อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 622
นึกถึงเธอก่อนภาพในห้องน้ำช่วงกลางวันจะผุดขึ้นในหัว เธอกึ่งคุกเข่ากับพื้น ปล่อยผมยาวสยาย กลีบปากอิ่มแดง ชุดเครื่องแบบยับยูยี่…
ตัวเกร็งแน่นและลมหายใจหนักอึ้งขึ้นในพริบตา ความง่วงหายไปอย่างฉับพลัน
ยัยผู้หญิงคนนั้น…
เขานวดคลึงระหว่างคิ้วไปมา เลิกผ้าห่มออกด้วยลำคอแห้งผาก ลงจากเตียงไป
ขณะที่ลงไปชั้นล่างเดินถึงนอกห้องทานอาหาร ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยดังแว่วมาจากข้างใน
“คุณเพิ่งมาดูแลเย่เซียว หรือว่า?”
“ก่อนหน้าอยู่ต่างประเทศดูแลนายท่านมาหลายปี พอดีว่าท่านจะกลับประเทศ S ฉันเลยติดตามกลับมาพร้อมนายท่านด้วยค่ะ กลับมาก็รู้สึกว่าประเทศตัวเองดีกว่า”
“อ่า หลายปีนี้…ที่ต่างประเทศ เขาสบายดีไหม?” ประโยคคำถามที่เธอถามติดลังเลน้อยๆ
นอกประตูเย่เซียวหยุดฝีเท้าคอยฟังอย่างตั้งใจ
“นายท่านหรือคะ? นายท่านสบายดีค่ะ เรื่องงานมีหยูอันคอยช่วย ส่วนเรื่องส่วนตัว…ก่อนหน้าไม่มีแฟนมาก่อนแต่ภายหลังเจอคุณน่าหลัน ท่านดีกับคุณน่าหลันมาก คุณน่าหลันก็รักเดียวใจเดียวต่อท่าน ฉะนั้นถือว่าสบายดี…”น้าหลี่พูดถึงนี่พลางมองเธอด้วยสายตาสงสัยแวบหนึ่งก่อนพูดอย่างรู้สึกผิด “คุณไป๋ ฉันพูดถึงคุณน่าหลัน คุณคงไม่โกรธหรอกใช่ไหมคะ?”
นอกประตู เย่เซียวยืนนิ่ง
จะโกรธไหม?
เธอจะรู้สึกไม่พอใจไหม?
เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังคาดหวังกับคำตอบอะไรอยู่ แต่วินาทีต่อจากนั้นคำตอบของเธอทำให้สีหน้าของเขาเรียบตึงทันที
“…ไม่อยู่แล้ว”ไป๋ซู่เย่หัวเราะ ตักโจ๊กเข้าปาก ทั้งที่เมื่อครู่ยังรู้สึกว่าโจ๊กอร่อยแต่กลับไร้รสชาติขึ้นมาทันใด คล้ายว่าเธอต้องการทำให้ถ้อยคำของเธอดูน่าเชื่อถือ ยิ้มพูดต่อ “ฉันคิดว่าเขากับน่าหลันเหมาะสมกันดี ก่อนหน้ายังกังวลว่าเขาจะไม่สบาย ฉันเองก็จะรู้สึกผิด ตอนนี้ได้ยินคุณบอกว่าเขาสบายดี…งั้นฉันก็วางใจแล้ว…”
น้าหลี่พยักหน้าไม่พูดอะไรอีก
ต่อจากนั้นก็ทำหน้าตกใจจนรีบลุกขึ้นยืนยามเห็นบุคคลที่จู่ๆ โผล่มาหน้าประตูห้องทานอาหาร “นายท่าน”
ไป๋ซู่เย่ชะงัก
เธอนั่งหันหลังให้กับประตูจึงไม่เห็นผู้ที่มาเยือน ได้ยินเสียงทักของน้าหลี่แต่เธอก็ไม่ได้หันกลับไป
เขา ไม่ได้นอนแล้วหรือ? ลงมาตั้งแต่เมื่อไร?
