Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 783 : ไข่มุกเม็ดที่สาม
ตอนที่ 783 : ไข่มุกเม็ดที่สาม
ฉินหยุนสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงลอบควบแน่นพลังและตระเตรียมใช้เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ ฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ที่รั้งรอ มันเงียบสงบ และยามเมื่อปล่อยออก เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของฉินหยุน มันนําพามาซึ่งเสียงมังกรวิปโยคคํารามร้อง ราวกับมันคือความสิ้นหวังของเหล่ามวลมังกร
เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ของฉินหยุนปะทะเข้าที่กลองทดสอบแล้ว!
ตึง ตึง ตึง…
จํานวนเสียงกลองถึงสิบครั้ง ผู้คนล้วนได้ทราบว่าฉินหยุนอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา
กลองยังคงดังต่อเนื่องจนผ่านพ้นยี่สิบ เรื่องนี้เป็นผลให้ผู้คนต้องทึ่ง เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อน เขายังอยู่เพียงขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณระดับสูงสุด กระนั้นตอนนี้ กลับเป็นยอดยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่ายอดยุทธ์ระดับกลางหลายต่อหลายคน
ยามเมื่อกลองดังผ่านพ้นสามสิบครั้ง หลงเฉิ่งขวงจึงร้อนรนและตื่นตะลึง เพราะพลังเต๋าลึกล้ําของฉินหยุนหาได้อ่อนด้อย!
เสียงกลองยังคงดังต่อเนื่อง มันข้ามผ่านพ้นสี่สิบ ทว่าเสียงนี้ยังไม่คล้ายอ่อนแรงลงแม้เพียงนิด กลับกัน มันยังคงดัง ตึง… ตึง ตึง… ด้วยอัตราเสี่ยงและความถี่สม่ําเสมอ ไม่ช้าจึงผ่านพ้นห้าสิบและก็ยังไม่มีทีท่าคล้ายเชื่องช้าลงแต่อย่างใด
มันไปถึงห้าสิบห้าครั้ง ข้ามผ่านหลงเฉิ่งขวง สีหน้าอหังการอวดดีของหลงเฉิ่งขวงเลือนหายไปแล้ว มันเต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและสํานึกเสียใจ ฉินหยุนคือยอดยุทธ์ระดับต้น ทว่าพลังเต๋าลึกล้ําของเขา กลับแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับกลางเช่นเขา!
หลังเสียงที่หกสิบห้าดังขึ้น ทุกอย่างกลับกลายเป็นเงียบสงบ มันถึงขั้นมากกว่าเสียงกลองของหลงเฉิ่งขวงถึงสิบครั้ง!
“หลงเฉิ่งขวง เจี้ยนหนันหูมีกําลังทัดเทียมข้า กระนั้นเจ้ากลับเอาชนะเขาง่ายดาย เป็นเจ้าใช้อาวุธลับเสียเองแล้วกระมัง?” ฉินหยุนตะโกนถามเสียงดัง
เมื่อครู่ หลงเฉิ่งขวงและผู้คนของเขตแดนลึกล้ํา ต่างใช้ถ้อยคําเหล่านี้กล่าวหาฉินหยุน ตอนนี้หลงเฉิ่งขวงจึงถูกตั้งคําถามเช่นเดียวกันขึ้นมา! หลงเฉิ่งขวงก้าวเท้าถอยกลับ เขาไม่เชื่อว่าพลังเต๋าลึกล้ําของฉินหยุนจะแข็งแกร่งเพียงนี้ได้!
ชายชราจากเขตแดนลึกล้ํากล่าวคําเสียงเย็นเยือก “ฉินหยุน เจ้ายังไม่ได้ทดสอบกลองของพวกเรา!”
