Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 776 : เริ่มงานประลองยุทธ์
ตอนที่ 776 : เริ่มงานประลองยุทธ์
ฉินหยุนพอออกมา เขาเห็นเพียงแต่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่รออยู่
“แล้วคนอื่นเล่า?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“พวกนางไปเวทีประลองยุทธ์หมดแล้ว เพราะต้องการร่วมด้วยช่วยกันส่งแรงใจให้พี่หยาง” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยที่ได้เห็นฉินหยุน นางรู้สึกได้ว่าตัวเขาแปลกออกไป
นางกล่าวถามอย่างสงสัยด้วยเสียงเบา “พี่ชาย ท่านเข้าถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําแล้วหรือ?”
ฉินหยุนเผยยิ้มตอบ “ใช่! มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเกิดขึ้นไปบ้าง แต่โดยรวมก็ ราบลื่นดี!”
“นับว่าดี พวกเราก็ควรตามไปกันได้แล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยไม่คิดถามอื่นใดอีก ก่อนจะออกไปพร้อมกับฉินหยุน
วันนี้คือวันสุดท้ายสําหรับการลงทะเบียนแข่งขันระดับยอดยุทธ์ บรรดาผู้ซึ่งต้องการลงทะเบียน ต่างลงทะเบียนกันไปเรียบร้อยแล้ว ความจริงที่ฉินหยุนมาวันนี้ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ไม่ใช่น้อย
หลงเฉิ่งขวงและคณะคนของเขาไม่อยู่ที่นี่ หลังฉินหยุนลงทะเบียนเรียบร้อย เขาจึงได้รับป้าย หยกสําหรับใช้เข้าสู่คฤหาสน์เชียนดาบมา
“หลายวันมานี้ไม่มีข่าวคราวของฉินหยุน นึกว่าไปซ่อนตัวมุดรูที่ใดแล้ว ไม่นึกเลยว่าเขาจะไม่ ยอมกล้ํากลืนความโกรธแค้นครั้งนั้น ถึงขั้นมาเข้าร่วมลงทะเบียนการแข่งขันระดับยอดยุทธ์!”
“อา หลงเฉิงขวงจะต้องจงใจกระทําเมื่อตอนนั้นเพื่อยั่วยุให้เขาเข้าร่วมแน่เป็นเขาต้องการหยามเหยียดฉินหยุนบนเวทีประลองยุทธ์!”
“หลายวันก่อน หลงเฉิงขวงได้ฝากความแค้นต่อฉินหยุนไว้ไม่น้อยจริง ๆ”
หลายคนต่างได้เห็นฉินหยุนเข้าสู่คฤหาสน์เซียนดาบ พวกเขาเหล่านี้ย่อมเกิดความคาดหวังอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะตามเข้าไป
วันนี้ การแข่งขันระดับยอดยุทธ์จะจัดขึ้นบนเวทีประลองยุทธ์ ฉินหยุนพบว่ามียอดยุทธ์เพียงหนึ่งร้อยคนที่เข้าร่วมการแข่งขัน
มันไม่ใช่ว่ามียอดยุทธ์จํานวนน้อย แต่การแข่งขันนี้คือการประชันระหว่างอัจฉริยะรุ่นเยาว์ระดับชั้นแนวหน้า ผู้คนที่ไม่มีความมั่นใจเป็นล้นพ้นย่อมไม่คิดลงทะเบียน เพราะพวกเขาเกรงว่าจะ เป็นการทําตนเองเสื่อมเสีย ทว่าหากไร้โชคพวกเขาอาจต้องสิ้นชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส
เวทีประลองยุทธ์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่เขตตะวันออกของคฤหาสน์เซียนดาบ รอบพื้นที่ของเวที ประลองยุทธ์ต่างเต็มไปด้วยที่นั่งผู้ชมกว่าแสนคน เวทีประลองยุทธ์กว้างหนึ่งร้อยเมตรกล่าวได้ว่า ค่อนข้างเล็กสําหรับยอดยุทธ์
ฉินหยุนเมื่อมาถึง สายตาคมกล้าล้วนจ้องมองที่เขา บรรดาผู้อาวุโสของขั้วอํานาจทั้งหลาย รวมถึงยอดฝีมือรุ่นเยาว์ระดับยอดยุทธ์ที่เข้าร่วมการแข่งขัน พวกเขาล้วนมองมาทางนี้
