The Novel’s Extra - บทที่ 642 Final Name (13)
[ปราการของบาอัล – เรื่องราวของแชจูชึลและเฮย์เนค]
แชจูชึลและเฮย์เนคกำลังเดินไปด้วยกัน ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว เกราะของเฮย์เนคจะกระจัดกระจายและอ้อยของ แชจูชึล ก็ดังขึ้น
สิ่งเดียวที่ขาดหายไปจากซิมโฟนีที่บรรเลงอยู่นี้คือเสียงของพวกเขา เฮย์เนคและแชจูชึลไม่รู้สึกว่าจำเป็นต้องอ้าปาก พวกเขามีชีวิตอยู่นานพอที่จะไม่ถูกรบกวนด้วยความเงียบงันเช่นนี้
“ …ปราการนี้ดูเหมือนจะเป็นเขาวงกต”
หลังจากเงียบไปนาน เฮย์เนคก็พูดขึ้นในที่สุด พวกเขาทั้งสองคนเดินมาระยะหนึ่งแล้ว แต่กลับไม่ได้เข้าใกล้บาอัลมากขึ้น
แชจูชึลหยุดเดินและพยักหน้า
“ คุณรู้เรื่องนี้มาแล้วไม่ได้บอกฉันใช่มั้ย? “
เฮย์เนคยกยิ้มอย่างซุกซน แต่ความคิดเห็นของเขาไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อแชจูชึล เนื่องจากเขายังคงเดินต่อไปอย่างไร้จุดหมาย เฮย์เนคยักไหล่และเดินตามเพื่อนของเขาไป
“ …การอยู่กับนายสองคนไม่ใช่เรื่องสนุกเลยสักนิด”
ทั้งสองถูกพัดพาไปตามปราการของบาอัลเช่นเดียวกับคนอื่น ๆ เมื่อพวกเขาลืมตาขึ้นก็พบว่าพวกเขาอยู่กันตามลำพัง และไม่มีวี่แววของคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงยกเว้นกันและกัน
“อืมมม สถานการณ์นี้ทำให้ฉันนึกถึงวันเก่า ๆ นายจำคุกลีโอแค็ดได้ไหม?”
เฮย์เนคถามพร้อมถอนหายใจ ข้อดีและข้อเสียของการอยู่ตามลำพังกับแชจูชึลก็คือเขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงอดีต
ย้อนกลับไปตอนนั้น แชจูชึลดูน่ารำคาญยิ่งกว่าตอนนี้ มันเป็นมากกว่าความยุ่งยากในการจัดการกับความหงุดหงิดของโรคจิตที่กำลังค่อยๆสูญเสียความสามารถในการรู้สึกถึงอารมณ์ไป นึกถึงเรื่องนั้น เฮย์เนครู้สึกสบายใจมากขึ้นในตอนนี้ แชจูชึลที่สูญเสียอารมณ์ไปกว่า 90% แล้ว
“…”
แชจูชึลหยุดชะงัก ทันทีที่เขาคิดหาวิธีหนีจากเขาวงกตแห่งนี้ เขาหลับตาและยกระดับพลังเวทย์ของเขาขึ้น
แต่ที่มาของพลังของแชจูชึลก็คือธรรมชาติ ความพิเศษของเขาไม่สามารถใช้งานได้ในกรณีที่ไม่มีธรรมชาติ
“ อ่าห้า พลังของนายไม่เป็นผลกับที่นี่ไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ?”
เฮย์เนคยิ้มเยาะ แชจูชึลปล่อยพลังเวทย์ออกมาอีกครั้งโดยไม่ได้สนใจเฮย์เนค และจากนั้น – ปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้น ‘ธรรมชาติ’ เกิดขึ้นจากพลังเวทย์มนตร์ของแชจูชึล
“… ว้าว.”
