อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 626
“อืม”
“…ไม่เจอกันนานเลย” ถังซ่งกล่าว
ไป๋ซู่เย่ยิ้มน้อยๆ “ไม่คิดว่าคุณยังเป็นเหมือนเดิมเลย ชอบเกี้ยวสาวเหมือนเดิม”
“คุณดูออกเลยเหรอ ว่าเมื่อกี้ผมอยากเกี้ยวคุณพอดี?”
ไป๋ซู่เย่นวดคลึงคลายความเจ็บปวดตรงระหว่างคิ้ว “คุณหมอ พ่อคนฉลาด ฉันปวดหัว มีอะไรให้ฉันแก้แฮงก์บ้างไหม?”
“แก้แฮงก์ไม่มี แต่แก้เบื่อน่ะมี” ถังซ่งมือล้วงกระเป๋า เหล่มองไปทางห้องข้างๆ แวบหนึ่งเป็นการหยั่งเชิงและกล่าวอย่างระมัดระวัง “เย่เซียวอยู่นั่น จะไปทักทายหน่อยไหม?”
ดูท่าทางเขาไม่รู้สินะว่าตอนนี้เธอติดต่อกับเย่เซียวแล้ว
“ไม่ดีกว่า พวกคุณสนุกกันเถอะ สภาพฉันอย่างนี้ไปแล้วจะทำพวกคุณหมดสนุกเอา ฉันยังมีงานเลี้ยงที่ยังไม่เลิก”
ไป๋ซู่เย่ไม่คุยกับถังซ่งนานไปกว่านั้น หมุนตัวเหยียบบนรองเท้าส้นสูงฝืนเดินเข้าไปในห้องน้ำด้วยท่าทางสง่า
…………………………
เมื่อถังซ่งกลับเข้ามาในห้องก็เห็นใครบางคนนั่งหน้าบึ้งอยู่ตรงกลางโดยที่กลุ่มหญิงสาวที่ก่อนหน้ายังสนุกสนานกันแต่ตอนนี้กลับซุกตัวอยู่มุมเหมือนลูกไก่ที่หวาดระแวง ตีตัวออกห่างเขา
“เกิดอะไรขึ้น?” ถังซ่งกวาดมองไปมาอย่างแปลกใจ
กลุ่มหญิงสาวส่ายหัวรัวพลางหดหัวมองเย่เซียวโดยไม่กล้าพูดอะไร ถังซ่งเตะเขาไปทีหนึ่งปนเคือง “นายทำอะไร? ฉันพานายมาสนุกแต่นายกลับทำหน้าเย็นชา จะให้คนอื่นสนุกได้ยังไง”
ไม่แปลกที่ผู้หญิงกลุ่มนั้นจะกลัว เขาเป็นเพื่อนกับเย่เซียวมายี่สิบกว่าปี เห็นหน้าแล้วยังกลัวเลย!
“นี่น่ะเหรอที่นายบอกจะสอนฉันเรื่องลีลาบนเตียง?” ทุกคำที่พ่นจากเย่เซียวช่างเย็นชาเสียจนเหมือนพูดลอดไรฟัน
“อือฮึ” ถังซ่งยักคิ้วใส่ ย้ายก้นไปนั่งข้างเขา “ผู้หญิงจะเข้าใจความต้องการของผู้หญิงดีที่สุด ถ้านายทำพวกเธอสบายได้ กลับไปก็ต้องจัดการน่าหลันได้อยู่หมัดแน่ๆ”
เย่เซียวตวัดตาเยือกเย็นมา ปากบางแสนเซ็กซี่นิ่งเกร็งเม้มเป็นเส้นตรง ไม่พูดอะไรทั้งนั้นพลางจัดเสื้อสูทก่อนก้าวขายาวออกไป
“เฮ้! รอเดี๋ยวก่อนเย่เซียว ฉันยังมีเรื่องจะบอกนาย!” ถังซ่งเรียกเขาไว้
“ถ้าฉันเป็นนายจะเลือกหุบปาก ไม่อย่างนั้นอาจเกิดเหตุการณ์เลือดอาบได้”
ถังซ่งกอดอกเลิกคิ้วอย่างได้ใจ “ฉันไม่พูดก็ได้ แต่ถ้านายไม่ฟัง จะต้องเสียใจทีหลังแน่ๆ”
เดิมทีเย่เซียวไม่อยากสนใจเขา ถังซ่งเห็นว่าเขาไม่หลงกลตัวเองเลยตัดสินใจพูดออกมาโต้งๆ อย่างนึกเคือง “เมื่อกี้ฉันเจอไป๋ซู่เย่”
ฝีเท้าเย่เซียวหยุดชะงักกับที่
“อะไรนะ?”
