Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 816 : บ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน
ตอนที่ 816 : บ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน
ฉินหยุนเร่งรีบดึงนางลุกขึ้นพร้อมยิ้มกล่าว “พี่สาวหลิงหลง ประตูจารึกของข้าไม่มีพิธีการอันใด ท่านเพียงซื่อสัตย์ต่อประตูจารึกของเราก็พอแล้ว”
เจี้ยนหลิงหลงพยักหน้ารับ “เสี่ยวหยุน ข้าสามารถนําอักขระทั้งหมดที่เชี่ยวชาญออกมาแบ่งปันแก่เจ้าได้!”
ฉินหยุนกล่าว “อย่าได้รีบร้อนไป อนาคตยังอีกยาวไกล ภายหน้าข้าจะส่งต่ออักขระจํานวนมากแก่ท่านด้วย ว่าไปแล้ว จึงเหมิงเองก็น่าจะเชื่อฟังท่าน ดังนั้นน่าจะลักลอบชวนให้นางเข้าร่วมสํานัก ข้าขอฝากเรื่องนี้ให้แก่ท่านแล้ว หากนางตกลงเข้าร่วม เช่นนั้นนางก็จะเป็นหนึ่งในคนของประตูจารึก”
“เข้าใจแล้ว!” เจี้ยนหลิงหลงคิดอยู่ครู่ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้งหนึ่ง “จ้าวสํานัก เป้าหมายของประตูจารึกคืออันใดกัน?”
“เป้าหมายหรือ? ไม่ใช่ใหญ่โตอะไร เป็นการรวบรวมอักขระให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้เป็นสํานักที่เชี่ยวชาญอักขระจํานวนมากแห่งเก้าแดนอ้างว้าง!” ฉินหยุนกล่าวสิ่งที่ตนเองคิดออกไป
“เป้าหมายอันยิ่งใหญ่!” ใบหน้าเจี้ยนหลิงหลงเผยอาการตื่นตะลึง นางถอนหายใจกล่าว
เจี้ยนหลิงหลงเป็นสตรีดุร้ายร้อนแรง กระนั้น โฉมงามที่ร้อนแรงผู้นี้กลับมากมารยาทกับฉินหยุน และคนทั้งสองยังเข้ากันได้ดี ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงส่งมอบอักขระดวงดาวและจันทราจํานวนหนึ่งให้แก่นาง
เจี้ยนหลิงหลงมีศักยภาพมากล้ำแต่เดิม แม้ไม่มีจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า พรสวรรค์ของนางก็สูงล้ำ
ฉินหยุนภายหน้ายังต้องหาตัวอาจารย์จารึกมากพรสวรรค์มาเข้าร่วม เพื่อที่จะได้บุกฝ่าเข้าไปยังสุสานเซียนร่วมกัน ยังไม่ต้องกล่าวถึงสุสานเซียน คลายความลับอันลึกล้ำของแผนที่หลุมฝังเซียนคือสิ่งที่ต้องกระทําก่อน
จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทั้งเขาและโมโมยังไม่อาจมองเห็นอักขระที่ภายใน ความลับที่ซุกซ่อนไว้ในแผนที่หลุมฝังเซียน มันสมควรเป็นแผนที่ซึ่งนําพาไปยังสถานที่ผนึกร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนอสูรของเซี่ยฉีโหรว
หลายวันต่อมา ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงร่วมกันแกะสลักอักขระอยู่ตลอดทั้งวันและคืน พวกเขาเพียงพักผ่อนน้อยนิด เจี้ยนหลิงหลงยังได้ทราบ ว่าฉินหยุนครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋าและจารึกวิญญาณนายหญิงจันทรา
ในเวลาเดียวกัน นางทั้งรู้สึกถึงและยินดี เพราะในภายหน้า เป็นไปได้มากว่านางจะสามารถได้รับจารึกวิญญาณที่มากขึ้น!
