อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 625
เย่เซียวตัดสายทิ้งทันที ยืนเงียบอยู่ริมหน้าต่างพักใหญ่
หนึ่งนาทีหลังจากนั้น
ถังซ่งได้รับข้อความหนึ่งฉบับ ‘คืนนี้ฉันว่าง’
“คนซึน!” ถังซ่งหัวเราะเสียงดัง
แต่ทีนี้กลับอดยกย่องน่าหลันไม่ได้ เมื่อก่อนแค่รู้สึกว่าเธอเป็นเพียงเงาของไป๋ซู่เย่เท่านั้นที่บางครั้งดูคล้ายมากจริงๆ จากความเข้าใจที่เขามีต่อเย่เซียว การที่เก็บน่าหลันไว้ข้างกาย ดูแลเรื่องอาหารการกินที่พักอาศัยและเสื้อผ้าต่างๆ ก็แค่ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจจากไป๋ซู่เย่เท่านั้น
แต่ไม่คิดว่ายัยน่าหลันนี่กลับสามารถทำให้เย่เซียวมีใจจะเรียนวิชาเอาใจผู้หญิง นี่มันเกินความคาดหมายของเขาไปมากเลย
ผู้ชายโอหังเย่อหยิ่งอย่างเย่เซียว ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้
…………………………
ไป๋ซู่เย่ยังคงกลับดึกเช่นเคย
วันนี้มีงานเลี้ยงที่ลูกชายคนโตของคุณเหมยเอินอย่างเหมยอู่หลางมาเยือนประเทศ S เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับท่านอธิบดีกระทรวงความมั่นคงฉะนั้นจึงกำชับอธิบดีไว้โดยเฉพาะว่าให้พาไป๋ซู่เย่คนดังของประเทศ S มาด้วย
ผู้ชายที่ยอมศิโรราบให้เธอ มีเยอะจนนับไม่ถ้วน แต่คนตรงไปตรงมาอย่างเหมยอู่หลางที่ไม่คิดปิดบังความสนใจต่อเหยื่อแบบนี้ช่างน้อยนิด
เหมยอู่หลางเองก็นับได้ว่ามีชื่อเสียงเรื่องชู้สาว ไป๋ซู่เย่พอรู้อยู่ ฉะนั้นจึงจงใจระมัดระวังเขาอยู่แล้ว แต่ด้วยความสัมพันธ์อันดีของคุณพ่อเขากับประเทศ S กลับไม่อาจผิดใจกับเจ้าหมอนี่ได้ อย่างน้อยก็ห้ามฉีกหน้ากันโจ่งแจ้งเกินไป
“คุณไป๋ ได้ยินว่าคุณเป็นคอแข็ง เหล้าแก้วนี้คุณคงไม่คิดปฏิเสธผมหรอกใช่ไหม?” ท่ามกลางเสียงอึกทึกภายในห้อง เหมยอู่หลางเทเหล้าเต็มๆ หนึ่งแก้วแล้วยื่นให้ไป๋ซู่เย่
ดวงตาคู่นั้นที่หว่านเสน่ห์ไม่หยุด คิดว่าตัวเองหล่อเหลือเกิน
ไป๋ซู่เย่รู้สึกขบขัน ขณะที่รับเหล้าแก้วนี้มาก็ถูกเจ้าหมอนี่แอบลูบหลังมืออย่างหน้าไม่อายไปที “คุณไป๋ไม่ใช่แค่คอแข็ง ผิวเนียนนุ่มอีกต่างหาก”
“คุณเหมยเคยเจอหญิงสาวมาจนนับไม่ถ้วน ฉันจะเทียบกับหญิงสาววัยขบเผาะเหล่านั้นได้ยังไงคะ?” เธอพูดประชดตัวเองอย่างถ่อมตัว ไม่กล้าดื่มซี้ซั้วอีก ความจริงมันเลยขีดจำกัดของเธอแล้วเพราะตัวเธอรู้ดีว่าหากดื่มต่อไปจะต้องเสียภาพลักษณ์แน่ๆ
“แต่หญิงสาวพวกนั้นไม่ได้มีเสน่ห์เหมือนคุณไป๋ไงล่ะ อายุน้อยแล้วยังสวยอีก การงานหน้าที่มีครบ ลงสนามรบได้ เข้าครัวได้…แต่ เหล้าแก้วนี้ ผมไม่เห็นคุณแตะต้องแม้แต่หยดเดียว ทำไมครับ? ไม่เห็นแก่ผมงั้นเหรอ?”
