Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน - ตอนที่ 864 : ต้อนเข้าตาจน
ตอนที่ 864 : ต้อนเข้าตาจน
เซียนหลูจิ้งเวลานี้เผยความงดงามเย็นเยือกยากหาที่เทียบเปรียบ ออร่าของนางเผยความภาคภูมิสุดหยั่ง เป็นนางครอบครองพลังที่สะกดให้ผู้คนต้องจับจ้อง โดยเฉพาะกับน้ําเสียงของนางที่เจือจิตสังหาร มันเป็นผลให้ผู้คนต่างหวาดกลัวถึงที่สุด
แทบทุกการเคลื่อนไหว ทัณฑ์สายฟ้าจะฟาดหวดลงที่ฉินหยุน ขณะนี้เขาแทบไม่อาจยืนหยัดขึ้นได้เมื่อครู่ เขาฝืนตนเองลุกขึ้นมาได้เล็กน้อย กระนั้นก็ต้องโดนสายฟ้าทองม่วงชวนสะพรึงฟาดหวดเข้าใส่รุนแรง
เซียนหลูจิ้งได้เห็นฉินหยุนสภาพย่ําแย่ภายใต้พลังดุดันของนาง ใบหน้างดงามในใต้หล้าจึงเผยรอยยิ้มอันเย็นเยือก
“เจ้าผู้หัวล้าน จงเร่งรีบยอมรับชะตา!” เซียนหลูจิ้งเผยเสียงเย็น “เจ้าหาได้ใช่คู่ต่อสู้ของข้าไม่!”
นางกล่าวคําจบ นางเซียนหิมะในชุดขาวบริสุทธิ์ได้ปรากฏตัวออกถึงสอง ครานี้นางถึงขั้นอัญเชิญสองเซียนหิมะออกมา! ผู้คนต่างสะท้านขึ้นในใจ
นางเซียนหิมะทั้งสองยืนหยัดเคียงข้างซ้ายขวาของเซียนหลูจิ้ง พวกนางราวกับแฝดสาม เย็นเยือก และงดงามสูงส่ง ด้วยสีหน้าเย็นชาประหนึ่งผู้สูงศักดิ์ นางเซียนหิมะที่พ่ายแพ้ต่อฉินหยุนเมื่อครู่ เวลานี้ฟื้นตัวรวดเร็ว กลับมาพร้อมอีกตัวตน
ฉินหยุนถูกทัณฑ์สายฟ้าเล่นงานหนักหน่วง แผ่นหลังต้องปริออกซึ่งบาดแผล แม้มีสภาพย่าแย่เพียงนี้ ทว่าเขายังไม่คิดยอมรับความพ่ายแพ้
“หากไม่ถูกบังคับต้องปิดซ่อนพลังราชสีห์สวรรค์ คิดเรียกราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพออกมาสอนสั่งบทเรียนแก่นางจะไม่ใช่เรื่องยาก!” ฉินหยุนสามารถอัญเชิญราชสีห์สวรรค์ใต้พิภพได้ถึงสี่ตัวด้วยกัน
ตุ้ม ตูม ตู้ม!
เวทีประลองยังคงสั่นไหวต่อเนื่องรุนแรงเพราะทัณฑ์สายฟ้าทองม่วงฟาดฟัน ไม่มีผู้ใดทราบว่าทัณฑ์สายฟ้าฟาดหวดไปแล้วกี่ครั้ง พวกเขาเพียงต้องการทราบ ว่าเมื่อใดเขาจึงยอมแพ้
แรงใจของฉินหยุน รวมถึงกําลังกายที่อดทนได้นานเพียงนี้ หลายคนต้องเผยความตื่นตะลึงที่ภายใน แม้แต่เซียนหลูจิ้งยังต้องนึกถึง! นางทราบขีดจํากัดของตนเองดี และขีดจํากัดของชายหัวล้านตรงหน้านางผู้นี้ มันคล้ายเกินสามัญสํานึกผู้คน
“แม้เจ้าเป็นเพียงราชันยุทธ์ระดับต้น ทว่าครอบครองพลังระดับนี้ หมายความถึงเจ้ามีศักยภาพมากล้น! เจ้าสมควรเร่งรีบยอมแพ้ หากต้องให้จบเรื่องโดยทําเจ้าพิการ เจ้าจะต้องนึกเสียใจไปตลอดชั่วชีวิต!” เซียนหลูจิ้งเผยเสียงเย็นเยือก นางเป็นกังวลว่าหากเป็นแบบนี้ต่อไป พลังความสามารถเทวะของนางอาจเป็นฝ่ายเรือดแห้งเสียเอง