หากฉินหยุนต้องการขัดเกลาจารึกวิญญาณ เขาจําเป็นต้องใช้วิญญาณยุทธ์จํานวนมหาศาลล่าสุดครั้งที่ร่วมมือกับเชี่ยวเย่ว์เหม่ยขัดเกลาจารึกวิญญาณ ทั้งสองแทบใช้ที่เก็บสะสมไว้จนหมดสิ้น โชคดีที่ยังมีวิญญาณมังกรจึงสามารถทําได้สําเร็จ อันดับถัดไปที่ฉินหยุนต้องการขัดเกลา ย่อมต้องเป็นจารึกวิญญาณโทเทม
เจี้ยนหลิงหลงและฉินหยุนแกะสลักอักขระตะวันเก้าควบแน่น รวมถึงอักขระเต๋าทะยานกล้ำอยู่หลายชุด รวมถึงอักขระจันทราและดวงดาวลงบนกล่องสี่เหลี่ยม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อช่วยเหลือการฝึกฝนและควบแน่นพลังงานขึ้นมา
“สิ่งนี้ช่างเป็นอุปกรณ์เต๋าที่ชวนสะพรึงนัก!” เจี้ยนหลิงหลงที่ลงแรงอยู่หลายวัน เวลานี้มองที่บ้านน้อยลูกบาศก์ตรงหน้า ยังอดไม่ได้ที่จะชื่นชมและนึกถึง
“สงสัยนักว่ามันจะใช้งานได้ดีเพียงใด!” ฉินหยุนกล่าว
“นครเซียนยุทธภัณฑ์ครอบครองต้นกําเนิดเซียนจํานวนมาก สิ่งนี้จะช่วยดูดกลืนพลังงานเซียนที่ปลดปล่อยออกจากต้นกําเนิดเซียน แปรเปลี่ยนพวกมันสู่พลังงานแข็งแกร่ง ที่จะช่วยให้เจ้าได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!” เจี้ยนหลิงหลงเผยยิ้มกล่าวคํา
ไม่นานนัก เจี้ยนหลิงหลงจึงตั้งชื่อให้แก่อุปกรณ์วิเศษชิ้นนี้ นามคือบ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน ฉินหยุนรู้สึกว่านามนี้ประหลาดไปบ้าง ทว่านามไม่ใช่สิ่งสําคัญ ที่สําคัญคือมันสามารถใช้ประโยชน์ ด้เพียงใดต่างหาก
“เสี่ยวหยุน ใช้สิ่งนี้ร่วมกับพี่สาวปิงชิง ได้ยินว่านางเชี่ยวชาญพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“ได้ ข้าคิดไปทดสอบกับนางเสียเดี๋ยวนี้ ท่านคิดไปด้วยหรือไม่?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ยังไม่ไป ข้ายังต้องทําความคุ้นเคยกับอักขระจันทราและดวงดาวที่เจ้ามอบให้ก่อน” เจี้ยนหลิงหลงยึดเส้นร่างกายพลางกล่าว “ข้าคิดไปพักผ่อนด้วย”
“ พี่สาวหลิงหลง ลําบากท่านแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว
“จ้าวสํานักน้อยของข้า เหตุใดจึงต้องมากมารยาทกับข้าด้วย?” เจี้ยนหลิงหลงยิ้มอ่อนโยนกล่าวคํา
ฉินหยุนออกจากหอพิทักษ์กฎ กลับไปยังตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ระหว่างทาง เขาได้เรียกหาเหยาเฟิง สอบถามนางว่าคิดอยากออกมาร่วมทดสอบของที่เพิ่งสร้างขึ้นมาด้วยกันหรือ
เหยาเฟิงคิดอยากพบเห็น ว่าอุปกรณ์ใหม่ที่ฉินหยุนสร้างขึ้นดีเยี่ยมเพียงใด ดังนั้นจึงตกลงภายในตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ ฉินหยุนยืนที่ริมสระเซียน นําเอาบ้านน้อยลึกล้ำโบยบินออกมา
เวลานี้ เหยาเพิ่งออกจากไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน นางสวมใส่หน้ากาก แม้ปิงชิงและฉินหยุนไม่ใส่ใจรูปลักษณ์เหยาเฟิง ทว่าตัวนางรู้สึกว่าการปิดบังใบหน้าต่อหน้าปิงชิงคือสิ่งจําเป็น ไม่อย่างนั้น ใจนางจะยิ่งเทียบเปรียบจนไม่อาจสงบใจลงได้
