Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 815 : รับศิษย์
ตอนที่ 815 : รับศิษย์
อักขระเต๋าทะยานลึกล้ำที่ฉินหยุนได้รับมา มันสามารถเพิ่มพูนการฝึกฝนของขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ กระนั้น เขาไม่ทราบรายละเอียดแน่ชัดว่าผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นอย่างไร
“หากเจ้าต้องการให้ชี้แนะส่วนใด ก็มาพบข้าได้” ปิงชิงกล่าว
หลังจากที่ฉินหยุนออกจากตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ เขาจึงมาถึงหอพิทักษ์กฏ ก่อนหน้านี้แม่เฒ่าหม่าบอกให้เขามาพบปะ
หอพิทักษ์กฏเป็นสวนฝึกขนาดใหญ่ มันมีบ้านเล็กและบ้านใหญ่หลากหลายปลูกสร้างคงอยู่ เวลานี้ ฉินหยุนกําลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าบ้านหลังใหญ่ตรงส่วนเหนือของสวน
ที่แห่งนี้ มันมีหอคอยสูงหกชั้นตั้งอยู่ มันคือหอคอยเจดีย์อันวิจิตรของเจี้ยนหลิงหลง
เขาเดินตามแม่เฒ่าหม่าจนมาถึงที่นี่ ไม่ช้า เขาจึงได้พบเด็กสาวน่ารักสดใสสวมใส่ชุดสีขาวกําลังเล่นกับโคลน เด็กสาวผู้นี้คือเหลียวจิงเหมิง
นางพบเห็นฉินหยุนมาเยือน ดังนั้นจึงร้องตะโกนยินดี “ พี่หยุน!”
ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป ก่อนจะลูบสัมผัสใบหน้างดงามของนางพร้อมยิ้มถาม “จิงเหมิง พักอาศัยอยู่ที่นี่หรือ?”
เหลียวจิงเหมิงที่ล้างมือเรียบร้อยแล้ว นางจึงคว้ามือของฉินหยุนไว้ด้วยความยินดีก่อนจะดึงเขาเข้าไปภายในบ้าน “พี่หยุน ข้า พี่สาวหลิงหลง กระทั่งพี่สาวรั่วหยานต่างพักอาศัยที่นี่ร่วมกัน ท่านยายหม่าบอกกล่าว ว่าภายหลังท่านเองก็จะมาอยู่ที่นี่ เป็นเรื่องจริงหรือ?”
“ใช่ ข้าจะอยู่ที่นี่สักชั่วระยะเวลาหนึ่ง” ฉินหยุนรู้สึกว่าหากร่วมมือกับเจี้ยนหลิงหลง เขาจะสามารถสร้างอุปกรณ์ได้ง่ายดายมากขึ้น
เจี้ยนหลิงหลงเดินออกจากห้อง นางสวมใส่ชุดสีแดงเพลิงร้อนแรง ทันทีเมื่อพบเห็นฉินหยุนนางจึงเผยยิ้ม “ฉินหยุน หลังได้ทราบว่าเจ้าจะมาพักอาศัยที่นี่ เหมิงเหมิงดีใจน่าดู!”