ไป๋ซู่เย่เหลือบมองคนอื่นๆ แวบหนึ่งเงียบๆ ทุกคนต่างล้อมวงคุยเรื่องตัวเองกันอยู่โดยไม่มีใครสังเกตมองมาทางพวกเธอเลยแม้แต่คนเดียว
“คุณไป๋ ทำไมเหม่อลอยล่ะครับ? ถ้าแก้วนี้คุณไม่ดื่มก็เท่ากับดูถูกผม ดูถูกตระกูลเหมยเรา”
ประโยคจากปากของเขาโยนภาระอันหนักอึ้งมาให้ เดิมทีอธิบดีกำลังคุยกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ พอได้ยินประโยคนี้ก็รีบเบี่ยงหน้ามาหา “ซู่เย่ คุณก็ใช่ว่าจะดื่มไม่ได้ ก็ดื่มแก้วนี้ของคุณเหมยไปเถอะ ถือว่าเห็นแก่ผม”
อธิบดีพูดจบพลางมองไป๋ซู่เย่อีกแวบหนึ่งก่อนยิ้มพูดกู้หน้า “ดื่มก็ส่วนดื่ม ยังไงซู่เย่เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง คงดื่มได้แค่แก้วนี้เท่านั้น จะดื่มมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอะไรขึ้นภายหลัง ท่านประธานาธิบดีกล่าวโทษมา ผมรับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะ”
หลายเวลาหลายสถานที่ล้วนทำตามใจตัวเองไม่ได้ หากพบเจอคนที่วางตัวดี รู้จักประมาณตนก็ถือว่าโชคดีไป หากเจออันธพาลระดับสูงที่ไม่รู้ขอบเขต คุณก็ทำอะไรไม่ได้
ไป๋ซู่เย่เข้ามาในวงการนี้ตั้งแต่อายุสิบกว่าปี ตั้งแต่เล็กจนโตได้รับมลทินสิ่งแปดเปื้อนมามากมายย่อมรู้ว่าหากตัวเองไม่ดื่มแก้วนี้ไป จะไม่ไว้หน้าเหมยอู่หลาง ทำให้เขาต้องเสียหน้า หากยังดื้อดึงต่อไปเกรงว่าจะเป็นการสร้างความอึดอัดต่อทุกฝ่าย
ไม่ได้คิดอะไรมาก เธอยกแก้วดื่มรวดเดียวอย่างไม่ลังเล
จากนั้นค่อยๆ ลุกขึ้น ยิ้มจางๆ อย่างคงความสง่าไว้ “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ พวกคุณดื่มต่อเลย”
เธอมึนหัวเล็กน้อย
ฝืนเดินออกไปโทรหาไป๋หลางก่อนเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ให้อีกฝ่ายเพื่อให้ไป๋หลางรีบมาช่วยรับหน้าแทนเธอถึงวางสาย ฉับพลันได้ยินเสียงพูดคุยอย่างตื่นเต้นของเหล่าหญิงสาวที่ดังแว่วมาเรื่อยๆ
“รู้ไหมว่าวันนี้คนที่เรียกเราไปคือใคร?”
“ใครเหรอ? คนรวยที่ไหนอีก?” นี่เป็นสวรรค์ของคนมีฐานะ คนที่ติดอันดับจาก Fobes มากมายก็ชอบมาใช้เวลาผ่อนคลายที่นี่
“คนรวย? ไม่ใช่แค่คนรวยนะ เย่เซียวต่างหาก”
“เย่เซียว? เธอหมายถึงเย่เซียวที่มีธุรกิจทั้งสุจริตและธุรกิจมืดคนโด่งดังคนนั้นน่ะเหรอ?”
“อืม!”
