Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 784 : บูชายัญเทพมาร
ตอนที่ 784 : บูชายัญเทพมาร
หลังได้ยินน้ำเสียงที่มีแต่ความไม่พอใจของฉินหยุน เซี่ยฉีโหรวจึงอดไม่ได้ที่เผยเสียงหัวเราะเบา “เสียวหยุน บางที่เหยาเฟิงอาจเพียงทําเช่นนั้นเพื่อจงใจทําให้เจ้ากังวล! เจ้าควรอดทนอีกสักหน่อย ไม่ใช่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและนางดีขึ้นกว่าก่อนหน้าแล้วหรือไร?”
“เป็นข้าไม่ทราบเรื่องใดของนางด้วยซ้ำ!” ฉินหยุนเองก็คิด ว่าความสัมพันธ์ของตนตอนนี้กับเหยาเฟิงค่อนข้างดี
หลายครั้งครา นางช่วยเหลือเขาโดยไม่อิดออด กระนั้นยามที่เอ่ยถึงสิ่งของภายในไข่มุกเม็ดที่สาม ผู้ใดกันทราบว่านางจะกล่าววาจาเลื่อนลอยอย่าง “รอโอกาสไปก่อน” หรือ “เจ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ” หรือ “เวลานี้ยังไม่ใช่” อะไรทํานองนั้น
“พี่ฉีโหรว อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ท่านลองคาดเดา ว่าที่เขตแดนอ้างว้างจันทราทมิฬข้าได้รับอันใดมา!” ฉินหยุนกล่าวคําอย่างลึกลับ
“ไม่ใช่จันทราทมิฬหรือ?” เซี่ยฉีโหรวจําได้ ว่าฉินหยุนได้รับจันทราทมิฬ
“ไม่ใช่! เป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“โอ้! กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกของจอมจักรพรรดิปรโลก!” เซี่ยฉีโหรวเผยน้ำเสียงนึกทึ่ง
จากนั้นฉินหยุนจึงบอกเล่าเรื่องราวให้เซี่ยฉีโหรวได้ฟัง
“ชัดเจนว่าจอมจักรพรรดิปรโลกยังไม่ตาย! เสี่ยวหยุน เจ้าสามารถใช้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกเพื่อหาตัวจอมจักรพรรดิปรโลกได้!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว “จอมจักรพรรดิปรโลกโดนล่อลวงโดยอีกสองจอมจักรพรรดิ เขาต้องโกรธแค้นเป็นล้นพ้นแน่ และเขาต้องอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเราในภายหน้าอย่างแน่นอน!”
“ใช่ ข้าเองก็คิดพยายามเพื่อหาตัวจอมจักรพรรดิปรโลกเช่นกัน” ฉินหยุนกล่าว
ไม่นาน ฉินหยุนจึงบอกถึงสถานะการฝึกฝนตอนนี้ของตนเองต่อเซี่ยฉีโหรว
เซี่ยฉีโหรวที่ได้รับฟัง นางหัวเราะยินดีกล่าวคํา “เสี่ยวหยุน เจ้าไม่ต้องกังวลใดไป เมื่อเจ้าฝึกฝน ปล่อยให้ธรรมชาติเป็นไป เจ้าฝึกฝนร่างเซียนอสูร นับแต่นี้ทุกสิ่งจะยิ่งมั่นคงและเหมาะสมยามเมื่อถึงเวลาเลื่อนระดับ มันมีแต่จะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น”
“พี่ฉีโหรว ท่านเคยกล่าว ว่าหลังข้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ท่านมีเรื่องให้ข้าไปทํา นั่นคืออันใดกัน?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“มันคือการค้นหาวิญญาณตะวันทมิฬ! เก้าตะวันย่อมมีเก้าวิญญาณและเก้าจิตวิญญาณ เช่นเดียวกัน ตะวันทมิฬย่อมต้องมีเก้าวิญญาณและเก้าจิตวิญญาณ!” เซี่ยฉีโหรวอย่างจริงจัง
“วิญญาณ คือสิ่งที่สามารถออกจากร่าง และจิตวิญญาณ คือสิ่งที่ต้องคงอยู่แต่ในร่าง”
“แล้วเก้าวิญญาณและเก้าจิตวิญญาณของตะวันทมิฬอยู่ที่ใดกัน?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยอาการตื่นเต้น
“ข้าเพียงทราบ ว่าเก้าจิตวิญญาณตะวันทมิฬได้ถูกใช้เพื่อสร้างเป็นวิญญาณเทวะเก้าหยินขณะที่เก่าวิญญาณตะวันทมิฬได้ร่วงหล่นสู่เก้าแดนอ้างว้าง” เซี่ยฉีโหรวกล่าว “ข้าครอบครองวิญญาณเทวะเก้าหยิน ดังนั้นจึงสามารถสัมผัสถึงเก้าวิญญาณตะวันทมิฬได้ และมีหนึ่งที่คงอยู่ในแดนวิญญาณอ้างว้าง!”