“ดึกแล้ว น้าหลี่ ไปพักผ่อนเถอะ” เย่เซียวพูดสั่งด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เจ้าตัวคงความเย็นชาเฉกเช่นปกติแต่กลับดูเยือกเย็นมากกว่าปกติหลายเท่า
น้าหลี่รับคำสั้นๆ ‘ค่ะ’เสร็จก็ชำเลืองสายตาประเมินมองไป๋ซู่เย่แวบหนึ่ง เธอก้มหัวให้น้อยๆ “ขอบคุณสำหรับโจ๊ก ไปพักผ่อนเถอะ ดึกมากแล้วจริงๆ”
“งั้นฉันไปแล้วนะคะ คุณไป๋” น้าหลี่กล่าวลาทั้งคู่อย่างนอบน้อมถึงเดินออกไป
ชั่วขณะ…
ในห้องทานอาหารเหลือเพียงพวกเขาสองคน ไป๋ซู่เย่ไม่ได้หันกลับมาแต่กลับรู้สึกได้ว่าฝีเท้าของชายหนุ่มกำลังเข้าใกล้ตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ…
“ทำคุณตื่นเหรอ?”รอชายหนุ่มเดินมาข้างตัวเอง เธอเงยหน้ายิ้มน้อยๆ “หิวไหม? ในครัวยังมีของกินอยู่ ฉันจะได้ไปยกมาให้คุณ”
เธอว่าแล้วไม่รอเย่เซียวตอบอะไรหมายจะลุกขึ้นเดินหนี
แต่เพิ่งลุกขึ้นเย่เซียวกลับคว้าแขนเธอพร้อมกระชากตัวเธอมา
ร่างอ่อนนุ่มของเธอกระแทกอกแกร่งของเขาทำให้ทั้งคู่ต้องหายใจรุนแรงชั่วขณะ กลิ่นมินต์บนตัวชายหนุ่มผสมผสานกับกลิ่นมะนาวบนตัวหญิงสาวคล้ายฟีโรโมนที่แผ่ออกมาจากตัว ทำให้หัวใจทั้งสองดวงเต้นรัว
ให้ตายสิ!
เย่เซียวไม่มีทางยอมรับเด็ดขาดว่าหัวใจที่กำลังเต้นรัวเป็นกลองนั่นเป็นเพราะเธอ
ไป๋ซู่เย่ล่ะ?
เธอพยายามเพิกเฉยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะของตัวเอง ปลายนิ้วจิกเข้าฝ่ามือตัวเองเพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง
“เย่เซียว คุณปล่อยฉันก่อน”
“เพิ่งเข้ามาที่นี่วันแรกก็รีบร้อนตีสนิทแล้วเหรอ?” ไม่ปล่อยมือแต่กลับโอบเอวเธอแรงๆ
ร่างกายของเธอหมดคราบไร้เดียงสาเมื่อสิบปีก่อนและดูเป็นผู้หญิงมากกว่าเดิมมาก แต่เทียบกับสิบปีที่แล้วยิ่งเรียกให้คนใจสั่น แขนเรียวผอมเอวคอดกำได้เพียงมือเดียวด้วยซ้ำ
“คุณกลัวเหรอ?” ไป๋ซู่เย่เลิกคิ้วสวยสบตาเขา
เย่เซียวมุ่นคิ้วแน่น “อย่าหาว่าผมไม่เคยเตือนคุณ ถ้าคุณกล้าคิดแผนอะไรเกี่ยวกับผมหรือคนของผม ผมจะทำให้คุณต้องเสียใจกับสิ่งที่ทำกับผม!”
ไป๋ซู่เย่ในอดีตทำให้ทุกคนยอมจำนนได้อย่างง่ายดายขนาดหยูอันที่ปกติระวังตัวอย่างดียังยอมสละชีวิตเพื่อเธอ ด้วยเหตุนี้เขาจึงเคยหึงหวงมาก่อน ภายหลังถึงรู้ว่า…
ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพียงเรื่องน่าขำ!
ทุกคนถูกเธอตบหน้าฉาดใหญ่!