ฉินหยุนทราบดีว่าเซียนหลูจิ้งแข็งแกร่ง โดยเฉพาะเมื่อเทียบเปรียบด้านพลังงาน นางเหนือลํายิ่งกว่าเขา กระนั้นฉินหยุนก็ยังเชื่อว่าตนเองสามารถเอาชนะเซียนหลูจิ้ง เพราะมีสองสัดส่วนที่นางหาได้แข็งแกร่งเทียบเท่า หนึ่งคือกําลังกาย อีกหนึ่งคือพลังจิต
ร่างกายของฉินหยุนและพลังจิต ทั้งสองเลิศล้ํานําหน้าการฝึกฝนแก่นเต๋ไปไกลโพ้น พวกมันทั้งสองคือกําลังซุกซ่อนอันชวนสะพรึงที่เขาเก็บง่าเอาไว้
ทว่าเวลานี้เขายังไม่อาจนําทั้งสองออกมาใช้ลงมือ นางเซียนหิมะทั้งสองเริ่มเข้ามาใกล้ฉินหยุนขนาบทั้งซ้ายและขวา
ฟู ฟู ฟู…
พวกนางทั้งสองเริ่มร่ายรํา ร่างกายหมุนวนเชื่องช้า พายุหมุนหิมะและน้ําแข็งขนาดใหญ่ถึงสองได้ก่อตัวเกิดขึ้น พายุหมุนทั้งสอง มันเริ่มปลดปล่อยเศษน้ําแข็งคมกริบออกมาอีกครั้งคราหนึ่ง
ซ่ ซู ซ่…
เศษน้ําแข็งนับไม่ถ้วนเข้าปะทะร่างของฉินหยุน เป็นผลให้เขาต้องกรีดร้องออกอย่างชวนสังเวช รวมเข้ากับทัณฑ์สายฟ้าที่ฟาดหวดลงมา ฉินหยุนตอนนี้ไม่อาจตั้งสมาธิได้ดังเช่นก่อนหน้า เมื่อครู่เขาต้องแบกรับทัณฑ์สายฟ้าที่ฟาดฟันไม่หยุดหย่อนอย่างยากลําบาก ตอนนี้โดนโจมตีขนาบจึงยิ่งยากเย็นขึ้นเป็นเท่าตัว ทัณฑ์สายฟ้าถอนตัว เศษน้ําแข็งเข้าแทนที่ ก่อนที่ทัณฑ์สายฟ้าจะวนกลับเข้ามาโจมตีซ้ําอีกครั้ง…
แม้ร่างกายฉินหยุนถูกเผาไหม้จนกลับกลายเป็นสีดําปริออกเผยให้เห็นเนื้อเบื้องล่าง กระนั้น เศษน้ําแข็งก็ยังไม่อาจทะลวงผ่านเลือดเนื้อ นี่คือร่างเซียนอสูร มันถูกทนยิ่งกว่าสิ่งใด เศษน้ําแข็งทําได้เพียงให้ฉินหยุนรู้สึกเจ็บปวด พวกมันไม่มีอํานาจมากพอทะลวงผ่านร่าง
เป็นอีกครั้งที่ฉินหยุนได้ทราบถึงความเลิศล้ําของร่างเซียนอสูร กระนั้นเขาก็ยังต้องแบกรับอาการเจ็บปวดอันมากมายไว้
“เสี่ยวหยุน ข้อได้เปรียบของเจ้าคือพลังจิตและกําลังกาย! แม้ว่าเจ้านอนกับพื้นเช่นนี้ ปล่อยให้นางโจมตี ในชั่วระยะเวลาอันสั้น นางอย่างไรก็ไม่มีทางทําลายเจ้าได้โดยง่าย! แม้นางเป็นราชันยุทธ์ระดับสูง ทว่าพลังงานที่นางครอบครองย่อมมีจํากัด! หากนางเป็นจักรพรรดิยุทธ์ ทัณฑ์สายฟ้าของนางจึงค่อยทําให้เจ้าบาดเจ็บสาหัสได้ ดังนั้นสิ่งเดียวที่เจ้าต้องท่าตอนนี้ คืออดทนเข้าไว้!” หลิงหยุนเอ่อกล่าว
หากฉินหยุนคิดอยากเอาชนะราชันยุทธ์ระดับสูงที่ดุร้ายและมากพรสวรรค์เช่นเซียนหลูจิ้ง เช่นนั้นเขาก็ต้องจ่ายด้วยราคาอันสูง นั้นก็คือความเจ็บปวดที่ต้องแบกรับ! เซียนหลูจิ้งไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะนางทราบวิธีการข องฉินหยุนเป็นอย่างดี นางเกรงว่าฉินหยุนอาจทุ่มสุดตัวสู้กับนางในระยะประชิด ถึงตอนนั้นจะต้องเป็นนางที่ได้ รับอาการบาดเจ็บอย่างสาหัส
“เหตุใดเจ้าจึงยังไม่ยอมแพ้?” เซียนหลูจิ้งตะโกนเสียงดังดุร้าย “เหตุใดยังต้องกล้ํากลืนความเจ็บปวด? ความดื้อรั้นของเจ้ามันไร้ความหมาย เพราะอย่างไรเจ้าก็ไม่อาจเอาชนะข้า!”
