อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 613
ป้าหลี่มองแวบหนึ่งเห็นว่าเป็นยาทาจุดซ่อนเร้น ท่าทางเธอไม่ได้คิดไปเอง
เธอกำลังจะก้าวขาเข้าไปเย่เซียวกลับเรียกเธอไว้อีกครั้ง เงียบอยู่อึดใจถึงพ่นคำออกมาสั้นๆ “วันละสามครั้ง!”
ป้าหลี่ชะงักนิ่งไปครู่ถึงเข้าใจความหมาย พยักหน้ารับ “ค่ะ ฉันจะเตือนคุณไป๋เอง”
เหมือนว่าเย่เซียวยังพูดไม่จบคนรับใช้จึงไม่ขยับตัว อย่างที่คิดเมื่อรออีกสักครู่ก็ได้ยินเขากล่าวอีกว่า “เธออาจจะไม่สะดวกทาเอง ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลือ คืนนี้ป้าจะต้องพร้อมเสมอ”
“ค่ะ”
“ยา…” เขาพยักพเยิดคางที ปากบางขยับพูดเสียงเย็นชา “บอกว่าเป็นของน่าหลัน!”
…………………………
ผ่านไปพักหนึ่งป้าหลี่ถือชุดนอนเข้ามา
“คุณไป๋ เสื้อของคุณค่ะ”
“เอามาค่ะ” ไป๋ซู่เย่ดึงผ้าขนหนูบนตัวออกแล้วสวมชุดนอนทันที
“แล้วก็…ยานี่”
เธอหยิบหลอดยามาดูแวบหนึ่งพบว่าเป็นของใหม่ “เย่เซียวซื้อมาเหรอ?”
“เปล่าค่ะ ได้ยินว่าเป็นของคุณน่าหลัน”
ไป๋ซู่เย่ยิ้มขมขื่น เธอยังคาดหวังอะไรอยู่อีก? ยาแบบนี้หากน่าหลันมีพร้อม หมายความว่า…เขาป่าเถื่อนกับผู้หญิงทุกคนเหมือนเมื่อครู่หมดเลยหรือ?
พอคิดว่าเขาทำเรื่องที่ทำกับเธอเมื่อสักครู่ ต่อให้ป่าเถื่อนแบบนั้นหัวใจก็เจ็บปวดเหมือนโดนเข็มทิ่มแทง
“ป้าออกไปเถอะ” ใบหน้าเรียบนิ่งเสียจนไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ทายาแค่วางหลอดยาทิ้งไว้ข้างๆ ไม่สนใจอีกต่อไป
ยิ่งเจ็บยิ่งดี
ยิ่งเจ็บจะได้ยิ่งจดจำ ยิ่งให้ตัวเองใจเย็นและมีสติมากขึ้น รู้ว่าระหว่างตัวเธอกับเย่เซียวไม่มีอะไรนอกจากความเกลียดชัง!
……………………
ตลอดคืนนั้นเจ็บปวดเหลือเกิน
จนถึงเช้าตีสามตีสี่ไป๋ซู่เย่ถึงได้หลับไปอย่างสะลึมสะลือและเหมือนจะฝันร้ายอีกแล้ว ฝันร้ายในครั้งนี้กลับแตกต่างจากแต่ก่อน ในฝันครั้งนี้เย่เซียวถือปืนยิงเจาะหัวเธอเหมือนยมทูตเก็บวิญญาณ
ในฝันนั้นเธอกำลังยิ้ม
เหมือนจะได้หลุดพ้นสักที
รอตื่นมาอีกทีมองเพดานถึงได้รู้ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่
ประตูห้องถูกคนเคาะจากด้านนอก คนรับใช้เอ่ยปากจากข้างนอก “คุณไป๋คะ ตื่นหรือยัง?”
