Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 775 : ผสานรวมตะวันจันทรา
ตอนที่ 775 : ผสานรวมตะวันจันทรา
ฉินหยุนและเซี่ยวเย่ว์เหม่ยกลับไปยังห้องชุดหรูหราของเจี้ยนหลิงหลง
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยนําเอายาเหลวออกมาทําความสะอาดแผลที่ไหล่ของฉินหยุน
“พี่ชาย ท่านเจ็บหรือไม่?” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าวถามอย่างปวดใจ บาดแผลใหญ่นี้กําลังรักษาตัวเองที่ละน้อย
“ไม่เลย!” ฉินหยุนยิ้มบางให้เซี่ยวเย่ว์เหม่ย “เย่ว์เหม่ย เจ้าเองก็สงบใจมากนัก!”
ด้วยธรรมชาติของเซี่ยวเย่ว์เหม่ย การไม่ตะโกนร้องที่ตรงนั้นถือว่าแปลกมากแล้ว ฉินหยุนรู้จัก นางดีได้เห็นนางสงบเพียงนี้ เขาจึงทราบว่ามีเรื่องราวไม่ถูกต้อง
“ข้าย่อมต้องสงบ! ข้าย่อมไม่โกรธต่อกลุ่มคนตายเช่นนั้น!” เสี่ยวเย่ว์เหม่ยแค่นเสียงเบา
“เย่ว์เหม่ย เจ้าคิดวางแผนไปสังหารพวกมันเองหรือ?” ฉินหยุนพลันคว้ามือน้อยของนางไว้ และกล่าวถาม
“ใช่! ข้าจะไปสังหารพวกมันเสียเดี๋ยวนี้!” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “ผู้ใดใช้ให้พวกมันหาเรื่องท่าน!”
“เย่ว์เหม่ย พวกมันไม่ใช่รับมือได้ง่าย พวกมันมาจากเขตแดนลึกล้ำ!” ได้ เห็นเชียวเย่ว์เหม่ยสงบจนน่ากลัว ฉินหยุนย่อมตระหนักได้ว่านางคิดทําอะไร
“แล้วพวกเราจะปล่อยไปเช่นนี้หรือไร?” เซี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่ยินดี นางย่อมเชื่อฟังฉินหยุนและเขาไม่ต้องการให้นางออกไปลงมือก่อการ
“ไม่ใช่ว่าพวกเรายังมีอีกหลายวันหรอกหรือ? อีกหลายวันถัดจากนี้ ข้าจะต้องเลื่อนระดับพลังให้จงได้!” ฉินหยุนกล่าวออกด้วยสีหน้าหนักแน่น “เมื่อใดถึงเวลานั้น ข้าจะสังหารพวกมันอย่างผ่าเผยที่บนเวทีประลองยุทธ์!”
เซี่ยวเย่ว์เหม่ยถอนหายใจ “ดูเหมือนผู้คนของเขตแดนลึกล้ำจะย่างกรายมาที่นี่แล้ว ไม่แปลกใจที่ท่านยายหยุนเหยาไม่ให้พี่หยางออกห่างไปไหน”
หนึ่งในเหตุผลที่ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำมาที่นี่ ก็เพื่อจับตัวหยางฉีเย่ว์ เพราะพวกเขาเหล่านั้นเชื่อ ว่าหยางฉีเย่ว์ยังมีจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวในครอบครอง
เจี้ยนสือเทียน เปาเฉิงโจ่ว อู่ในอวี่ เจี้ยนรั่วหยาน รวมถึงเจี้ยนหนันหูต่างมาถึงหน้าประตู
“นี่ไม่ใช่ห้องชุดของหลิงหลงหรอกหรือ? ฉินหยุนถึงขั้นอยู่ที่นี่ อย่าได้บอกข้าแล้ว อย่าได้บอกว่าเซี่ยวหยุนผู้นั้นเป็นเขา!?” เจี้ยนสือเทียนร้องตระหนกตกใจ
“ต้องเป็นเขาแน่แล้ว!” เจี้ยนรั่วหยานคล้ายนึกขึ้นได้ “ข้าก็คิดว่าแปลก พี่หลิงหลงถึงกับโอนอ่อนต่อเจ้าปีศาจน้อยตัวนั้นง่ายเกินไป ทั้งยังกระทั่งมอบจูบให้!”