แม่เฒ่าหม่ากล่าวทักทายเจี้ยนหลิงหลงก่อนจะหันกายกลับ
“แล้วน้องหยานเล่า? เหตุใดไม่เห็นนาง?” ฉินหยุนยิ้มถาม
“นางเก็บตัวฝึกฝนอยู่ เป็นนางต้องการไล่ทันเจ้าให้ได้” เจี้ยนหลิงหลงตอบ
“ข้าเองก็วางแผนเก็บตัวฝึกฝนเช่นกัน ตอนนี้มีโอกาสได้พบพี่หยุนก่อน เช่นนี้ข้าค่อยไปฝึกฝนอย่างยินดีแล้ว!” เหลียวจิงเหมิงคิดอยากใช้เวลาที่มีร่วมกับฉินหยุนเป็นอย่างยิ่งก่อนจะเข้าเก็บตัว
ฉินหยุนเองก็นึกถึงน้องสาวผู้ใสซื่อบริสุทธิ์น่ารักน่าชังผู้นี้เช่นกัน เขาได้มอบผลไม้หวานอร่อยแก่นางก่อนจะร่วมกินด้วยกัน
เจี้ยนหลิงหลงชี้แนะเหลียวจิงเหมิงในการขัดเกลาสร้างอุปกรณ์ บางครั้งยังรวมถึงการฝึกฝน นอกจากนี้ นางยังนําเหลียวจิงเหมิงไปยังตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์เพื่อขอคําชี้แนะจากปิงชิง ดังนั้นแล้ว อัตราการเติบโตของเหลียวจิงเหมิงจึงก้าวหน้าพุ่งทะยาน
“พี่สาวหลิงหลง อักขระตะวันที่ข้าได้รับหลังการแข่งขันจารึกชุมนุมยุทธ์ดาบ สิ่งนั้นใช้งานอย่างไร?” ฉินหยุนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“อักขระตะวันมีวิธีการประยุกต์ใช้งานหลากหลาย! ยกตัวอย่างเรียบง่ายที่สุด มันสามารถเพิ่มอัตราการดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวันได้!” ระหว่างพูดคุยถึงอักขระตะวัน เจี้ยนหลิงหลงยิ่งพูดถึงยิ่งตื่นเต้นอยู่พักหนึ่ง
ไม่นานนัก นางจึงแจ้งต่อฉินหยุน ถึงการใช้งานอันหลากหลายของอักขระตะวัน กล่าวได้ว่ามันสามารถใช้ได้เป็นวงกว้าง สามารถคงอยู่ได้ทั้งในค่ายอาคมและม่านพลัง กระทั่งสามารถแกะสลักไว้บนอุปกรณ์วิเศษ
การเพิ่มอัตราการดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวัน มันหมายความถึงสามารถฟื้นฟูพลังงานที่ใช้ไปได้อย่างรวดเร็ว ค่ายอาคมทั้งหลาย รวมถึงอุปกรณ์วิเศษล้วนต้องการอักขระช่วยดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวัน ทว่าส่วนใหญ่ที่มีมักเป็นอักขระระดับดาษดื่น
ทว่าอักขระตะวันไม่ใช่ มันคือตัวตนที่สามารถช่วยดูดกลืนพลังงานวิญญาณเก้าตะวันได้อย่างรวดเร็วมหาศาล
ไม่นานจากนั้น เจี้ยนหลิงหลงจึงเริ่มอธิบายรายละเอียดของสิ่งที่อักขระเทะยานลึกล้ำสามารถทําให้แก่ฉินหยุน ตรงจุดนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ฉินหยุนต้องการทราบอยู่พอดี
“พี่สาวหลิงหลง ท่านกล่าวว่าด้วยอักขระเตทะยานลึกล้ำ มันสามารถช่วยให้ข้าก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุดได้อย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม
“เป็นไปได้อย่างยิ่ง ทว่าข้าไม่มั่นใจแน่ชัดว่าต้องใช้เวลายาวนานเพียงใด! กล่าวโดยทฤษฎีอักขระเทะยานลึกล้ำสามารถปลดปล่อยพลังงานที่ส่งเสริมแก่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำได้อย่างดียิ่ง ทําให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มพูนระดับการฝึกฝนได้ง่ายดาย” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“อย่างนั้นข้าขอไปพักก่อน”
