Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 785 : เข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์
ตอนที่ 785 : เข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์
ฉินหยุนที่ได้เห็นกล่องยาวสีดํา ตัวเขาเวลานี้ตื่นเต้น เพราะนั่นคือวัตถุลึกลับซึ่งคงอยู่ในไข่มุกเม็ดที่สาม
เดิม มารดาของเซี่ยฉีโหรว หมัวจีได้หลงเหลือสิ่งนี้ไว้ในวิญญาณเทวะเก้าตะวัน พวกมันเดิมเป็นสิ่งที่ไว้ช่วยให้เซี่ยฉีโหรวได้แข็งแกร่งขึ้น ภายหลัง เซี่ยฉีโหรวมอบวิญญาณเทวะเก้าตะวันให้แก่ฉินหยุน
“มันคืออะไรกัน?” ฉินหยุนถามพลางเดินเข้าหา เขายื่นมือออกคิดสัมผัส ทว่าสายตาจับจ้องของเหยาเฟิงทําให้เขาต้องชักมือกลับ
ทันใดนี้ สระเซียนพลันมีปฏิกิริยา ปิงชิงโผล่พรวดออกจากสระเซียนลงมาที่พื้น ชุดขาวงดงามดังหิมะของนางพลิ้วไหวกับอากาศร่วมกับพลังงานเซียนสีขาว นางเป็นโฉมงามแห่งโลกหล้าที่บริสุทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์ และสูงศักดิ์
ได้เห็นปิงชิง เหยาเฟิงรู้สึกปวดร้าวภายใน เพราะหลังจากที่นางโดนสาปจนอัปลักษณ์เช่นนี้มันทําให้นางไม่อาจเทียบเปรียบอีกฝ่าย นางได้แต่ก้มหน้ามองลงพื้น
ฉินหยุนพบเห็นสีหน้าเหยาเฟิงย่ำแย่ เขารู้สึกปวดใจไม่แพ้ผู้ใด เขาก้าวเดินไปสัมผัสที่ไหล่ของเหยาเฟิงพร้อมกล่าวเสียงเบา “พี่สาวเหยาเฟิง ทุกสิ่งอย่างจะต้องดีขึ้น”
เวลานี้ เหยาเฟิงที่เกลียดชังฉินหยุนในชาติภพก่อน หาได้แสดงออกเช่นกาลก่อน ปิงชิงเมื่อครู่อยู่ที่ต้นกําเนิดเซียนเบื้องล่างสระเซียน นางสัมผัสได้ถึงออร่าทรงพลังอํานาจจึงออกมาหลังได้เห็นเหยาเฟิง คิ้วของนางขมวด นางครั้งหนึ่งเคยถูกฉินหยุนถามเรื่องเหยาเฟิง และตอนนี้ในที่สุดนางก็ได้พบกับเหยาเฟิง
“เป็นเจ้า!”
ปิงชิงตอนนี้จดจําได้แล้วว่าเหยาเฟิงคือผู้ใด
“ปิงชิง ดูเหมือนเจ้าจะดียิ่งกว่าข้านัก!” เหยาเฟิงกล่าวคําจบ จึงหันมองทางฉินหยุน
“ใช่ ข้าย่อมดีกว่าเจ้า” ชิงชิงถอนหายใจหนักและยาว นางกล่าว “ข้าไม่คิดเลย ว่าชายคนนั้นจะทําให้เจ้าต้องถูกคําสาปของจอมจักรพรรดิอสูรเซียนเช่นนี้!”
ฉินหยุนพลันไหวไหล่ สีหน้าของเขาไม่รู้ว่าควรเผยอันใดดีแล้ว
เหยาเฟิงกล่าว “เรื่องนั้นช่างมันก่อน ข้าต้องการช่วยเหลือชายคนนี้ให้แข็งแกร่ง ข้าต้องให้เจ้าช่วย เช่นนี้จะได้มีเสถียรภาพยิ่งขึ้น เขาฝึกฝนร่างเซียนอสูร ดังนั้นจึงเกรงว่าเพียงข้าจะไม่อาจทําให้เรื่องราวราบลื่นได้!”
