Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 823 : ร่างวิญญาณเทวะซ่อนเร้น
ตอนที่ 823 : ร่างวิญญาณเทวะซ่อนเร้น
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนํากระจกวิเศษของนางออกมามองและกล่าว “พี่ชายอย่าได้หวาดเกรงไป ภายในหีบยักษ์นั้นมีร่างวิญญาณคงอยู่เพียงหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว นั่นยังเป็นหีบสมบัติของตระกูลหลงมันไม่น่าจะมีกลไกอันใด”
ฉินหยุนเองก็คิดเช่นนั้น เขายังรู้สึกด้วยซ้ำว่าสิ่งในหีบนั้นไม่น่าจะมีอันตรายใด อย่างไรแล้ว หีบสมบัตินั้นก็เป็นบรรพบุรุษตระกูลหลงได้ทิ้งไว้ให้แก่ชนรุ่นหลัง หากที่อยู่ภายในอันตรายเช่นนั้นมันอาจเป็นหายนะภัยต่อชนรุ่นหลัง
“ได้ อย่างนั้นพวกเราเข้าไปรับชม!” ฉินหยุนเผยยิ้ม
เขากุมมือเชี่ยวเย่ว์เหม่ยไว้ พร้อมก้าวเดินลงจากเนินเขาอย่างระมัดระวัง ความสามารถเทวะทะลุทะลวงถูกใช้งานออก ทั้งสองลงสู่ใต้ดิน
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเคลื่อนที่ใต้ดินอย่างระวังทุกฝีก้าว เป้าหมายปลายทางคือหีบยักษ์สีดํา
ครึ่งเซียนและจักรพรรดิยุทธ์ตระกูลหลงกําลังลาดตระเวนทางอากาศ ผู้ใดกันคิดว่าจะมีคนที่สามารถดําดินได้ปรากฏที่นี่ ทั้งนี้ พวกเขายังติดต่อไปยังตระกูลหลงให้ส่งกําลังเสริมมาเพิ่ม
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเวลานี้มาถึงด้านล่างนีบยักษ์สีดํา ขณะนี้กําลังทดสอบว่าหีบยักษ์ใบนี้มีความสามารถต้านทานความสามารถเทวะหรือไม่
“เข้าไปได้!”
ฉินหยุนเกาะกุมมือเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ความสามารถเทวะทะลุทะลวงถูกเพิ่มพลังให้มากขึ้น พวกเขาออกจากใต้ดิน ผ่านเปลือกนอกของหีบยักษ์เข้าสู่ภายใน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนําหินสองแสงขนาดใหญ่ออกมา ใช้งานพลังจิตให้พวกมันลอยกระจายเพื่อสาดส่องทั่วบริเวณ
“บรรพบุรุษตระกูลหลงถึงขั้นหลงเหลือของไว้มากมายเพียงนี้!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองไปยังหีบน้อยใหญ่โดยรอบ ภายในอดไม่ได้ที่จะเผยความยินดี นางยิ้มกล่าว “ไปรับชมกัน!”
ฉินหยุนกล่าวคําเบา “เย่ว์เหม่ย ก่อนหน้านี้ ภายในนี้มันเคยกระแทกส่งเสียง มันต้องมีอะไรที่ขนาดใหญ่อยู่ในนี้แน่!”
สถานที่แห่งนี้มีแต่หีบน้อยใหญ่จํานวนนับไม่ถ้วน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยเวลานี้ไม่อาจมองเห็น ว่าที่ห่างไกลออกไปมีอันใดคงอยู่
“ใกล้เคียงไม่คล้ายจะมีอื่นใดเข้ามายุ่งเกี่ยว! เปิดหีบพวกนี้รับชมกันดีกว่า!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเปิดหีบตรงหน้า พบว่าเป็นชุดเกราะจํานวนหนึ่ง
“น่าจะเป็นอุปกรณ์วิญญาณ… แต่อักขระวิญญาณเหล่านี้มันมาจากครั้งโบราณ! แต่เพราะขาดการหล่อเลี้ยงโดยพลังวิญญาณเป็นเวลานานนับ คุณภาพของชุดเกราะพวกนี้จึงถดถอยลงมหาศาล!” ฉินหยุนกล่าวยามได้พบเห็นอักขระบนตัวชุดเกราะ
ฉินหยุนทดลองออกแรง พบว่าฉีกกระชากชุดเกราะที่พบได้ง่าย ไม่นานจากนั้น เชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงเปิดหีบอีกหลายใบ พวกมันมีแต่ชุดเกราะเต็มไปหมด
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยบ่นอุบ “หีบสมบัตินี้มีอันใดดี? ไม่ต่างอะไรกับกองขยะ!”
ฉินหยุนยิ้มตอบ “เจ้าพบร่างวิญญาณในนี้หรือไม่ใช่? ไปหาสิ่งนั้นกันดีกว่า!”