พลังเวทย์มนตร์ของแชจูชึลกลายเป็นดินทองคำที่ปกคลุมพื้นของปราการ ในเวลาเพียง 3 นาทีทิวทัศน์ทั้งหมดกลายเป็นทุ่งหญ้าและสายน้ำเริ่มไหล ผิวน้ำ ทุ่งหญ้าสีเขียวและแม่น้ำยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากได้รับพลังเวทมนต์จากแชจูชึล
เฮย์เนคเข้าใจความตั้งใจของแชจูชึลอย่างรวดเร็ว กระแสพลังจะแบ่งออกเป็นหลายแขนงและวิเคราะห์เขาวงกตแห่งนี้ กิ่งไม้จะทำหน้าที่เป็นไกด์นำทางไม่ใช่แค่เพียงให้กับแชจูชึลและเฮย์เนค แต่ยังรวมไปถึงฮีโรที่เหลือที่ยังอยู่ในปราการแห่งนี้
“ นาย…มีพลังที่สวยงามที่สุดในโลก” เฮย์เนคพูดพึมพำด้วยความตื่นตะลึง แต่แชจูชึลยังคงนิ่งเฉยอยู่ เขายังคงเดินไปข้างหน้าพร้อมแผ่ขยายธรรมชาติในทุกก้าวเดิน
มันทำให้ทุกคนเศร้าใจที่แชจูชึลได้สูญเสียจุดประสงค์และจุดหมายปลายทางในชีวิต เมื่อนานมาแล้ว เพื่อเป็นการตอบแทนในการรับพลังที่สวยงามที่สุดในโลก แชจูชึลสูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับเขา เขากลายเป็นอมตะโดยไม่สามารถมีความรัก
“ … จูชึลรอฉันด้วย”
ต้องขอบคุณชายผู้ที่ไร้อารมณ์และยังขาดเป้าหมายและจุดหมายปลายทางในชีวิต นอกจากนี้ มันเป็นเพราะเขาขาดอารมณ์ที่ไม่สามารถรู้สึกเหงาและไม่สามารถรักได้ ดังนั้นจึงไม่มีประโยชน์ที่จะสงสารเขา
“ มาเถอะ ไปกัน”
เฮย์เนคเดินตามหลังแชจูชึลไป ธรรมชาติยังคงปรากฏขึ้นทุกที่ที่แชจูชึลเดินไป ตอนนี้ฮีโร่คนอื่น ๆ จะสามารถใช้สิ่งนี้เป็นแนวทางในการค้นหาเส้นทางที่ถูกต้องได้
หญ้าสีเขียวและต้นไม้สูง
เพลิดเพลินกับสายตาของธรรมชาติที่ถูกสร้างขึ้นในปราการ เฮย์เนคเดินต่อไปเรื่อยๆ ครู่หนึ่งเขารู้สึกราวกับสายลมอ่อน ๆ พัดผ่านแก้มของเขาไป
**
ในขณะเดียวกัน คิมซูโฮและคนอื่น ๆ ก็ติดตามการนำทางของชิมูริน นักเวทย์ผู้ยิ่งใหญ่เป็นไกด์ที่ยอดเยี่ยมและพวกเขาก็รึกสึกได้ว่าตัวเองกำลังเข้าใกล้บาอัลมากขึ้นในทุกย่างก้าว
—!
บาอัลคำรามอีกครั้ง คิมซูโฮเหวี่ยงดาบของเขาเกือบจะในทันที มวลเสี้ยวของพลังจากมิสเทลทีนลบพลังงานปีศาจอีกครั้ง
“… อั๊กก”
บางทีเป็นเพราะการโจมตีครั้งสุดท้ายอาจทำให้ร่างกายเขาเครียดมากเกินไป ทันใดนั้นคิมซูโฮก็รู้สึกวิงเวียน เขาคุกเข่าลงและนวดขมับของตัวเอง
“คุณโอเคมั้ย?”
ราเชลและคนอื่น ๆเดินเข้าไปหาคิมซูโฮอย่างเป็นกังวล “ผมสบายดี” เขาตอบกลับ แต่แม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้น ความรู้สึกคลื่นไส้ก็ทำให้ไหล่ของเขาแข็งทื่อไป
คิมซูโฮรับรู้โดยสัญชาตญาณว่าเขาสามารถใช้พลังได้ดีที่สุดเพียงสามหรือสี่ครั้งเท่านั้น เขาพยุงตัวเองลุกขึ้นพ ยายามที่จะควบคุมความกังวลในใจของตัวเอง
“ คุณเหนื่อยไหมครับ” เบลล์ถามขึ้น
คิมซูโฮยิ้มอย่างขมขื่น
เบลล์ส่ายหัวด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ไม่ คุณไม่เหนื่อย”
“…อะไรนะ?”
