลือกัน!”
“ดวงตานับว่าดี ทว่าใบหน้าเปรอะเปื้อนไปบ้าง ทั้งยังบาดเจ็บ!”
“หรือจะเป็นคนชื่อแซ่เดียวกัน?”
กลุ่มคนเริ่มพูดคุยกันเองอย่างออกรส
“ข้าคือฉินหยุนที่หายตัวไป!” ฉินหยุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“เจ้าหรือคือฉินหยุน?” สตรีวัยกลางคนจ้องมองฉินหยุนพร้อมขมวดคิ้ว “ฉินหยุนครอบครองโทเทมราชสีห์สวรรค์ เขาทราบวิธีใช้วิชายุทธ์โทเทมราชสีห์สวรรค์!”
ฉินหยุนบุ้ยปากพลางใช้กรงเล็บราชสีห์สวรรค์ เขาปลดปล่อยกรงเล็บราชสีห์ทรงอำนาจออกมา
ได้เห็นเช่นนี้ สตรีของเกาะจันทราปีศาจต่างต้องทึ่ง
“ครานี้เชื่อหรือยังว่าข้าคือฉินหยุน?” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ข้าเพิ่งกลับมาจากเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เพราะเหตุนั้นสภาพจึงเป็นเช่นนี้!”
ศิษย์หญิงแต่ละคนของเกาะจันทราปีศาจต่างโห่ร้องดังออกมา นอกจากนี้ พวกนางยังวนเวียนรอบตัวฉินหยุน ทั้งยังไม่เกรงเรื่องที่เขาค่อนข้างสกปรกไปบ้าง และยังชี้แนะให้เขาเข้าร่วมเกาะจันทราปีศาจ เพื่อเป็นศิษย์ของเกาะจันทราปีศาจ
ฉินหยุนโดนพวกนางฉุดไปมาอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก่อนเรื่องราวจะสงบลงได้
ถึงตอนนี้ ฉินหยุนค่อยได้ทราบ ว่าหลังเหตุการณ์ที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ โครงสร้างของแดนวิญญาณอ้างว้างได้แปรเปลี่ยนครั้งใหญ่
สำนักและตระกูลใหญ่ของหลายแคว้นได้ก่อตั้งเป็นพันธมิตร หยางฉีเย่ว์ตกเป็นเป้าหมายของคนมากมาย ด้วยเหตุนี้ เกาะจันทราปีศาจจึงจัดตั้งพันธมิตรร่วมกับตำหนักเซียนดาบ และนครเซียนยุทธภัณฑ์ เช่นนี้ กองกำลังอื่นจะไม่หาญกล้าแตะต้องเกาะจันทราปีศาจ
เวลานี้ ผู้คนล้วนเชื่อ ว่าจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวคงอยู่ภายในเกาะจันทราปีศาจ รวมถึงสิ่งล้ำค่าเลิศล้ำอย่างต้นกำเนิดเซียนจันทรา แต่ละกองกำลังจากเขตแดนลึกล้ำล้วนส่งคนมาเพื่อเจรจาขอซื้อจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวด้วยราคาสูงล้ำ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บรรดาศิษย์เลิศล้ำของแต่ละกองกำลังต่างก้าวหน้าอย่างทะยานฟ้า
สาเหตุก็เพราะ ไม่นานหลังดวงดาวร่วงหล่นจากเหตุการณ์เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ ทรัพยากรมากมายมหาศาล รวมถึงดวงดาวอสูรได้ร่วงหล่นลงมา แกนกลางดวงดาวของดวงดาวอสูรเหล่านั้นมีพลังงานประหลาด ที่ช่วยให้ผู้คนก้าวหน้าได้อย่างทะยานฟ้า
“ฉินหยุน ข้าได้ยินว่าในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬล่มสลาย แล้วเจ้าเอาชีวิตรอดจากที่แห่งนั้นได้อย่างไร?” สตรีงดงามผู้หนึ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ฉินหยุนดื่มน้ำผลไม้ไปอึกใหญ่พร้อมถอนหายใจ “ข้าอยู่ที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬถึงสองปีเพื่อค้นหาทางออก! ภายหลังค่อยพบทางออก มันเป็นช่องว่างกาลอวกาศ ข้าอยู่ในช่องว่างกาลอวกาศนั้นเพียงไม่กี่วัน แต่แล้วที่ภายนอก มันกลับผ่านไปถึงหลายปี!”