เจี้ยนหนันหู่ครวญครางเบา “ฉินหยุนผู้นี้ ถึงขั้นเด็ดดอกไม้หอมชมเชยไปทั่ว ทั้งยังกระทําอย่างง่ายดาย ไม่แปลกใจที่ยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำแม้ผ่านมาหลายปีแล้ว!”
หลังกล่าวคําจบ เขาจึงตวัดสายตามองเจี้ยนรั่วหยาน “น้องหยาน เจ้าดีที่สุดคือไม่เข้าไปใกล้ฉินหยุน!”
หลังได้รับฟัง เปาเฉิงโจ่วและคณะต่างสายศีรษะยิ้มให้แก่กัน
เจี้ยนสือเทียนเคาะประตูพร้อมตะโกนดัง “ฉินหยุนเป็นพวกเราเอง!”
ฉินหยุนเร่งรีบไปเปิดประตู พบเห็นเปาเฉิงโจ่วและคณะ คู่ในอวี่ยังได้เห็นเซี่ยวเย่ว์เหม่ย เวลานี้ภายในใจเขายังนับถือต่อนางอยู่ เพราะครั้งล่าสุดเซี่ยวเย่ว์เหม่ยได้ช่วยชี้แนะการฝึกฝนให้แก่เขา
“เจ้าปีศาจน้อย เป็นเจ้าที่นําอักขระตะวันของตระกูลเจี้ยนเราไป!” เจี้ยนสือเทียนเข้ามาพร้อมหัวเราะเบา
“ฉินหยุน เหมือนเจ้าจะกลับมาได้พักหนึ่งแล้วสินะ” เปาเฉิงโจ่วหัวเราะออกเช่นกัน
ฉินหยุนได้เห็นบรรดาผู้อาวุโสมาถึง เขาจึงเชื้อเชิญอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท หลังเข้ามานั่งกันเรียบร้อย พวกเขาจึงสอบถามถึงอาการบาดเจ็บ ตัวฉินหยุนไม่ได้บาดเจ็บร้ายแรงใด ทว่าความโกรธนั้นต่างหากจึงร้ายแรง!
เปาเฉิงโจ่วและผู้อื่นยังสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ จนกระทั่งพอใจพวกเขาจึงเดินทางกลับ เจี้ยนหนันหูและเจี้ยนรั่วหยานต่างกลับเช่นกัน เพราะทั้งสองยังต้องไปลงทะเบียน
ฟ้าสาง เจี้ยนหลิงหลงกลับมา นางได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นต่อฉินหยุน ผู้คนล้วนพูดคุยกันทั่วทั้งเกาะแห่งดาบ ถึงสิ่งที่คณะกลุ่มคนของหลงเฉิงขวงกระทําหยามเหยียดต่อฉินหยุนเพียงใด และเป็นฉินหยุนที่ยอมกล้ำกลืนเพราะระดับการฝึกฝนที่ต่ำต้อยกว่า
หลังเจี้ยนหลิงหลงได้ทราบถึงอาการบาดเจ็บของฉินหยุน นางแทบทะยานร่างกลับมายังที่นี่ เป็นนางเดือดแค้นประหนึ่งภูเขาไฟพร้อมระเบิดออกทุกเมื่อตัวนางเวลานี้ กําลังสะกดกลั้นความโกรธเกรี้ยวอันไม่มีสิ้นสุดไว้
นางพอกลับมาได้พบฉินหยุน จึงตรงเข้าฉีกกระชากเสื้อผ้าเขาพร้อมพิจารณาอาการบาดเจ็บ นางกล่าวออกอย่างเดือดแค้น “หลงเฉิงขวงงั้นหรือ? ข้าผู้นี้จะออกไปสับหันร่างมันออกเป็นชิ้นแล้วโยนให้สุนัขได้กัดกินเนื้อมัน!”
