The Novel’s Extra - ตอนที่ 452
บทที่ 452 ลางบอกเหตุของการพบเจอ (6
ชอคจุนกยอง ขว้างทองคำแท่งให้พวกเขา เมื่อคิดว่าอาจจะไม่พอเขาก็ควานหากระเป๋าของเขาแล้วโยนอีก 2-3 ครั้งรวมเป็น 10 กิโลกรัมซึ่งมีมูลค่าประมาณ 500 ล้านวอน
“พวกเราจะให้เงินพวกคุณเท่าที่พวกคุณต้องการ พวกเรามีเพชรโลหิตสำหรับฝึกซ้อมด้วย มีปัญหาอะไรอีกไหม”
พ่อแม่ของยียูริมีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการถูกขังอยู่ใต้ดินเป็นเวลา 5 ปี แต่ ชอคจุนกยอง ไม่สนใจ
“นอกจากนี้การออกจากสถานที่แห่งนี้อันตรายเกินไป พวกคุณไม่เข้าใจเหรอ พวกเราจะให้เงินพวกคุณมากกว่าที่พวกคุณคิดได้ แค่พวกคุณพักที่นี่ 5 ปี? นั่นมันไม่มากเกินไปใช่ไหม?”
“… .”
‘พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว’ พ่อแม่ของ ยียูริ ถอนหายใจและพยักหน้า ยียูริปลอบใจพ่อแม่ของเธอ จริงๆแล้วมันเหมือนกันสำหรับเธอไม่ว่าเธอจะถูกขังอยู่ที่นี่หรือใน หอคอยแห่งฮีโร่ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือที่นี่เธอเจอเด็กชายอายุเท่ากับชื่อโดรน
ยียูริเขินอาย เมื่อเธอคิดถึงเขา และแล้ว…….
คลื่นนนนนนน…
แผ่นดินไหวขนาดเล็กเป็นระลอกๆ ชอคจุนกยอง รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติและเขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาใช้เวลาเพียง 3 วินาทีเพื่อไปที่สำนักงานของบอสบนชั้นใต้ดินที่ 3
“บอส! คุณรู้สึกอะไรตอนนี้ไหม”
ชอคจุนกยอง เรียกบอสทันทีที่เขามาถึง เขามองอย่างงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง บอส สวมหัวหมีอะไรสักอย่าง
“อืม นายมาแล้วเหรอ ชอคจุนกยอง”
“…บอสนั่นอะไรน่ะ?”
“โอ้นี่เหรอ? ฉันได้ไอเท็มดีๆมาน่ะมันใช้งานได้กับไอเท็ม Lv.4 และ
ต่ำกว่าเท่านั้นดังนั้นฉันจึงเลือกตัวนี้
มันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่เธอได้รับจากคิมฮาจิน
บอสเล่นกับแก้มของหมีด้วยรอยยิ้มที่น่าพึงพอใจ
“มันแปลกมากมันมีความสัมพันธ์ทางเวทมนตร์สูง ฉันชอบมันมากเลยละ”
“เอ่อ…คุณรู้สึกถึงแผ่นดินไหวครั้งนี้ไหม”
“อ้อ นั่นเหรอ?”
บอสมองอย่างสบายๆไปนอกหน้าต่าง แสงสีทองกระพริบบนท้องฟ้า
“ดูเหมือนว่าหอคอยแห่งความปรารถนาจะสิ้นสุดลงแล้ว”
“หอคอยแห่งความปรารถนา…จบแล้วเหรอ”
“ใช่แล้วคิมซูโฮต้องทำแบบนี้”
คลื่นนนนน…ในขณะนั้นแสงสีทองอันสว่างไสวแผ่กระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า คลื่นแสงที่ส่งสัญญาณถึงจุดจบของหอคอยนั้นถูกมองเห็นโดยมนุษย์ทุกคน
[ผู้เล่น ปรมจารย์ดาบศักดิ์สิทธิ์ ได้เอาชนะ]
*************************************************************************
[อคทรีน่า]
เฟฮี เตรียมพร้อมสำหรับการทำสงครามกับ ชูเบิร์ท เธอมีทหารจำนวนมากในกองกำลังของเธอ หลังจากได้ยินว่า พัลซาร์ ได้รับการฟื้นฟูและศาลเตี้ยได้เข้าร่วมกับเธอแล้วมีคนกว่า 4,000 คนตัดสินใจที่จะมาที่เมืองหลวงจากทั่ว อคทรีน่า ตอนนี้ประชากรของ พัลซาร์ ถึง 13000
จินซาฮยอค ผู้ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการคัดเลือกผู้มีความสามารถมากที่สุด 3,000 คนเพื่อก่อตั้งกองทัพของเธอ
โชคดีที่มีอาหารมากเกินพอที่จะไปไหนมาไหน เศษผลึกทั้ง 3 ที่พวกเขาเก็บรวบรวมมานั้นทำให้มีปศุสัตว์เพียงพอและพื้นที่เพาะปลูกที่
อุดมสมบูรณ์ของพวกเขาสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกๆ 2~3 สัปดาห์
เหมืองทางตะวันออกเฉียงเหนือของ พัลซาร์ กลับมาปฏิบัติการอีกครั้ง กษัตริย์รวบรวมคนงานด้วยอาหารเป็นค่าแรงกว่า 100 คนหรือมากกว่านั้นเป็นอาสาสมัครในนั้น ไอลีนเป็นคนหนึ่งที่กลายเป็นหัวหน้างานของพวกเขา คำพูดของเธอช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของพวกเขาอย่างมาก
เมื่อขุดแร่แล้วโรงตีเหล็กก็กลับเข้าสู่การทำงาน อียองฮา ใช้พลังของเขาเพื่อละลายแร่และผมใช้ความชำนาญของ คนแคระหนุ่ม เพื่อสร้างเกราะและอาวุธ
[ความคล่องแคล่วของ คนแคระหนุ่ม เพิ่มระดับเป็น 3!]
