อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 628
ไป๋ซูเย่ไม่ได้บอกว่าเพราะมีเย่เซียวอยู่ข้างกายเธอถึงกล้านอนพักไปครู่นึง
เธอฝืนตัวลุกขึ้นนั่งใช้นิ้วกดระหว่างคิ้วไป ดวงตาทอดมองไปนอกหน้าต่าง ถามไป๋หลาง “เมื่อกี้ตอนนายพาฉันออกมา…เย่เซียว ได้พูดอะไรไหม?”
“เขาจะพูดอะไรได้?”
“ไม่ได้พูดเหรอ?”
“ไม่นะ”
“ไม่ได้พูดว่า เขาจะไปส่งฉันเหรอ?”
“เขาไปส่ง?” ไป๋หลางมองเธอจากกระจกหน้าด้วยความสงสัยเล็กน้อย “คุณอยากให้เขาไปส่งคุณเหรอ?”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” ไป๋ซู่เย่คิด ในเมื่อเขายอมให้ไป๋หลางพาเธอกลับมานั่นก็หมายความว่า…อนุญาตให้เธอนอนที่บ้านตัวเอง ไม่กลับไปบ้านเขาก็ไม่เป็นไรแล้วสินะ?
ยากจะคาดเดาความคิดเขาเสียจริง
“ว่าแต่ว่า เย่เซียวไปที่ห้องพวกคุณได้ยังไง? ไปเพราะคุณเหรอ?”
“เปล่า ไปหาเหมยอู่หลาง แต่หลังจากนั้นถูกคนอื่นตามตอแยก็กลับไปไม่ได้สักที”
“พวกกิ้งก่าเปลี่ยนสี ปกติหาโอกาสเจอตัวเย่เซียวยาก ตอนนี้พอได้เจอเขาหน่อยก็รีบเข้าไปตีสนิทล่ะสิ?”
ไป๋ซู่เย่ไม่ตอบไป๋หลางอีก เพียงแค่หลับตาลงอีกครั้ง ไป๋หลางเห็นว่าเธอกำลังพักผ่อนจึงไม่พูดมากเพื่อให้พื้นที่เธอได้นอนพักอย่างเต็มที่
…………………………
ไป๋หลางส่งเธอขึ้นไปที่ห้องเสร็จถึงกลับไป
ไป๋ซู่เย่อาบน้ำเปลี่ยนชุดนอนแล้วชงชาแก้เมาเข้มๆ ให้ตัวเองหนึ่งแก้วเจ้าตัวถึงมีสติขึ้นมาหน่อย
นอนบนเตียงมองเพดานนิ่ง ทั้งที่ก่อนหน้ารู้สึกง่วงมากขนาดนั้นแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับนอนไม่หลับเสียได้ ตอนเธอกลับมาดูท่าทางเย่เซียวจะยังไม่คิดกลับ ตอนนี้เขายังดื่มอยู่กับคนพวกนั้นอีกเหรอ?
หรือว่า…
กลับไปใช้เวลากับผู้หญิงห้าคนที่เขาเรียกตัวไป?
หัวใจบีบเค้นอย่างเจ็บปวด
ไม่รู้ว่าปกติน่าหลันยอมรับนิสัยเจ้าชู้ของเขาได้อย่างไร ถึงได้ทำท่าเป็นปกติได้ขนาดนั้น
หลับตาหยุดความคิดตัวเอง ความจริงเธอไม่มีสิทธิ์อะไรหรือฐานะอะไรไปคิด เธอยื่นมือไปหัวเตียงหมายจะปิดไฟ โทรศัพท์กลับสั่นขึ้นมาเพียงครู่
คิดว่าเป็นภารกิจด่วนอะไรจึงหยิบโทรศัพท์มาดูโดยไม่คิดมาก เปิดดูแวบเดียวมีคำสั้นๆ สองพยางค์
ลงมา
เหมือนครั้งก่อนไม่มีหัวข้อ ไม่มีแม้แต่เบอร์โชว์ให้เห็นแต่กลับเป็นเลขแปลกๆ ยาวเป็นพรวน
เย่เซียว?
เขามาที่นี่เหรอ?