“อืม” เธอตอบกลับไปทีด้วยเสียงที่ติดแหบเล็กน้อย
“นายท่านกับคุณน่าหลันกำลังรอคุณไปทานข้าวเช้าด้วยกัน”
ไป๋ซู่เย่นิ่งไปชั่วอึดใจถึงได้ตอบกลับอย่างใจเย็น “ฉันขอล้างหน้าแปรงฟันก่อน”
เธอจัดการล้างหน้าแปรงฟันลวกๆ แล้วเดินไปที่ห้องทานอาหาร
พยายามเดินให้ช้าที่สุดแล้วแต่ก็ยังสะเทือนถึงแผลของเมื่อคืนที่ทำให้เธอรู้สึกแสบร้อนราวกับมีมีดกรีดลงบนตัว ฉะนั้นระหว่างที่เดินก็ก่นด่าผู้ชายที่ป่าเถื่อนรุนแรงดั่งปีศาจคนนั้นในใจไปด้วย
เธอคิดว่าท่าทางการเดินของเธอในตอนนี้ต้อง…ไม่สง่ามากแน่ๆ
รอถึงห้องทานอาหารน่าหลันกับเย่เซียวนั่งอยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่กำลังทานอาหารเช้าด้วยกัน
เย่เซียวนั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะโดยมีผ้ากันเปื้อนผูกไว้ตรงคออย่างมีมาด ขณะที่ทานอาหารท่วงท่าดูดีมีสง่า ท่าทางแบบนี้ยากจะทำให้จินตนาการความรุนแรงของเขาเมื่อคืนออก
ไม่รู้ว่าเพราะเขาไม่รับรู้ถึงการมาของเธอจริงๆ หรือคิดจะไม่สนใจเธออยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเย่เซียวไม่ได้เงยหน้า คนที่ชิงพูดขึ้นก่อนกลับเป็นน่าหลันที่นั่งอยู่ฝั่งขวามือของเธอ
“คุณไป๋ ตื่นแล้วเหรอ?”
“ค่ะ”
“เชิญนั่ง” น่าหลันพูดเชิญเหมือนเป็นคุณนายของบ้านพลางสั่งคนรับใช้ข้างๆ เสียงอ่อนโยน “เตรียมอาหารเช้าให้คุณไป๋ อ้อคุณไป๋ ไม่ทราบว่าอาหารแบบไหนที่คุณถูกปากคะ? เมื่อกี้ฉันถามเย่เซียว เย่เซียวบอกไม่รู้เหมือนกัน”
ไม่รู้?
บางทีอาจจะลืมมากกว่ากระมัง…
สิบปีก่อน เพื่อที่เธอจะได้ทาน ‘อิงลั่วชุ่ย’[1] ที่เธออยากทานเขาสามารถขับรถไปหลายร้อยกิโลเมตรด้วยตัวเองเพื่อเรียกตัวพ่อครัวมาทำให้เธอได้
สิบปี นับว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จะลืมคงไม่แปลก
หลายเรื่องเดิมทีเธอคิดว่าตัวเองใกล้ลืมแล้วแต่พอย้อนคิดดีๆ กลับรู้สึกว่าทุกอย่างชัดเจนเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“อะไรก็ได้ ฉันทานได้หมด ไม่เลือก” เธอตอบน่าหลันกลับเสียงเรียบ
น่าหลันจึงสั่งให้คนรับใช้ไปเตรียม
เย่เซียวไม่คุยกับเธอสักประโยคเพียงแค่นั่งทานอาหารไปเงียบๆ เย็นชาเช่นเคย ถึงขั้นไม่แม้แต่จะปรายตามองมาที่เธอด้วยซ้ำ ท่าทางเย็นยะเยือกนั่นทำเอาไป๋ซู่เย่หลงคิดว่าเมื่อคืนเขาไม่ได้กระทำรุนแรงกับตัวเองมาก่อน