ปิงชิงมองกล่องและจึงถาม “ไม่เกลียดชังเขาแล้วหรือ?”
“เกลียดชังเขาแล้วข้าได้อะไร? ตอนนี้ข้าได้แต่ไว้ใจฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเขา!” เหยาเฟิงจ้องมองฉินหยุนพร้อมถอนหายใจยาว
“แล้วนี่เจ้ามากับเขาได้อย่างไร?” ปิงชิงถามอีกครั้ง นางจําได้ ว่าฉินหยุนเคยบอกว่าพบเจอเหยาเฟิงในความฝัน
“นานมาแล้ว เสี่ยวโหรวฝากของสิ่งหนึ่งไว้กับเขา เป็นข้าถูกผนึกไว้ภายในนั้น และตอนนี้จึงออกมาได้” เหยาเฟิงกล่าว “พวกต้องช่วยเขาให้เลื่อนระดับพลัง เขาจะต้องไปสู้กับผู้ที่บูชายัญเรียกพลังจากเทพมาร!”
“แล้วจะช่วยเขาอย่างไร?” ปิงชิงถาม
“ข้าได้พูดคุยกับเขาแล้ว ได้ยินว่าเจ้ามีบรรทมเซียนตะวันจันทราที่นี่ใช่หรือไม่?” เหยาเฟิงถาม
ปิงชิงพยักหน้ารับ
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุน ปิงชิง และเหยาเฟิงจึงมาถึงที่ก้นบึงสระเซียน ฉินหยุนเร่งรีบนอนลงบนบรรทมเซียนตะวันจันทรา เหยาเฟิงเปิดกล่องออกมา ภายในเป็นเข็มเก้าเล่ม ทว่ามันใหญ่ไม่ต่างอะไรกับตะเกียบ
ฉินหยุนพลันลุกขึ้นนั่ง สายตามองเข็มทั้งเก้าเล่มพร้อมร้องถาม “พี่สาวเหยาเฟิง นั่นบ้าอะไร?”
“เข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์!” ดวงตาของปิงชิงทอประกายตื่นตระหนก
ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะเกิดความเย็นวาบในหัวใจ เขารู้สึกว่าเข็มทั้งเก้าเล่มนั้นมันพร้อมจะทิ่มแทงทรมานตัวเขา!
“นอนลงและอยู่ให้นิ่ง!” เหยาเฟิงร้องโพล่งบอก
ฉินหยุนที่นอนลงแล้ว เขาเกิดอาการร้อนรนจึงเอ่ยถาม “พี่สาวเหยาเฟิง ท่านคิดทิ่มแทงเข็มทั้งเก้าเล่มนั้นใส่ตัวข้าหรือ?”
เหยาเฟิงจึงแค่นเสียง “ด้วยกําลังเจ้าตอนนี้ ย่อมไม่มีทางทนทา นรับการแทงของเข็มทั้งเก้าได้!”
“แล้วเข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์นี้คืออะไร? มันสามารถทําให้ข้าแข็งแกร่งได้จริงหรือ?”
หลังจากที่ฉินหยุนได้เห็นเหยาเฟิงนําเข็มออกมาเล่มหนึ่ง ตระเตรียมทุ่มเข้าใส่ เขาจึงต้องสูดอากาศเย็นเยือกเข้าจนเต็มปอด
ปิงชิงอธิบาย “มันสามารถผนึกจิตวิญญาณเจ้า ทําให้การเชื่อมต่อระหว่างจิตวิญญาณและร่างกายแยกออกจากกัน เช่นนี้ พวกเราจะสามารถถ่ายเทพลังงานเข้าสู่แก่นเต๋ของเจ้าโดยตรง เพื่อทําให้แก่นเต๋ของเจ้าเลื่อนระดับได้!”
