อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 618
สิ้นเสียงของเธอ
ได้ยินเพียงเสียงเปิดประตูดัง ‘แกร๊ก’ก่อนจะถูกเปิดออกจากด้านใน
ร่างสูงใหญ่ของเย่เซียวเดินนำออกมาก่อนโดยที่ความเย็นชาปกคลุมไปทั้งตัว
เขากวาดสายตาเรียบนิ่งมาเพียงแวบเดียวหยูอันก็เงียบเสียง ไป๋ซู่เย่ใจกระตุกวูบ เมื่อครู่เสียงปะทะของเธอกับหยูอันไม่ได้เบาเลย ฉะนั้นเขาคงได้ยินหมดแล้วสินะ!
ได้ยินถ้อยคำที่ไร้การสำนึกของเธอ…
หลังชะงักนิ่งไปครู่หนึ่งไป๋ซู่เย่ถึงนึกจุดประสงค์ที่ตนมาในวันนี้ได้
“เย่เซียว”
เย่เซียวไม่แม้แต่ปรายตามองเธอแวบหนึ่งก็ตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำ ไป๋ซู่เย่เดินตามไป หยูอันอยากห้ามเธอไว้แต่เพราะความมีไหวพริบถึงสลัดหยูอันหลุดจนเดินตามมาได้
“เย่เซียว เราจำเป็นต้องคุยกัน!”
เย่เซียวเดินหยุดเท้าตรงหน้าห้องน้ำชาย ปรายตาเย็นชามองเธอ “ยังจะตามมาอีกไหม?”
ไป๋ซู่เย่มุ่นคิ้วน้อยๆ มองผู้คนที่เดินเข้าออกสุดท้ายก็ตามเข้าไปโดยไม่ลังเล “ทำไมเรื่องของคุณกับซ่งกั๋วเหยาถึงเลื่อนวันใกล้เข้ามา? สัญญาของเราเพิ่งเริ่มเอง”
“ที่แท้คุณก็ยังจำสัญญาของเราได้” เย่เซียวแค่นหัวเราะ ยืนนิ่งอยู่กับที่ชำเลืองสายตามาที่เธอแวบหนึ่งแล้วพูดออกคำสั่ง “มานี่!”
“?” เธอมองเขาด้วยความฉงนใจหน่อยๆ
เขายื่นแขนกระชากมือเธอมาไว้ตรงหัวเข็มขัด “ปลดกางเกงของผมออก!”
“…คุณจะทำอะไร?” ดวงหน้าเล็กของไป๋ซู่เย่แดงระเรื่อ ผู้ชายคนอื่นที่ยืนข้างๆ ต่างส่งสายตาสงสัยปนอยากรู้อยากเห็นมาทางนี้อย่างระมัดระวัง ความคิดอื่นๆ เริ่มผุดขึ้นมา
ข่าวใหญ่เชียว!
“จำสัญญาของเราได้ไม่ใช่เหรอ? จะพูดอีกครั้งเดียว ปลดกางเกงของผมออก! จะทำก็ทำ ไม่ทำก็ไสหัวไป!”
“เย่เซียว คุณอย่าทำเกินไปนะ” ที่นี่ผู้คนเข้าออกไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจเหยียดหยามเธอ
“คุณคิดว่าตัวเองมีทางเลือกเหรอ?” เย่เซียวจับคางเธอแน่น ใช้สายตาดุดันจ้องเธอเขม็ง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็สะบัดหน้าหนีเธอพูดด้วยความรังเกียจ “ไสหัวไป! ตอนนี้ผมเห็นหน้าคุณแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน”
‘ไร้ทางเลือก’ งั้นหรือ! ‘บนโลกนี้ไม่มียารักษาโรคเสียใจทีหลัง’ งั้นหรือ!
บัดนี้เธอยังไม่รู้สึกผิดใดๆ กับการทรยศหักหลังของเธอในครั้งนั้น!
ความคิดแบบนี้ยิ่งกระตุ้นความเกลียดชังจากใจของเขามากยิ่งขึ้น!