หลังจากผ่านไปประมาณ 1 เดือนในการสร้างชุดเกราะและดาบ 20 เล่มต่อวันความชำนาญของ คนแคระหนุ่ม ก็เพิ่มขึ้นเป็นระดับ 3
“…เมืองหลวงเปลี่ยนไปมาก ขอบคุณพวกคุณทุกคนนะ”
ขณะนี้พวกเราอยู่ในห้องนอนของกษัตริย์ เฟฮี ยิ้มอย่างมีความสุขขณะที่เธอนอนอยู่บนเตียง
“พวกเรายังคงมีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่ต้องผ่านไป”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันต้องกลัวอะไร การสร้าง พัลซาร์ ใหม่เหลือแค่เวลาเท่านั้น”
“…เธอควรจะนอนได้แล้วนะ. มันสายแล้ว.”
“….”
อย่างไรก็ตาม เฟฮี ปฏิเสธที่จะเข้านอน เธอดูเหมือนจะหวังอะไรบางอย่าง ผมยิ้มและหยิบหนังสือที่ผมนำมา มันคือโรมิโอและจูเลียตซึ่งผมคัดลอกโดยการเข้าถึงแล็ปท็อปผ่านสายตาของผม ดวงตาของเฟฮีเปล่งประกาย
“เธออยากอ่านก่อนเข้านอนอีกแล้วใช่ไหม”
“ชะ-ใช่ คราวนี้เป็นแนวไหนกันเหรอ?”
เฟฮี หรับหนังสืออย่างรวดเร็ว
“มันเป็นเรื่องราวความรัก โศกนาฏกรรม”
“โศกนาฏกรรม….”
เฟฮี แสดงสีหน้าเศร้าๆเมื่อเธอเปิดหนังสือ ผมปล่อยให้เธออ่านและออกจากห้องอย่างช้าๆ
“…เฮ้อออออออออ”
ผมถอนหายใจแล้วเดินลงบันได ทันใดนั้นผมก็นึกถึงเศษคริสตัน ผมมี 3 อันอยู่ในความครอบครองของผมและผมรู้ว่าอีก 2 อันอยู่ที่ไหน อันหนึ่งถูกจับโดย เคานต์ ชูเบิร์ท ในขณะที่อีกอันถือโดย เรแลน อัศวินของเขา
สำหรับเศษผลึกที่ 6 …ผมไม่จำเป็นต้องมองหามัน มันซ่อนอยู่ในห้องนอนของเฟฮี เธอพยายามซ่อนมันไว้เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเรากลับไป
“นายถอนหายใจอะไร?”
ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันไดเสียงแหลมๆของจินซาฮยอคก็ดังขึ้น
“… .”
เธอยืนอยู่อีกด้านหนึ่งของบันได ตัดสินจากผมที่เกรียมเล็กน้อยแล้วเธอคงต่อสู้กับชินจงฮัคเมื่อไม่นานมานี้
เธอพูดว่า “พวกนายไม่อยากกลับแล้วเหรอ?”
ผมส่ายหัวและตอบโต้ “ไม่ละ แล้วเธอล่ะ? เธอไม่อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปเหรอ?”
“นายกำลังพูดถึงอะไร”
“พูฮาเรน ไม่ได้อยู่ในโลกนี้”
คิมซูโฮไม่ได้อยู่ในอดีตนี้ พูฮาเรนที่กลายเป็นปีศาจและทำลายอาณาจักรก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลเดียวกัน ทำให้โลกนี้ยังดำเนินต่อไปได้อีกนาน
แต่สำหรับผมก็ประหลาดใจ จินซาฮยอค ปฏิเสธในทันที
“ฉันไม่สนใจของปลอม”
“…เป็นอย่างนั้นเหรอ?”
“แต่นายดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น”
“อะไรนะ?”
เหตุผลที่ผมอยู่ใกล้ชิดกับ เฟฮี คือการได้รับ ‘รางวัล’ ที่ผู้เขียนร่วมวางแผนไว้สำหรับผม แต่จินซาฮยอค ที่ไม่รู้เรื่องนี้เลยทำตัวแปลกๆไป
“เฟฮี ที่นายกำลังพูดถึงนั้นเป็นของปลอม”
“…ฉันรู้แล้ว.’