“ไม่ใช่ว่าเจ้าเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบอยู่อย่างนั้นหรือ? หลังจบเรื่องราว ข้าค่อยชี้แนะแก่เจ้าอีกครั้ง” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“ข้านึก ว่าวิญญาณเทวะเก้าหยินถูกสร้างขึ้นจากดวงจันทราหรืออะไรทํานองนั้น…” ฉินหยุนย่อมต้องการทราบเรื่องของเก้าวิญญาณตะวันทมิฬ
“จันทราและจันทราทมิฬ มันเป็นสิ่งที่ใช้สําหรับการสร้างได้เช่นกัน เสี่ยวหยุน วิญญาณเทวะเก้าหยินมีพลังหยินที่รุนแรง เพราะเหตุนั้นข้าจึงไม่ได้มอบให้แก่เจ้า และมันก็ไม่เหมาะให้บุรุษใช้งานเช่นกัน” เซียนี้โหรวกล่าว
“พี่ฉีโหรว เดิมมันเป็นของท่าน นอกจากนี้ ท่านได้มอบวิญญาณเทวะเก้าตะวันให้แก่ข้าแล้ว เพียงนี้ก็ทําข้ายินดีแทบแย่แล้วขอรับ!” ฉินหยุนยิ้มรับคํา
“วิญญาณเทวะเก้าตะวันและวิญญาณเทวะเก้าหยิน เดิมมันเป็นของเจ้า ทว่าเรื่องนี้อย่าได้พูดกล่าวถึงมันแล้ว!”
คํากล่าวของเซี่ยฉีโหรว มันยิ่งทําให้ฉินหยุนตื่นตะลึง อุปกรณ์เทวะทั้งสอง แท้จริงเป็นของตัวเขาในชาติภพก่อน อย่างกะทันหัน เขาสัมผัสได้ว่าชาติภพก่อนของเขาและเซี่ยฉีโหรวคล้ายมีสัมพันธ์ต่อกัน
“เสี่ยวหยุน เก้าวิญญาณตะวันทมิฬเป็นสิ่งยากได้รับ ทว่าเจ้าครอบครองวิญญาณยุทธ์ตะวันทมิฬ และยังฝึกฝนตะวันทมิฬ นอกจากนี้ เจ้ายังมีวิญญาณดวงตะวันอีกสอง ข้าจึงเชื่อว่าเจ้าจะสามารถค้นหาวิญญาณตะวันทมิฬนั้นมาได้” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“พี่ฉีโหรว วิญญาณตะวันทมิฬสร้างประโยชน์แก่ท่านได้มากหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“ใช่ หลังเจ้าค้นหาเก่าวิญญาณตะวันทมิฬพบ มันจะทําให้วิญญาณเทวะเก้าหยินของข้าสมบูรณ์ และมันจะเป็นตัวช่วยทําให้ข้าได้รับร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรกลับคืนมา!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
ฉินหยุนต้องลอบหวาดกลัว แท้จริงเซี่ยฉีโหรวถึงขั้นฝึกฝนร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรได้แล้ว ไม่แปลกใจที่นางถูกผนึกไว้
“เสี่ยวหยุน เมื่อใดพูดกล่าวกับเหยาเฟิง บอกนาง ว่าข้าคือผู้ที่ฝากฝังแก่เจ้าไว้ เห็นแก่ข้า นางน่าจะส่งพวกมันให้แก่เจ้า” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“ขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ เขาคาดหวังว่าจะได้ผลบ้าง