ฉินหยุนก้าวเดินไปใช้งานเจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ ครั้งนี้ เขากระทั่งลงแรงที่มากขึ้น เพราะเป็นกังวลว่าผู้คนของเขตแดนลึกล้ําเหล่านี้จะใช้วิธีการชั่วช้าไร้ยางอาย ผู้คนต่างกําลังนับอย่างตั้งใจ
ไม่นาน เสียงกลองจึงหยุดลงที่หกสิบแปดครั้ง พลังเต๋าลึกล้ําของฉินหยุน กล่าวได้ว่าทัดเทียมกับยอดยุทธ์ระดับสูงสุด
ฝูงชนที่รับชมต่างใบหน้าร้อนผ่าว เพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งด่าทอฉินหยุนอย่างเสียหาย กล่าวหาว่าเขาคดโกง ทั้งยังมีเรื่องใช้งานอาวุธลับ!
“เป็นเจ้าใช้งานวิชายุทธ์เพิ่มพูนพลังเต๋าลึกล้ําของตนเอง!” หลงเฉิ่งขวงกราดเกรี้ยวเป็นล้นพ้น เพราะพลังเต๋าลึกล้ําของเขา ถึงขั้นต้องพ่ายแพ้ต่อฉินหยุนอย่างสิ้นรูป
“เจ้าเองก็ทําได้ อย่ารีรอและลองอีกครั้ง!” ฉินหยุนแค่นเสียงกล่าว
หลงเฉิ่งขวงย่อมทดสอบอีกครั้งหนึ่ง เวลานี้ เขาเลือกใช้วิชายุทธ์เพื่อเพิ่มพลังเต๋าลึกล้ําของตนเอง กระทั่งว่าทดสอบอีกครั้งเช่นนี้ ผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม
ผู้เฒ่าทั้งหลายที่นี้ย่อมทราบกระจ่างชัด ไม่เพียงแต่พลังเต๋าลึกล้ําของฉินหยุนแข็งแกร่ง วิชายุทธ์และเคล็ดวิชาทั้งหลายที่เขาครอบครองก็แข็งแกร่ง มีแต่เป็นเช่นนี้ จึงทําให้พลังเต๋าลึกล้ําเพิ่มพูนแข็งแกร่งได้หลายเท่า
“หลงเฉิ่งขวง เจ้าใช้งานอาวุธลับหรือไม่ใช่?” ฉินหยุนกล่าวถามเสียงเย็นเยือก “เจี้ยนหนันหูเป็นอัจฉริยะหาตัวจับได้ยากแห่งตระกูลเจี้ยน กระนั้นเจ้ากลับเอาชนะเขาได้ง่ายดาย เรื่องนี้ย่อมเป็นที่สงสัยของผู้คน!”
ศิษย์ตระกูลเจี้ยนหลายคนต่างเริ่มร้องตะโกนดัง กล่าวหาว่าหลงเฉิ่งขวงใช้งานอาวุธลับ! เรื่องนี้เป็นหลงเฉิ่งขวงไม่ได้ตระเตรียมรับมือมาก่อน เพราะหลงเฉิ่งขวงคิดแต่โยนเรื่องให้ฉินหยุน กระนั้นครานี้ต้องแบกรับกลับคืน ทั้งยังเป็นความเสียหายใหญ่หลวงที่มากยิ่งกว่า เขาถึงขั้นไม่อาจกล่าวคําใดออกได้
กลุ่มผู้อาวุโสจากเขตแดนลึกล้ําไม่ยี่หระใด ชายชราร่างอ้วนท้วนกล่าวคําออก “หลังเจี้ยนหนันหูฟื้นตัวให้เขาเข้ารับการทดสอบพลังเต๋าลึกล้ํา หากพลังเต๋าาลึกล้ําของเขาทัดเทียมฉินหยุน เช่นนั้นก็เป็นการยืนยันว่าหลงเฉิ่งขวงใช้งานอาวุธลับ!”
ตอนนี้ ผู้คนของเขตแดนลึกล้ําไม่กล้ายกประเด็นเรื่องฉินหยุนใช้งานอาวุธลับขึ้นมาอีก
เจี้ยนรั่วหยานเองก็ไม่คิด ว่าไม่เพียงแต่ฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา แต่กลับยังมีพลังเต๋าลึกล้ําที่เกินเชื่อได้ในครอบครอง! เรื่องนี้มันเกินกว่าสามัญสํานึกจะเข้าใจได้!