“นายเหรอรู้?”
จินซาฮยอค จริงจัง เธอก้าวเข้ามาหาผม ผมควรจะบอกเธอไหมว่าผมไม่ใช่ คิมชุนดง? แต่แม้ว่าจะต้องการแบบนั้น….ผมก็…
[การซิงโครไนซ์ – 8%]
อัตราการซิงโครไนซ์สูงเกิน 8% หมายความว่าอย่างน้อยเท้าของผมก็คือคิมชุนดง มันคงจะเป็นการดีที่สุดที่จะเงียบเอาไว้ในขณะที่คุยกับ
จินซาฮยอค
“ไปนอนเถอะ.”
ผมเดินผ่าน จินซาฮยอค ที่กำลังขวางทาง ในขณะที่ผมกำลังเดินนั้นเสียงของจินซาฮยอคก็ดังขึ้น
“…ราชาของนายไม่ใช่เธอ แต่เป็นฉัน”
ผมไม่สนใจเธอและเดินต่อไป
“ฉันเป็นของจริง!”
‘เมื่อไรเธอจะตะโกนนะ อีก 1 วินาทีหรือเปล่า?’ อย่างที่ผมคิดว่าเธอ
กรีดร้องออกมาเต็มปอดของเธอ
“คิมฮาจิน -! ฉันเป็นของจริง-!”
เหมือนเธอกำลังถ่ายละคร ผมไม่ได้พูดอะไรเลยและกลับลงมาชั้นล่างที่ชั้น 1 ไอลีน และ ซอยองจี อยู่ในห้องรับรองชั้น 1
“ ….”
“ ….”
พวกเธอได้ยินการสนทนาของพวกเราหรือเปล่านะ ผมคิดว่ารู้เมื่อเห็นมือของพวกเธอกำลังสั่นเล็กน้อย
“คุณ ไอลีน เป็นยังไงบ้าง?”
“ฉะ-ฉัน? อ้อ ฉันกินช็อคโกแลต งับ, งับ.”
มันน่าอึดอัดใจถ้าไม่ได้อธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่มีทางที่พวกเขาจะไม่ได้ยินพวกเรา … ผมถอนหายใจ ในขณะนั้นเองเสียงที่ดังกว่า
จินซาฮยอค ก็ดังขึ้นผ่านลูกบอลคริสตัลของพระราชวัง
– เรื่องฉุกเฉิน! กองทัพของ ชูเบิร์ทกำลังเคลื่อนไหว!
ทุกคนในห้องรับรองกระโดดด้วยความประหลาดใจ พวกมันเคลื่อนไหวแล้วเหรอ? พวกเรารีบวิ่งไปที่กำแพงปราสาท ทหารและอัศวินหลายคนรออยู่ในสถานะเตรียมพร้อมแล้ว
“นักบวช คิม!”
อัศวินเรียกผม ผมกระโดดไปบนกำแพงปราสาท
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ มองไปตรงนั่นสิ”
อัศวินชี้ไปที่ขอบฟ้า แน่นอนผมเห็นบางสิ่งบางอย่างที่เคลื่อนไหว
ดวงตาของผมเบิกกว้างและจ้องที่มันอย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม …
“…ห่าอะไรวะนั้น?”
“คุณเห็นพวกมันเหรอ”
“ ใช่ แต่พวกมันคือ….”
คนที่วิ่งมาที่นี่ไม่ใช่ศัตรู พวกเขาเป็นพลเมือง ผู้ลี้ภัยที่มาที่นี่
– ไอยา
– แม่ ผมทิ้งของเล่นไว้ข้างหลัง….
– อา ฉันเดินไม่ไหวแล้ว
ผมเน้นพลังเวทย์ของรอยสักไปที่ดวงตาของผม วิสัยทัศน์ของผมแผ่ขยายออกไปผ่านผู้ลี้ภัยที่เดินขบวนผ่านภูเขาและแม่น้ำจนกว่าจะถึงปราสาทของ ชูเบิร์ท
“… อ่า.”
สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่มีขนาดประมาณ 5 เมตรปกคลุมไปด้วยหมอกแห่งพลังงานปีศาจกำลังทำลายทุกสิ่งที่เห็น เมื่อผมเห็นมันการแจ้งเตือนใหม่ก็โผล่ขึ้นมาต่อหน้าต่อตาผม
[เป้าหมายที่สาม – หยุดปีศาจหรือหลบหนีจากเนื้อเรื่องในอดีต]
พูฮาเรน น้องชายของ จินซาฮยอค มันคือ พูฮาเรน ผู้ซึ่งต่อมากลายเป็นปีศาจได้เกิดขึ้นจริงในโลกใบนี้
“อึ….”
ชูเบิร์ท เป็นเพียงแค่เริ่มต้นงั้นเหรอ