ในความเป็นจริง ฉินหยุนใช้งานเนตรวิญญาณสมบูรณ์พิจารณาภายในหีบเหล่านี้แล้ว พบว่าพวกมันทั้งหมดมีแต่ชุดเกราะ
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนํากระจกของนางออกมา ใช้มันบ่งชี้ทิศทางซึ่งร่างวิญญาณคงอยู่ ก่อนจะเริ่มออกเดินไปพร้อมฉินหยุน
ระหว่างทาง ทั้งสองต้องเหยียบกองหีบเก็บของมากมาย ฉินหยุนยังเดินเชื่องช้า เพราะเขาต้องการตรวจสอบหีบทั้งหลายด้วยเนตรวิญญาณสมบูรณ์
“พี่ชาย พบเจออะไรน่าสนใจบ้าง?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยถาม
“ชุดเกราะแถวนี้ดูดีขึ้นมาบ้าง เป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับราชัน น่าเสียดายที่พวกมันเสียหายหนัก… บรรพบุรุษตระกูลหลงผู้นี้คงเป็นคนทําอะไรตามใจชอบ หลงเหลือของไว้มากมายแต่กลับผนึกสภาพแวดล้อมเอาไว้ที่ในหีบยักษ์นี้!” ฉินหยุนเปิดหีบ นําเอาชุดเกราะออกมา ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเสียดาย
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยปุ๋ยปาก “ตาเฒ่าผู้นั้นไม่ต่างอะไรกับทําร้ายชนรุ่นหลัง! นึกว่าภายในจะมีของดี ผู้ใดทราบว่ามันมีแต่ขยะ!”
ฉินหยุนหัวเราะ “หากชุดเกราะเหล่านี้สภาพยังดี เช่นนั้นมูลค่าจะสูงล้ำ กองทัพที่ได้ของเหล่านี้ไปจะแข็งแกร่งขึ้นมาก!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนําทางฉินหยุนต่อไปยังสถานที่ซึ่งร่างวิญญาณคงอยู่ มันไม่ใช่ตรงกลาง ทว่าเป็นมุมหนึ่ง เวลานี้ หีบเบื้องล่างพวกเขามีแต่อาวุธ เช่นเคย พวกมันมีสภาพได้รับความเสียหายหนักหนา
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนํากระบออกจากหีบใบหนึ่ง พบว่ามันแตกหักง่ายไม่ต่างอะไรกับกิ่งไม้
“ยามใดตระกูลหลงเปิดหีบยักษ์นี่ออก พวกมันคงร้องหน้าบิดเบี้ยวกันเป็นแน่!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอดไม่ได้จนเผยเสียงหัวเราะ “บรรพบุรุษพวกมันช่างรู้วิธีการหลอกลวงผู้คนยิ่งนัก!”
ฉินหยุนสายศีรษะและยิ้มตอบ “เหมือนว่าหีบพวกนี้จะบรรจุไว้แต่อาวุธและเครื่องป้องกัน พวกเราอย่าได้สนใจแล้ว หากมีหบรูปแบบอื่น เช่นนั้นจึงค่อยน่าสนใจ!”
ไม่นานจากนั้น ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยจึงได้พบ ว่าด้านล่างนั้นไม่มีหีบใดหลงเหลือแล้ว กลับกลายเป็นก้อนหินสีขาวขนาดยาวเกือบเมตร และหินเหล่านี้ พวกมันมีแต่รอยแตก
“พวกนี้มันหินอะไรกัน?” ฉินหยุนสัมผัสพวกมันพลางตั้งข้อสงสัย
“สมควรเป็นหินผลึกม่วง…. พวกมันคือเหรียญม่วงดั้งเดิมที่ยังไม่ได้ทําเป็นเหรียญ. พลังงานภายในเดือดแห้งไปหมดแล้ว” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองไปอย่างนึกถึง นางกล่าว “พวกมันเหล่านี้ทั้งหมดไม่เหลือพลังงานใดแล้ว!”
ฉินหยุนขมวดคิ้ว “ดูเหมือนเราจะเข้าใจบรรพบุรุษตระกูลหลงผิดไป แม้หีบนี้ถูกผนึกเอาไว้ แต่ก็ยังมีการใส่หินผลึกม่วงไว้ภายใน เพื่อที่อุปกรณ์ทั้งหลายจะได้ดูดกลืนพลังงานหล่อเลี้ยง! หีบเหล่านั้นที่บรรจุไว้เต็มแน่น น่าจะสร้างขึ้นเป็นพิเศษ โดยดูดกลืนพลังงานจากหินพวกนี้”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกล่าว “ทว่าก็ยังพลาด จํานวนหินผลึกม่วงเหล่านี้ไม่เพียงพอ!”
