อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 616
“คืนที่สองก็คิดจะผิดสัญญาแล้วงั้นเหรอ?” เสียงเรียบนิ่งปนอันตรายของเย่เซียวดังแว่วมาจากอีกฝั่ง น้ำเสียงไม่ค่อยพอใจต้อนถามความผิดจากอีกฝ่าย
เธอเริ่มได้สติกลับมาบ้างแล้วรู้ว่าคืนนี้ตัวเองผิดนัดเขา
เธอตั้งใจ
ร่างกายปวดร้าวเกินไป…
ความรู้สึกที่เหมือนถูกฉีกทึ้ง บดขยี้อย่างนั้นไม่อยากจะย้อนนึกมันเลยจริงๆ
“ฉัน…เมานิดหน่อย” เธอสางผมไปด้านหลัง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “คืนนี้อาจจะ…”
“ครึ่งชั่วโมง”เย่เซียวพูดขัดเธอ “หลังครึ่งชั่วโมงถ้าผมไม่เห็นคุณอยู่ที่นี่ หนังสือสัญญาความร่วมมือของผมกับซ่งกั๋วเหยาจะเกิดผลทันทีในวันพรุ่งนี้!”
ไม่ให้โอกาสเธอได้พูดอะไรด้วยซ้ำเย่เซียวก็ชิงตัดสายไปก่อน
ไป๋ซู่เย่กำโทรศัพท์ฟังเสียง ‘ตู๊ดๆ’ หลังวางสายที่แสนเยือกเย็น ผ่อนลมหายใจหนักๆ ลุกขึ้นยืน ต่อให้เมาขนาดไหนเธอก็ไม่มีทางลืมเรื่องหนังสือสัญญานั่นได้ ถอดรองเท้าส้นสูงออกกลับไปทานยาแก้เมาในห้องของตัวเองก่อนใช้น้ำเย็นล้างหน้า ความเย็นของน้ำเรียกสติเธอกลับมาไม่น้อย มองตัวเองที่เครื่องสำอางเลอะเลือนในกระจกก็รู้สึกว่าทั้งโทรมทั้งน่าสงสาร
……………………
อีกฟากหนึ่ง
“นายท่าน ยังไม่นอนหรือคะ?” ขณะที่คนรับใช้เดินผ่านห้องนั่งเล่นก็เห็นเขายังพลิกหนังสือพิมพ์บนโซฟาอยู่
เย่เซียวปิดหนังสือพิมพ์พับแขนเสื้อขึ้นดูเวลาแวบหนึ่ง เข็มยาวชี้ไปที่เลขหนึ่ง! ตรงเวลา!
ดีมาก!
ผู้หญิงคนนี้สายแล้ว!
แล้วยังสายไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ!
“นายท่านกำลังรอใครอยู่งั้นหรือคะ?” คนรับใช้ถามด้วยความสงสารเพราะปฏิกิริยาของเขา
“เปล่า!”ปากบางขยับแล้วพ่นคำเย็นชาออกมาสั้นๆ โยนหนังสือพิมพ์ไว้บนโต๊ะเตี้ยก่อนลุกขึ้นเดินไปชั้นบน เดินได้ถึงครึ่งทางหันกลับมาพูดสั่ง “ล็อกประตูซะ คืนนี้ไม่ว่าใครจะเคาะประตูก็อย่าปล่อยเข้ามา!”
“หา? ค่ะ” คนรับใช้แปลกใจมาก ตีหนึ่งแล้วหรือว่าจะมีแขกมาอีก? แต่ย่อมไม่กล้าถามไปมากกว่านี้จึงได้แต่ตอบรับไปตามนั้น
……………………
ไป๋ซู่เย่รอให้ตัวเองมีสติมากขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนแล้วแต่งหน้าเพิ่มให้ตัวเองอย่างพึงพอใจ ฉีดน้ำหอมเสร็จก็เป็นเวลาตีสองแล้ว
เธอขับรถไปหาเย่เซียวด้วยตัวเอง
ตอนติดไฟแดงเห็นสภาพที่ผ่านการตบแต่งอย่างดีจากกระจกหน้าก็ยิ้มน้อยๆ ผ่านไปสิบปีแล้วกลับยังหวังที่จะเหลือภาพลักษณ์ที่ดีไว้ในใจเขาอีก คราวก่อนที่อาเจียนไม่เป็นท่าที่เขานั่นมันแย่มาก!