“อย่างนั้นข้าไปพักแล้ว ข้าต้องปรับตัวให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นจึงชี้แนะแก่เจ้าถึงวิธีการค้นหาเก่าวิญญาณตะวันทมิฬ!” เซี่ยโหรวกล่าวคําจบ แผนที่หลุมฝังเซียนจึงเงียบหายไป
ฉินหยุนเก็บแผนที่หลุมฝังเซียน ก่อนจะส่งเสียงหาเหยาเฟิงที่ภายในไข่มุกเม็ดที่สาม
“พี่สาวเหยาเฟิง ข้าเพิ่งพูดคุยกับพี่ฉีโหรว นางกล่าวว่าจะชี้แนะให้ข้าไปค้นหาเก้าวิญญาณตะวันทมิฬ!” ฉินหยุนบอกเรื่องนี้ให้เหยาเฟิงได้ทราบ ว่าเขาและเซี่ยฉีโหรวค่อนข้างสนิทต่อกัน
“อืม” เหยาเฟิงรับคํา
“พี่ฉีโหรวยังกล่าว ว่าเห็นแก่นาง ท่านควรส่งสิ่งของในไข่มุกเม็ดที่สามให้ข้า!” ฉินหยุนกล่าว
“ข้าย่อมให้เจ้า!” เหยาเฟิงกล่าว
“อย่างนั้นก็ให้ข้าได้แล้ว!” ฉินหยุนกล่าวคําซ้ำ
“ไม่!” คํากล่าวของเหยาเฟิง ทําเอาฉินหยุนคิดอยากเอาหัวโขกกําแพง
“ไม่ใช่ท่านกล่าวว่าจะให้ข้าหรือ? ท่านยังกล่าวก่อนหน้านี้ ว่าเมื่อใดข้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ท่านจะมอบมันให้แก่ข้า นี้ท่านกําลังกลับคืนคําพูด!” ฉินหยุนในเวลานี้ไร้ทางเลือกแล้ว
“ฉินหยุน สิ่งนี้จําเป็นต้องให้ข้าช่วยเหลือเจ้าใช้งาน! หากเจ้าคิดใช้มันด้วยตนเอง เรื่องราวจะอันตรายอย่างยิ่ง! เมื่อใดเจ้ากลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ข้าจะออกไปและช่วยเจ้าใช้งานมัน!” เหยาเฟิงกล่าว
“แท้จริงมันคืออันใดกันแน่?” ฉินหยุนยิ่งมายิ่งสงสัย
“เป็นสิ่งที่ช่วยให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ และยังอันตรายยามใช้งานอีกด้วย! เดิมหมัวจีบอกกล่าวให้ข้าช่วยเสี่ยวโหววใช้งานมัน และอย่าได้ให้นางใช้มันโดยตรง” เหยาเฟิงกล่าว
“ก็ได้! ข้าพยายามรีบกลับไปโดยเร็ว!” ฉินหยุนคิดอยากโบยบินกลับไปเสียเดี๋ยวนี้หากทําได้
หลังพักผ่อนอยู่ตลอดทั้งคืน ฉินหยุนตื่นขึ้นพร้อมออกจากห้อง หลังผ่านห้องรับรองออกมาเขาจึงได้เห็นท้องฟ้าเบื้องนอกของเกาะแห่งดาบที่สอง มันกําลังถูกครอบงําด้วยแสงดวงตะวันสีแดงม่วง! นี่ไม่ใช่ดวงตะวันของจริง แต่เป็นทรงกลมขนาดใหญ่ยักษ์ที่ส่องแสงเจิดจ้า ลําแสงสาดส่องจากตัวมันหนาแน่น มันราวกับดวงตะวันของจริง
“นี่เรื่องบ้าอันใด?” ฉินหยุนเอ่ยถามอย่างตระหนก
“ผู้คนของเขตแดนลึกล้ำนําสิ่งนี้ออกมา เมื่อคืนพวกนั้นไปจากเกาะแห่งดาบ จากนั้นจึงนําเจ้าสิ่งนี้มาปรากฏด้านนอกเกาะแห่งดาบ ข้าเองก็ไม่ทราบว่ามันคืออะไร” เปาเฉิงโฉ่วกล่าว
“จ้าวสํานักดาบยังได้กล่าว ว่าการแข่งขันเดิมจะเริ่มในอีกสามวัน เวลานี้เลื่อนออกไปเป็นห้าวัน!”
