Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 855 : ผู้คุม
ตอนที่ 855 : ผู้คุม
ฉินหยุนมองทางหลงนิ้วและเอ่ยคํา “ข้าไม่ได้คิดสู้กับเจ้า พลังงานข้าไม่คิดเสียโดยใช่เหตุ เจ้าคิดไปไหนจงไป!”
หลงปั๋วหัวเราะดังตอบกลับ “หาญกล้าได้ผิดที่ผิดทางนัก หรือแท้จริงแล้วหวาดเกรงข้ากันแน่? เหอะ ข้ายังพอจะใจดีเหลือเวลาให้เจ้าได้ร้องขอเมตตา!”
ฉินหยุนใช้สายตาเย็นเยียบมองทางหลงปั๋ว “เจ้าไม่คู่ควรเป็นเด็กยกรองเท้าให้ข้าด้วยซ้ํา กระนั้นคิดอยากให้ข้าร้องขอเมตตางั้นหรือ?”
“ทุกคนจงรับชม ว่ามันผู้นี้อวดดีได้เพียงใด! มันได้กล่าว ข้า หลงปั๋วผู้นี้ไม่คู่ควรแม้เป็นเด็กยกรองเท้าให้แก่มัน!” หลงปั๋วหัวเราะดัง “เจ้าอวดดีเกินไปแล้ว ให้ข้าได้สอนสั่งบทเรียน!”
ผู้คนต่างระเบิดเสียงหัวเราะดัง
“ตัวบัดซบหัวล้าน เจ้าจะอวดดีได้อีกไม่นานแล้ว!” หลงปั๋วทะยานมา ร่างจําแลงมังกรเบื้องหลังของเขา คํารามร้องเป็นผลให้ผู้คนต่างรับรู้ถึงความแข็งแกร่ง หลงปั๋วลงมือรวดเร็ว เป็นผลให้หลายคนต่างต้องชื่นชม
“หัวล้านเอ๋ย เร่งรีบเรียกหาข้าเป็นนายท่าน!” หลงปั๋วมาถึง หมัดถูกปล่อยออกเข้าใส่หน้าอกฉินหยุน แรงระเบิดเกิดขึ้นรุนแรง แสงสว่างทองม่วงลุกโชนสาดส่อง การโจมตีนี้เป็นผลให้ฉินหยุนต้องถอยไปหลายก้าว
หลงปั๋วพบเห็นฉันหยุนถอยเพียงไม่กี่ก้าว ภายในอดไม่ได้ที่จะต้องหลั่งเหงื่อกาฬ เพราะเมื่อครู่ เขาทราบดีว่าพลังของตนเองไม่เพียงพอทําร้ายคู่ต่อสู้ได้แม้เพียงนิด
ผู้อื่นต่างตื่นตะลึง เพราะพวกเขาไม่คาดคิด ว่าหมัดอันแข็งแกร่งของหลงปั๋ว!วจะทําให้อีกฝ่ายถอยได้เพียงไม่กี่ก้าว
“เจ้าก็คงแค่อดกลั้นเอาไว้! ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!” หลงปั๋วพยายามฝืนสงบใจลง ก่อนจะเผยเสียงหัวเราะดังออกมา “เจ้าสมควรทราบว่าคิดแสดงความหาญกล้าเช่นนี้มันไม่อาจสําเร็จผล เมื่อครู่ เจ้าคงหวาดกลัวจนทําอันใดไม่ถูกแล้วกระมัง!”
“หลงปั๋วอย่างนั้นหรือ?” คํากล่าวฉินหยุนเผยออก ก่อนร่างนั้นจะเลือนหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
ภายในเวลาอดใจ ฉินหยุนมาถึงด้านหลังหลงนิ้ว ขณะสัมผัสได้ทางด้านหลังว่ามีบุคคลปรากฏตัวขึ้น เขาพลันหันมองกลับ เมื่อพบเห็นฉินหยุนภายในแทบต้องร้องออกอย่างหวาดกลัว ฉินหยุนปล่อยหมัดพุ่งตรงเข้ามาแล้ว!
ตึง!