เหยาเฟิงมีเข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์ในครอบครอง ทว่าพวกมันไม่อาจใช้งานต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้นแล้ว ฉินหยุนคงไม่จําเป็นต้องสร้างบ้านน้อยหลังนี้ขึ้นมา
ก็ตามชื่อของมัน บ้านน้อยหลังนี้ขนาดไม่ใหญ่ ด้วยฉินหยุน เหยาเฟิง และปิงชิงเข้าไปด้านในก็กล่าวได้ว่าแน่นแล้ว เหยาเฟิงคือผู้มาจากพระราชวังกวงหาน ดังนั้นย่อมทราบพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา
ยิ่งไปกว่านั้น นางยังตอบสนองการฝึกฝนร่วมกับฉินหยุนได้ไม่แย่ แม้นางเกลียดชังฉินหยุนไม่ใช่น้อย กระนั้นตอนนี้ก็เริ่มยอมรับเขาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว
เพราะหลังโดนคําสาปของจอมจักรพรรดิอสูรเซียน มันไม่ใช่ว่านางต้องชอกช้ำเพียงอย่างเดียว แต่กลับได้รับผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่ นางยังสงสัย ว่าชาติภพก่อนของฉินหยุน คือผู้จงใจจัดฉากให้เกิดเรื่องราวขึ้น เพื่อให้นางต้องถูกคําสาปหาทางคว้าเอาพระสูตรโลกาวินาศเก้าสุริยันมาครอบครอง
บ่อยครั้งปิงชิงจะฝึกฝนร่วมกับฉินหยุน ดังนั้นนางจึงมีประสบการณ์ด้านนี้เป็นอย่างดีเยี่ยม ด้วยเหตุนี้ ปิงชิงจึงเป็นผู้นําการฝึกฝนร่วมในครั้งนี้
หลังจากที่ฉินหยุนเปิดการทํางานของบ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน พลังงานประหลาดจึงเริ่มไหลทะลักเข้าหา พลังงานเซียนเก้าสี่กําลังไหลเวียนเป็นเส้นสายเห็นชัดที่ภายนอกบ้านน้อย กระนั้นที่ภายใน หยดน้ำเก้าสีจํานวนมากเริ่มหยาดหยดลงมา หลังจากหยดน้ำเก้าสร่วงหล่น พวกมันจึงถูกตะวันทมิฬของฉินหยุนดูดกลืนเข้าไป
ไม่นานจากนั้น เขาจึงเริ่มดูดกลืนพลังงานมหาศาลภายในร่างกาย ก่อนจะส่งถ่ายต่อไปยังปิงชิง และปิงชิงค่อยขัดเกลาพลังงานนี้ ทําให้แข็งแกร่งขึ้น ก่อนจะส่งถ่ายอีกครั้งไปยังเหยาเฟิง
หลังจากที่เหยาเพิ่งได้รับพลังงานดังกล่าวมา นางจึงโคจรภายในร่างด้วยพระสูตรหัวใจตะวันจันทรา หลังมันเพิ่มพูนแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว นางจะส่งถ่ายกลับไปยังฉินหยุน ปิงชิงและเหยาเฟิง กล่าวได้ว่าเก่งกาจทัดเทียมราชันเซียน ด้วยพวกนางช่วยเหลือฉินหยุนฝึกฝน ทุกสิ่งอย่างจึงราบลื่นง่ายดาย
ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงพลังงานที่ไหลเวียนมาจากเหยาเฟิง เขาอดไม่อยู่จนแทบตัวสั่น ร่างกายเวลานี้รู้สึกราวกับจะฉีกออกเป็นชิ้นโดยมวลพลังงาน มันแข็งแกร่งและดุดันอย่างมหาศาล
ก่อนหน้า เขาเคยฝึกฝนร่วมกับสตรีหลายคนมาก่อน กระนั้น แข็งแกร่งที่สุดตอนนั้นก็เป็นจักรพรรดิยุทธ์เช่นเจี้ยนหลิงหลง ทว่าตอนนี้ ทั้งปิงชิงและเหยาเฟิงต่างอยู่ระดับราชันเซียน
“เสี่ยวหยุน สตรีสองนางนี้เดิมเกลียดชังเจ้าเป็นล้นพ้น ครานี้เชื่อใจเจ้ามากมายเพียงนี้ และยังร่วมฝึกฝนกับเจ้า เห็นได้ชัดว่าพวกนางมีความรู้สึกต่อเจ้าฝังลึกอยู่ในใจ!” หลิงหยุนเอ๋อกล่าวพลางหัวเราะคิกคัก “ข้าต้องกล่าวเลยว่า ชาติภพก่อนหน้าของเจ้ามีพรสวรรค์อย่างแท้จริง ถึงขั้นละเล่นกับเซียนหญิงที่เก่งกาจมากมายเหล่านี้ได้ครั้งแล้วครั้งเล่า!”