“หากพวกเราไม่ทําการผนึกจิตวิญญาณ เช่นนั้นจิตวิญญาณของเจ้าจะปฏิเสธพลังที่พวกเราถ่ายเทเข้าไปจนไม่อาจดําเนินต่อ นอกจากนี้ วิธีการนี้ยังมีอันตรายอีกหลายทางจากปฏิกิริยาตอบสนอง ทั้งยังต้องใช้เวลาหลายปีกว่าจะปรับตัวและทําการขัดเกลาพลังอีกครั้งหนึ่งได้”
“ด้วยเข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์นี้ พวกเราจะผนึกจิตวิญญาณเจ้า และทําการถ่ายเทพลังต่อเนื่องสู่แก่นเต๋า ทําให้มันสามารถขัดเกลาพลังงานได้อย่างรวดเร็ว และสุดท้ายจึงทําให้เจ้าเลื่อนระดับพลังได้”
ได้ยินคํากล่าวเหล่านี้ ฉินหยุนรู้สึกหวาดกลัวจับใจ เพราะขั้นตอนคือเขาต้องหมดสิ้นสติไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เข็มในมือของเหยาเฟิง ฉับพลันนี้จึงแทงเข้าใส่ศีรษะฉินหยุนในพริบตา ฉินหยุนเข้าสู่สภาวะแปลกประหลาด ตัวเขาขาดการรับรู้ใดจากร่างกาย ตอนนี้เขาได้เพียงแต่อาศัยอยู่ ภายในโลกมายาพร้อมกับหลิงหยุนเอ๋อ
“หยุนเอ๋อ เจ้าทราบหรือไม่ว่าภายนอกเกิดอันใดขึ้น?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“ข้าไม่ทราบ ข้าเองก็ถูกผนึกไว้กับเจ้า! เหตุใดจึงต้องกลัว? พี่สาวปิงชิงเอารัดเอาเปรียบต่อเจ้าหลายครั้งคราแล้ว อีกสักหลายครั้งจะเป็นไรไป?” หลิงหยุนเอ๋อหัวเราะดัง
หลังจากที่ร่างกายและจิตวิญญาณของฉินหยุนแยกออกจากกันเป็นเวลาสามวัน ท้ายที่สุดเขาค่อยฟื้นคืนสติกลับมาได้ เขาลืมตาขึ้นพร้อมได้เห็นปิงชิงและเหยาเฟิง ตัวเหยาเฟิงตอนนี้กําลังเก็บเข็มกลับใส่กล่อง
ฉินหยุนรู้สึกประหลาดจนต้องถามออก “นี่ข้าเลื่อนระดับแล้ว?”
เหยาเฟิงกล่าว “เจ้าตอนนี้อยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลางแล้ว ทว่าเจ้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำไม่นานมานี้ และตอนนี้ยังเลื่อนระดับอีกครั้ง ข้าไม่ทราบว่าเรื่องนี้จะส่งผลใดในภายหลังหรือไม่”
ฉินหยุนรับรู้ถึงตะวันทมิฬตนเองได้อีกครั้ง เขาได้ทราบ ว่าตะวันทมิฬมันไม่ได้ปลดปล่อยแสงสีดําออกมาอีก และพลังเต๋าลึกล้ำก็แข็งแกร่งมากขึ้น แก่นเตําลึกล้ำที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลาง มันสามารถปลดปล่อยพลังอันคมกล้าออกมาเพื่อทําให้พลังเต๋าลึกล้ำแข็งแกร่งขึ้น
หากคิดอยากตรวจสอบว่าตนเองอยู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลางหรือไม่ ก็จําเป็นต้องใช้พลังจิตเพื่อตรวจสอบออร่า และหากสัมผัสได้ถึงความรู้สึกคมกล้า เช่นนั้นจึงเป็นขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับกลางที่แท้จริง
“ข้าเลื่อนระดับพลังแล้ว!” ฉินหยุนแทบไม่อาจเชื่อ เพราะระหว่างกระบวนการตัวเขาไม่ทราบอะไรเลย
ปิงชิงกล่าว “ฉินหยุน เข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์ไม่อาจใช้งานซ้ำได้ เจ้าควรต้องตั้งใจกว่านี้และอย่าได้ทําให้จิตวิญญาณได้รับบาดเจ็บรุนแรง!”