ฉินหยุนส่ายศีรษะ “หินผลึกม่วงเหล่านี้มีมากมาย มันน่าจะพอคงสภาพอุปกรณ์ทั้งหลายไว้ได้เป็นเวลายาวนาน แต่หินเหล่านี้ พวกมันคล้ายถูกใช้งานหมดสิ้นไปเป็นเวลานานแล้ว หมายความถึงพลังงานพวกมันหมดก่อนที่คาดการณ์เอาไว้!”
“พี่ชาย อย่าได้ทําให้ข้ากลัว!”
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยตัวสั่นหัวจรดเท้า นางกระชับมือฉินหยุนไว้แน่นพร้อมมองที่กระจกในมือ ร่างวิญญาณอยู่ห่างออกไปเพียงกว่าสิบเมตรเบื้องหน้า
คํากล่าวของฉินหยุนก่อนหน้าเป็นเพียงการคาดเดา ว่าอาจมีอะไรบางอย่างดูดกลืนพลังงานในก้อนหินจนหมดสิ้น บรรพบุรุษตระกูลหลงย่อมไม่มีทางคาดคิดว่าจะมีสิ่งอื่นมาแย่งชิงพลังงาน
เช่นนี้
“เย่ว์เหม่ย ระวังตัวเตรียมพร้อม” ฉินหยุนนํากระบี่ศักดิ์สิทธิ์วิญญาณปรโลกออกมาถือไว้มือหนึ่ง ค้อนเทวะเก้าตะวันอยู่อีกมือหนึ่ง ทั้งยังเตรียมพร้อมควบคุมหม้อราชสีห์สวรรค์สะกดมังกรให้มันลอยตัว
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพยักหน้ารับ นางถือปืนใหญ่ราชันราชสีห์เอาไว้ ตระเตรียมโจมตีออกด้วยแก่นเต๋าราชันยุทธ์
ทั้งสองคนก้าวเดินไปอย่างระแวดระวังทุกฝีก้าว พื้นที่แถบนี้มีแต่หินผลึกม่วงกระจัดกระจายพลังงานถูกใช้หมดสิ้น กลับกลายเป็นหินสีขาว บ้างก็แตกกระจาย ยิ่งไปกว่านั้น หีบยักษ์ใบนี้ยังร่วงหล่นจากกลางอากาศ เป็นผลให้ก้อนหินทั้งหลายกระทบกันจนแหลกออกเป็นเสี่ยง
ฉินหยุนพบเห็นก้อนหินที่แตกกระจายเบื้องหน้าหนาแน่น แต่แล้วอย่างกะทันหัน เสียงปะทะพลันดังให้ได้ยิน บางสิ่งทะยานออกจากกองเศษหินสีขาว มันหลบซ่อนในความมืดด้วยระยะเวลาอันน้อยนิด หินส่องแสงของเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ทําหน้าที่ได้เพียงส่องสว่างพื้นที่เล็กน้อย
“นั่นมันอะไรกัน?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยมองกระจกตนเองและกล่าวเสียงเบา “ร่างวิญญาณนั้นยังคงอยู่ตําแหน่งเดิม เจ้าสิ่งที่โผล่ออกมาเมื่อครู่ไม่ใช่ร่างวิญญาณ!”
“ไม่ใช่ร่างวิญญาณ? อย่างนั้นจะเป็นอะไรได้กัน?” ฉินหยุนเผยร่องรอยความหวาดกลัวที่ใบหน้าขณะมองเชี่ยวเย่ว์เหม่ย
“ข้า ข้าไม่ทราบแล้ว…. หรือจะเป็นหุ่นเชิด?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเสนอความเห็น แต่แล้วก็ต้องส่ายศีรษะ “แต่หากเป็นหุ่นเชิด ผู้ใดกันที่ควบคุมมัน?”
ฉินหยุนเคลื่อนเข้าไปใกล้ทีละน้อย ใช้งานเนตรวิญญาณสมบูรณ์มองเบื้องล่างกองเศษหิน
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยพบฉินหยุนพิจารณาเคร่งเครียดอยู่นานจึงถาม “พี่ชาย ท่านเห็นอะไร? มันคืออะไร?”
“ที่ข้าเห็น เป็นเพียงกลุ่มก้อนอะไรบางอย่าง ส่วนว่ามันเป็นอะไรนั้นไม่ทราบ แต่มั่นใจได้ ขนาดของมันไม่ใหญ่!” ฉินหยุนกล่าว “ข้ายังเชื่อ ว่าเจ้าสิ่งนี้น่าจะเป็นสัตว์ชนิดหนึ่ง!”