พลังเต๋าลึกล้ําของหลงเฉิ่งขวง ถือว่าเป็นเส้นขอบฟ้าของบรรดาผู้เฒ่าแห่งเขตแดนนอกแล้ว กระนั้นตอนนี้ พลังเต๋าลึกล้ําของฉินหยุน กลับกลายเป็นการท้าทายต่อสวรรค์
ตอนนี้หลายคนต่างเชื่อ ว่าหลงเฉิ่งขวงไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของฉินหยุน บางคนกระทั่งคาดเดาไป ว่าเขาต้องเป็นยอดยุทธ์ระดับสูงหรืออาจกระทั่งเป็นระดับสูงสุด กระนั้นหากเป็นจริง ผู้คนของเขตแดนลึกล้ําย่อมสร้างความวุ่นวายครั้งใหญ่ และฉินหยุนก็ไม่เปิดช่องให้ผู้คนของเขตแดนลึกล้ําได้มีโอกาสใช้เรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว
ศึกครั้งนี้เขตแดนลึกล้ําสูญเสียใหญ่หลวง เมื่อครูเจี้ยนหนันหูพ่ายแพ้ด้วยสภาพย่ําแย่ ส่งผลให้ตระกูลเจี้ยนและพันธมิตรจากเขตแดนนอกรับแรงสะเทือนใจหนักหนา มันเป็นการบ่งบอกให้พวก เขาได้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างพวกตนและเขตแดนลึกล้ํา
ทว่าตอนนี้ เขตแดนลึกล้ําต่างหากจึงแบกรับความเสียหายใหญ่หลวง! พวกเขาคิดเสมอมา ว่าทรัพยากรของเขตแดนนอกข้นแค้นอ่อนด้อยกว่าพวกเขาในทุกสัดส่วน แต่แล้วเวลานี้ พวกเขากลับตั้งคําถามต่อชีวิตตนเองหลังถูกฉินหยุนตบหน้าครั้งใหญ่
ฉินหยุนก้าวเดินลงจากเวทีประลองยุทธ์ จากนั้นจึงมองทางบรรดาอัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ํา ใบหน้าของเขาเผยซึ่งจิตสังหาร อัจฉริยะจากเขตแดนลึกล้ําตรงหน้าไม่กล้าเผยท่าที่อวดดีอื่นใดอีก พวกเขาได้แต่กัดฟันแน่นจับจ้องฉินหยุน
แม้อวี้เสินเจนสิ้นชีพ ทว่าคู่การประลองที่เหลือก็ดําเนินต่อไปจนกระทั่งหมดวัน ส่วนนัดประลองครั้งหน้าจะมีก็อีกสามวันให้หลัง
เหตุการณ์จบสิ้นเรียบร้อย บรรดาผู้อาวุโสเขตแดนลึกล้ําและตระกูลหลงต่างเร่งรีบนําศิษย์ตนเองไป ยามคิดออกไป ฉินหยุนย่อมได้เห็นสีหน้าของบรรดาชายชราจากเขตแดนลึกล้ํา
“เสี่ยวหยุน ตาเฒ่าพวกนั้นย่อมต้องมีเล่ห์กลซุกซ่อนอยู่อีกแน่เจ้าควรต้องระวัง” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวเตือน
“ข้ารู้ ทั้งยังต้องไปบอกต่อพี่หยางและน้องหยานให้ระแวดระวังมากยิ่งขึ้น” ฉินหยุนกล่าว
เจี้ยนสือเทียนก้าวเดินเข้ามาพร้อมตบไหลฉินหยุน “ฉินหยุน เจ้าไม่ต้องหวั่นเกรงใดไป ตราบเท่าที่อยู่ในเกาะแห่งดาบ พวกเรากล้ารับประกันความปลอดภัยให้แก่เจ้า”
“ข้าเป็นกังวล ว่าเรื่องราวเช่นครั้งก่อน อย่างทั้งคฤหาสน์เขียนดาบตกอยู่ในมือศัตรูอาจเกิดขึ้นอีกครั้ง!” ฉินหยุนกล่าวตอบ “หุ่นเชิดของข้าตอนนี้ไม่อาจใช้งาน หากเกิดเรื่องเช่นครั้งก่อน ข้าเกรงว่าจะไม่อาจช่วยเหลือใดได้!”