ฉินหยุนไม่แม้กระทั่งใช้พลังตะวันทมิฬ เขาเพียงแต่ใช้พลังของร่างเซียนอสูร ร่างกายตัวเขาสามารถต้านทานการโจมตีได้ดีทัดเทียมอุปกรณ์ลึกล้ํา
หมัดของเขาที่ต่อยออก มันหนักหน่วงประหนึ่งค้อนทุบฟาด กระดูกใบหน้าหลงนิ้วแทบแหลกออกเป็นเสี่ยง ทั้งใบหน้ากลายเป็นโชกด้วยเลือด ร่างกระเด็นไปไกลปะทะกําแพง เสียงกรีดร้องดังตามติดอย่างโหยหวน หลงปั๋วพ่ายแพ้ด้วยเพียงหมัดเดียว!
“สิทธิ์การทําประลองผู้คุมคุกเป็นของข้าแล้ว!” ฉินหยุนประกาศดัง
ตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งจึงก้าวเดินออกมาพร้อมเผยเสียง “เจ้าหนู คล้ายเจ้ารู้วิธีการซ่อนตัวตนดีไม่น้อย พละกําลังก็ดูดี แต่หากเจ้าคิดอยากได้รับสิทธิ์ท้าต่อสู้ เช่นนั้นก็ต้องผ่านข้าไปก่อน!”
“ข้าด้วย!”
“ข้าก็ด้วย!”
………..
หลายผู้คนต่างขานเสียงกันออกมาคนแล้วคนเล่า พวกเขาเหล่านี้คือราชันยุทธ์เฒ่าชราและวัยกลางคน
ฉินหยุนกล่าวตอบ “ก็ดูเหมือนคงต้องเป็นเช่นนั้น หากข้าคิดอยากได้รับสิทธิ์ ก็ต้องจัดการพวกเจ้าให้หมดกระนั้นสิ?”
ชายวัยกลางคนกล่าวตอบ “เป็นเช่นนั้น ทว่าเจ้าคิดหรือว่ามีกําลังสามารถ? ตัวเจ้าคล้ายเพิ่งก้าวขึ้นถึงราชันยุทธ์ไม่นาน รังแกขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูงสุดย่อมทําได้ กระนั้นต่อหน้าพวกเราผู้อาวุโส เจ้าก็ไม่ต่างอะไรกับลมที่ผายออก ดังนั้นเรื่องสิทธิ์ท้าสู้อย่าได้คิดฝัน!”
ทุกคนที่นี้ต่างพยักหน้ารับเห็นพ้อง
“เจ้าหนูที่อวดดี ให้ข้าสอนสั่งเจ้าถึงกฏในหอเก้ามังกรทัณฑ์อสูรแห่งนี้!” ชายวัยกลางคนยื่นเท้าออกมา น้ําเสียงเผยดัง “จงเข้ามาเลียรองเท้าข้า แล้วหลงปั๋วผู้นี้จะรับประกันว่าผู้อื่นจะไม่อาจรังแกเจ้า!”
ตอนนี้เอง หลายคนที่นี้ต่างเผยรอยยิ้มแสยะที่ใบหน้า
“หลงปั๋วเป็นลิ่วล้อของหลงหัว! ก่อนหน้า หลงปั๋วยอมเลียรองเท้าให้ ครานี้จึงเป็นคราวของเจ้าหัวล้านน!”
“หลงปั๋วมันไร้ค่าแล้ว! เจ้าหัวล้านนี่แข็งแกร่งกว่าหลงปั๋ว และหลงหัวคล้ายชื่นชอบจึงคิดอยากรับไว้เป็นลิ่วล้อ!”
“เจ้าหัวล้านนี่ยังเยาว์ มันไม่ทราบถึงกฎเกณฑ์ที่นี่ กระนั้นกลับกล้าก่อความวุ่นวาย สมควรต้องได้รับบทเรียนสอนสั่ง!”
ใบหน้าหลงหัวเผยรอยยิ้มปรีดา เขากล่าว “เร่งรีบเลี่ยรองเท้า แล้วข้าจะรับประกันให้ว่าภายในสิบวันเจ้าจะได้ท้าประลอง!”
ฉินหยุนกล่าวตอบ “สวะเช่นเจ้าที่ติดอยู่ชั้นแรกมาเนิ่นนานอย่างนั้นหรือ? เห็นอยู่ว่าไม่อาจไต่ขึ้นไป กระนั้นกลับยังกล่าวหาลิ่วล้อ!”
หลงหัวกลายเป็นเดือดแค้น น้ําเสียงเย็นเยือกเผยออก “ยั่วยุข้างั้นหรือ? เรียกหาข้าเป็นสวะงั้นหรือ?”