ไป๋ซู่เย่ลุกพรวดจ้องข้อความนั่นจนเผลอเหม่อลอยชั่วครู่ก่อนจะนึกถึงภาพที่ทั้งสองคนนั่งใกล้กันขนาดไหนตอนอยู่ในห้องนั้น ปากแทบจะแนบติดกัน…
หัวใจเริ่มเต้นรัวอย่างฉับพลัน
เธอลงจากเตียง สูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่เพื่อให้ตัวเองใจเย็นลง รอที่บ้านอีกสักนิดให้รู้สึกว่าถึงเวลาอันควรแล้วที่จะไม่แสดงให้เห็นว่าตัวเองรีบลงไปนักหนา ถึงได้ออกจากตัวบ้านไปช้าๆ
…………………………………………
เย่เซียวเป็นที่สะดุดตาเหลือเกิน
ไม่ว่าจะเป็นรถกันกระสุนคันใหญ่ของเขาหรือรูปร่างสูงกับใบหน้าที่ไร้ที่ติของเขาก็ตาม
กลางคืนดึกดื่นแบบนี้เขายืนพิงตัวรถสีหน้าเย็นชาแต่กลับดึงดูดสายตาไม่น้อยจากคนเดินผ่านไปมา ไป๋ซู่เย่ออกจากลิฟต์แค่แวบเดียวก็เห็นเขาแล้ว
เพราะสถานะที่ไม่ธรรมดาที่อยู่ของไป๋ซู่เย่จึงเป็นความลับ อย่างน้อยก็ไม่เคยทิ้งข้อมูลให้กับคนภายนอกแต่เป็นเรื่องง่ายหากเย่เซียวต้องการตามหาเธอ ผู้ชายคนนี้เก่งกาจเสียจนเหมือนไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้
“ทำไมนานขนาดนี้?” เขารอจนหงุดหงิดเต็มที
“นอนแล้ว จะลุกอีกทีเลยยากนิดหน่อย” เธอแกล้งหาวหวอดทีพลางถาม “คุณมาหาฉันตอนนี้ มีอะไรเหรอ?”
สายตาเย่เซียวเลื่อนผ่านตัวเธอจากหัวจรดเท้า
ครั้งเดียวสายตาคู่นั้นก็ล้ำลึกขึ้น
“อาบน้ำแล้ว?” เธอล้างเครื่องสำอางออกเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ไม่เหลือคราบความเย้ายวนกับท่าทางแข็งกร้าวนั่น ดูเหมือนเด็กสาววัยขบเผาะมากกว่า
“…อืม”
“ยา ทาหรือยัง?”
“…” ไป๋ซู่เย่หน้าแดงปลั่ง เขามาที่นี่คงไม่ใช่เพื่อถามสิ่งนี้กับเธอหรอกนะ?
“ทาแล้วหรือยังไม่ได้ทา?”
“ลืม”
สีหน้าเย่เซียวดูไม่ดีเท่าไร หากไม่ทายาตามเวลา หนึ่งสัปดาห์จะหายขาดได้อย่างไร?
เขาฉุดแขนเธอเดินเข้าในตึกทันที เห็นได้ชัดว่าเขารู้ดีว่าเธอพักอยู่ชั้นไหน ปลายนิ้วถึงได้กดเลขชั้น ‘10’ ไปอย่างนั้น
ไป๋ซู่เย่ก้มมองมือใหญ่ที่กุมข้อมือตัวเองอยู่แวบหนึ่ง ฝ่ามือของเขาอุ่นร้อนปลายนิ้วแข็งแรง
เธออดนึกถึงเมื่อสิบปีก่อนไม่ได้ ตอนนั้นพอได้เจอเย่เซียวก็คิดทันทีว่าผู้ชายแบบนี้ต่างหากถึงจะนับได้ว่าเป็นต้นแบบของผู้ชายอย่างแท้จริง
สูงใหญ่ หล่อเหลา เด็ดขาด สุขุม เหมือนมีกลิ่นฮอร์โมนรุนแรงแผ่ออกมาจากทั้งตัว คงไม่แพ้นายแบบหรือนักแสดงหนุ่มในวงการบันเทิงเหล่านั้นหากมายืนตรงหน้าผู้ชายคนนี้
“มองอะไร?” เย่เซียวก้มหน้าพบว่าเธอกำลังก้มหน้าจ้องมือของตัวเองอยู่ “คิดแผนอะไรอีก?”