เจี้ยนสือเทียนหัวเราะรับ “วางใจ พวกเราย่อมได้รับประสบการณ์ไปมากแล้ว เรื่องราวเช่นนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นอีก!”
ฉินหยุนกล่าวคําเสียงเบา “จ้าวสํานักดาบ ระหว่างการประลองของข้าและอว์เสินเจิ้น พวก มันใช้งานอาวุธลับจริง อี้เสินเงินใช้เข็มโปร่งแสง และมีดสั้นโปร่งแสง กระทั่งข้ายังไม่อาจมอง เห็น ทว่าสัมผัสถึงได้”
“ตัวบัดซบพวกนั้น! ข้าทราบอยู่แล้วว่าที่พี่หูพ่ายแพ้มันไม่ถูกต้อง!” หลังได้ยินคํากล่าวของฉินหยุน เจี้ยนรั่วหยานจึงสบถคําเบาออกมา
“นี่เรื่องจริงหรือ?” หลังเจี้ยนสือเทียนและบรรดาครึ่งเซียนตระกูลเจี้ยนได้ทราบ พวกเขาเผยอาการตื่นตะลึง
ฉินหยุนยื่นมือออกมา “นี่เป็นเศษซากที่ข้ารวบรวมได้จากมีดสั้น ท่านนําไปค้นคว้าดูว่ามันเป็นของเช่นไรกันแน่”
หลังเจี้ยนสือเทียนรับเศษชิ้นส่วนไว้ในมือ เขาจึงสัมผัสได้ถึงโครงสร้าง มันเป็นชิ้นส่วนที่ไม่อาจมองเห็นของมีด
“ตัวบัดซบเขตแดนลึกล้ํา!” หนึ่งในครึ่งเซียนตระกูลเจี้ยนคํารามเสียงเบา
“มันคืออะไรกันขอรับ?” ฉินหยุนเร่งร้อนถาม
“นี่เป็นวัสดุพิเศษ มันไร้สีและไร้แสงสะท้อน ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสามารถซ่อนเร้นอักขระไว้ภายใน นี่เป็นวัสดุหาได้ยากยิ่ง ดังนั้นจึงใช้ทําได้เพียงแต่อาวุธเล็กหรืออาวุธลับ!” ครึ่งเซียนตระกูลเจี้ยนสัมผัสชิ้นส่วนด้วยปลายนิ้ว เขาสบถออกเสียงเบา “พวกมันถึงขั้นใช้อาวุธลับ แล้วยังคิดใส่ร้ายต่อเจ้า!”
ชั่วขณะนี้ บรรดาผู้เฒ่าที่นี้ต่างต้องนับถือฉินหยุนมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงแต่รับมือกับอัจฉริยะเขตแดนลึกล้ําที่ใช้งานอาวุธลับ แต่ยังคลี่คลายวิกฤตเมื่อครู่นี้ได้ นอกจากนี้แล้ว เขายังทําให้ผู้คนต่างตั้งคําถาม ว่าหลงเฉิ่งขวงใช้งานอาวุธลับหรือไม่!