เธอจับผมที่ม้วนเป็นลอนบนบ่าตัวเองแล้วนึกถึงตอนที่ตัวเองผมยาวสลวยดำขลับเมื่อสิบปีก่อนก็รู้สึกใจหายวาบ
กลางดึกบนถนนไม่มีรถอะไรมาก รอไปถึงที่พักของเย่เซียวก็ตีสามกว่าแล้ว
ยามตรวจเวรได้ตรวจค้นตัวเธอรอบหนึ่งก่อนจะเก็บกุญแจรถเธอไว้อย่างรอบคอบถึงขับรถไปที่โรงจอดรถตามกำหนด
ตอนนี้เย่เซียวน่าจะนอนไปแล้วสินะ
เธอกดกริ่งประตู
แต่กริ่งดังอยู่พักใหญ่ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวจากข้างในเพียงนิด นั่นสินะ ดึกขนาดนี้แล้วแม้แต่คนรับใช้ก็คงนอนไปแล้วล่ะ
เย่เซียวนอนอยู่บนเตียงตั้งแต่ตีหนึ่งแต่จนตีสามก็ยังนอนไม่หลับ
ฉะนั้นรอเสียงกริ่งประตูดังขึ้น เขาก็เบิกตาโพลงแทบทันที คว้าโทรศัพท์มาดูเวลา ตีสามยี่สิบห้านาที เวลาทำให้เขาหน้าถมึงทึง
เขาเลิกผ้าห่มออกลงจากเตียง เปิดประตูห้องย่ำเท้าเดินออกไป
เขาควรสั่งสอนผู้หญิงคนนี้ดีๆ ว่าอะไรคือการตรงต่อเวลา!
แต่ยังไม่ทันลงไปชั้นล่างก็ได้ยินเสียงประตูเปิด ‘แกร๊ก’ ตามด้วยเสียงของคนรับใช้
“คุณไป๋”คนรับใช้เปิดประตู พอเห็นไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่นอกประตูกลับนิ่งไปชั่วขณะ ที่แท้ยังมีแขกมาเยี่ยมเยียนกลางดึกจริงๆ ด้วย
อีกฝ่ายกวาดมองเธอจากหัวจรดปลายเท้าก็เข้าใจทันที ผู้หญิงสมัยนี้ไม่รู้จักยางอายเสียแล้ว มาบ้านผู้ชายดึกดื่นแล้วยังแต่งตัวสวยขนาดนี้ พอจะคิดได้แล้วว่ามีเป้าหมายอะไร ใจกล้าถึงขนาดไม่คิดถึงใจของคุณนายในบ้านอีกด้วย!
“มีธุระไหมคะ?”
“เย่เซียวหลับไปแล้วเหรอ?” ไป๋ซู่เย่ถาม
เย่เซียวที่อยู่ชั้นบนชะงักฝีเท้า
“ค่ะ”
“อืม งั้นให้ฉันเข้าไปเถอะ” เธอมาแล้วแต่เขาหลับไปแล้ว นี่ไม่ถือว่าผิดสัญญา
“ขอโทษด้วยคุณไป๋ นายท่านได้สั่งไว้ว่าคืนนี้ห้ามใครเข้ามา เชิญกลับไปเถอะ!” น้ำเสียงของคนรับใช้ไม่ปะปนด้วยอารมณ์ใด แต่ตัวกลับขวางประตูไว้
อีกฝ่ายไม่ต้อนรับตัวเอง
ไป๋ซู่เย่ดูออกแต่เธอไม่สนใจ เลยถามย้ำอีกครั้ง “เขาบอกว่าไม่ให้ใครเข้าไป?”