ฉินหยุนมาถึง หมายความถึงเขาลงทะเบียนเข้าร่วมการแข่งขัน ผู้คนล้วนทราบ ว่าฉินหยุนอยู่ ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงสุด กระนั้นก็ยังเข้าร่วมการแข่งขันที่เต็มไปด้วยคู่ต่อสู้ทรงอํานาจ นี้ย่อมต้องเป็นเพราะการยั่วยุของหลงเฉิงขวงเมื่อหลายวันก่อน
หลงเฉิงขวงและผู้คนของตระกูลหลงต่างยิ้มยินดียามได้เห็นฉินหยุน พวกเขาต่างคาดหวังให้ ฉินหยุนเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ กระทั่งเป็นกังวลด้วยซ้ําไป สําหรับตระกูลหลง พวกเขากระหาย การเอาชนะฉินหยุนด้วยมือตนเอง ดังนั้นแล้ว พวกเขาจึงทําทุกหนทาง และนี่คือวิธีการดีที่สุด ที่จะได้ประหารฉินหยุนต่อหน้าสาธารณะชนในการแข่งขัน
ฉินหยุนมองที่หยางฉีเย่ว์ นางวันนี้สวมใส่ชุดขาว มีผ้าพันไว้รอบคอเป็นการปกปิดครึ่งใบหน้า นางที่พบเห็นฉินหยุน จึงสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ประหลาดในกายฉินหยุน ดวงตางดงามนั้นกลับก ลายเป็นต้องนึกบึงพร้อมเผยความประหลาดใจ
เปาเฉิงโจ่วและฉ่ปินอวต่างเร่งรีบเข้าถึงข้างกายฉินหยุน
“ฉินหยุน นี่เจ้าลงทะเบียนหรือ?” เจี้ยนหนันหูกล่าวถาม
“ถูกต้อง!” ฉินหยุนนําเอาป้ายหยกออกมายิ้มกล่าว “เจี้ยนหนันหู หากเจ้าพ่ายแพ้แก่ข้าอีกครั้ง ก็จงลืมเรื่องคิดนําดาบเจ้ากลับคืนเสีย!”
ดาบเต๋ของเจี้ยนหนันหู เวลานี้ยังคงอยู่กับเชี่ยวเสวียนฉิน
“ฉินหยุน ข้าย่อมไม่พ่ายแพ้เจ้าอีกครั้งแน่!” เจี้ยนหนันหูยิ้มกล่าว ก่อนจะหันมองทางหลงเฉิงขวง เป้าหมายของเขาครานี้คือหลงเฉิงขวง
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “วันพรุ่งนี้จึงเริ่มการแข่งขันอย่างเป็นทางการ ยอดยุทธ์กว่าร้อยคนได้ ลงทะเบียน ดังนั้นแล้ว พวกเราจะจัดงานนี้ให้ดีที่สุดเพื่อให้เป็นการแข่งขันที่ยอดเยี่ยม!”
เปาเฉิงโจ่วเอ่ยคําขึ้น “อย่างนั้นแล้วเจ้ากล่าวได้หรือไม่ ว่างานวันพรุ่งนี้มีเนื้อหาอย่างไร?”
“ย่อมได้! งานวันพรุ่งนี้ คือศึกปะทะหุ่นเชิด!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว
คํากล่าวนี้ เป็นผลให้ยอดยุทธ์ที่เข้าร่วมล้วนประหลาดใจ ฉินหยุนรู้สึกว่าเรื่องราวผิดคาด เพราะหากเป็นจริง สําหรับเขามันก็ง่ายดายมากแล้ว
ผู้อาวุโสตระกูลหลงแค่นเสียงกล่าว “หุ่นเชิดตระกูลเจี้ยน? อย่างนั้นพวกเจ้าคิดโกงก็ง่ายแล้ว!”
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “เอาอย่างนี้เป็นไร ตระกูลเจี้ยนและตระกูลหลง จะแบ่งสัดส่วนหุ่นเชิดเป็นครึ่งหนึ่ง หุ่นเชิดของตระกูลเจี้ยนจะใช้เพื่อทดสอบยอดยุทธ์ตระกูลหลง และหุ่นเชิดตระกูลหลง จึงใช้เพื่อทดสอบยอดยุทธ์ตระกูลเจี้ยน!”
ชายวัยกลางคนของตระกูลหลงมองทางฉินหยุนพร้อมแค่นเสียงกล่าว “แล้วฉินหยุนกับหยาง ฉีเย่ว์เล่า หุ่นเชิดตระกูลใดจึงใช้ทดสอบสองคนนั้น?”
“ให้พวกเขารับการทดสอบโดยหุ่นเชิดฝ่ายเจ้า อย่างนี้เป็นไร?” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะรับ ตระกูลเจี้ยนย่อมไม่คิดนําหุ่นเชิดออกมาจํานวนมากอยู่แต่แรกแล้ว เพราะพวกมันจะต้องแบกรับความเสียหายหนัก
“พวกเราจะใช้หุ่นเชิดขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูงสุด!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว “พวกเจ้ามีหรือไม่?”