ฉินหยุนคิดแผนการใช้งานอักขระเต๋าทะยานลึกล้ำช่วยเหลือการฝึกฝน ดังนั้นเขาจําเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ขึ้นจํานวนหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพักอยู่สองวันเต็มก่อนจะเริ่มงานสร้างอุปกรณ์ร่วมกับเจี้ยนหลิงหลง ตัวเจี้ยนหลิงหลงไม่มีอักขระเตที่ดีมากมายนัก ด้วยเหตุนี้ ทันทีที่นางได้รับอักขระเต๋าหลังการแข่งขัน นางจึงตั้งใจศึกษาพวกมันอย่างคร่ำเคร่ง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าเป็นผลให้ประสบการณ์ของนางสามารถได้รับมาอย่างก้าวทะยาน
ฉินหยุนกลับห้องพักตนเอง นําแผนที่หลุมฝังเซียนออกมาและหยดเลือดลงไป เพียงไม่นานเสียงของเซี่ยฉีโหรวจึงดังขึ้นในห้วงความคิด
“พี่ฉีโหรว ไม่นานมานี้ข้าเผชิญปัญหามากมายนัก ทําให้ไม่มีโอกาสได้ติดต่อกับท่านเลย” ฉินหยุนบอกต่อนาง เพราะเซียฉีโหรวต้องการให้เขาไปช่วยค้นหาวิญญาณตะวันทมิฬ
“เผชิญปัญหามากมายหรือ? บอกเล่าแก่ข้า!” เซียฉีโหรวคิดอยากทราบสถานการณ์ของฉินหยุนตอนนี้
ไม่นานนัก ฉินหยุนได้บอกเล่าหลายสิ่งอย่างแก่เซี่ยฉีโหรว ทั้งเรื่องหลงเฉิงขวงที่ถูกเทพมารครอบงํา ทั้งเรื่องเข้าสู่เมืองภูตผีต้องห้าม และเรื่องเนตรศักดิ์สิทธิ์ของหลันซูเหยา
“เขาอสูรของเทพมารอยู่กับพี่สาวเหยาเฟิง กล่าวว่าจะศึกษาวิเคราะห์มันดู ข้าไม่ทราบว่าจนถึงตอนนี้นางทราบอันใดมาบ้าง” ฉินหยุนบอกเล่าไปแทบทั้งหมด
“ให้นางถือครองมันเอาไว้ชั่วคราวเช่นนั้น หากเจ้านําออกมา เทพมารจะทราบและอาจมาก่อปัญหาแก่เจ้าได้!” หลังได้ทราบเรื่องราวของฉินหยุน เซี่ยฉีโหรวแทบไม่อาจระงับอาการตื่นตะลึง
“พี่ฉีโหรว ตัวตนเช่นเทพมารเป็นอย่างไรกันแน่? หลังถูกครอบงํา ผู้หนึ่งถึงกับสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้มหาศาล!” ฉินหยุนกล่าวถาม
“อีกฝ่ายคือตัวตนอันแข็งแกร่ง เขาคงอยู่ในทั่วทุกสถานที่ แน่นอนว่าหากเขาต้องการจัดการเจ้าจริง เรื่องราวก็ไม่ใช่ง่ายดาย ดังนั้นเจ้าอย่าได้กังวลเรื่องนี้ไปแล้ว” เซี่ยฉีโหรวยิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้า ปิงชิง และเหยาเฟิงดีขึ้นแล้วกระมัง?”
“ดีแล้วขอรับ!” ฉินหยุนตอบกลับ
เหยาเฟิงพํานักอยู่ภายในไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน เรื่องนี้เป็นหนึ่งในหลักประกันที่ทําให้ฉินหยุนวางใจได้ และเขาเองก็ยังไม่ทราบ ว่าเมื่อใดจึงสามารถเปิดไข่มุกเม็ดที่สี่
ตามคํากล่าวของเหยาเฟิง การเพิ่มพูนระดับการฝึกฝนนั้นไม่เพียงพอ เป็นเขาต้องก้าวหน้าในทุกสัดส่วนจึงค่อยสามารถกระทําได้สําเร็จ
“พี่ฉีโหรว แล้วเรื่องเนตรศักดิ์สิทธิ์ของซูเหยาเล่า? พี่สาวปิงชิงบอกกล่าว ว่าเป็นไปได้มากที่ข้าในชาติภพก่อน จะเป็นผู้มอบเนตรศักดิ์สิทธิ์นั้นไว้ให้แก่นาง!” ฉินหยุนกล่าวถามด้วยความสงสัย
“รอจนกว่าเจ้าจะไปยังแดนเซียนอ้างว้าง เมื่อนั้นเรื่องราวน่าจะกระจ่างขึ้นมา!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว “เสี่ยวหยุน ในเมื่อเจ้าต้องการไปยังแคว้นมังกรทะยานฟ้า เช่นนั้นตอนนี้ก็อย่าเพิ่งตามหาวิญญาณตะวันทมิฬ การปล่อยให้คําสาปคงอยู่เป็นเวลายาวนานไม่ใช่เรื่องดี เจ้าต้องช่วยทั้งสองคนนั้นเป็นอิสระพ้นจากคําสาปโดยเร็วที่สุด!”
“ขอรับ!” ฉินหยุนตั้งใจทําเช่นนี้อยู่แล้ว เขากล่าวถาม “พี่ฉีโหรว ข้าคิดอยากจับตัวมังกรเซียนท่านมีวิธีอันใดเสนอแนะบ้าง?”