“แม่นางหยางกลับไปกับแม่เฒ่าหยุนเหยาแล้ว นางกล่าวว่าจะพยายามแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด!”
ทันใดนี้เอง เจี้ยนสือเทียนเร่งร้อนบินมา หลังลงถึงพื้น เขาจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “พวกคนของเขตแดนลึกล้ำ ถึงขั้นนําวิธีการลับสมัยบรรพกาลออกมาใช้เพื่อเพิ่มพลังให้หลงเฉิ่งขวง!”
“จากข่าวที่ได้รับจากสายสืบ หลงเฉิ่งขวงตอนนี้ทําให้กลองทดสอบพลังลึกล้ำดังถึงแปดสิบครั้งได้แล้ว ทว่าตอนนี้ก็ยังคิดเพิ่มพูนกําลังให้มากยิ่งขึ้นไปอีก!”
หลังได้ทราบ เปาเฉิงโจ่วและคู่ปินอว์ต่างสะท้านเกิดความกังวล
“พวกมันไม่คิดเลิกรายั่วยุข้า!” ฉินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยน “หากพวกมันใช้วิธีเช่นนี้ เพิ่มพูนกําลังสิ่งที่ต้องจ่ายย่อมมหาศาล!”
เจี้ยนสือเทียนพยักหน้ารับกล่าว “เป็นเช่นนี้ นอกจากนี้แล้ว มันจะยิ่งทําให้หลงเฉิ่งขวงรุนแรงและไร้เหตุผลมากขึ้น!”
เจี้ยนหลิงหลงมองที่ฉินหยุนด้วยความกังวล “แปดสิบครั้ง นั่นทัดเทียมพลังเต๋าลึกล้ำของผู้ที่เกือบก้าวถึงราชันยุทธ์! พวกเจ้ายังหนุ่ม กระนั้นแต่ละคนกลับครอบครองพลังชวนสะพรึงนัก!”
สําหรับราชันยุทธ์ทั่วไป จะมีพลังเต๋าลึกล้ำที่สามารถทําให้กลองดังนับร้อยครั้งได้ หากเป็นราชันยุทธ์ที่แข็งแกร่ง เช่นนั้นอาจได้สักหนึ่งร้อยห้าครั้ง
ฉินหยุนมองที่ดวงตะวันขนาดย่อมที่เป็นบอลแสงสีแดงม่วง เขาขมวดคิ้วกล่าว “หากพวกมันยังทําต่อไป เช่นนั้นพลังจะเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง นี่มันวิธีการลับอันใดกัน?”
เจี้ยนสือเทียนนําเปลือกหอยเสียงสื่อสารออกมา รับฟังข่าวคราวล่าสุด สีหน้าของเขายิ่งหนัก
“หลงเฉิ่งขวงยังไม่หยุดดูดกลืนพลังของดวงตะวันแดงม่วง พลังตอนนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาทําให้กลองทดสอบพลังลึกล้ำดังถึงหนึ่งร้อยครั้งได้แล้ว!
เปาเฉิงโฉ่ว ฉู่ปินอวี้ และเจี้ยนหลิงหลง รวมถึงบรรดาผู้อาวุโสล้วนตื่นตะลึงพร้อมสูดลมหายใจเข้าลึก หลงเฉิ่งขวงถึงขั้นเพิ่มพูนพลังได้ถึงขั้นที่พวกเขายากจะเชื่อ
“มันก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงหรือระดับสูงสุดแล้ว?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความกังวล
“เป็นไปไม่ได้ หากเขาเลื่อนระดับขึ้นมา เช่นนั้นเขาจะไม่อาจเข้าร่วมการแข่งขัน นั่นจะกลายเป็นการกระทําที่ไร้ความหมาย” เจี้ยนสือเทียนส่ายศีรษะ “ในอีกหลายวันถัดจากนี้ พวกเรายิ่งต้องระวังให้มาก!”
