อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 620
แม้จะเป็นเวลาสั้นๆ เพียงสามสิบวัน ไม่สิ ผ่านไปสองวันแล้ว เหลืออีกแค่ยี่สิบแปดวัน แต่ยี่สิบแปดวันนี้จะใช้ชีวิตอย่างไรความจริงเธอไม่มั่นใจเลยสักนิด
ไป๋ซู่เย่กลับมาถึงห้องของตัวเองกำลังชั่งใจว่าควรเตรียมของอะไรไปที่บ้านเขาบ้าง
ไป๋หลางโทรมา “รัฐมนตรี เป็นยังไงบ้าง? เย่เซียวกับซ่งกั๋วเหยาร่วมมือกันจริงหรือครับ?”
“เปล่า”
“คุณโน้มน้าวเขาได้เหรอ?”
“อืม”
“คุณโน้มน้าวเขายังไง?” ไป๋หลางถามด้วยความสงสัย “จากความสัมพันธ์ของพวกคุณ เขาไม่น่าจะโน้มน้าวได้ง่ายขนาดนั้นนะ”
“นายถามมากขนาดนี้ วันนี้ว่างเหรอ?”ไป๋ซู่เย่ไม่อยากพูดเรื่องของตัวเองกับเย่เซียวไปมากกว่านี้
“งานยุ่งจนหัวหมุนเลย”
ไป๋หลางโอดครวญทีก่อนวางสายไป แต่ตระกูลซ่งไม่มีเย่เซียวเป็นแรงสนับสนุนนับว่าช่วยลดความสุ่มเสี่ยงแก่พวกเขาได้บ้างทีเดียว
ไป๋ซู่เย่เองก็ไม่มีของอะไรต้องเก็บมาก ยี่สิบแปดวันเองไม่จำเป็นต้องเอาของไปเยอะ หรือบางที…อาจไม่ถึงยี่สิบแปดวันเย่เซียวก็อาจจะรำคาญเธอเสียก่อน
…………………………
สามชั่วโมงต่อมาเมื่อไป๋ซู่เย่ลากกระเป๋าเดินทางมาถึงปราสาทของเย่เซียว น่าหลันกำลังวาดรูปอยู่ในห้องโถง ไป๋ซู่เย่ยืนอยู่ข้างนอกมองเข้าไปเห็นสี กระดานวาดและอุปกรณ์หลากหลายรูปแบบเต็มห้องโถง เธอก็นิ่งไปชั่วขณะ
เมื่อก่อนตัวเธอชอบวาดรูปมาก นักวาดที่ชื่นชอบมากที่สุดคืออเล็กซ์ เย่เซียวเคยซื้อภาพวาดของอเล็กซ์ ในราคาสูงลิ่วเพื่อมอบให้เธอเป็นการปลอบโยน
เพียงแต่ภายหลัง…
บ้านหลังที่เคยเก็บความทรงจำทั้งหมดของเธอล้วนกลายเป็นเถ้าผงในกองเพลิง จนวันนี้เหลือเพียงเศษซากความทรงจำในอดีตของพวกเขา…
“โอเค เสร็จแล้ว!” น่าหลันวางพู่กันลงพรูลมหายใจยาว อาชิงพูดชม “คุณน่าหลัน คุณมีพรสวรรค์อย่างที่นายท่านเคยบอกไว้เลย”
“ฉันรู้ ในสายตาเธอไม่ว่าอะไรฉันก็ดีไปหมด น่าปวดหัวจริงๆ” น่าหลันส่ายหัวอย่างระอา
“แต่ไม่ใช่แค่สายตาดิฉันนะคะ ในสายตาของนายท่านคุณเองก็ดีไปหมด แถมยังดีที่สุดด้วย” อาชิงพูดอย่างอิจฉา “คุณดูในบ้านหลังนี้สิ มีอย่างไหนบ้างที่ไม่ใช่สิ่งที่คุณชอบ? แม้แต่นาฬิกาตั้งพื้นนั่น หยูอันต้องมาถามความเห็นคุณก่อนถึงลากกลับมา ยากที่จะคิดได้จริงๆ ว่าคนที่เย็นชาอย่างนายท่านจะใส่ใจกับคนคนหนึ่งได้ขนาดนั้น”
น่าหลันหัวเราะ เหมือนหญิงสาวที่กำลังมีความสุขคนหนึ่ง
ไป๋ซู่เย่กวาดมองรอบข้างและเพิ่งจะรู้ว่าที่แท้การตกแต่งของบ้านหลังนี้ล้วนเป็นไปตามรสนิยมของน่าหลัน
ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ารสนิยมของเธอไม่แย่เลยจริงๆ
และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เย่เซียว…ตอนที่รักใครสักคนก็จะรักจนสุดหัวใจ…
“หือ? คุณมาได้ยังไง?”