เหยาเฟิงถึงตรงนี้จึงกล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “เมื่อครู่จิตวิญญาณของเจ้าแยกออกจากร่าง ดังนั้นแล้วเมื่อใดจิตวิญญาณและร่างกายเชื่อมต่ออีกครั้งหนึ่ง มันย่อมต้องมีแผลเป็นปรากฏที่การเชื่อมต่อระหว่างพวกมันทั้งสอง หากจิตวิญญาณเจ้าได้รับความเสียหายหนักหนาซ้ำเติม เช่นนั้นมันอาจหลุดจากร่าง พร้อมลอยล่องไปอย่างไร้ทิศทาง!”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนตระหนกพร้อมจดจํา เขาถึงขั้นจินตนาการสภาพจิตวิญญาณของตนเองที่สูญเสียการควบคุมหลุดลอยหาย มันทําเขาเอาหวาดกลัวขึ้นมา
ตอนนี้เขาได้ทราบกระจ่างแล้ว ว่าเหตุใดเข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์จึงไม่อาจใช้งานซ้ำ นั่นก็เพราะมันจะทําให้เกิดแผลที่การเชื่อมต่อระหว่างกายและจิตวิญญาณ และยิ่งมีแผลเป็นมาก มันก็ยิ่งเชื่อมต่อกันได้ยากมากขึ้น
“วางใจ หลังเจ้าฟื้นตัวให้ดี ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เจ้าก็สามารถใช้งานมันได้อีกครั้ง!” เหยาเฟิงกล่าว
ใช้งานได้หลังผ่านไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง นั่นหมายความถึงเขาสามารถเลื่อนระดับพลังได้อย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น นี่ถือเป็นเรื่องดี!
ปิงชิงกล่าว “เข็มผนึกวิญญาณเก้าตะวันยังเป็นอาวุธที่ดีเยี่ยมเช่นกัน! แต่ดีที่สุดคืออย่าได้ใช้มันโดยขาดความระวัง หากหายไปเพิ่มหนึ่ง ทั้งชุดก็ไร้ค่าให้ใช้งานแล้ว!”
เหยาเฟิงถือกล่องไว้แน่น นางเกรงว่าฉินหยุนจะนําไปใช้งานต่อสู้ น้ำเสียงเย็นเยือกกล่าวออก “ฉินหยุน หากเจ้าคิดอยากใช้มันในฐานะอาวุธ เมื่อใดถึงเวลา ข้าจะให้เจ้าหยิบยืมเอง ทว่านั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้วย!”
“ตอนนี้ข้าเพียงคิดไปตําหนักเซียนดาบแล้ว!” ฉินหยุนลอบสัมผัสถึงพลังเต๋าลึกล้ำของตนเอง มันทําให้เขารู้สึกพึงพอใจยิ่ง
“พี่เหยาเฟิง ท่านอย่าได้ใส่ใจสภาพในเวลานี้เลย ภายหน้าย่อมต้องดีขึ้นแน่” ได้เห็นเหยาเฟิงคิดจากไป ปิงชิงจึงเข้ามากล่าวปลอบประโลม
“เสี่ยวชิง เจ้าต้องสงบใจเอาไว้ ฟื้นคืนกําลังเจ้าให้ถึงขีดสูงสุดในที่นี้ ถึงตอนนั้นค่อยไปยังแดนเซียนอ้างว้าง” เหยาเฟิงพยักหน้ารับ ก่อนจะกลับเข้าสู่ไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน
จากบทสนทนา ฉินหยุนจึงได้ตระหนัก ว่าสถานะของเหยาเฟิงค่อนข้างสูงไม่ใช่น้อย
“พี่สาวปิงชิง เหยาเฟิงคือผู้ใดกัน?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“อย่าได้ถามแล้ว เจ้าไปเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ดาบเสีย!” ปิงชิงกล่าวคําจบ นางจึงทะยานร่างขึ้นจากสระเซียนพร้อมฉินหยุน
ฉินหยุนเก็บงําอาการหดหูไว้ในใจ จากนั้นจึงก้าวเดินออกจากตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อไปพบเปาเฉิงโจ่ว หลังพบเจออีกฝ่าย พวกเขาจึงเริ่มมุ่งหน้าเดินทางสู่เกาะแห่งดาบ เพราะฉินหยุนฝึกฝนตะวันทมิฬแทนที่จะเป็นแก่นเต๋าลึกล้ำ พละกําลังของเขาจึงไม่มีทางง่ายพบเห็น แม้เปาเฉิงโจ่วพยายามสํารวจค้นหา เขาก็ยังไม่อาจได้พบอันใด
ระหว่างทาง ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารหาเหยาเฟิงที่อยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน “พี่สาวเหยาเฟิง ระหว่างที่ข้าหมดสติ พี่สาวปิงชิงได้ทําอื่นใดหรือไม่?”