“พี่หลิงหลง หากท่านไป ก็เท่ากับต้องสู้กับทั้งตระกูลหลง งานชุมนุมยุทธ์ดาบนี้เป็นการประขันระหว่างตระกูลเจี้ยนและตระกูลหลง ตระกูลหลงย่อมต้องส่งครึ่งเซียนมาเข้าร่วม!” ฉินหยุนกล่าว
เจี้ยนหลิงหลงที่สงบใจและพิจารณาอีกครั้ง จึงค่อยทราบว่าตัวนางเพียงลําพังยังไม่อาจสั่นคลอนต่อทั้งตระกูลหลงได้
“เขตแดนลึกล้ำช่วยเหลือตระกูลหลงในเบื้องหลัง หลงเฉิงขวงผู้นั้นก็มาจากเขตแดนลึกล้ำ ครานี้สมควรต้องมีผู้ช่วยเหลือของเขตแดนลึกล้ำร่วมทางมาด้วยแน่” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“พี่หลิงหลง นี่เหรียญผลึกม่วง รบกวนท่านไปซื้อผลึกแก้วแกนกลางปริมาณมากมาให้แล้ว” ฉินหยุนกล่าว
“ได้” เจี้ยนหลิงหลงรับเหรียญผลึกม่วงมา ก่อนจะเร่งร้อนจากไป
ไม่นานจากนั้น สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และเชี่ยวเสวียนฉินต่างมาถึง พวกนางยังนํายารักษาจากหยางฉีเย่ว์มาด้วย นี่ก็เพื่อช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ฉินหยุน
“ฉินหยุน ฉีเย่ว์เองก็จะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ครั้งนี้ด้วย! นางกล่าวว่าต้องการล้างแค้นให้แก่เจ้า!” เชี่ยวเสวียนฉินกล่าว
“ยังต้องมีเหตุผลอื่นอีกกระมังที่พี่หยางเข้าร่วมงานประลองยุทธ์เช่นนี้? ด้วยธรรมชาติของพี่ หยางย่อมไม่ชื่นชอบเข้าร่วมการแข่งขันเช่นนี้” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“นางกล่าว ว่าต้องการเอาชนะคนของเขตแดนลึกล้ำและตระกูลหลงในงานประลองยุทธ์ ย้อนกลับไปครั้งนางอยู่ที่เทือกเขานิราศจันทรา นางได้รับบาดเจ็บก็เพราะคนของตระกูลหลง และตอนนี้ นางก็ตกเป็นเป้าของเขตแดนลึกล้ำ นางจึงคิดอยากยืนหยัดต่อสู้” สุ่ยเทียนสื่อถอนหายใจเบา
“ตระกูลหลงช่างบัดซบยิ่งนัก!” ฉินหยุนกําหมัดไว้แน่น ตัวเขาเป็นกังวลว่าหยางฉีเย่ว์จะไม่อาจทัดเทียมคนของเขตแดนลึกล้ำได้
“ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำมีทรัพยากรมากล้น วิธีการฝึกฝนก็เหนือล้ำยิ่งกว่า พละกําลังพวกเขา จึงมากมายยิ่งกว่า!” สื่อชิงเฉิงกล่าว
ระยะเวลาการลงทะเบียนเหลืออยู่ห้าวัน ฉินหยุนคิดอยากไปลงทะเบียนก็หลังจากเลื่อนระดับพลังได้ เจี้ยนหลิงหลงกลับมาหลังซื้อหาผลึกแก้วแกนกลางจํานวนมหาศาลด้วยราคาสูงลิ่ว คุณภาพของผลึกแก้วแกนกลางเหล่านี้ค่อนข้างทั่วไป กระนั้นก็ได้มาจํานวนมหาศาล ห้องลับเวลานี้ กลับกลายเป็นอัดแน่นด้วยกองผลึกแก้วแกนกลาง
“เริ่มกันได้แล้ว!”
ฉินหยุนและสตรีทั้งหลายต่างนั่งเป็นวงล้อมจับมือกันและกันเอาไว้ ยามเมื่อฉินหยุนดูดกลืนพลังงานภายในผลึกแก้วแกนกลาง เขาจะลอบโคจรมันด้วยวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เชียนอสูร
เขายังใช้วิญญาณเทวะเก้าตะวัน เพื่อชักนําพลังดวงตะวันทั้งเก้าประเภทออกจากผลึกแก้วแกนกลาง หลังพลังงานไหลเวียนสู่ร่างกาย เขาจะโคจรพวกมันผ่านวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูร และเมื่อนั้น มันคือการเพิ่มแบบเท่าทวีของพลัง ฉินหยุนทราบดีว่าใจความสําคัญของวิชาร่างศักดิ์ สิทธิ์เซียนอสูรมีเพียงหนึ่งคํานั่นก็คือ “ความเจ็บปวด!”