อาชิงหันกลับมาก็เห็นไป๋ซู่เย่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
ไป๋ซู่เย่เพียงผงกหัวให้น่าหลันถือเป็นการทักทายเล็กน้อยก่อนจะถือกระเป๋าเดินทางเล็กๆ เดินเข้าไปข้างใน
“คุณทำอะไร?”อาชิงขวางทางเธอ “เมื่อวานโดนนายท่านไล่ไปยังไม่สำนึก วันนี้กลับถือกระเป๋าเดินทางมาแล้วเหรอ?”
กับความไม่เป็นมิตรจากอีกฝ่ายไป๋ซู่เย่ไม่แม้แต่ย่นคิ้วสักนิด แค่เชยตามองเธอนิ่งๆ แวบหนึ่ง
ทั้งที่ไร้อารมณ์ใดๆ แต่พอเห็นแววตานั่นอาชิงก็ชะงักนิ่ง จู่ๆ ก็ใจแป้วลงอย่างไม่ทราบเหตุผล
เธอขยับปากน้อยๆ สุดท้ายก็ทำแค่เบี่ยงตัวหลบทางให้
มีบางคนก็เป็นเช่นนี้ ไม่ต้องพูดอะไรและไม่ต้องทำอะไรก็ทำให้คนยอมจำนนได้ ออร่าเย็นชาแต่สูงส่งนั่นมาจากข้างใน ไม่ใช่สิ่งตกแต่งจากภายนอก
“คุณ…” พอได้สติ ไป๋ซู่เย่ก็เดินเข้ามาในปราสาทเสร็จสรรพ อาชิงหันกลับไปมองน่าหลัน
น่าหลันมองกระเป๋าเดินทางนั่นด้วยความรู้สึกหลากหลายผสมปนเปกันไป เย่เซียวบอกว่าไป๋ซู่เย่เป็นเพียงศัตรู แต่ในใจเธอรู้ดียิ่งกว่าว่าไม่มีศัตรูของเย่เซียวคนไหนกล้าถือกระเป๋าเดินทางมาอยู่ภายใต้การมองเห็นของเขา
“คุณไป๋เป็นแขก เธออย่าเสียมารยาทไปหน่อยเลย” วางพู่กันลงช้าๆ น่าหลันแสร้งตำหนิอาชิงไปเบาๆ ประโยคหนึ่งถึงหันมายิ้มจางๆ ให้ไป๋ซู่เย่ ลุกขึ้นยืน “คุณไป๋ ต้องขอโทษด้วย อย่าถือสาอาชิงเลย เธอแค่ปกป้องฉันเกินไปหน่อยเลยเห็นคุณเป็นศัตรู ความจริงเย่เซียวมีเพื่อนผู้หญิงเยอะมาก มาพักที่นี่ก็ไม่น้อย คนที่มาก็เป็นแขก อาชิง ไปเตรียมห้องให้คุณไป๋ คุณไป๋ชอบห้องไหนเลือกได้เต็มที่เลยนะคะ”
ไป๋ซู่เย่มองหญิงสาวอายุน้อยตรงหน้าด้วยสายตาเรียบนิ่ง อายุเพียงสิบแปดปี ดวงตากลมโตใสราวกับลูกแก้วที่ไร้สิ่งปนเปื้อน แต่การกระทำหรือคำพูดกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายความเป็นนายหญิงของบ้าน
จู่ๆ เธอก็รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นมือที่สามแปลกๆ
หน้าอกอึดอัดเล็กน้อย
ไม่รู้ว่าตัวเองเข้ามาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร
“ทำไมเหรอคะ? คุณไป๋มีตรงไหนที่ไม่พอใจอีกหรือเปล่า?” น่าหลันเห็นเธอจ้องมองตัวเองจึงอมยิ้มถาม
ไป๋ซู่เย่หลุดจากภวังค์ เทียบกับใบหน้ายิ้มแย้มของน่าหลันแล้วท่าทีของเธอกลับเรียบนิ่งเย็นชา “ไม่ต้องเตรียมอะไรให้ฉันหรอก ฉันนอนห้องที่คืนก่อนนอนก็พอ”
…………………………
ไป๋ซู่เย่ไม่จำเป็นต้องมีคนมาคอยปรนนิบัติ อาชิงจึงไม่ได้ตามขึ้นไป อีกอย่างถูกสายตาของเธอสะกดตัวนิ่งไปรอผ่านไปพักใหญ่ถึงได้สติกลับมา
น่าหลันมองแผ่นหลังนั่นนิ่ง ปากบางเม้มเบาๆ
“คุณคะ คนนี้เป็นใครกันแน่เหรอ?”