“ไป๋ซู่เย่ไง ผู้หญิงเมื่อสิบปีก่อน”
“อย่าพูดมาก”
“นั่นสิ คนพิเศษอย่างเธอ อย่าว่าแต่สิบปีเลย ต่อให้ผ่านไปร้อยปีนายก็คงยังจำได้อยู่”
“นายบ่นว่าตัวเองอายุยืนไปใช่ไหม?”
ดวงตาวาวโรจน์ที่แฝงด้วยความอาฆาตเรียกให้ถังซ่งรีบหยุดแต่พอดีก่อนจะรีบพูดเรื่องจริงจัง “เหมือนเธอจะดื่มเหล้าไปไม่น้อยนะ เมื่อกี้ฉันเห็นเธอไปในงานต่อแล้ว ถ้าฉันดูไม่ผิดข้างในมีแต่ผู้ชายที่ขึ้นชื่อเรื่องนั้น นายก็รู้ สาวสวยคนหนึ่งถูกคนมอมเหล้าโดยที่เจ้าตัวยังอยู่ในรังหมาป่า อันตรายมากนะ แต่ว่า…”
ถังซ่งแบมือ “ตอนนี้นายคงอยากให้เธอเข้าไปใน…”
‘รัง’ ยังไม่ทันออกจากปากดีเย่เซียวก็เปิดประตูออกแล้ว
“เฮ้! ไม่หรอกมั้ง ตอนนั้นนายโดนเธอปั่นหัวขนาดนั้น ตอนนี้ยังคิดจะไปเป็นฮีโร่ช่วยสาวงามอีกเหรอ?”
เย่เซียวชะงักฝีเท้าก่อนจะเอ่ยพูดเสียงเย็น “ฝูงหมาป่าจะมีหมาป่าเพิ่มอีกสักตัว ไม่ได้เหรอ?”
ถังซ่งได้ยินก็ตื่นเต้นอย่างมาก “ถ้าเพิ่มตัวหนึ่งได้ก็เพิ่มสองตัวได้สิ ฉันไปกับนายเอง”
“นายเคยเห็นว่าในรังหมาป่ามีหมูตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“…” ถังซ่งทึ้งหัวตัวเอง บ้าเอ๊ย! ด่าใครว่าหมูกันแน่?
เคยเห็นหมูที่ไหนโลดโผนเป็นอิสระขนาดนี้บ้าง?
เย่เซียวเดินออกจากห้องไปเรียบร้อย ถังซ่งอยากตามไปแต่ถูกหญิงสาวดึงตัวไว้ “คุณถัง คุณจะไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้นะคะ”
“ทำไม?”
“เมื่อกี้คุณเย่เซียวหักแขนหนึ่งในนี้ไปข้างหนึ่ง ค่ารักษา…”
“เพื่อนเธอทำอะไรไปล่ะถึงทำให้เย่เซียวโกรธขนาดนี้?” ถังซ่งล้วงเงินไปถามไป
“ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ แค่ทำเหมือนแขกทั่วไป ลูบจับตรงนั้นของคุณเย่เซียวไป ไม่คิดว่าเขาจะดุขนาดนี้…”
ถังซ่งหมดคำจะพูดจริงๆ มิน่าหญิงสาวเหล่านี้ถึงได้โกรธจนหน้าไร้สีเลือดฝาดขนาดนี้
เจ้าหมอนี่…ให้ตายสิ!