พลังงานที่เขาดูดกลืนตลอดช่วงเวลาก่อนหน้านี้ กล่าวได้ว่าอ่อนจาง ด้วยการปรับเปลี่ยนใหม่ พลังถูกส่งถ่ายต่อไปยังเซี่ยวเย่ว์เหม่ย และเซี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ได้รับพลัง นางตระหนักได้ถึงบางสิ่ง ผิดแผก มันแข็งแกร่งขึ้นและยังมีพลังงานประเภทอื่นอัดแน่นมา มันคือสิ่งที่เสริมแกร่งแก่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่พลังงานผสานในกายนาง มันจึงยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ถัดจากนั้นนางจึงส่งต่อพลังงานที่เพิ่มพูนแล้วต่อไปยังสื่อชิงเฉิง ถัดจากนั้นจึงเป็นสุ่ยเทียนสื่อ และเชี่ยวเสวียนฉินตามลําดับ กระทั่งถึงครั้งที่ส่งถ่ายไปยังร่างเจี้ยนหลิงหลง มันก็แข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าตัวแล้ว มันถึงขั้นขนาดที่จักรพรรดิยุทธ์เช่นเจี้ยนหลิงหลง ยังต้องสัมผัสได้ถึงประโยชน์มหาศาลของพลังงานนี้
ท้ายที่สุด เมื่อพลังงานกลับคืนสู่กายของฉินหยุน มันทําให้เขารับรู้ว่าพลังงานที่ออกจากร่างกายของเขาตอนแรก มันเปรียบดังห้วยน้ําไหลเล็กน้อย และที่กลับคืนมามันประหนึ่งเป็นแม่น้ำ ใหญ่อันเชี่ยวกราก มันทะลักล้นเข้าใส่กายเขา!
“อึก” ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องคํารามร้องเจ็บปวดออกมา
“เจ้าไหวหรือไม่?” เจี้ยนหลิงหลงกล่าวถาม แม้จักรพรรดิยุทธ์เช่นนาง ยังรู้สึกว่าพลังนี้แข็งแกร่งเกินไป
“ข้ายังทนได้” เฉินหยุนนึกถึงเรื่องราว หากหยางฉีเย่วเผชิญหน้าหลงเฉิงขวงคิ้วของเขากลับกลายเป็นขมวด กระบวนการดําเนินต่อไป
ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลง ต่างใช้เหรียญผลึกม่วงหลายร้อยล้านเพื่อซื้อหาเป็นผลึกแก้วแกนกลางมากองแล้วกองเล่าถูกใช้งาน ไม่ทราบว่ามันยังต้องใช้งานอีกมากมายเพียงใด และสิ่งหนึ่งที่ไม่คาดคิด คือในช่วงระยะเวลาไม่กี่วันนี้สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และเชี่ยวเสวียนฉิน พวกนางถึงกับสําเร็จการฝึกฝนร่างเซียน! กระทั่งเจี้ยนหลิงหลงยังมีความคืบหน้าทางการฝึกฝนอย่างก้าวทะยาน
และเวลานี้ ร่างกายของฉินหยุนกําลังเผยลําแสงเจิดจ้าถึงเก้าสีทะลักออก เขานั่งนิ่งกับพื้นดวงตาหลับลง จิตใจถูกผนึก ตัวเขาไม่อาจรับรู้ถึงเรื่องราวภายนอกอีกต่อไป
เชียวเย่ว์เหม่ยกล่าวคําเสียงเบา “ลําแสงเก้าสีปรากฏที่ร่างพี่ชายนี้ย่อมต้องเป็นพลังงานตะวันเก้าประเภท! ไม่ใช่ว่าพี่ชายมีหนึ่งชีพจรวิญญาณหรือ?”