ฉินหยุนหัวเราะตอบเสียงดัง “ข้าไม่ได้เพียงยั่วยุเจ้า ทว่าเป็นสวะทุกตัวที่นี้! พวกเจ้าล้วนเป็นขยะเปียกอยู่ แต่ที่ชั้นหนึ่งแห่งนี้เนิ่นนานไม่อาจหาทางปีนป่ายขึ้นไป กระนั้นยังกล้าอวดดีมายกยอปอปั้นต่อหน้าข้าผู้นี้ หากไม่ให้เรียกสวะ ยังจะให้เรียกอันใด?”
คํากล่าวของเขา เป็นผลให้ทุกผู้คนที่นี้ต่างโกรธแค้น
“หลงหัว เร่งรีบสอนสังบทเรียนแก่มัน! หากเจ้าไม่ทํา ข้าจะลงมือเอง!”
“เร่งรีบ ข้ารอต่อแถวได้ทุบตีมัน!”
“นานแล้วที่ไม่ได้มีเจ้าหนูอวดดีเช่นนี้เสนอหน้าเข้ามา ให้พวกเราได้ตบตีจนสาแก่ใจ เพื่อให้มันได้จาว่าอย่าเสนอหน้าอหังการอวดดีอีก!”
ผู้คนที่พูดกล่าวเหล่านี้ต่างเป็นชายชรา
หลงหัวเผยเสียงเย็น “เจ้าได้ยินแล้วหรือไม่ใช่? เป็นเจ้ายั่วยุต่อทุกคนในที่นี้! หากเจ้าไม่คิดอยากถูกรุมทําร้าย เช่นนั้นจงเลียรองเท้าข้า แล้วข้าจะรับประกันความปลอดภัยให้!”
“จงฟัง แม้สวะเช่นเจ้าคิดอยากเลียรองเท้าข้า ข้าก็ไม่คิดรับไว้!” ฉินหยุนหัวเราะอย่างอหังการกล่าวตอบ
ผู้คนเวลานี้ต่างนึกถึง ที่อีกฝ่ายยังกล้าอวดดีถึงเพียงนี้
“ตัวบัดซบหัวล้านรนหาที่ตาย!” หลงหัวคําราม ฝ่ามือสับฟันออก พลังเล็กล่าอันแข็งแกร่งเผยขึ้น มันอัดแน่นด้วยพลังงานราชัน ฝ่ามือสับฟันลงเป็นสีทอง นําพามาพร้อมเสียงมังกรคํารามร้อง สายลมรุนแรงพัดผ่านสายฟ้าสีทองคํากระจายตัวอย่างเผยอํานาจ
ฉินหยุนเพียงส่งฝ่ามือโจมตีออกซึ่งหน้า ราวกับฝ่ามือเพียงโบกสะบัด น่าพามาพร้อมเสียงมังกรร้องโศกศัลย์ นี่คือฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์!
เจ็ดฝ่ามือมังกรสัมบูรณ์ทะยานออกเข้ากวาดล้างเส้นทางเบื้องหน้าสู่มือของหลงหัว สองฝ่ามือปะทะต่อกัน แรงระเบิดเกิดขึ้นรุนแรง สายลมจากแรงปะทะพัดกระจายทั่วทิศของชั้นที่หนึ่งแห่งนี้
ผู้อื่นต่างต้องเผยม่านพลังคุ้มกันกายตนเองรับลมรุนแรงไว้ ฝ่ามือหลงหัวปะทะกับฝ่ามือฉินหยุน เป็นเขาที่กรีดร้องออก เขาได้ทราบตอนนี้ ว่ามือของตนเองกลายกลายเป็นโชกด้วยเลือด เสื้อผ้าและผิวหนังปริแตกแยกออกเผยให้เห็นกระทั้งกระดูกภายใต้
“เช่นคําที่ขากล่าวไปแล้ว สวะเช่นเจ้าไม่คู่ควรได้เลยรองเท้าข้า!” ฉินหยุนทะยานซึ่งหน้า กําปั้นฟาดหวดลงราวคิดแยกขุนเขาและพื้นปฐพี กําปั้นนี้ส่งเสียงร้องราวหมื่นอาชา มันมาพร้อมพลังรุนแรงสะกดลง
ตุ้ม!