“ช่วยไม่ได้แล้ว! ช่วยไม่ได้แล้ว! ไม่รู้จักทะนุถนอมแล้วยังคิดจะเอาอกเอาใจผู้หญิงอีก!” ถังซ่งพึมพำอย่างขุ่นเคือง ล้วงเงินปึกใหญ่จากกระเป๋าออกมา “เงินน่ะมีเยอะ เหลือก็ซื้ออาหารบำรุงให้เพื่อนเธอด้วย ถ้าไม่พอค่อยมาขอฉันเพิ่ม”
“ขอบคุณคุณถังค่ะ!” เห็นได้ชัดว่าคุณถังคนนี้จะรู้ขอบเขตกว่าคุณเย่เซียวคนนั้นเยอะ
…………………………
ไป๋ซู่เย่จะขอตัวกลับก่อน ที่กลับไปในห้องเพราะต้องการเอ่ยลากับอธิบดี
สุดท้ายหลังเข้าไปอธิบดีกำลังคุยเรื่องจริงจังอยู่ตรงนั้นซึ่งเป็นงานในขอบเขตของเธอด้วยพอดีจึงเรียกเธอไป เธอสติพร่ามัวฟังอะไรไม่ค่อยชัดเจนแต่กลับรู้สึกได้ถึงสายตาของเหมยอู่หลางที่จดจ่อกับตัวเธอจากตรงข้ามได้ดี คล้ายนายพรานที่กำลังเล็งเหยื่อก็ไม่ปาน
เธอแค่นหัวเราะ
เกิดความรู้สึกที่อยากหยิบแก้วเหล้าข้างๆ สาดใส่หน้าเขา
ทันใดนั้นเองประตูของห้องจู่ๆ ก็ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก
ทุกคนหันสายตามองไปทางประตูอย่างพร้อมเพรียง คนของกระทรวงความมั่นคงต่างมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปตามๆ กัน
นี่มันเย่เซียว!
เขาชักจะกล้าเกินไปแล้ว!
กระทรวงความมั่นคงอยากจับตามองเขาตลอดเวลาแต่สถานที่หลักๆ ที่เขาปรากฏตัวล้วนถูกคุมเข้มเหมือนป้อมปราสาทที่ไม่อาจทะลุเข้าไปได้ ตอนนี้เขากลับมาอยู่ตรงหน้าพวกเขาเสียเอง
กับความใจกล้าของเขาเช่นนี้ยิ่งทำให้ทุกคนระแวงเขา คาดเดาเส้นทางความคิดเขาไม่ถูก ยิ่งไม่เข้าใจถึงจุดประสงค์ที่เขาบุกมาที่นี่ในวันนี้
ไป๋ซู่เย่เห็นเขาก็เผลอสติหลุดไปชั่วครู่ ขณะที่ทุกคนต่างลุกขึ้นยืนมีเพียงเธอยังนั่งอยู่ตรงนั้น ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้? ตอนนี้น่าจะกำลังรื่นเริงกับหญิงสาวห้าคนนั้นไม่ใช่เหรอ?
“คุณเย่เซียว ไม่คิดว่าจะเป็นคุณ”
สุดท้ายอธิบดีเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบนี้ เดินไปจับมือเย่เซียว เป็นทั้งศัตรูและมิตร ไม่ใช่ศัตรูและไม่ใช่มิตร นี่เป็นคติของคนในวงการการเมือง หากเบื้องหลังมีคนหมายจะวางแผนเอาให้ตายก็ต้องมีคนแสดงท่าทีเป็นมิตรฉาบหน้า
เย่เซียวสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเดิม “ได้ยินว่ามีเพื่อนเก่าคนหนึ่งอยู่นี่ ก็เลยมาทักทายเป็นพิเศษ หวังว่าจะไม่รบกวนพวกคุณ”
“คุณเย่เซียวตลกแล้ว ปกติใครจะเชิญคุณไหว นี่ต้องอาศัยหน้ามากเลยนะ”นอกจากคนของกระทรวงความมั่นคง คนอื่นๆ ต่างคาดหวังกันอย่างมาก
พวกเขาอยากทำความรู้จักกับเย่เซียวมาตั้งนานแล้วแต่ไม่มีโอกาสสักทีและไม่มีใครยอมเป็นสะพานทอดให้ ตอนนี้เย่เซียวอยู่ตรงหน้าพวกเขาจะต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดี
“แค่ไม่รู้ว่าเพื่อนเก่าของคุณเย่เซียวคือท่านไหน?”
คนของกระทรวงความมั่นคงต่างเปลี่ยนสีหน้าทันที หันสายตาไปยังไป๋ซู่เย่โดยมิได้นัดหมาย ปมความแค้นที่กระทรวงความมั่นคงได้ผูกกับเย่เซียวไว้เมื่อนั้นใจพวกเขารู้ดี ตอนนี้ต่างมีใบหน้านิ่งเกร็งทั้งต้องคอยระวังว่าเย่เซียวจะทำเรื่องน่ากลัวอะไรออกมาอีก
…………………………………………..