“ออกไปกันก่อนดีกว่า ให้เขาได้เก็บตัวสงบเพื่อเลื่อนระดับ!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
หลังจากที่กลุ่มหญิงสาวออกจากห้อง จึงมีแต่ฉินหยุนที่คงอยู่ สาเหตุว่าฉินหยุนทําไมจึงอยู่สภาพคล้ายหลับ ก็เพราะแก่นเต๋ตะวันทมิฬของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ปกติขึ้นมา
ย้อนกลับไปครั้งเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เขาได้พบจันทราทมิฬ และผนึกมันเอาไว้ภายใน แก่นเต๋ตะวันทมิฬ และตอนนี้เอง จันทราทมิฬได้ออกมานอกแก่นเต่าตะวันทมิฬ เข้าสู่จิตใจของ เขามันกลืนกินจิตแปรสภาพจันทรา ตอนนี้ จิตใจของเขาหาได้ใช่จันทราที่อ่อนแสงเช่นก่อนหน้า ทว่ามันกลับกลายเป็นจันทราทมิฬ!
“จิตของเจ้าเป็นจันทราทมิฬ แก่นเต๋ก็เป็นตะวันทมิฬ! นี่ถือเป็นการคู่ผสมกันอย่างยอด เยี่ยม! หยินและหยาง คือตัวแทนของอสูรและเซียน บางทีนี่อาจทําให้เจ้าสามารถฝึกฝนร่างศักดิ์ สิทธิ์เซียนอสูรได้ง่ายดายมากขึ้น!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวอย่างนึกถึง “ไม่แปลกใจที่เจ้าต้องดูดกลืนผลึกแก้วแกนกลางมหาศาลเพียงนั้น เพราะเจ้าต้องแบกรับทั้งจันทราทมิฬและตะวันทมิฬ”
ฉินหยุนได้ควบแน่นแก่นเตําลึกล้ำขึ้นมา นี่คือตะวันทมิฬอย่างไม่ต้องสงสัย!
“เจ้าได้ฝึกฝนตะวันทมิฬก่อนเวลาเช่นนี้! ข้าเองไม่ทราบแล้วว่านี่คือเรื่องดีหรือแย่!” หลิงหยุนเอ่อคือวิญญาณเต่ตะวันทมิฬ กระทั่งนางเอง ก็ไม่คิดว่าเรื่องราวจะเกิดขึ้นกลับกลายเป็นเช่นนี้
“เสี่ยวหยุน… เสี่ยวหยุน!” หลิงหยุนเอ๋อร้องตะโกน
“หยุนเอ๋อ ข้ายังสบายดี!” ฉินหยุนตอบรับ จิตใจของเขายังคงอยู่ที่นี่ เรื่องนี้ทําให้หลิงหยุนเออผ่อนคลายได้มาก!
“สาเหตุว่าทําไมสถานการณ์เช่นนี้บังเกิดขึ้นกับเจ้า อาจเป็นเพราะเจ้าฝึกฝนพระสูตรหัวใจตะวันจันทราพร้อมกับวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรกับหญิงสาวเหล่านั้น สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าเกิดขึ้นก่อนเวลาอันสมควร!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าว
ฉินหยุนลืมตาขึ้นพร้อมลุกยืน เขาเผยยิ้มกล่าว “พลังตะวันและจันทราได้ผสานต่อกัน พลังนี้เลิศล้ำนัก!”
ตัวเขาตอนนี้เชี่ยวชาญทั้งพลังตะวันและพลังจันทรา นอกจากนี้มันยังเป็นสิ่งแข็งแกร่งที่สุดดังเช่นตะวันทมิฬและจันทราทมิฬ พวกมันทั้งสองเป็นสีดํา!
กระนั้น แก่นเต๋ตะวันทมิฬของเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นดวงตะวันทมิฬขนาดเล็ก นี่ไม่ใช่แก่นเต๋ลีกล้ำตามปกติ ทว่าชวนสะพรึงยิ่งกว่านั้น และตัวเขายังสามารถใช้จิตวิญญาณตะวันทมิฬ เพื่อปลดปล่อยพลังจิตทรงอํานาจมหาศาลออกมาได้
ฉินหยุนเร่งรีบเปลี่ยนชุดสะอาดพร้อมออกจากห้อง เป็นเขาต้องการไปลงทะเบียนเข้าร่วมงาน ประลองยุทธ์