“สวยมากแล้วก็สง่ามากใช่ไหมล่ะ?” น่าหลันถามเสียงเรียบ
“…” อาชิงเบ้ปาก แม้จะไม่อยากยอมรับนักแต่สุดท้ายก็หยักศีรษะ “สง่ามากจริงๆ แค่ดูก็เหมือนไม่ใช่คนธรรมดา”
………………………………
ตอนพิเศษเล็กๆ เสี่ยวไป๋กับเสียวเสี่ยวไป๋
คุณไป๋รักและหวงเจ้าหญิงน้อยไป๋อย่างมาก
วันที่เจ้าหญิงน้อยไป๋ฝึกเรียก ‘คุณพ่อ’ ได้ เขารีบโทรศัพท์สั่งจองของขวัญทันที
คุณนายไป๋ถามคุณไป๋ว่าสั่งทำของขวัญอะไรไป คุณไป๋กล่าวว่า “หินก้อนหนึ่ง”
หิน?
คุณนายไป๋เป็นกังวลมาก “คุณอย่าไปทำตามคนอื่นที่สั่งทำเพชรหลายกะรัตนั่นนะเด็กไม่ได้ใช้ประโยชน์หรอก รอโตมาหน่อยอาจจะทำให้เธอมีนิสัยฟุ่มเฟือยได้”
“อืม”คุณไป๋ตอบรับแค่นั้น
วันรุ่งขึ้นคุณนายไป๋ได้รับหินหนึ่งก้อนจริงๆ เปิดออกมาดูก็หน้าบูดบึ้ง
ไม่ใช่เพชร
แต่กลับเป็น…
หินอุกกาบาต!
“ขี้เหนียว! คนอื่นให้เพชรพลอย แกให้หินอุกกาบาต!” คุณท่านนึกรังเกียจลูกชายตัวเองอย่างมาก เขารู้สึกว่าเจ้าหญิงน้อยของตระกูลเขาไม่ว่าจะเพชรอะไรก็ไม่คู่ควร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหินอุกกาบาตเลย!
ไป๋เย่ฉิงกลับไม่คิดเช่นนั้น ได้แต่สั่งให้คุณนายไป๋เก็บรักษาไว้ให้ดี คุณนายไป๋ไม่เข้าใจ “ของสิ่งนี้เอามาทำอะไร?”
คุณไป๋ตอบเสียงเรียบ “อนาคตรอเธอโต ถ้าเธออยากได้ดาวบนท้องฟ้า ผมจะเอาสิ่งนี้ให้เธอ”
เซี่ยซิงเฉินได้ยินก็ยิ่งเป็นกังวล แม้แต่ดาวบนฟ้าคุณไป๋ยังยอมเด็ดมาให้ลูกสาว แล้วมีของสิ่งไหนที่จะให้ไม่ได้อีก? อนาคตเขาจะทำลูกเสียนิสัยหรือเปล่า!
……………………………………………………