“ในเมื่อกลัวฉันทำอะไรขนาดนี้ แล้วทำไมคุณถึงให้ฉันเข้าประตูบานนี้ล่ะ?”
“คุณไม่รู้หรือว่าทำไมผมถึงให้คุณเข้าประตูบานนี้?” มือของเย่เซียวที่วางตรงเอวเธอเลื่อนลงทันที ผ่านบั้นท้ายนุ่มหยุ่นไปจนถึงเรียวขาสะอาด ฝ่ามือร้อนผ่าวเกี่ยวชายกระโปรงชุดนอนเธอขึ้นมาจนถึงบั้นท้าย
เธอหายใจขาดห้วงตัวเกร็ง งอนิ้วเกี่ยวไหล่เขา
“เย่เซียว…”
“ให้คุณเข้ามาอยู่นี่ก็เพื่อที่จะได้เติมเต็มผมทุกที่ทุกเวลา ทรมานคุณ…” เพิ่งสิ้นเสียงเขา ตัวเธอก็ถูกดันติดโต๊ะอาหาร
ไป๋ซู่เย่ยังเจ็บตามร่างกาย อีกอย่างที่นี่คือห้องอาหาร
ประตูห้องอาหารยังไม่ปิด ในห้องโถงมียามเฝ้าเวรอยู่ แม้พวกเขาจะยืนตัวนิ่งราวกับรูปปั้นแต่ทุกคนยังมีสติอยู่!
“เย่เซียว คุณอย่าทำบ้าๆ นะ!”
“ทุกอย่างนี้เป็นโทษที่คุณควรได้รับ คุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธผม!” เขาไม่อยากสนใจไฟไร้นามที่กำลังลุกพล่านในใจ ใช่ ตั้งแต่ได้ยินคำพูดเธอข้างนอกก็มีเพลิงไฟสุมอยู่ในอก
เขาไม่อยากคิดว่าเขากำลังคาดหวังคำตอบอะไรจากเธอกันแน่ แต่เขาเข้าใจดีว่าถ้อยคำของเธอไม่มีทางเติมเต็มความคาดหวังของเขาได้ อีกทั้งยังตรงข้ามกับสิ่งที่เขาหวัง!
เย่เซียวไม่สนใจเสียงค้านของเธอ ฉีกชุดนอนบนตัวเธออย่างเอาแต่ใจ
เขายังแข็งกร้าวดุดันตั้งแต่ต้นจนจบเหมือนเดิม ไม่มีการเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าหรือมอบจูบให้เธอแม้แต่จูบเดียว
ร่างกายของเธอถูกเขาฉีกทึ้งอย่างไม่สนใจใยดีอีกครั้ง
แผลเก่าไม่ทันหายได้แผลใหม่มาแล้ว ต่อให้เขาไม่สัมผัสตัวเธอก็สั่นระริกอย่างรุนแรง ใบหน้าขาวซีด กัดไหล่เขาแรงๆ “เย่เซียว คุณมันปีศาจ!”
เดิมทีเย่เซียวคิดว่าตัวเองจะต้องพึงพอใจที่ได้ทรมานเธอ จะไม่พอใจไม่ได้ แต่ขณะหลุบตามองเห็นใบหน้าดวงเล็กที่ขาวซีดของเธอ ไฟไร้นามจากก้นบึ้งของหัวใจก็ดับมอดลงทันที
สิ่งที่ทดแทน…
คือความเจ็บปวดที่พุ่งพรวดขึ้นมา
“…เจ็บมากเหรอ?” เขาไม่กล้าขยับตัว เสียงทุ้มแหบลง
ตัวเธออ่อนแรงนอนซบไหล่เขา ลมหายใจไม่เป็นจังหวะ หน้าผากมีชั้นเหงื่อบางๆ ขับให้เจ้าตัวดูน่าสงสารเล็กน้อย
เย่เซียวหน้าเกร็ง สายตาจ้องเธอเขม็ง “คุณกำลังเสแสร้ง หรือว่า…?”
…………………………………..