“ม่านพลังของพวกท่านจําเป็นต้องเสริมศักยภาพขึ้นครั้งใหญ่ หากเป็นแบบนี้ต่อไป อีกหลายคนได้ถูกเล่ห์กลตําช้าพวกมันเล่นงานแน่!” ฉินหยุนกล่าว
“ข้าจะขยายระยะเวลาเตรียมการแข่งขันออกไปเพื่อเสริมศักยภาพแก่ม่านพลัง เมื่อใดถึงเวลา พวกเราจะเปิดโปงพวกมันกลางที่สาธารณะ!” เจี้ยนสือเทียนพยักหน้ารับ
ฉินหยุนเองก็เหนื่อยล้า หลังกล่าวลากับบรรดาผู้อาวุโส เขาจึงติดตามเปาเฉิงโจ่วและผู้อื่นกลับไป หยางฉีเย่ว์ก็ร่วมทางด้วย แม่เฒ่าหยุนเหยาไม่ได้กล่าวคําใด เพราะตอนนี้ผู้คนล้วนได้ทราบว่าฉินหยุนผสานรวมเข้ากับจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวแล้ว ดังนั้นหยางฉีเย่ว์จึงไม่ใช่เป้าหมายของผู้แข็งแกร่งหมู่มากอีก
ผู้อื่นเพียงทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองสองจารึกวิญญาณ กระนั้นเจี้ยนหลิงหลงทราบ ว่าเขา ยังมีจารึกวิญญาณราชนสัตว์ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ทําให้นางต้องนึกถึงมากยิ่งขึ้น
เฉินหยุนกลับมานั่งพักในห้องรับรอง พลางกัดกินผลไม้ที่เชี่ยวเย่ว์เหม่ยส่งมาให้
“เสี่ยวหยุน เจ้าบุ่มบ่ามเกินไปแล้ว ข้าเตือนเจ้าไม่ให้เผยเรื่องครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาว เหตุใดเจ้าไม่ฟังข้า?” หยางฉีเย่ว์โอดครวญเบาพร้อมกล่าวต่อว่า จากนั้นนางจึงหยิกที่หูฉินหยุน
“พี่หยาง ข้าไม่ต้องการให้ท่านต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลเพียงนั้น นอกจากนี้แล้ว ข้ายังมักอยู่แต่ในพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ภายใต้ผู้อาวุโสสูงสุดคุ้มกัน ข้าย่อมไม่เป็นไรอย่างแน่นอน” ฉินหยุนหัวเราะรับ
เปาเฉิงโฉ่วยิ้มกล่าว “แม่นางหยางวางใจ ด้วยพวกเราคุ้มกัน ฉินหยุนจะไม่เกิดอุบัติเหตุใดอย่างแน่นอน”
“เลิกพูดกล่าวเรื่องนี้แล้ว ข้าคิดไปพัก วันนี้เหนื่อยล้านัก” กล่าวคําจบ ฉินหยุนจึงเดินเข้าห้องพร้อมปิดประตู
สาเหตุว่าทําไมฉินหยุนจึงเข้าห้องเร่งด่วน ทั้งยังลงกลอนประตู ก็เพราะแผนที่หลุมฝังเซียนมีปฏิกิริยา เซี่ยฉีโหรวพยายามติดต่อหาเขา หลังเข้าห้องเรียบร้อย เขาจึงเร่งรีบกางแผนที่หลุมฝังเซียน เสียงอ่อนหนุ่มของเซียโหรวจึงดังขึ้นมา
“เสี่ยวหยุน ช่วงที่ผ่านมาเจ้าพยายามติดต่อหาข้าหรือ? เกิดเรื่องอันใด?” เซียฉีโหรวเอ่ยถาม
“พี่ฉีโหรว ข้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําแล้ว!” หลังเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา เซี่ยโหรว เคยกล่าวว่ามีงานให้เขาไปกระทํา
เช่นกัน เหยาเฟิงยังกล่าวว่านางจะส่งมอบสิ่งที่อยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะ เก้าตะวันหลังเขาเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา กระนั้น เวลานี้นางก็ยังไม่ได้ส่งมอบมันให้แก่เขา
“อา… เจ้าช่างรวดเร็วนัก!” เซี่ยฉีโหรวรับคําอย่างนึกทึ่ง
“พี่ฉีโหรว เหยาเฟิงบอกต่อข้า ว่าหลังก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา นางจะมอบสิ่งของภายในไข่มุกเม็ดที่สามแก่ข้า ทว่านางกลับยังไม่มอบให้ข้า! ท่านต้องช่วยข้าแล้ว!” ฉินหยุนร้องทุกข์ เพราะเขาไม่มีวิธีเกลี้ยกล่อมเหยาเฟิง