“แล้วที่โผล่มาเมื่อครู่เล่า?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยหันมองรอบอย่างร้อนใจ
“ไม่ทราบ แต่ที่เชื่อได้ตอนนี้ คือร่างวิญญาณที่อยู่เบื้องล่างไม่เป็นอันตรายใด ไม่อย่างนั้น พวกเราคงไม่มีทางเข้ามาถึงตรงนี้ได้” ฉินหยุนกล่าว
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยนํามือโลหะขนาดใหญ่ออกมา ใช้พลังจิตควบคุมมัน ทําการคว้าเศษก้อนหินให้เปิดออกเป็นทาง
“เห็นมันแล้ว!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยอุทานเบา “ไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวจริงด้วย…”
ตอนนี้ ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เห็นเพียงบอลแสงสุกสว่าง หลังมั่นใจว่ามันไม่คุกคามใดทั้งสองจึงก้าวเดินเข้าไปใกล้ ศีรษะก้มลงต่ำพิจารณามองสิ่งเบื้องล่างที่ปลดปล่อยแสงสว่างสีขาวเจิดจ้า
แต่แล้วอย่างกะทันหัน ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยพลันต้องร้องเสียงดัง เพราะลําแสงรุนแรงเข้มข้นได้ปลดปล่อยออกจากบอลแสง เป็นผลให้แสงเจิดจ้าทิ่มแทงดวงตาทั้งสองจนเจ็บปวด
ความรู้สึกยามนี้ราวกับศีรษะถูกผ่าเปิดแยกออก เมื่อครู่ ที่ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยได้เห็น มันเป็นเพียงแต่แสงสว่างสีขาวที่เข้าสู่ในดวงตา
“ตา… ตาข้า… เจ็บมาก!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยใช้มือกุมดวงตาเอาไว้พร้อมกรีดร้อง
“นี่ ข้าเองก็เจ็บ!” ฉินหยุนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด เร่งรีบเข้าไปคว้าเชี่ยวเย่ว์เหม่ยมากอดปลอบประโลมไว้
ดวงตาข้างหนึ่งของฉินหยุนปวดร้าวสาหัส ทั้งยังเผยแสงสว่างสีขาว นอกจากนี้ เบ้าตายังเริ่มหลั่งเลือดไหลออก ความเจ็บปวดนี้ไม่ได้เพียงแต่ดวงตา แต่ยังส่งผลถึงจิต
เขาทราบวิธีการอดทนฟันฝ่าความเจ็บปวดสารพัดชนิดตั้งแต่ครั้งฝึกฝนร่างเซียนอสูร ดังนั้นแล้ว ไม่เพียงแต่สามารถอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ แต่ยังช่วยเชียวเย่ว์เหม่ยบรรเทาได้
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยกอดฉินหยุนเอาไว้แน่นพร้อมกรีดร้องอย่างเจ็บปวดเสียงเบา
“เสี่ยวหยุน หากข้าคาดเดาไม่ผิด นั่นคือเนตรศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้า ทั้งเจ้าและเย่ว์เหม่ยต่างได้รับคนละข้าง!” หลิงหยุนเอ๋อร้องโพล่งบอก “ตอนนี้คือขั้นตอนผสานรวม!”
ฉินหยุนนึกถึงยามได้ยิน อย่างไม่คาดคิด ที่แห่งนี้กลับมีเนตรศักดิ์สิทธิ์อยู่สองข้าง ทั้งยังดูดกลืนพลังงานมาตั้งแต่ครั้งโบราณ!
“พี่ชาย… นี่มัน… เนตรศักดิ์สิทธิ์!” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสัมผัสถึงได้ แม้เจ็บปวดทรมาน กระนั้นนางก็เผยน้ำเสียงความยินดี
“เย่ว์เหม่ย พลังของเนตรศักดิ์สิทธิ์นี้คืออะไร? เหมือนดังของซูเหยาอย่างนั้นหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
เชี่ยวเย่ว์เหม่ยสายศีรษะ นางกอดฉินหยุนแน่นยิ่งขึ้นพร้อมอิงแอบที่หน้าอก ฟันเวลานี้ต้องกัดแน่นเพราะอดทนต่อความเจ็บปวด นางไม่คิดพูดกล่าวอื่นใดอีก
ฉินหยุนและเชี่ยวเย่ว์เหม่ยต่างกอดกันอยู่เช่นนั้นกว่าสองวัน ความเจ็บปวดจึงค่อยบรรเทาเจือจางลง กระนั้น ตอนนี้พวกเขากลับได้ยินเสียงบางอย่าง และรับรู้ได้ถึงพลังวิญญาณที่ไหลเวียนเข้ามา
“ตระกูลหลงเปิดหีบนี้แล้ว?” ฉินหยุนเร่งรีบกอดเชี่ยวเย่ว์เหม่ย ก่อนจะจมลงสู่ผืนดินเบื้องล่างเพื่อซ่อนตัว