“พระเจ้า! ฉันรู้จัก เมื่อก่อนเคยเห็นในทีวี หุ่นเขาดีมากเลย! เรื่องนั้น…ก็ต้องดุเดือดมากแน่ๆ สินะ? ฮ่าๆ”
“ถ้าไม่ดุเดือดจริงจะเรียกไปทีเดียวห้าคนได้เหรอ?”
หญิงสาวที่สวมชุดตกแต่งอย่างดีพูดแล้วเปิดประตูอีกห้องเข้าไปทันที แม้ไป๋ซู่เย่จะมึนอยู่แต่คำว่า ‘เย่เซียว’ เธอได้ยินมันชัดเจน
ทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง แต่ก็อดเดินไปที่ห้องนั้นไม่ได้
ประตูบานหรูสามารถเห็นทุกอย่างของข้างในผ่านกระจกหน้าต่างได้ ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนโซฟาด้วยใบหน้าเย็นชาราวกับราชา สองขายาวมีหญิงสาวประกบทั้งสองข้าง
ไป๋ซู่เย่ยืนดูอยู่ครู่เดียวก็รู้สึกมึนหัวอย่างรุนแรง ในโลกที่มีแสงไฟหลากสี เธอมองผู้ชายคนนั้นด้วยความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้า…
ที่แท้…
อดีตก็คืออดีตจริงๆ…
ตัวเธอในสิบปีหลังไม่ใช่ไป๋ซู่เย่คนเดิม เย่เซียวในสิบปีหลัง…ก็ไม่ใช่เย่เซียวคนเดิม…
เขาในอดีตไม่มีทางแตะต้องผู้หญิงพวกนี้เด็ดขาด แต่ตอนนี้….
ทีเดียวห้าคน
อึดจริงๆ…
ไม่คิดจะอยู่ต่อ เธอเดินไปทางห้องน้ำและหวังว่าคงไม่สายหากจะอาเจียนออกมาตอนนี้
แต่พอเดินไปเพียงสองก้าวเจ้าตัวรู้สึกมึนหัวมากขึ้น ใบหน้าร้อนผ่าว
เธอจับกำแพงสะบัดหัวไปมาคิดจะให้ตัวเองมีสติหน่อย
แต่ตัวกลับยังอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงเหมือนเดิม
“คุณ ไม่เป็นไรใช่ไหม?” ถังซ่งออกมาจากห้องน้ำพอดีจึงมาถามอย่างเป็นห่วง เขาเป็นคุณชายที่ขึ้นชื่อเรื่องความเจ้าชู้ตัวยง แค่อยู่กับสาวสวยคนหนึ่งก็เกิดอารมณ์ได้แบบนั้น พอเห็นเธอเข้า แม้จะยังไม่เห็นหน้าแต่แค่ดูจากการแต่งกาย ความสง่าและหุ่นที่ถูกห่อหุ้มด้วยชุดตะวันตกนั่นก็ตัดสินได้แล้วว่าเธอต้องเป็นหญิงงามคนหนึ่งแน่ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ” ไป๋ซู่เย่ฝืนตั้งสติโบกมือปัด
ถังซ่งอาศัยแสงไฟสลัวสังเกตมองครึ่งใบหน้าอันคุ้นเคยของเธอได้จนคิดว่าตัวเองดูผิดไป ยื่นมือปัดผมบนหน้าเธอออก
เธอคิดว่าตัวเองเจอคนโรคจิตเข้าแล้วจึงมุ่นคิ้วถลึงตาใส่อีกฝ่ายอย่างระแวง แต่มองเห็นหน้าอีกคนชัดเจน สีหน้าก็ผ่อนคลายลงทันควัน
เธอแย้มปาก “ไม่ได้เจอกันนานเลย ที่แท้คุณก็กลับประเทศมาแล้วเหรอ”
“คุณจริงๆ ด้วย?” ถังซ่งมองไป๋ซู่เย่ สิบปีไม่ได้เจอกัน เหมือนเธอจะ…สวยกว่าเมื่อก่อนมาก อืม ดูเย้ายวนตามฉบับผู้หญิงโดยเฉพาะตอนมึนเมา ดวงตาเคลิบเคลิ้ม พวงแก้มขึ้นสีระเรื่อ
……………………………………………..