แม้ฉินหยุนเกลียดชังตัวตนลวงโลกของตนเองในชาติภพก่อน แต่เมื่อคิดให้ดีก็พบว่าชาติภพก่อนของตนมีความสามารถจริง เขาถึงขั้นสามารถครอบครองกลุ่มสตรีที่ชื่นชอบและเกลียดชังไปในเวลาเดียวกันได้
ภายในเวลาครึ่งชั่วยาม ฉินหยุนปรับตัวรับพลังงานประหลาดอันแข็งแกร่ง ตะวันทมิฬของเขา รวมถึงร่างเซียนอสูร ต่างหิวกระหายดูดกลืนพลังงานพร้อมวิวัฒนาการตนเองอย่างคลุ้มคลัง
“พี่สาวเหยาเฟิง ท่านและข้าในชาติภพก่อนเคยฝึกฝนร่วมกันหรือ?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถาม
“พวกเราฝึกฝนร่วมกันหลายครั้งครา!” เหยาเพิ่งตอบกลับมาตามตรง “ชาติภพก่อนของเจ้ามักละเล่นกับสตรีทั้งหลายจากพระราชวังกวงหาน ล่อลวงให้พวกนางฝึกฝนร่วมด้วย ทําให้ตัวเจ้ามีความคืบหน้าก้าวทะยานมหาศาลจนแข็งแกร่งขึ้นมา!”
“ชาติภพนี้ข้าไม่ได้ล่อลวงท่าน กระนั้นท่านก็ยังยินดีฝึกฝนร่วมกับข้า!” ฉินหยุนหัวเราะกล่าว
“หากเจ้ายังกล้ากล่าว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะทุบตีเจ้าจนตายตก!” เหยาเฟิงแค่นเสียงเย็นชากล่าวคําออก เห็นได้ชัด นางเป็นกังวลว่าฉินหยุนจะคิดถึงเรื่องนี้มากจนเกินไป
“ฉินหยุน ชาติภพนี้เจ้าต้องรับผิดชอบหนักหนายิ่งนัก เจ้าต้องช่วยเหลือพี่ฉีโหรวหลบหนีออกมาจากผนึก ช่วยเหลือพี่เหยาเฟิงจากคําสาป ยิ่งไปกว่านั้น ยังต้องสร้างพระราชวังกวงหานกลับคืนขึ้นมาใหม่! และยังมีที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น คือการจบเรื่องราวกับจอมจักรพรรดิเซียนอ้างว้าง!” ปิงชิงกล่าว
“พี่สาวปิงชิง ด้วยคําพูดของท่านเช่นนี้ กลับกลายเป็นแรงกดดันแก่ข้าหนักหนายิ่งนัก!” ฉินหยุนยิ้มขึ้นขมตอบรับ
“ด้วยเหตุนั้น พวกเราจึงจะช่วยเหลือเจ้า!” ปิงชิงแค่นเสียงเบา “ชาติภพนี้ เจ้าสามารถได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจของพวกเรากลับคืน เพราะเจ้าคือความหวังเดียวของพวกเรา!”
ฉินหยุนคิดถึงเรื่องนี้ รู้สึกว่าตนเองได้รับความช่วยเหลือจากปิงชิงและคณะอย่างใหญ่หลวงแท้จริง และสิ่งที่เขาห่วงหามากที่สุด คือการสืบหาว่าตัวเขาในชาติภพก่อนไปสร้างเรื่องอันใดเอาไว้
เซี่ยฉีโหรวทราบเรื่องราวเหล่านี้มากมาย ทว่าไม่คิดกล่าวถึง ฉินหยุนหลับตาหลง เริ่มเข้าสู่กระบวนการฝึกฝน มือที่เกาะกุมปิงชิงและเหยาเพิ่งไว้กระชับแน่น ด้วยเหตุผลอันใดไม่ทราบ อย่างกะทันหัน เขาพลันรับรู้ถึงความรู้สึกอันคุ้นเคย
เมื่อเขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยเช่นนี้ขึ้น หลิงหยุนเอ๋อจึงกล่าวคํา “เสี่ยวหยุน ความทรงจําในชาติภพก่อนของเจ้า กําลังเผยสัญญาณการตื่นรู้ขึ้นมา!”
“จริงหรือ?” ฉินหยุนกลายเป็นกังวล “หากข้าตื่นรู้ความทรงจําพวกนั้นขึ้นมาตอนนี้จะเกิดอันใดขึ้น?”