เธอหลุดจากภวังค์ “เปล่า คุณทำฉันเจ็บ”
เธอแสร้งทำท่าใจเย็นแล้วบิดข้อมือตัวเองให้หลุดจากการกอบกุมของเขาเงียบๆ ก่อนจะนวดข้อมือไปมาเป็นท่าประกอบ
ฝ่ามือโล่งเปล่า ความอุ่นร้อนหายไปเหลือเพียงความเย็นที่เข้ามาแทนที่ เย่เซียวไม่มองเธออีกแค่มองไปตรงหน้าอย่างเย็นชา เอามือซุกล้วงกระเป๋า
ตลอดทางไร้บทสนทนาใดๆ อีก
ดีที่ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงหน้าห้องเธอนิ่ง
“เอากุญแจเปิดประตู” เย่เซียวพูดสั่งเหมือนปกติ
“คุณไม่ต้องเข้าไปจะดีกว่า ห้องฉันรกนิดหน่อย” ไป๋ซู่เย่ไม่อยากให้เขาเข้าไป และไม่รู้ว่าเขาต้องการเข้าไปทำอะไร ชายหญิงอยู่กันสองต่อสองรวมถึงความใกล้ชิดในห้องเมื่อครู่ เธอไม่มั่นใจว่าเขาจะทรมานตัวเธอเหมือนสองครั้งก่อนอีกหรือเปล่า
“คุณซ่อนผู้ชายคนอื่นไว้ในห้องเหรอ?”
“จะคิดอย่างนั้นก็ได้” ในเมื่อไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
เย่เซียวถลึงตาใส่เธอแวบหนึ่งและคร้านจะพูดต่อ ได้แต่ยื่นมือล้วงพวงกุญแจจากกระเป๋าบนของเธออย่างเป็นธรรมชาติ
ไป๋ซู่เย่ยื่นมือคิดจะแย่งกลับแต่เย่เซียวยกแขนขึ้นถอยหลังหนึ่งก้าว เธอไม่ทันตั้งตัวเลยปะทะกับอกเขา เพราะยังเมาค้างเล็กน้อยไม่ได้มีสติครบถ้วนจึงทรงตัวได้ไม่ดีเหมือนปกติ ร่างผอมบางโงนเงนแต่ถูกเขาเกี่ยวรั้งมาในอ้อมแขน
“คุณจงใจ?” สายตาของเขาเย็นชาเช่นเคย
เขามีเหตุผลที่จะสงสัย เมื่อก่อนผู้หญิงคนนี้เคยใช้วิธีนี้มาไม่น้อย
ถูกชายหนุ่มกอดเข้าเต็มเปาปล่อยไออุ่นแผ่ซ่านมาป่วนให้เธอใจเต้นรัว พอได้ยินคำถามเขาเธอแอบรู้สึกเคืองเล็กน้อย “จงใจน่ะสิ ทั้งที่รู้อยู่แล้วคุณยังหลงกล กอดแน่นขนาดนี้อีกเหรอ?”
เย่เซียวก้มหน้ามองเธอ
เธอถูกจ้องมองจนเริ่มทำตัวไม่ถูกขึ้นมา แสงไฟเหนือหัวสลัวๆ แต่ดวงตาของเขากลับร้อนรุ่มอย่างชัดเจน เธอรู้สึกถึงอันตรายจึงใช้มือดันตัวเขา “เย่เซียว คุณปล่อยฉันก่อน…”
เขาไม่เพียงไม่ปล่อยมือแต่กลับกระชับแขนให้แน่นขึ้น มือใหญ่แตะเอวเธอดันตัวอ่อนนุ่มของเธอแนบชิดตัวเอง “เมื่อกี้ในห้อง…คุณจ้องผมตลอด คิดจะทำอะไรผม?”
“…” ไป๋ซู่เย่หน้าแดงระเรื่อมากกว่าเดิม
………………………………………………..