“หากตระกูลหลงแห่งแคว้นมังกรทะยานฟ้ามีมังกรเซียน แม้เพิ่งเลื่อนระดับพลังมาได้ คิดกําราบมันก็ยังเป็นเรื่องยากเย็น! หากเจ้าต้องการจับตัวมันจริง ก่อนอื่นต้องทําร้ายมันให้บาดเจ็บ จากนั้นจึงใช้หม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกร!” เซี่ยฉีโหรวกล่าว
“อา… คิดจับมังกรเซียนอย่างไรแล้วก็ไม่มีทางง่ายดาย!” ฉินหยุนพบว่าเรื่องราวน่าเสียดาย
“หากเจ้าต้องการจับตัวมังกรเซียนจริง เช่นนั้นจงไปขอให้เย่ว์เหม่ยช่วย!” เซี่ยฉีโหรวยิ้ม “ในอดีต นางคือยอดฝีมือการจับมังกร!”
ฉินหยุนไม่คาดคิด ว่าเซี่ยวเย่ว์เหม่ยจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้
“ขอรับ ข้าคงต้องไปพบนางหน่อยแล้ว!” ฉินหยุนกล่าว
หลังตัดการสื่อสารกับเซี่ยฉีโหรว เขาจึงเริ่มพักอีกครั้งหนึ่ง เช้าตรู่วันใหม่ ฉินหยุนตื่นขึ้นพร้อมไปพบปะกับเจี้ยนหลิงหลง
“ไปกัน พวกเราจะสร้างอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มพูนการฝึกฝนขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ!” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มกล่าว
นี่ก็เป็นสิ่งที่ฉินหยุนต้องการอยู่พอดี เจี้ยนหลิงหลงคือจักรพรรดิยุทธ์ นางครอบครองวัสดุสําหรับใช้ขัดเกลาสร้างมากมาย ด้วยกําลังของนาง ย่อมสามารถขัดเกลาให้วัสดุมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น นั่นคือส่วนสําคัญที่จะทําให้เกิดเป็นอุปกรณ์เตที่ดีขึ้นมาได้
“เจ้าช่วยข้าในส่วนหลัง งานหลักตรงนี้ให้ข้าทําเอง!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าวพร้อมนําเอาวัสดุออกมากองใหญ่ พวกมันเป็นก้อนอิฐยาวสีขาวล้วน
ฉินหยุนเดินไปทดลองเคาะก้อนอิฐอยู่หลายครั้งพร้อมถาม “นี่คืออันใดกัน?”
“เป็นวัสดุระดับชั้นราชัน หยกราชันวัชระ!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าวออกอย่างภาคภูมิ “แม้ว่าครั้งอยู่ตําหนักเซียนดาบข้าไม่มีอักขระเตที่ดีในมือ ทว่าก็ได้วัสดุที่ดีเหล่านี้มาเก็บสะสมไว้!”
ฉินหยุนยิ้มลําบากใจกล่าวคํา “พี่สาวหลิงหลง ข้าทําท่านลําบากแล้ว!”
เจี้ยนหลิงหลงหยิกที่ใบหน้าฉินหยุนพร้อมเผยยิ้ม “เสี่ยวหยุน เหตุใดจึงมากมารยาทต่อข้า? ผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่หยกราชันวัชระนี้มอบให้ คือมันสามารถกักเก็บพลังงานได้มหาศาล! อุปกรณ์สําหรับช่วยผู้คนฝึกฝน ย่อมจําเป็นต้องใช้วัสดุที่สามารถกักเก็บพลังงานได้มาก!”
ฉินหยุนพยักหน้ารับ “วัสดุนี้คงไม่ง่ายขัดเกลากระมัง?”
เจี้ยนหลิงหลงกล่าว “หากเป็นที่ตําหนักเขียนดาบ เรื่องราวก็อาจยากไปบ้าง ทว่าที่นี่ไม่ใช่! นครเซียนยุทธภัณฑ์ครอบครองต้นกําเนิดเซียนมากมาย ข้าย่อมสามารถควบแน่นอัคคีเซียนที่ ข็งแกร่งขึ้นมาได้ ดังนั้น ขัดเกลาวัสดุเหล่านี้จึงเป็นเรื่องง่าย!”