ร่างหลงหัวถูกเคล็ดวิชามังกรหลอมปะทะรุนแรง มันราวกับอุกกาบาตร่วงหล่นใส่ร่างก่อนจะถูกปกคลุมด้วยแสงทองคํา
“บัดซบ ข้า…” หลงหัวบาดเจ็บสาหัส คําคิดพูดกล่าว ทว่าต้องสารอกเอาโลหิตออกมาจนไม่อาจกล่าวได้อีก
ภายในนี้ไม่อาจสังหารต่อกัน ดังนั้นฉินหยุนจึงยั้งมือ
“กลุ่มสวะเช่นพวกเจ้า ไม่ใช่กล่าวหรือว่าคิดทุบตีข้าสอนสั่ง? เช่นนั้นจงรีบไสหัวกันเข้ามา!” ฉินหยุนกวาดสายตาจ้องมองเหล่าชายชราพร้อมเผยท่าทอหังการ
“ให้ข้าได้สอนสั่งเจ้า!” ชายชราหนวดเครายาวพลันปรากฏตัวด้านหลังฉินหยุนพร้อมใช้ฝ่ามือโจมตี
เวลาเดียวกันนี้ ฉินหยุนจึงปลดปล่อยความสามารถเทวะทรมาน ร่างชายชราพลันกระตุกรุนแรงอย่างรวดร้าว เสียงกรีดร้องดังออกอย่างไม่อาจอดกลั้น ร่างนั้นร่วงหล่นกับพื้นและกรีดร้องดิ้นไปมา ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป ก่อนจะใช้ฝ่าเท้ากระทึบร่างชายชรารุนแรง เป็นผลให้ร่างนั้นต้องกรีดร้องออกพร้อมละอองเลือด
“ไสหัวไป!” ฉินหยุนเตะส่งร่างชายชรากระเด็นไปกองรวมกับหลงหัวที่เพิ่งคลุกคลานขึ้นมาได้
หลงหัวโดนร่างชายชราเข้าปะทะ อดไม่ได้ที่จะต้องกระอักโลหิตออกคําโตอีกครั้งหนึ่ง ชายชราเวลานี้ร่างโชกเลือดกระอักโลหิตออกเช่นกัน คนทั้งสองต่างต้องกรีดร้องโหยหวนราวภูตผีร่ําไห้
“ข้าจะพูดอีกเพียงครั้งเดียว สิทธิ์การท้าประลองเช่านี้เป็นของข้า! คิดขวางทางชะตาจะเป็นเหมือนเช่นพวกมัน!” ฉินหยุนเผยเสียงเย็นเยือกพร้อมสายตาจับจ้องกลุ่มคนโดยมือไพร่ด้านหลัง
“เจ้าปีศาจน้อย ยังไม่ถึงคราวเจ้าจะได้เป็นนายเหนือของที่นี่! พวกเราบุก!” ชายวัยกลางคนคารามดัง
ไม่ช้า กลุ่มคนเฒ่าชราและวัยกลางคนต่างพุ่งทะยานเข้ามาทั่วทิศ ฉินหยุนนึกรําคาญคนกลุ่มนี้ยามพบเห็นว่าบุกเข้ามา จึงให้หลิงหยุนเอ่อปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงอันมหาศาลออก
ครืน!