“ย่อมต้องมี!” ผู้คนตระกูลหลงหัวเราะภาคภูมิขณะมองที่ฉินหยุน
ฉินหยุนก้าวเดินออกไปยังเวทีประลองยุทธ์ เจี้ยนสือเทียนและผู้อื่นอยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่กังวลถึงการลอบโจมตีของตระกูลหลง หยางฉีเย่ว์เองก็เดินเข้าหาฉินหยุน ทั้งสองเดินออกห่างจากฝูงชน
“พี่หยาง ข้าทําท่านเป็นห่วงแล้ว” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารบอกหยางฉีเย่ว์
“ข้าไม่ใช่ผู้เดียวที่ห่วงหาเจ้า เย่ว์โยวบ่อยครั้งมักถามถึงเจ้า นางตอนนี้อยู่แดนเซียนอ้างว้าง ทุกเดือนนางจะสามารถติดต่อหาข้าผ่านดวงจันทราเต็มดวง และถามถึงเรื่องเจ้าตลอด!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นฉินหยุนปลอดภัยดี นางจึงคลายความกังวลที่เกาะกุมอยู่ในใจตลอดมาได้
“เสี่ยวหยุน เย่ว์โยว… นาง… เจ้าคงไม่กล่าวโทษนางใช่หรือไม่?” หยางฉีเย่ว์และเย่ว์โยวเป็นพี่ น้องฝาแฝด ฉินหยุนและเย่ว์โยวมีข้อเบาะแว้งต่อกันอย่างใหญ่หลวง นี่ถือเป็นเรื่องชวนให้หยางฉีเย่ว์ต้องปวดศีรษะ
“ย่อมต้องไม่อยู่แล้ว!” ฉินหยุนคิด ว่าหากเย่ว์โยวไม่บังคับให้เขาเข้าสู่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เขาก็คงไม่มีโอกาสได้รับจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา
“วิเศษนัก ข้านึกว่าเจ้าจะเกลียดนางไปตลอดแล้วเสียอีก” หยางฉีเย่ว์โล่งใจได้มาก นางเผยยิ้มให้
ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารกลับไป “พี่หยาง ภายในเขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬ เป็นข้าได้ พบกับจันทราทมิฬและจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา!”
ฉินหยุนบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่หยางฉีเย่ว์
“เย่ว์โยวช่างแย่นัก! ผ่านมาหลายปีนางไม่อาจได้เข้าใกล้จันทราทมิฬ แต่เป็นเจ้าที่เพิ่งเข้าไปกลับได้รับมันมา!” หยางฉีเย่ว์พอได้รับฟัง นางต้องส่ายศีรษะพลางยิ้มอ่อน
“พี่หยาง จันทราทมิฬได้แปรเปลี่ยนเป็นจิตของข้าไปแล้ว ทําให้ตอนนี้ไม่อาจมอบมันคืนแก่ท่าน” ฉินหยุนกล่าวด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่จําเป็นเลย! เจ้าสามารถได้รับจันทราทมิฬ นั่นจึงเป็นโชคชะตาของเจ้า! อย่าได้พูดกล่าวถึง เรื่องนี้อีกตกลงหรือไม่? ภายหลัง เมื่อใดเจ้ามีกําลังเพียงพอ ค่อยหาทางสร้างจันทราทมิฬและ มอบแก่ข้าก็พอ!” หยางฉีเย่ว์ยิ้ม พลางลูบผมฉินหยุน
“แล้วเรื่องการฝึกฝนของข้าเล่า?” ฉินหยุนยังไม่ทราบสถานะของตนเองอย่างกระจ่างชัดด้วยซ้ำ
“ซับซ้อนมาก! เมื่อใดกลับไป จงถามต่อปิงชิง นางน่าจะมีความรู้เรื่องนี้ดีกว่าข้า” หยาง ฉีเย่ว์กล่าว
หากเขาถามต่อเซี่ยฉีโหรว เช่นนั้นก็สมควรได้รับคําตอบในทันที ทว่าเวลานี้เขาไม่อาจติดต่อหานาง ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์เดินไปบนเวทีประลองยุทธ์ พลางพูดคุยทางเสียงสื่อสารต่อกัน ผ่านไปพักหนึ่ง ฉินหยุนค่อยติดตามเปาเฉิงโจ่วออกจากที่นี้
วันถัดมา พื้นที่เวทีประลองยุทธ์กลายเป็นเนื่องแน่นด้วยผู้คน!