ไป๋ซู่เย่ไม่อยากอาหารสักเท่าไร ร่างกายปวดร้าวไปหมดจนทานไม่ลง ยิ่งไปกว่านั้นกับสถานการณ์แบบนี้ยิ่งน่าขำ ทั้งสามคนนั่งร่วมโต๊ะ เย่เซียวเหมือนฮ่องเต้ที่มีหญิงขนาบข้าง เธอไม่สนใจก็แล้วไปแต่น่าหลันก็ทำท่าไม่สนใจ ไม่รู้ว่าไม่คิดจะสนใจจริงๆ หรือแสร้งทำเป็นไม่สนใจกันแน่ แต่เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นระหว่างตัวเธอกับเย่เซียว น่าหลันคงไม่ถึงกับไม่รู้เสียทีเดียว
ต่อให้ไม่ได้เห็นเองกับตา รอยกุหลาบบนลำคอของเธอในตอนนี้ก็เปิดเผยให้เห็นชัดเจนพอแล้ว
“นี่เป็นเนื้อกุ้งที่คุณชอบ ลองดูสิ” น่าหลันทำเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ คีบเนื้อกุ้งใส่จานตรงหน้าเย่เซียว เย่เซียวมองเธอแวบหนึ่งก่อนได้ยินอาชิงที่เป็นคนรับใช้ประจำตัวของน่าหลันพูดขึ้น “นายท่านคะ เนื้อกุ้งนี่คุณหลันตื่นเช้ามาทำให้นายท่านเองเลยนะคะ เปลือกกุ้งเธอก็แกะออกเองเลยแน่ะ! ได้แผลตรงนิ้วมาด้วย คุณน่าหลันนี่ช่างใส่ใจดีจริงๆ”
“พอแล้วอาชิง ฉันบอกเธอแล้วว่าอย่าพูดออกมา” น่าหลันติคำหนึ่งด้วยเสียงเล็กเสียงน้อย ตอนออดอ้อนนั้นช่างน่าใจสั่นเสียจริง
“บาดเจ็บเหรอ?” เย่เซียวถามเสียงเรียบ
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” น่าหลันส่ายหัว
“มือ” เย่เซียวมุ่นคิ้ว ทิ้งสายตาไว้บนมือเธอเป็นเชิงให้ยื่นให้เขาดู
“คุณไม่ต้องไปฟังอาชิงพูดหรอก เธอน่ะชอบทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่”
“ยื่นมือมา” เย่เซียวไม่ค่อยมีความอดทนนัก น่าหลันรู้นิสัยเขาดีจึงไม่ยึกยักอีก รีบยื่นมือไปอย่างเชื่อฟัง ไป๋ซู่เย่เชยตามองแวบหนึ่งก็เห็นเย่เซียวกุมมือขาวเนียนของเธอไว้
สายตาของเขาจดจ่อกับนิ้วมือขาวดุจหิมะของเธอ ขมวดหัวคิ้วแน่นพลางหันไปสั่งอาชิง “ไปเอากล่องยามา”
“ไม่ต้องหรอกน่า…”
ยังไม่ทันสิ้นเสียงน่าหลันดี เย่เซียวก็พูดเร่งเร้าอาชิง “ยังไม่ไปอีก?”
“ค่ะ นายท่าน” อาชิงเดินไปหยิบกล่องยาอย่างสุขใจ
“ความจริงไม่ได้หนักหนาอะไรขนาดนั้น แค่โดนเปลือกกุ้งแทงไม่กี่ทีเอง” น่าหลันยังคงพูดกับเขาด้วยเสียงเบาหวิว แต่พอจะฟังออกได้ว่าน้ำเสียงมีความสุขและรู้สึกหวานหยดในใจ
“ทีหลังเรื่องแบบนี้ให้คนรับใช้ทำก็พอ ฉันพาเธอมาไม่ได้ให้มาทำเรื่องแบบนี้”
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจลึกๆ พักใหญ่ถึงยิ้มเอ่ยจางๆ “ไข่ดาวทอดได้หอมมาก ฉันทานอีกฟองหนึ่งได้ไหม?”
เธอพูดแทรกกะทันหันจนน่าหลันกับเย่เซียวต่างหันสายตามาทางเธอ รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอดูดีเหมือนอย่างเคย ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากพวกเขาเลยสักนิดเดียว
………………………………………………….
[1] ชื่ออาหารชนิดหนึ่ง