“อื่นใดอันใดที่นางจะทํา? พวกเราทั้งสองใช้เวลาทั้งสามวันเสริมพลังให้แก่ตะวันทมิฬของเจ้า พวกเราถ่ายเทพลังไปจนกระทั่งมันเกิดแปรเปลี่ยนขึ้นมา” เหยาเฟิงกล่าว
“เอ่อ… อย่างนั้นก็ดีแล้ว!” ฉินหยุนถอนหายใจโล่งอก
รัศมีสองล้ำรอบเกาะแห่งดาบที่สอง มันปกคลุมด้วยมวลเมฆสีแดงม่วง ทั้งพื้นที่กลับกลายเต็มไปด้วยออร่าอสูรร้าย
“พวกคนของเขตแดนลึกล้ำ นี่พวกมันไปยังเขตแดนลึกล้ำอสูรอ้างว้างเพื่อเรียนรู้วิชานี้มาหรือไร? เหตุใดพวกมันจึงทราบเต๋อสูรที่ชั่วร้ายเพียงนี้กัน?” หลังเปาเฉิงโฉ่วมาถึง สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนและกล่าว “ฉินหยุน เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ต่อมันและยอมกล้ำกลืนเป็นไร?”
“ข้าย่อมไม่ทําแน่!”
ฉินหยุนเวลานี้มั่นใจในกําลังตนเองเป็นอย่างยิ่ง และต่อให้ไม่ใช่ เขาก็ไม่มีทางคิดยอมแพ้!
เปาเฉิงโฉ่วนำฉินหยุนกลับสู่คฤหาสน์เซียนดาบซึ่งตั้งภายในค่ายอาคมเจ็ดดาบอันยิ่งใหญ่ ในสวนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของคฤหาสน์เซียนดาบ อู่ปินอและเจี้ยนหลิงหลงกําลังนั่งรอคอยด้วยสีหน้าหนักอึ้ง
เจี้ยนรั่วหยานพบเห็นฉินหยุนกลับมาจึงเร่งรีบเดินเข้าหา นางกล่าวเสียงเบา “พี่หยุน ข่าวใหญ่!”
“ข่าวใหญ่อันใด?” เปาเฉิงโฉ่วเร่งร้อนเอ่ยถาม
“หลงเฉิ่งขวงกลายเป็นคนละคนไปแล้ว ที่ศีรษะอีกฝ่ายเวลานี้ มันมีเขางอกออกมา!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนําเอากล้วยออกมา ก่อนจะทําท่าปักที่หน้าผากพร้อมกล่าว “อย่างนี้!”
ฉินหยุนที่ได้เห็นจึงหัวเราะ “เย่ว์เหม่ย อย่าได้ไปทําเช่นนี้ต่อหน้าหลงเฉิ่งขวงแล้ว เดี๋ยวจะกลายเป็นเจ้ากระตุ้นโทสะมันเข้า!”
เจี้ยนหลิงหลงกล่าว “เป็นเขาอสูรในตํานาน! หลังหลงเฉิ่งขวงมีเขาอสูรนี้ กําลังของมันจึงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ตามรายงานที่ได้รับมา กระทั่งราชันยุทธ์ก็ไม่อาจเอาชนะมันได้!”
เจี้ยนรั่วหยานกล่าว “พี่หยุน พี่หยางกล่าวว่าเมื่อใดท่านกลับมาแล้ว ให้รีบไปเก็บตัวเงียบโดยทันที!”
“เหตุใดข้าจึงต้องทําเช่นนั้น?” ฉินหยุนเบะปากกล่าวคํา “ข้าย่อมต้องเอาชนะมันได้!”