อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 619
เธอในตอนนั้นอยากให้เขามีความสุข
ทั้งรู้สึกภูมิใจและประสบความสำเร็จเมื่อเห็นเขาเกิดอารมณ์จนยากจะควบคุมเพราะตัวเองและไร้ทางปลดปล่อยนั่น
เมื่อทนไม่ไหวเย่เซียวจะพลิกตัวคร่อมเธอที่แสนซุกซนไว้ใต้ร่าง มือหนึ่งตะครุบสองมือเธอพลางพูดตักเตือน ‘ถ้าซนอีก ผมจะจัดการคุณจริงๆ แล้วนะ!’
เวลาไฟราคะกำลังกลืนกินตัวเขา ดวงตาคู่นั้นแทบพ่นไฟออกมาให้ได้
เธอจะหัวเราะอย่างได้ใจ ดวงตาฉ่ำวาวเป็นประกาย ‘ฉันไม่กลัว ฉันมียันต์ป้องกันตัว’
‘รอญาติของคุณกลับไปก่อนเถอะ ผมมีโอกาสสั่งสอนคุณอีกเยอะ’
‘แต่ฉันยังอายุน้อยอยู่เลยนะ คุณทำใจรังแกฉันลงเหรอ?’ เห็นได้ชัดว่าเธอถูกตามใจจนเกินไป รู้ว่าเขายอมรักและเอาใจเธอเช่นนี้ เขาถอนหายใจ ‘เพราะฉะนั้นคุณก็รีบๆ โตสักที ผมกลัวจะรอไม่ถึงสองปี…’
เมื่อนั้นบางครั้งไป๋ซู่เย่เคยคิดจะทุ่มทั้งตัว มอบตัวเองในวัยสิบแปดให้เขาเพราะเธอรู้ดีว่าระหว่างพวกเขา…อีกไม่ถึงสองปี…
จะไม่มีอนาคต…
“คุณคงไม่คิดว่าเหม่อลอยแล้วผมจะปล่อยคุณไปหรอกนะ?”
เสียงของเขาฉุดสติเธอกลับมา
นึกถึงอดีตแล้วกลับมาดูปัจจุบันเธอก็รู้สึกแสบจมูกและรู้สึกขมขื่นในใจ แต่ใบหน้ากลับจุดยิ้มจางๆ “สิบปีมาแล้ว ไม่คิดว่าความจำคุณจะดีขนาดนี้”
เย่เซียวหมดความอดทนเต็มทีโดยเฉพาะกับบางเรื่องที่คิดไม่ได้ หากนึกถึงแค่เห็นปากแดงระเรื่อขยับไปมาของเธอก็รู้สึกว่านั่นเป็นการยั่วยวน กระตุ้นเขา เขาต้องการให้เธอทำ! เพราะฉะนั้นไม่สนว่าคำพูดของเธอกำลังประชดประชันเขาอยู่หรือไม่ก็ทำแค่ขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด ครางฮึมในลำคอ “อย่าพูดมาก ยอมทำก็รีบทำ ไม่อยากทำก็ไสหัวออกไป!”
“ได้ ฉันตกลง” ไป๋ซู่เย่ลุยออกไปแล้ว เธอรู้ว่าเย่เซียวจงใจทำให้เธอขายหน้าจึงหาโจทย์ยากให้เธอ บางทีคิดว่าคงทำให้เธอล่าถอยไปได้ หรือบางทีนี่อาจทำให้เขารู้สึกดีขึ้น แต่เธอไม่ใช่คนที่จะยอมถ่าลอยได้ง่ายๆ
ปัดผมลอนยาวที่เพิ่มความเย้ายวนนั่นไปด้านหลัง เรียกกำลังใจให้ตัวเองก่อนย่อตัวนั่งกับพื้น
เธอไม่อยากให้เขารู้ว่าขณะที่นิ้วมือตัวเองแตะโดนขอบกางเกงเขา ปลายนิ้วและลมหายใจสั่นระริก เธอเตรียมใจไว้อย่างดีแล้วแท้ๆ แต่พอทุกอย่างปรากฏต่อหน้าตัวเองเธอก็รู้สึกมึนไปชั่วขณะ ลมหายใจขาดห้วง
เธอในอดีต ทำไมถึง…ใจกล้าได้ขนาดนั้น และหน้าไม่อายได้ขนาดนั้น?