ฉินหยุนผู้ซึ่งถูกสายฟ้าและเศษน้ําแข็งโจมตีต่อเนื่องพลันหัวเราะดัง ฉินหยุนยืนกรานอดทนก็เพื่อวิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะ เซียนหลูจิ้งไม่ทราบว่าสําหรับเขาแล้ววิญญาณยุทธ์ทั้งสองมีความสําคัญเพียงใด
“ยังมีเรื่องใดให้หัวเราะ?” เซียนหลูจิ้งไม่อาจสงบใจดังเช่นก่อนหน้าได้อีก เพราะนางไม่อาจเอาชนะฉินหยุนได้แม้เวลาผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว
“ข้าหัวเราะเจ้า! เพราะเจ้าไม่อาจใช้งานพลังเป็นเวลานานได้กระมัง? ความสามารถเทวะทั้งสองของเจ้า มันต้องใช้พลังงานอย่างมหาศาล! แม้เป็นราชันยุทธ์ระดับสูง กระนั้นสัดส่วนที่พลังความสามารถเทวะทั้งสองดึงไปอย่างไรก็ต้องมากมาย!” ฉินหยุนกล่าวคําจบ ทัณฑ์สายฟ้าจึงฟาดปะทะลงใส่ เขาต้องกรีดร้องเจ็บปวดอีกครั้ง หนึ่ง
“แล้วอย่างไร? แม้พลังข้าใกล้เดือดแห้ง เจ้าหรือจะเอาชนะข้าได้? ด้วยสภาพบาดเจ็บปางตายเช่นนี้ เจ้าไม่หลงเหลือโอกาสใดที่จะเอาชนะข้า! ดังนั้นสมควรยอมรับความพ่ายแพ้เสีย! หากยังดื้อรั้นต่อ ผลลัพธ์สุดท้ายอย่างไรก็เป็นเช่นเดิม! ใยจึงยังต้องดื้อรั้น?” เซียนหลูจิ้งเผยเสียงเย็น
“ตราบเท่าที่ข้ายังมีชีวิต ข้าจะไม่ยอมแพ้!” ฉินหยุนกระอักเลือดออก เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอันเด็ดเดี่ยว “ข้าไม่เคยพ่ายแพ้ต่อเจ้า และวันนี้ข้าก็จะเอาชนะเจ้าอีกคราหนึ่ง!”
หลงอู่คงยังคงเชื่อมั่นในความดื้อรั้นของฉินหยุน หมัดของเขาเวลานี้กเอาไว้แน่น “ร่างกายเขาช่างชวนสะพรึงนัก!”
ทุกครั้งที่ทัณฑ์สายฟ้าฟาดหวด ทุกครั้งที่เศษน้ําแข็งปะทะกับร่างฉินหยุน ผู้ชมจะร้องตะโกนเพราะคิดว่าฉินหยุนต้องถูกทําลายลงในเสี้ยววินาทีนี้ กระนั้นเขากลับยังอดทนต่อไปได้!