หลายสิบคนที่พุ่งทะยานน่าหน้าเข้ามา เวลานี้พลันถูกสะกดลงกับพื้นรุนแรง
“เป็นนายเหนือที่นี่หรือ? ปกครองสวะเช่นพวกเจ้ายังมีอันใดเป็นประโยชน์ให้แก่ข้า? ที่ข้าต้องการ ก็เพียงเอาชนะผู้คุมชั้นหนึ่งเพื่อขึ้นไปต่อ อย่าได้คิดว่าข้าจะเสียเวลาอยู่ร่วมกับสวะเช่นพวกเจ้า!” ฉินหยุนเผยเสียงกราดเกรี้ยว ฝีเท้าก้าวเดินออก ทุกย่างก้าวจะเหยียบย่าร่างผู้คนที่นอนทอดกายกับพื้นด้วยน้ําหนักอันมหาศาลของแรงดึงดูด พลังสั่นไหวยังปลดปล่อยออกลงสู่ร่างเบื้องล่าง เป็นผลให้สายธารโลหิตต้องหลั่งรินตลอดทางเดินผ่าน
“ข้าไม่ได้คิดทําร้ายหรือยั่วยุใด เป็นพวกเจ้าแส่หาปัญหาเข้าสู่ตนเอง!” ทุกย่างก้าวของฉันหยุน พื้นจะต้องสั่นเทิ้มรุนแรง เห็นได้ชัดว่าพลังที่เผยออกนั้นแข็งแกร่งเพียงใด
บรรดาผู้ยืนดูเวลานี้ต่างนิ่งงันตาค้าง พวกเขาไม่คาดคิด ว่าชายหนุ่มศีรษะล้านผู้ซึ่งเพิ่งปรากฏตัวเข้ามากลับแข็งแกร่งเหนือล้ํายิ่งกว่าราชันยุทธ์ทั้งหมดในที่แห่งนี้
พวกเขาเหล่านี้ยังไม่ก่าวถึงราชันยุทธ์ ดังนั้นจึงไม่แม้แต่จะกล้าคิดผายลมออกมา ฉินหยุนกวาดตามองกลุ่มคนเย็นเยือก เป็นผลให้พวกเขาต้องสั่นกลัวหลบหน้าหนี
“ตอนนี้ยังมีผู้ใดคิดต่อสู้กับข้าอีกหรือไม่? เร่งรีบเสนอหน้าออกมา จะได้ให้ลิ้มรสหมัดข้า!” ฉินหยุนเผยเสียง
หาได้มีผู้ใดกล่าวตอบคํา เพราะผู้ที่มีกําลังพอให้ต่อสู้ต้านรับ เวลานี้ล้วนล้มกองหมดสิ้น พวกเขายังคงส่งเสียงกรีดร้องเจ็บปวดดังต่อเนื่อง หลายสิบคนเหล่านี้คือราชันยุทธ์อันแข็งแกร่ง กระนั้นกลับถูกบดขยจนต้องคุกเข่าขอความเมตตา บรรดาผู้ซึ่งกล่าววาจาหยอกล้อต่อฉินหยุนก่อนหน้าล้วนไม่พูดกล่าวคําใด กระทั่งสบตายไม่กล้า พวกเขาเกรงว่าจะต้องมีสภาพเช่นผู้อื่นที่คิดลองดี
ฟ้าสาง ทันใดนี้เองจึงมีคนปรากฏขึ้นจากพื้นเบื้องล่าง ผู้นี้สวมใส่ชุดสีด่าสนิท เป็นชายหนุ่มเย็นชาหยิ่งผยองผู้หนึ่ง รูปลักษณ์ค่อนข้างหล่อเหลา กระนั้นความรู้สึกที่มอบให้แก่ผู้พบเห็นคือโหดเหี้ยมไร้เมตตา
“เจ้าหรือผู้คุมคุกชั้นนี้?” ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไปถาม
“ถูกต้อง ข้าคือผู้คุมคุกชั้นที่หนึ่ง เฮยหลง” ชายหนุ่มชุดด่าตอบค่ากลับมา “หน้าใหม่หรือ?”
เขาย่อมได้เห็นกลุ่มคนนอนกองที่มุมหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นเป็นราชันยุทธ์ ทั้งหมดล้วนบาดเจ็บสาหัส
“เป็นเช่นนั้น แล้วนี่ข้าจะเริ่มสู้ได้เลยหรือไม่?” ฉินหยุนกังวลห่วงหาต่อเวลาอย่างถึงที่สุด ทุกวันสามารถต่อสู้ได้สองครั้ง และที่นี่มีถึงเก้าชั้น แม้พยายามอย่างไรหนึ่งวันก็ขึ้นไปได้เพียงสองชั้น ดังนั้นคิดไปถึงชั้นที่เก้าภาย ในสองวันจะไม่อาจเป็นไปได้ ทว่าฉินหยุนมีแต่ต้องผ่านตรงนี้ไปก่อนและคิดถึงหนทางในภายหน้า
“หากคิดขึ้นไป ก็จงเอาชนะข้า!” เฮียหลงกล่าวตอบ “กระนั้นเจ้าไม่มีกําลังพอ สมควรยอมแพ้ไปเสีย! ข้าไม คิดสู้กับผู้อ่อนแอ!”
“ยังไม่สู้จะรู้ได้อย่างไรว่าข้าอ่อนแอ? ข้ามีธุระต้องรีบออกไปท่า ดังนั้นจึงคิดเอาชนะเจ้าเสียที่นี่และตอนนี้!” ฉินหยุนกล่าวตอบเขาพร้อมสู้อย่างเต็มที่แล้ว