“สุดท้ายแล้ว ข้าจึงร่วงหล่นมาจากที่ด้านบนนั้น!”
ผู้นำกลุ่มซึ่งเป็นสตรีวัยกลางคนกล่าว “ฉินหยุน พวกเราจะไปยังตำหนักเซียนดาบ เพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบ!”
“ตำหนักเซียนดาบได้สร้างแผ่นดินขึ้นอีกชั้นหนึ่งลอยเหนือเกาะ ตอนนี้ จึงกลายเป็นสองเกาะลอยตัวอยู่ และตำหนักเซียนดาบได้ย้ายตัวเองสู่ชั้นด้านบน ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญพวกเราไปเข้าร่วมงาน!”
“ตำหนักเซียนดาบได้รับต้นกำเนิดเซียนดวงดาวมาจำนวนหนึ่ง รายงานกล่าวว่ามันทรงพลังอำนาจยิ่งกว่าต้นกำเนิดเซียน ด้วยเหตุนี้ หลายปีที่ผ่านมาพวกเขาจึงเติบโตรวดเร็ว พวกเขากล่าวขานกัน ว่าตนเองเป็นสำนักเซียนซึ่งทรงอำนาจที่สุด!”
“ฉินหยุน ในงานชุมนุมยุทธ์ดาบย่อมมีงานประลองขันแข่ง! หากเจ้าไป บางทีอาจ…” สตรีผู้หนึ่งกล่าวจนถึงตรงนี้ นางไม่กล่าวคำอื่นใดอีก
เพราะฉินหยุนมีกำแพงเป็นช่วงเวลาที่ขาดหายถึงหลายปี
“ตำหนักเซียนดาบ เจี้ยนหนันหู่ผู้นั้นฝึกฝนถึงระดับใดแล้ว?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ยอดยุทธ์ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ทั้งยังฝึกฝนวิชาดาบเจ็ดดาวที่แข็งแกร่ง มันคือวิชายุทธ์อันเลิศล้ำ!” สตรีอีกคนหนึ่งตอบคำ
“พวกเขาก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ได้อย่างไรกัน?” ใบหน้าฉินหยุนเผยความโศก ตัวเขาถูกทิ้งไว้ล้าหลังอย่างมหาศาล
“ฉินหยุน พวกเราจะไปยังตำหนักเซียนดาบ เจ้าคิดร่วมทางไปด้วยหรือไม่?” สตรีวัยกลางคนกล่าวถาม
“ย่อมไป! ทว่า พวกเจ้ารบกวนเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าได้ให้ผู้อื่นทราบว่าข้าคือฉินหยุน! ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกมันคงคิดอยากจับตัวข้าไปข่มขู่พี่หยางอีกเป็นแน่!” ฉินหยุนกล่าว
“พี่หยางเองก็ไปเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบเช่นกัน นางอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำแล้ว และยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเอาชนะเจี้ยนหนันหู่ได้!”
สตรีทั้งหลายที่นี้เริ่มพูดคุยกันถึงงานชุมนุมยุทธ์ดาบ
เพราะงานประลองยุทธ์ครั้งล่าสุด ทำให้เกาะจันทราปีศาจชนะได้รับต้นกำเนิดเซียนมา
“ฉินหยุน สถานะศิษย์ของเกาะจันทราปีศาจเราต้องเก็บเป็นความลับ มีหลายกองกำลังที่คิดอยากจัดการกับพวกเรา!”
“ได้ อย่างนั้นพวกเราแบ่งออกเป็นหลายกลุ่มกันชั่วคราว!”