เซียนหลูจิ้งเริ่มกลายเป็นฝ่ายร้อนรน เพราะการปลดปล่อยความสามารถเทวะต่อเนื่องเช่นนี้เป็นภาระแก่นางอย่างมหาศาล หากเป็นราชันยุทธ์ระดับสูงผู้อื่นคงหมดสิ้นพลังงานไปแล้ว
เซียนหลูจิ้งเวลานี้ปลดปล่อยได้เพียงแต่ทัณฑ์สายฟ้า และด้วยการยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป พลังของทัณฑ์สายฟ้าจะยิ่งอ่อนลง ตอนนี้พลังหลักที่ใช้โจมตีฉินหยุนคือเศษน้ําแข็งของสองนางเซียนหิมะ
ฉินหยุนนับเวลาอย่างเงียบงันถึงพลังของทัณฑ์สายฟ้าที่อ่อนแอลง เมื่อใดคิดว่ามันอ่อนแรงลงเพียงพอแล้ว เขาจึงค่อยตัดสินใจตอบโต้
“หยุนเอ๋อ ช่วยข้าต้านรับเศษน้ําแข็งนั่น!” ฉินหยุนพลันร้องบอกต่อหลิงหยุนเอ๋อ
ทันทีเมื่อทัณฑ์สายฟ้าสิ้นสุด เขาพลันกระโดดลุกพรวด! ฝูงชนที่รับชมต่างอุทานร้อง ผู้คนต่างคิดว่าตัวเขา เวลานี้สภาพครึ่งตาย กระนั้นกลับยังมีกําลังวังชา! เศษน้ําแข็งของสองพายุหมุนเข้ามาใกล้หลิงหยุนเอ่อปลดปล่อยแรงโน้มถ่วงมหาศาลเข้าตานรับ
พร้อมกันนี้ ฉินหยุนจึงเผยพลังจิตรุนแรงโจมตีออก เคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหาร! เขาควบแน่นพลังจิตขึ้นภายในจันทราทมิฬ แปรสภาพพวกมันให้กลายเป็นลําแสง ในพริบตา มันพลันยิงเข้าที่ศีรษะของเซียนหลูจิ้ง!
“กร็ด!”
เซียนหลูจิ้งที่ตระเตรียมปล่อยทัณฑ์สายฟ้า จิตวิญญาณของนางพลันต้องแบกรับอาการเจ็บปวดเหลือแสน ฉินหยุนปลดปล่อยดัชนีทะลวงขุนเขาแยกปฐพี่ใส่สองนางเซียนหิมะ!
เสียงร้องของสองนางเซียนหิมะดังขึ้น ร่างของพวกนางกระเด็นลอยลิ่วเข้าปะทะม่านพลัง เศษน้ําแข็งหิมะจากพายุหมุนเวลานี้กระจายหาย พร้อมกันนี้ ฉินหยุนได้ปลดปล่อยเคล็ดวิชารวมจิตวิญญาณสังหารต่อเนื่อง พลังจิตแข็งแกร่งที่สุดของเขาระดมโจมตีที่เซียนหลูจิ้งอย่างไม่คิดยั้งมือ
เรื่องราวแปรเปลี่ยนอย่างกะทันหันเกินไป กระทั่งเป็นผู้ชมยังต้องตื่นตะลึงลุกขึ้นยืนจ้องมองตาค้าง!
“พลังจิตโจมตี! เจ้าหัวล้านนี้มีพลังจิตแข็งแกร่งชวนสะพรึง!” ครึ่งเซียนส่านักมังกรฟ้าได้ทราบสถานการณ์ เวลานี้จึงอุทานร้องออกอย่างตระหนก
“ชายผู้นี้ถึงขั้นครอบครองพลังจิตชวนพรั่นพรึงเพียงนี้ แม้เซียนหลูจิ้งก็คงไม่อาจต้านรับไม่ได้!”
“เซียนหลูจิ้งไม่ใช่ง่ายจัดการเช่นนั้น นางสมควรหาทางตอบโต้ได้!”
เป็นดังคาดคิด เซียนหลูจิ้งผู้ซึ่งโดนพลังจิตระดมโจมตี เวลานี้เผยเสียงครวญครางเบาออก ก่อนที่ล่าแสงสีขาวสองสายจะปรากฏจากดวงตาของนางพุ่งเข้าหาศีรษะฉินหยุน
ฉินหยุนเวลานี้อยู่ใกล้เซียนหลูจิ้ง เขาไม่อาจหลบเลี่ยง ศีรษะพลันต้องถูกสองลําแสงสีขาวโจมตี เขาสัมผัสได้ จันทราทมิฬเวลานี้กําลังสั่นไหว เส้นรอยแยกได้ปรากฏที่พื้นผิวจนเป็นผลให้เขาต้องปวดศีรษะราวถูกผ่าแยก
พลังจิตของเซียนหลูจิ้งเป็นผลให้จันทราทมิฬของฉินหยุนต้องแบกรับความเสียหายรุนแรง! ฉินหยุนพลัน หยุดการใช้พลังจิตของตนเอง หลิงหยุนเอ่อร่วมมือใช้งานพลังแรงโน้มถ่วงเข้าสะกดร่างเซียนหลูจิ้งลงกับพื้น
พร้อมกันนี้ ฉินหยุนจึงใช้พลังความสามารถเทวะทรมานปะทุออกจนเป็นผลให้เซียนหลูจิ้งกรีดร้องอย่างรวดร้าว
ตึง ตึง ตึง!