เธอนั่งย่อกับพื้น ผมสยายลงถึงเอว เสื้อผ้าบนตัวไม่เป็นระเบียบ ปากอุ่นร้อนเข้าใกล้เขาอย่างยิ่ง
ท่าทางเช่นนี้แค่ดูแวบเดียวก็ทำเอาเลือดในกายของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน
เขาสามารถรับรู้ถึงลมหายใจที่ปนกลิ่นหอมหวานของเธอแตะโดนจุดที่อ่อนไหวที่สุดของเขา เขาหายใจหนักอึ้งมากขึ้น ความต้องการฉายให้เห็นผ่านแววตาจนเขาแทบบ้ากับความรู้สึกนี้
…………………………
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น…
“****!” เสียงสบถต่ำหลุดออกมาปนเสียงครางผะแผ่วที่แว่วมา
จากนั้นเป็นรอยยิ้มจางๆ อย่างสมน้ำหน้าของหญิงสาว
ผู้หญิงบ้านี่ นี่เอาใจเขาที่ไหนกัน?! กล้ากัดเขางั้นหรอ!
ความเจ็บที่ทำให้ขนลุกไปทั่วหนังศีรษะ
เขากัดฟันกรอด ใช้สายตาดุดันแบบอยากฆ่าคน จ้องเธอ “ไป๋ซู่เย่ อยากตายหรือไง!”
“ดูเหมือนว่าจะทำต่อไม่ได้แล้ว” มองจุดที่อ่อนลง เธอลุกขึ้นกะพริบตาที่ปริ่มด้วยหลากหลายความรู้สึก “ซอรี่นะ ไม่ได้ทำนานเกินไป ไม่ค่อยมีประสบการณ์น่ะ”
รอยยิ้มนั่น…
เย่เซียวยืนนิ่งค้าง
ท่าทางน่ารักอย่างนั้นอีกแล้ว…
อยู่ๆ เหมือนเขาตกลงแม่น้ำสายยาวแห่งความทรงจำ ทำเขาแยกไม่ค่อยถูกว่าตอนนี้เป็นเวลาปัจจุบันหรืออดีต หรือแยกไม่ออกระหว่างความจริงกับภาพลวงตา
ถูกเขาจ้องอยู่ครู่ใหญ่ไป๋ซู่เย่ถึงรู้สึกตัว นิ่งค้างไปชั่วแวบรีบก้มหน้าจัดการตัวเอง ติดกระดุมไปหน้าแดงถามไป “จ้องฉันแบบนั้นทำไม?”
เย่เซียวหลุดจากภวังค์
หายใจหอบหนัก
รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนคนโง่ที่เกือบจะถูกรอยยิ้มเธอหลอกอีกแล้ว
เขาก้มมองอวัยวะบางจุดของตัวเอง ไม่มีแผลถึงค่อยรูดซิปขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้ตัวเองคืนสู่สภาพหยิ่งยโสเช่นเดิมรวมถึงความเย็นชาอย่างเคย
“เย่เซียว…” มองแผ่นหลังที่เดินออกไปนั่นไป๋ซู่เย่แทบจะเดินตามไปโดยอัตโนมัติ เมื่อครู่พวกเขา…คงนับว่าเอาใจเขาไม่ได้
“จากนี้ไปอย่ามายิ้มต่อหน้าผมอีก!” เย่เซียวหันกลับมาพูดออกคำสั่ง
ไป๋ซู่เย่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ
“ทุกครั้งที่คุณยิ้มก็มีแต่จะทำให้ผมยิ่งรังเกียจคุณ ยิ่งเกลียดคุณ ยิ่งอยากส่งคุณไปนรกแล้วทรมานคุณให้ถึงที่สุด!”