ฉินหยุนต่อแถวร่วมกับยอดยุทธ์ผู้อื่นเพื่อเข้าเวทีประลองยุทธ์ พวกเขากําลังรอคอยให้เจี้ยนสือเทียนมาถึง
ฉินหยุนคิด ว่าการแข่งขันวันนี้คงไม่มีอันใดที่ดีให้รับชมนัก เพราะมันเป็นเพียงงานคัดเลือกที่ต้องต่อสู้กับหุ่นเชิด เพื่อตัดสินว่าผู้ใดจึงสามารถเข้าสู่งานรอบหลัก
ตราบเท่าที่สามารถเอาชนะหุ่นเชิดในระยะเวลาชั่วธูปไหม้ ก็สามารถไปต่อยังรอบถัดไป
สิ่งที่ฉินหยุนห่วงหาเวลานี้ที่สุด คือเขาจะได้สู้กับหลงเฉิงขวงหรือไม่ เพราะตราบเท่าที่เขาเอา ชนะหลงเฉิงขวงได้ นั้นจึงเป็นการล้างแค้นที่ถูกหยามเหยียดครั้งก่อนหน้าได้!
“ฉินหยุน เจ้าช่างหุนหันเกินข้านึกคิดนัก! ข้าเพียงยั่วยุเจ้าไป กระนั้นกลับเข้าร่วมการแข่งขัน เช่นนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า!” หลังกล่าวคําจบ หลงเฉิ่งขวงจึงมองทางหยางฉีเย่ว์และกล่าวเชิงเกี้ยวพาราสี “แม่นางหยางผู้งดงาม หากสู้กับข้า เช่นนั้นข้าจะเบามือและกระทําอย่างนุ่มนวลให้ ฮ่าฮ่าฮ่า!”
ฉินหยุนมองที่หลงเฉิงขวงด้วยจิตสังหารเป็นล้นพ้น
เจี้ยนสือเทียนมาถึง “การแข่งขันครั้งนี้ หากได้รับสิบอันดับแรก เช่นนั้นจะได้รับรางวัลพิเศษ และหากได้รับอันดับหนึ่ง รางวัลที่ได้รับคือการเพิ่มระดับการฝึกฝนให้หนึ่งระดับ!”
“ยกตัวอย่าง ตอนนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับกลาง หากได้รับอันดับหนึ่ง ตําหนักเซียน ดาบของเราย่อมช่วยเหลือเพิ่มพูนการฝึกฝนสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูง!”
ได้ยินเช่นนี้ ผู้คนรายล้อมเวทีประลองยุทธ์ต่างร้องตะโกน! และรางวัลนี้ สําหรับฉินหยุนก็ถือเป็นสิ่งล้ําค่าเช่นกัน
“เอาละ พวกเจ้ามีกันทั้งสิ้นหนึ่งร้อยสิบคน ถัดจากนี้พวกเจ้าจะต่อสู้กับหุ่นเชิด การต่อสู้เช่นนี้ ก็เพื่อให้เผยกําลังแท้จริงออกมา จงเอาชนะหุ่นเชิดภายในระยะเวลาชั่วก้านธูปไหม้ให้จงได้!” เจี้ยนสือเทียนกล่าวคําจบ เขาจึงเริ่มอ่านรายนาม
เขาเรียกขานนามคนทั้งสิบ ให้ไปยังตําแหน่งที่มีการจัดไว้สําหรับต่อสู้กับหุ่นเชิด ตามข้อตกลง เมื่อวันก่อน หุ่นเชิดของตระกูลเจี้ยนและตระกูลหลง จะรับหน้าที่ต่อสู้กับยอดยุทธ์ของตระกูลฝ่ายตรงข้าม เพียงไม่นาน ศึกทั้งสิบคู่จึงเริ่มขึ้นบนเวทีประลองขนาดใหญ่
นามของหลงเฉิงขวงอยู่ในรายชื่อกลุ่มแรก ศิษย์ทั้งหมดของกลุ่มแรกมาจากตระกูลหลง และ จํานวนหนึ่งนั้นมาจากเขตแดนลึกล้ํา หุ่นเชิดกลุ่มแรกที่เป็นคู่ต่อสู้ย่อมต้องมาจากตระกูลเจี้ยน!
ฉินหยุนและผู้อื่นต่างรับชมขณะยืนด้านล่างเวทีประลองยุทธ์
เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “พี่หยุน นี่คือโอกาสดีที่จะได้เห็นกําลังของมัน!”
หยางฉีเย่ว์ส่ายศีรษะ “พวกมันย่อมไม่เผยกําลังโดยง่าย แม้อวดดีเช่นนั้น ทว่าพวกมันไม่ได้ เบาปัญญา!”
ศึกปะทะหุ่นเชิดเริ่มขึ้น ระหว่างการต่อสู้ ผู้เข้าแข่งขันไม่อาจใช้งานอาวุธ
หลงเฉิงขวงและพลพรรคคล้ายผ่อนคลายอย่างยิ่ง พวกเขาไม่ได้มีเจตนาคิดต่อสู้แต่อย่างใดด้วยซ้ํา