ไป๋ซู่เย่ไม่ไป ยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างหัวแข็ง “เมื่อคืนฉันทำตามคำสั่งคุณ ไปหาคุณ คุณสั่งคนไว้ไม่ให้ฉันเข้าไป ทำไมวันนี้คุณกลับผิดคำพูดเอง?”
“คุณไป๋รู้จักคำว่าเรียกเมื่อไหร่ให้มาเมื่อนั้นไหม? ให้เวลาคุณครึ่งชั่วโมงแต่คุณมาสายสามชั่วโมงถ้วน ถ้าจะว่าผิดคำพูด ใครผิดคำพูดก่อน?”
“ฉัน…”ไป๋ซู่เย่ไร้คำโต้เถียงกลับ สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ “คุณอยากได้ไม่ใช่เหรอ? ที่นี่…”
สองพยางค์สุดท้ายเธอหรี่เสียงให้เบาลง
เย่เซียวแค่นเสียงเย็นไม่ตอบเพียงแค่มองเธอด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไป๋ซู่เย่เข้าใจความหมายเขา และรู้ดียิ่งกว่าว่าเขาแค่ย่ำยีศักดิ์ศรีอยากทำให้เธอละอายต่อหน้าผู้อื่น
ถือว่าเป็นการแก้แค้นสินะ…
ตอนนี้ทุกสิ่งที่เขาทำก็เพื่อแก้แค้น ส่วนสิ่งที่เธอทำได้ดูเหมือนจะเหลือเพียงทำตามคำสั่งและชดเชยให้อย่างเดียว
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ คล้ายตัดสินใจครั้งใหญ่ ไม่ได้ปลดกางเกงเขา ปลายนิ้วกลับเลื่อนมาที่กระดุมเสื้อตัวเอง
เขาขมวดคิ้ว
ปลายนิ้วเรียวยาวของเธอปลดกระดุมออกหนึ่งเม็ด
เขาหายใจติดขัด
แพขนตาเธอกะพริบเบาๆ มือปลดกระดุมออกเป็นเม็ดที่สอง เม็ดที่สาม…
วันนี้เธอรีบร้อนออกมาจึงไม่ทันใส่ชุดซับข้างใน กระทั่งปลดถึงเม็ดที่สามบราสีขาวก็โผล่ออกมาให้เห็นแวบๆ ไป๋ซู่เย่ชะงักนิ้ว
รอบข้างเกิดเสียงสูดหายใจอย่างตื่นเต้นของชายหนุ่มทั้งหลายรวมถึงสายตาหื่นกระหายที่มองมาตรงเนินอกของเธอ
ทุกคนต่างคาดหวังและรอคอยให้เธอปลดกระดุมต่อไป
สายตาที่ส่งมาทำให้เย่เซียวรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนในอก
ไป๋ซู่เย่หยุดชะงักนิ้วไว้ตรงนั้นไม่ทำต่อ เขาส่งสายตาประชดไป “ไม่กล้าเหรอ?”
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ กระตุกยิ้มมุมปากเผยรอยยิ้มน่าหลงใหล “ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว”
นิ้วเรียวสวยปลดต่อไปจนกระดุมเม็ดที่สี่หลุดออกมา ปรากฏเรือนร่างงดงามดุจดอกไม้ตรงหน้าเหล่าชายหนุ่ม
สวมชุดเครื่องแบบแล้วยังหุ่นดีขนาดนี้ สวยขนาดนี้ ช่างเติมเต็มจินตนาการในชุดเครื่องแบบของผู้ชายทุกคนได้ดีจริงๆ ต้องรู้ว่าผู้ชายเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ตกเป็นทาสของผู้หญิงในชุดเครื่องแบบ
เหล่าชายหนุ่มสูดปากกันรัวๆ
มือที่ทิ้งข้างลำตัวของเย่เซียวกำแน่น สายตาเย็นชาถึงขีดสุดก่อนปรายตามองไป “ให้เวลาพวกคุณสามสิบวินาที ไสหัวออกไป! ใครกล้ายืดเยื้อแม้แต่วินาทีเดียว ฉันจะทำให้มันไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้!”