หอคอยเจดีย์ของเจี้ยนหลิงหลง ตั้งอยู่ในสถานที่ซึ่งสามารถดูดกลืนพลังงานเซียนอันมหาศาลจากต้นกําเนิดเซียนได้ นางนําเอาหม้อสามขาออกมา ในห้องลับแห่งนี้ นางสามารถชักนําพลังงานเซียนจากต้นกําเนิดเซียนเข้าสู่ในตัวหม้อได้
“เสี่ยวหยุน หม้อนี้มีอักขระตะวันเก้าควบแน่นแกะสลักเอาไว้ มันสามารถดูดกลืนพลังงานเซียนได้ถึงเก้าประเภท!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงอัคคีเซียนร้อนแรงที่ลุกโชนอยู่ภายในหม้อ เจี้ยนหลิงหลงเริ่มนําหยกราชันวัชระใส่เข้าในหม้อ
ฉินหยุนเพียงรับชมนิ่งเฉย ขั้นตอนเหล่านี้เขาไม่อาจช่วยได้ การขัดเกลาวัสดุอย่างไรนางก็ทําได้ดีกว่า หลังทําการเผาไหม้ด้วยอัคคีเซียน หยกราชันวัชระจึงหลอมละลายรวดเร็วกลายเป็นอ่อนนุ่ม
เจี้ยนหลิงหลงเริ่มนําเอาหยกราชันวัชระที่ถูกหลอมแล้วออกมาขึ้นรูป ความจริงที่ว่านางเป็นสตรี แต่ยามฟาดหวดด้วยค้อน นางกลับแข็งแกร่งประหนึ่งหมุดยึดปฐพี เรื่องนี้ทําให้ฉินหยุนนึกถึงหลันเฟิงจิน นางคือศิษย์ของเขา ทว่าเขากลับเป็นอาจารย์ที่ไม่ได้เรื่อง เวลานี้ เขาคิดอยากให้หลันเฟิงจินได้เรียนรู้จากเจี้ยนหลิงหลงเสียมากกว่า
เจี้ยนหลิงหลงใช้เวลาอยู่สองวัน ใช้งานหยกราชันวัชระไปจํานวนมหาศาลสร้างขึ้นเป็นกล่องกว้างสามเมตร กล่องนี้เปิดออกจากทางด้านข้าง สามารถให้ผู้คนเข้าไปนั่งหรือนอนเพื่อฝึกฝนขนาดของมันกว้างพอให้หนึ่งคนสามารถเข้าไปได้
ถัดจากนี้ จึงเป็นขั้นตอนการแกะสลักอักขระ ตัวหลักของงานครั้งนี้ คืออักขระตะวันเก้าควบแน่น และอักขระเฝ้ทะยานลึกล้ำ
ฉินหยุนยังคิดต้องการแกะสลักอักขระดวงดาวและจันทราอีกจํานวนหนึ่งลงไป เจี้ยนหลิงหลงได้ทราบว่าฉินหยุนเชี่ยวชาญอักขระดวงดาวและจันทราจํานวนมาก ภายในใจอดไม่ได้ที่จะเผยอาการตื่นตะลึง
“ฉินหยุน อักขระดวงดาวและจันทราของเจ้ามาจากยุคโบราณ พวกมันกล่าวได้ว่าเป็นอักขระที่สาบสูญ พลังอํานาจของพวกมันชวนสะพรึงยิ่ง!” เจี้ยนหลิงหลงอุทานกล่าวชื่นชม “นี่เจ้าไปได้รับมันมาจากที่ใดกัน?”
“พี่สาวหลิงหลง บอกกล่าวความจริงต่อท่าน ข้าเองก็เป็นจ้าวสํานัก นามของสํานักนั้นคือประตูจารึก!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว “ท่านคิดอยากเข้าร่วมประตูจารึกของข้าเป็นการลับหรือไม่? ข้าจะให้ท่านได้ตําแหน่งผู้อาวุโสสูงสุด!”
“ได้ให้ข้าเข้าร่วมด้วยแล้ว!” เจี้ยนหลิงหลงแทบไม่คิดอื่นใดมากความ นางรับปากรวดเร็ว ก่อนจะคุกเข่าก้มลงอย่างเป็นทางการต่อหน้าฉินหยุนเป็นการคํานับต่ออาจารย์