“เป็นเพียงการส่งสัญญาณแจ้งบอก เป็นที่ชัดเจนนัก ว่าเจ้าและสตรีทั้งสองคนนี้ในชาติภพก่อนเกี่ยวข้องกันอย่างลึกล้ำ เพราะอย่างนั้นมันถึงทําให้เจ้าเกิดความรู้สึกอันคุ้นเคยเช่นนี้ขึ้นมา!” หลิงหยุนเอ๋อถอนหายใจกล่าว
“เจ้ากําลังจะบอก ว่าชาติภพก่อนของข้าไม่ใช่ตัวบัดซบไร้หัวใจอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนยิ้มถาม
“ความทรงจําชาติภพก่อนของเจ้าซุกซ่อนในจิตวิญญาณ ไม่ช้าก็เร็วมันต้องตื่นขึ้น ถึงตอนนั้นทุกเรื่องราวจะกระจ่างชัดเอง!” หลิงหยุนเอ๋อตอบกลับ
ปิงชิงและเหยาเฟิงต่างอดทนร่วมฝึกฝนกับฉินหยุน ผลลัพธ์ที่บ้านน้อยลึกล้ำโบยบินนําพาถือว่าดีเยี่ยม มันเหนือล้ำยิ่งกว่าที่ฉินหยุนคาดหวังไว้ด้วยซ้ำ
ที่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุด พลังเต๋าอันแหลมคมจะไหลเวียนสู่ภายนอก เกิดขึ้นเป็นพลังเต๋าอันแกร่งกล้า ทั้งยังสามารถทําให้พลังเต๋าอันแหลมคมที่แข็งแกร่ง แปรเปลี่ยนเป็นร่างจําแลงขึ้นมา
เมื่อใดขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุดปลดปล่อยพลังเตําลึกล้ำออกอย่างเต็มกําลัง ปลายหอกอันแหลมคมที่เผยออกจะเปรียบดังลูกธนูจํานวนนับไม่ถ้วนถูกยิงออก พวกมันคือพลังอันชวนสะพรึง
พลังเต่ลึกล้ำ มันคือการผสานรวมกันของพลังงานอันแข็งแกร่งนานาชนิด ก่อนจะปลดปล่อยออกมาโดยอาศัยพลังจิตและพลังในแก่นเต๋า โดยเฉพาะเมื่อใดก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุด พลังเต่ลึกล้ำจะพุ่งทะยานขึ้นถึงขีดสุด
ฉินหยุนเวลานี้สัมผัสได้ ว่าพลังเตําลึกล้ำภายในร่างเริ่มรุนแรงและดุดันมากขึ้น มันกําลังทะลักออกจากตะวันทมิฬและไหลเวียนไปทั่ว
ตึก ตึก ตึก!
ร่างกายฉินหยุนพลันตอบสนอง พลังเต่ลึกล้ำน่าเกรงขามทะลักออกเกิดขึ้นเป็นปลายหอกแหลมคม มันห้อตะบึงออกมาราวกับฝีเท้าม้านับหมื่นเหยียบย่ำ
“เจ้าก้าวสู่อีกขั้นแล้ว!” ปิงชิงกล่าว
“ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำระดับสูงสุด พลังเต่ลึกล้ำปลายหอกอันแหลมคมที่ปล่อยออกมา มันมาพร้อมกับการเคลื่อนไหวรุนแรง!” เหยาเชิงกล่าว
ฉินหยุนใช้เวลากว่าสิบวันจึงก้าวหน้า รวมเข้ากับเวลาที่ใช้สร้างบ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน แทบหนึ่งเดือนได้ผ่านพ้น กระนั้น ก็ยังกล่าวได้ว่าความคืบหน้าของเขานี้รวดเร็วมหาศาล!
เหยาเพิ่งกลับสู่ไข่มุกเม็ดที่สามของวิญญาณเทวะเก้าตะวัน ปิงชิงเองก็ออกจากบ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน
“ข้าจะไปดูเฉียวเฟิงเสียหน่อย” ปิงชิงกล่าว
“ข้าขอไปเดินเล่นสูดอากาศ” ฉินหยุนเก็บบ้านน้อยลึกล้ำโบยบิน ก่อนจะเดินออกจากตําหนักพระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ มุ่งหน้าไปยังหอพิทักษ์กฎ
ขณะถึงที่หอพิทักษ์กฏ เขาจึงได้เห็นศิษย์ผู้หนึ่งถูกแบกหามกลับมาโดยกลุ่มคนของแม่เฒ่าหม่า
“ท่านยายหม่า นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้น? พระราชวังเซียนยุทธภัณฑ์ของเรามีงานประลองยุทธ์หรือ?” ฉินหยุนพลันเอ่ยถาม
“ไม่ใช่ แต่เป็นแขกมาเยือน พวกเขาตั้งใจมาท้าประลองยุทธ์ต่อศิษย์ของเราแลกเปลี่ยนฝีมือชี้แนะ ผู้ใดทราบว่าอีกฝ่ายถึงขั้นลงมือหนักหนาเพียงนี้!” กล่าวถึงเรื่องนี้ แม่เฒ่าหม่ายิ่งมีโทสะ
“เป็นเช่นนั้น? ให้ข้าไปสะสางหนี้ครั้งนี้ให้เอง!” ฉินหยุนลูบหมัดตนเองอย่างคันไม้คันมือเผยยิ้มกล่าวคํา