สิ้นประโยคนี้ทุกคนต่างมองหน้ากันและกัน
มีของดีอยู่ตรงหน้าย่อมไม่อยากไปไหนแต่พอดูผู้ชายคนนั้นอีกที…กลิ่นอายความโหดเหี้ยมแผ่ออกมาจากตัวตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านั่นเรียกให้คนกลัวจับใจ คล้ายว่าหากช้าสักวินาทีเดียวก็อาจถูกฆ่าตายได้
สุดท้าย…
ทุกคนก็รีบสลายตัวกันออกไปทันที
ชั่ววินาทีที่ประตูถูกกระแทกปิดลงไป๋ซู่เย่ก็ถูกกระชากตัวไปวางไว้บนเคาน์เตอร์กระจก เย่เซียวฉีกทึ้งชุดเครื่องแบบบนตัวเธอออกอย่างเอาแต่ใจปนป่าเถื่อน เผยผิวขาวเนียน มือใหญ่เลื่อนลงปลดกระดุมกางเกงเธอ
ไป๋ซู่เย่นึกถึงประสบการณ์แสนน่ากลัวของค่ำคืนนั้นก็ตัวสั่นระริก กลืนน้ำลายแทบจะห้ามมือเขาไว้โดยสัญชาตญาณ พูดห้าม “รอ…รอเดี๋ยว เย่เซียว…”
“อย่าลืม คุณไม่มีสิทธิ์พูดอะไร!”
“แต่ว่า…คืนนั้นฉันบาดเจ็บ ทำไม่ได้…”
เย่เซียวหยุดทันทีตามคาด เธอคิดว่าเขาจะปล่อยตัวเองไปทั้งอย่างนั้นแต่วินาทีถัดมาคำพูดของเขาทำให้เธอรู้ว่าตัวเองคิดง่ายไปหน่อย เขาเป็นซาตาน จะปล่อยโอกาสที่จะได้ย่ำยีเธอให้หลุดลอยไปได้อย่างไร?
“ในเมื่อร่างกายรับไม่ไหว งั้นก็ใช้ปากคุณก็แล้วกัน!”
“…”ใบหน้าเล็กแดงปลั่งทันทีที่ไป๋ซู่เย่เข้าใจความหมายเขา
“ทำไม? ไม่กล้าเหรอ?” เย่เซียวแค่คิดก็รู้สึกเจ็บไปทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนธาตุไฟแตกเข้าจริงๆ ผู้หญิงคนนี้ ให้ตายสิ ไม่ต้องทำอะไร แค่เข้าใกล้เขาก็ทำให้เขาคุมร่างกายตัวเองไม่อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังยืนอยู่ตรงหน้าในสภาพกึ่งเปลือย
เดิมทีข้อเสนอของเขาแค่ต้องการเหยียดหยามเธอ แต่พอออกจากปากในหัวก็เริ่มจินตนาการไปถึงภาพต่างๆ อย่างควบคุมไม่อยู่
เสียงของเขาแหบลง ปากร้อนแนบใบหูเธอ “ยังจำได้ไหม? สิบปีก่อน…คุณเคยทำให้ผมมาก่อน…”
ไป๋ซู่เย่รู้สึกอายจนเหมือนไม่มีที่ยืนสำหรับตัวเอง สิบปีก่อน เขากลับยังจำครั้งนั้นได้
ความจริงเธอก็จำได้…
จำได้แม่น
ลืมไปแล้วว่าในงานอะไร ครั้งนั้นเธอดื่มมากไปและยังใช้ปาก ต่อให้ไม่ใช้ปากก็อาศัยอายุตัวเองยังน้อยคิดว่าเขาไม่ทำอะไรเธอ ถึงกล้าทำอะไรตามอำเภอใจกับตัวเขา
เธอในตอนนั้นอยากเอาใจผู้ชายคนนี้จริงๆ
มีความชอบอย่างหนึ่งที่ยากจะใช้คำพูดมาอธิบาย แต่ชอบจนเสียแรงทุ่มเทเพื่อให้เขามีความสุข ให้เขาพึงพอใจ ส่วนความสุขและความพึงพอใจทั้งหมดนี้จะต้องมาจากตัวเธอเท่านั้น
เธอในเมื่อนั้นแม้จะขี้อายแต่กลับสลัดความคิดรักนวลสงวนตัวทิ้งไปนานแล้ว
…………………………………………………