“ จิตใจของคุณคิดว่าคุณเป็นแบบนั้น แต่คุณไม่ คุณไม่เหนื่อยล้า อย่างน้อยก็ในขณะที่ยังอยู่ในปราการแห่งนี้”
คิมซูโฮเงยหัวขึ้นอย่างไม่เข้าใจคำพูดของเบลล์ แต่เบลล์ไม่สนใจที่จะอธิบายเพิ่มเติม
ดังนั้นพวกเขาจึงเดินทางต่อไป ชิมูรินนำทางพวกเขาในขณะที่ดวงตาทั้งสองข้างของเธอยังคงปิดอยู่ เธอเป็นคนที่ระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะเพียงขั้นตอนเดียวที่ผิดพลาดนั้น อาจหมายถึงการที่ต้องเริ่มใหม่จากศูนย์
อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขามาถึงจุดหนึ่งในเขาวงกต ทุกคนก็จำเป็นต้องหยุดสักพัก พวกเขาเงยหน้าขึ้นอย่างแข็งๆ และการมองไปนั้นก็ทำให้พวกเขาพบศัตร์ดูหลังสายตานั่น
“… โมแร็กซ์”
ทันใดนั้นร่างขนาดใหญ่ของปีศาจก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าของพวกเขา เมื่อจินซาฮยอคเงยหน้าขึ้นมองเขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่อกของเขาทันที
“ ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกันนะ”
ชิมูรินยกยิ้มเล็กน้อย ภายในปราการนี้ โมแร็กซ์เปรียบเสมือนผู้คุ้มกันของบาอัล ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อซื้อเวลาให้บาอัลในการสร้างร่างที่แท้จริง
Claang-
ทุกคนดึงอาวุธของพวกเขาออกมาแล้วเล็งหอกและดาบไปที่โมแร็กซ์ทันที
Guoooo …
เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขา โมแร็กซ์ก็ส่งเสียงคำรามเสียงต่ำ ความหดหู่จินซาฮยอครู้สึกเหมือนกับว่ามันกำลังร้องไห้ด้วยเหตุผลบางอย่าง
“เตรียมพร้อม….”
จินซาฮยอคกัดฟันของเธอแน่น โมแร็กซ์นั้นแข็งแกร่ง แต่เขาไม่สามารถสู้กับ ไอรัน, ฮาริน และคนอื่น ๆ จากโลกแรก พวกเขาเกิดมาพร้อมกับความสามารถโดยธรรมชาติในการต่อต้านพลังปีศาจ
“ทุกค-”
“เดี๋ยว”
ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งพุ่งเข้าไปหาโมแร็กซ์ จินซาฮยอคก็ก้าวไปข้างหน้า
เผชิญหน้ากับการแสดงออกที่สับสนจากทุกคน เธอประกาศกร้าว“ ฉันจะจัดการเขาเอง”
ทุกคนหันไปมองจินซาฮยอค แต่สายตาของจินซาฮยอคนั้นจับจ้องไปที่คิมซูโฮ ดวงตาของพวกเขาประสานกัน และจากนั้นเธอก็รู้ว่าคิมซูโฮต้องการพูดอะไร
“ เธอหมายถึงคนเดียวอย่างงัื้นหรอ? ผู้บัญชาการอัศวินชินจาฮยอค”
“มันจะตึงมือเกินไป”
เรเชลและโทเมอร์คัดค้าน แต่จินซาฮยอคก็แน่วแน่ เธอส่ายหัวแล้วพูดต่อ
“ ฉันพูดได้แค่นี้ นี่คือสิ่งที่ฉันต้องทำด้วยตัวเอง เหนือสิ่งอื่นใดคือเรากำลังจะหมดเวลา สิ่งสำคัญอันดับแรกและสำคัญที่สุดของพวกคุณคือการหยุดบาอัล คุณไม่ควรเสียเวลาที่นี่”
มีจุดหนึ่งในสิ่งที่เธอพูด มันก็เพียงพอที่จะโน้มน้าวชิมูรินและคนอื่น ๆ
“ …จินซาฮยอค”
คิมซูโฮมองไปที่จินซาฮยอคด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน เธอไม่ใช่คนเดียวที่จำการล่วงหล่นของพัลซาร์ได้ แม้จะมีความกังวลของคิมซูโฮ แต่จินซาฮยอคก็ทำแค่เพียงกอดอกของเธอและตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“ ใครบอกว่านายเรียกชื่อฉันได้?”
ริมฝีปากของคิมซูโฮโค้งเป็นรอยยิ้มให้กับการกลับของความเย่อหยิ่งของจินซาฮยอค เขารู้สึกโล่งใจด้วยทัศนคติที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปของเธอ มันเหมาะกับเธอแล้ว
“…ดี”