หัวใจของไป๋ซู่เย่บีบรัดแน่น
ยามเกลียดใครคนหนึ่งถึงขีดสุด แม้แต่รอยยิ้มก็ผิดอย่างนั้นสินะ
เธอถามอย่างหมดแรง “งั้นสัญญาของเรา ยังมีผลต่อไหม?”
“ทำไมจะไม่ล่ะ? ผมยังทรมานคุณไม่พอเลย แต่ว่า…จากวันนี้ไปคุณต้องย้ายไปอยู่กับผม” น้ำเสียงเย่เซียวไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“ย้ายไปอยู่กับคุณ?” ไป๋ซู่เย่ขมวดคิ้วเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ “ถ้าฉันย้ายไปอยู่กับคุณ แล้วน่าหลัน…”
“ผู้หญิงของผม คุณไม่ต้องมายุ่ง” เย่เซียวพูดขัดเธอ ปากบางขยับพูดตักเตือน “อย่าข้ามเส้น!”
“…” เธอเงียบ ขยับปากเล็กน้อยคล้ายจะพูดอะไรแต่หน้าอกเหมือนมีสำลีก้อนใหญ่อุดไว้ให้เธอหายใจลำบาก ยิ่งพูดอะไรออกมาไม่ได้สักคำ
ประตูถูกเปิดออกแล้วปิดลงดัง ‘ปัง!’
เธอยืนนิ่งค้างอยู่ตรงนั้น รู้สึกเพียงเสียงดังสนั่นเมื่อครู่สะเทือนไปถึงอวัยวะภายในของเธอ
ผู้หญิงของเขา…
ในเมื่อมีคนรักเป็นของตัวเองแล้ว ทำไมถึงยังต้องการเธออยู่อีก?
ไป๋ซู่เย่สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ กลืนก้อนสะอื้นและเก็บน้ำตากลับเข้าไปใหม่ เธอคิดว่าความรู้สึกที่อยากร้องไห้นี้ไม่ใช่เพราะยังรักผู้ชายคนนี้อยู่ แต่เป็นเพราะ…เสียใจกับอดีตอันงดงามที่ถูกทำลายจนแตกสลายไม่เป็นชิ้นด้วยน้ำมือตัวเอง…
น้ำตาที่ยังไม่ไหลรินนี้เกิดขึ้นเพราะรู้สึกเสียใจเท่านั้นเอง…
ต้องใช่แน่ๆ
เธอย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจครั้งแล้วครั้งเล่า พอคิดเช่นนี้ก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย ไม่อย่างนั้นในฐานะสายลับ การที่หลงรักบุคคลผู้เป็นศัตรูตัวเอง รักครั้งเดียวก็รักมาตลอดสิบปี จะต้องรู้สึกผิดต่อชุดเครื่องแบบของตัวเองขนาดไหนกัน?
สูดหายใจเข้าลึกๆ จัดการตัวเองเสร็จก็ยกยิ้มมุมปากเดินออกไป
เดินผ่านร้านอาหารโดยที่ตลอดทางมีสายตาทอดมองมาด้วยความสงสัยมากมาย
สายตาแบบนั้นล้วนมาจากกลุ่มผู้ชายที่วิ่งออกจากห้องน้ำเมื่อสักครู่ แน่นอนว่าตอนนี้ผู้ชายกลุ่มนั้นคงแพร่กระจายเรื่องนี้ไปไกลแล้ว บางทีคนกว่าครึ่งร้านน่าจะรู้แล้ว ทุกคนพูดวิพากษ์วิจารณ์ซุบซิบนินทาด้วยสีหน้าแตกต่างกันไป
เธอไม่สนใจสักนิด
เดินออกจากร้านโดยไม่เสมองทิศทางไหน ดึงประตูรถสปอร์ตฝั่งคนขับออกแล้วเหยียบคันเร่งให้รถพุ่งทะยานออกไปทันที
เธอไม่สนใจสายตาคนข้างแปลกหน้าเหล่านั้นสักนิด สิ่งที่ให้ความสนใจมากกว่าคือ…ตั้งแต่วันนี้ไปจะต้องอยู่ใต้ชายคาเดียวกับน่าหลัน
……………………………………………