“ค่ะ ก่อนนอนนายท่านสั่งไว้เป็นพิเศษ”
ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้วหนัก รู้สึกว่าตัวเองถูกเย่เซียวปั่นหัวเข้าให้แล้ว เพราะฉะนั้นเสียแรงเปล่าที่อุตส่าห์แต่งตัวมาดิบดี
สุดท้ายเธอพยักหน้าน้อยๆ “รู้แล้ว งั้นฉันไม่รบกวนแล้ว”
……………………
ประตูกระแทกปิดตัวลงหนักๆ ‘ปัง’
เย่เซียวขมวดคิ้วแน่น เดินลงมาจากชั้นบนไม่หยุด
“นายท่าน ยังไม่นอนอีกหรือคะ?” คนรับใช้เงยหน้าเห็นเขาแล้วสะดุ้งเฮือก เย่เซียวหน้าถมึงทึงไม่สนใจเธอ เธอได้แต่นึกสงสัยในใจไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดไป
เขาไม่ได้เปิดประตู เพียงแค่เดินไปที่หน้าต่างเลิกผ้าม่านออก แวบแรกก็เห็นแผ่นหลังที่กำลังเดินมุ่งไปที่ประตูใหญ่ภายใต้แสงไฟ
เย่เซียวหยิบโทรศัพท์ข้างๆ มาโทรออกไปที่เบอร์ป้อมยามข้างหน้า
“ฮัลโหลครับนายท่าน ดึกขนาดนี้ไม่ทราบว่ามีคำสั่งอะไร?” อีกฝ่ายรีบถามอย่างนอบน้อม
“กุญแจรถของเธอล่ะ?”
“ใครครับ?”คำถามที่ส่งมากะทันหันเรียกให้คนฟังงุนงงสับสน
“คุณไป๋”
“อ้อ เมื่อกี้คุณไป๋ขึ้นไปแล้ว กุญแจรถยังอยู่ที่พวกผม”
“เก็บไว้ให้ดีอย่าคืนเธอ” เย่เซียวพูดสั่ง
คนทางนั้นไม่เข้าใจ “อะไรนะครับ?”
“ฟังไม่เข้าใจเหรอ?”
“…ครับ ได้ครับ”ต่อให้อีกฝ่ายไม่เข้าใจจุดประสงค์มากแค่ไหนก็ไม่กล้าถามไปมากกว่านี้
…………………………
ไป๋ซู่เย่ลงมาขอกุญแจรถตัวเองคืนแต่อีกฝ่ายตามหาตั้งนานก็หาไม่เจอ
“ไม่ต้องหาแล้ว ฉันเรียกรถเอง”ไป๋ซู่เย่ไม่หยุดยื้อไปนานกว่านี้แต่จะให้ยืนอยู่ที่นี่ทั้งคืนคงไม่ได้ เธอเริ่มง่วงตั้งแต่เช้าเก้าโมง ตอนนี้ง่วงเสียจนแทบจะยืนหลับให้ได้
เธอเดินไปพลางโทรเรียกรถไปพลาง
ที่แบบนี้ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านและดึกมากขนาดนี้ ก็ไม่ค่อยมีใครอยากมาเท่าไร แต่เพราะเธอให้เงินพิเศษสูง ไม่ถึงสิบนาทีก็มีแท็กซี่มาถึง เธอขึ้นรถกลับบ้านโดยไม่ลังเลใดๆ
……
เย่เซียวนั่งในห้องนั่งเล่นรอกว่าสิบนาทีก็ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูจากผู้หญิงคนนั้น
เขาเริ่มหมดความอดทน ขณะที่เปิดประตูจะออกไปข้างนอกเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เป็นสายจากป้อมยาม “นายท่าน กุญแจรถเก็บไว้แล้ว แต่ว่า…คุณไป๋กลับไปแล้ว”
“…”เย่เซียวหอบหายใจรุนแรงขึ้นในพริบตา “กลับไปยังไง?”
“เรียกรถมาครับ เพิ่งขึ้นรถไป”
………………………………………..