ฉินหยุนหันมองทางเปาเฉิงโจ่วและกล่าว “จ้าวสํานัก ท่านนําข้ากลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ การแข่งขันจะเริ่มขึ้นในอีกห้าวัน ไม่กี่วันถัดจากนี้ ข้าจะเพิ่มพูนการฝึกฝน!”
เปาเฉิงโจ่วทราบ ว่าผู้อาวุโสสูงสุดอย่างปิงชิงมักชี้แนะการฝึกฝนแก่ฉินหยุน เขาพยักหน้ารับก่อนเร่งรีบนําฉินหยุนกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์
ฉินหยุนตอนนี้เพียงคิดก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลาง ถึงตอนนั้น เขาจะทําให้กลองดังได้ราวหนึ่งร้อยครั้ง และคิดเอาชนะหลงเฉิ่งขวงย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็น สาเหตุว่าทําไมเขาคิดกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ก็เพราะต้องการขอให้เหยาเฟิงใช้อุปกรณ์ลึกลับนั้นเพิ่มพูนพลังตนเอง ระหว่างทาง เขายังบอกต่อเหยาเฟิงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหลงเฉิ่งขวง
เหยาเฟิงที่ได้ยินจึงแค่นเสียงกล่าว “วิธีการบรรพกาลเช่นนี้ เป็นวิธีของเต๋าอสูร มันมีแต่จะทําร้ายร่างกาย ทั้งยังจะบีบเค้นให้ผู้คนเข้าสู่เต๋อสูรโดยสมบูรณ์ มีแต่ผู้ที่ครอบครองอุปกรณ์วิเศษป้องกันจิตใจ จึงสามารถลดทอนการคุกคามให้เหลือเพียงระดับร่างกายได้!”
“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านกําลังกล่าว ว่าหลงเฉิ่งขวงจะคงสภาวะนั้นได้ไม่นาน? มันไม่ใช่คงอยู่ถาวรหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“อย่างมากก็ราวสองปี หลังพลังนั้นเลือนหาย มันต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อฟื้นตัว” เหยาเฟิงกล่าว “จุดประสงค์หลักของวิชาลับเช่นนี้ ก็คือการสังเวยชีวิตต่อเทพมารเพื่อหยิบยืมพลังของเทพมาร! ข้าเองก็ไม่ทราบว่าพวกมันไปหาแท่นบูชายัญมาได้อย่างไร พวกมันถึงขั้นติดต่อกับเทพมารได้!”
เปาเฉิงโฉ่วเร่งความเร็วสูงสุด เขานําฉินหยุนกลับสู่พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ด้วยเวลาเพียงครึ่งวัน ระหว่างทาง เหยาเฟิงยังได้กล่าว ว่านางสามารถช่วยฉินหยุนเลื่อนระดับสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลาง
ทันทีเมื่อกลับมา ฉินหยุนจึงเร่งร้อนมุ่งหน้าไปยังตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อพบปิงชิง เหยาเฟิงไม่ต้องการพบปิงชิง ทว่านางทราบ ว่าฉินหยุนตอนนี้กําลังเผชิญหน้ากับศัตรูอันตราย ดังนั้นนางจึงต้องร่วมมือกับปิงชิงเพื่อช่วยฉินหยุนเลื่อนระดับพลัง ทันทีเมื่อมาถึงตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนกลับไม่พบชิงชิงนั่งอยู่ข้างสระเซียนเช่นที่เคยเป็น
“ฉินหยุน สิ่งนี้ไม่อาจใช้งานบ่อยได้ หลังจากเจ้าใช้ในครั้งนี้ เจ้าต้องรออีกหลายปีกว่าจะใช้งานได้อีกครั้ง!”
เหยาเฟิงออกมาจากไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน พร้อมถือกล่องยาวสีดําไว้ในมือ