ฉินหยุนอดทนต่ออาการปวดหัว แรงโน้มถ่วงมหาศาลปลดปล่อยออกเข้าระดมใส่ร่างเซียนหลูจิ้ง สตรีจากตระกูลเซียนอันสูงส่ง สุดท้ายแล้วพลันต้องถูกสะกดข่มเอาไว้ ร่างของนางนอนทอดกับพื้นครวญครางอย่างรวดร้าว
ฉินหยุนน่าเอาปลอกคอปกครองทาสออกมา หยดเลือดลงไป ก่อนจะเร่งรีบนําไปสวมใส่ที่คอของเซียนหลูจิ้ง ปลอกคอปกครองทาสส่องประกายแสงสีขาวเรืองรอง มันหายเข้าไปในค่าคอของเซียนหลูจิ้ง นางเวลานี้กรีดร้องออกคราหนึ่งก่อนหมดสิ้นสติ
“น้องชายชนะแล้ว!” หลงอู่คงตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้นยินดี
ผลลัพธ์นี้ผู้คนกล้ากล่าวว่ายากยอมรับได้ เพราะไม่ว่าพวกเขามองทางด้านใด เซียนหลูจิ้งแข็งแกร่งกว่าในทุกด้าน นางถึงขั้นสามารถสะกดคู่ต่อสู้เอาไว้ได้เนิ่นนาน แต่แล้วกลับต้องพ่ายแพ้และจบลงอย่างกะทันหัน
“ร่างกายเจ้าหัวล้านนี่แปลกเกินไปแล้ว มันต้องฝึกฝนวิชามารเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางแข็งแกร่งได้เพียงนี้!”
“ร่างกายนั้นเหลือเชื่อเกินไป เซียนหลูจิ้งโจมตีอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่มันจะพบโอกาสจนโจมตีตอบโต้ได้รับชัยชนะ!”
“ความเลิศล้ําของร่างกายก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง! มันเทียบเท่ากับมีปราการป้องกันเลิศล้ําอยู่กับตัว พลังอํานาจการโจมตีเซียนหลูจิ้งยอดเยี่ยมก็จริง ทว่าอํานาจการป้องกันของอีกฝ่ายเหนือลํายิ่งกว่า!”
“เป็นนางขาดซึ่งความระวัง คงไม่คาดคิดว่าคู่ต่อสู้จะจู่โจมด้วยพลังจิตรุนแรงในคราวเดียวเช่นนั้น!”
“เห็นด้วย! ผู้ใดใช้ให้นางอวดดีเพียงนั้นกัน! แม้เป็นกองทัพ แต่หากอวดดีเกินไปบ่อยครั้งล้วนต้องพ่ายแพ้!”
ผู้คนต่างสนทนากันอย่างเผ็ดร้อนต่อการศึกที่เพิ่งจบลงไป
ฉินหยุนก้าวเดินเข้าไป อุ้มร่างเซียนหลูจิ้งขึ้นพร้อมกล่าว “นางเป็นทาสข้าแล้ว! หากไม่คิดต้องการนางเป็นทาส ข้าคงทํานางสิ้นสภาพจนพิการไปเรียบร้อยแล้ว!”
ผู้คนสํานักมังกรฟ้าไม่กล้ากล่าวค่าใด นี่เป็นการตัดสินใจของเซียนหลูจิ้งเอง นางคือผู้นําปลอกคอปกครองทาสออกมาเอง ผู้คนเริ่มสนทนากันเสียงดัง ม่านพลังของเวทีประลองเริ่มคลายตัวออก หลงดังเฉิงเร่งรีบขึ้นไปคุ้มกันฉินหยุน พร้อมทําการโคจรพลังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บ
หลงอู่คงเดินเข้ามากล่าว “ชัยชนะตกเป็นของน้องชายข้าแล้ว เช่นนี้เร่งรีบนําวิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะออกมาเป็นรางวัล!”
ชายชราตระกูลหลงเร่งรีบก้าวเดินเข้ามา พร้อมส่งมอบไข่มุกผนกวิญญาณเม็ดใหญ่ให้แก่ฉินหยุน
เมื่อไข่มุกผนึกวิญญาณทั้งสองอยู่ในมือฉินหยุน เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยกับมันอย่างประหลาด สิ่งนี้คือความทุกข์ตรมของหลงเฉียวเฟิงยามผู้อื่นพรากมันไปจากนาง วิญญาณยุทธ์มังกรและหงส์อมตะกําลังจะได้กลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริงแล้ว