“แล้วเชี่ยวเย่ว์หลานเล่า? นางจะเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม
“ศิษย์น้องเย่ว์หลานไม่ได้เข้าร่วม นางกำลังเก็บตัวฝึกฝน! ศิษย์น้องเย่ว์หลานตั้งใจกับการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้มาก!” สตรีวัยกลางคนกล่าวตอบ
“อืม… อย่างนั้นข้ายังไม่ไป ข้าจะกลับนครเซียนยุทธภัณฑ์ก่อน!” ฉินหยุนกล่าว
ฉินหยุนไม่เข้าร่วม พวกนางล้วนเกิดนึกเสียดาย กระนั้น พวกนางก็เข้าใจในเหตุผลของอีกฝ่าย
เช้าตรู่วันถัดมา ฉินหยุนชำระกายจนสะอาดสะอ้าน บาดแผลหายดีหมดสิ้น หลังเปลี่ยนสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดเรียบร้อย เขาจึงกลับมาหล่อเหลาและมีจิตวิญญาณเปี่ยมล้น เป็นผลให้บรรดาศิษย์หญิงของเกาะจันทราปีศาจต่างต้องจับจ้อง ดวงตาพวกนางแทบเผยประกายวิบวับออกมา
ฉินหยุนติดตามกลุ่มสตรี มุ่งหน้าไปยังจุดนัดพบ ก่อนจะเตรียมแยกย้าย
“ข้าคิดเดินทางกลับนครเซียนยุทธภัณฑ์ ทุกท่าน พี่สาวทั้งหลาย ต้องลากันที่ตรงนี้แล้ว!” ขณะเขาคิดจากไป อย่างกะทันหัน เขาพลันรับรู้ได้ว่ามีคนเร่งรีบบินมา
“แย่แล้ว คนของสำนักหมื่นดวงดาว!” ศิษย์หญิงคนหนึ่งร้องอุทาน
“ช่างเป็นกลุ่มคนที่ตอแยไม่เลิก!”
ศิษย์หญิงเหล่านี้ไม่ยินดีอย่างยิ่ง
กลุ่มศิษย์จากสำนักหมื่นดวงดาวมีคนกว่าร้อย พวกเขาเหล่านี้มาเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบ
ฉินหยุนยังไม่คิดไป เขาต้องการอยู่รับชมก่อน
บรรดาศิษย์สำนักหมื่นดวงดาวต่างเคลื่อนคล้อยลงมาเชื่องช้า
“พวกเจ้าเป็นศิษย์สำนักใด?” ชายวัยกลางคนเอ่ยถาม
ขณะสตรีวัยกลางคนคิดกล่าวตอบ ฉินหยุนพลันกล่าว “พวกเรามาจากสำนักจารึก แล้วพวกเจ้าเล่ามาจากสำนักใด?”
“สำนักจารึก? นั่นเป็นสำนักชั้นสามกระมัง? เหตุใดจึงมีศิษย์หญิงมากมายเพียงนี้?” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มจับจ้องศิษย์หญิงที่งดงาม ประกายแสงโฉดชั่วปรากฏในดวงตา
“กล่าวผิดแล้ว สำนักจารึกของพวกเราหาได้ใช่สำนักชั้นสาม ทว่าเป็นสำนักที่ซ่อนตัวและไม่ยุ่งกับเรื่องทางโลก!” ฉินหยุนหัวเราะพลางกล่าว “และข้าคือจ้าวสำนักแห่งสำนักจารึก!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูจากออร่าเจ้าแล้ว ก็เพียงแค่เพิ่งฝึกฝนผลึกแก้วเต๋าวิญญาณลึกล้ำได้ ยังเป็นแค่อาจารย์ยุทธ์ที่ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงสุด กระนั้นก็ได้เป็นจ้าวสำนักแล้วหรือ?” ชายวัยกลางคนหัวเราะดัง
“สำนักจารึกของพวกเราหาได้ภาคภูมิเรื่องกำลังรบ แต่เป็นการจารึก!” ฉินหยุนยิ้มตอบ “จากที่เห็น กลุ่มคนพวกเจ้าคงแทบไม่เข้าใจวิถีจารึกเลยกระมัง?”
วิถีจารึกเป็นสิ่งลึกล้ำ ไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์ทั่วไป กระทั่งราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ ยังพบว่าเป็นเรื่องยากหากคิดสนทนาเชิงรายละเอียดลงลึก
ผู้คนจากสำนักหมื่นดวงดาวต่างเงียบงัน เพราะไม่มีผู้ใดในกลุ่มพวกเขาเข้าใจวิถีจารึก
ฉินหยุนจึงแค่นเสียง “พวกเจ้าล้วนไม่ทราบอันใดในวิถีจารึก กระนั้นกลับเยาะเย้ยพวกเราเพื่อความสำราญอย่างนั้นหรือ? ข้าขอถาม พวกเจ้าเป็นผู้คนเช่นไรกัน!”