อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 629
เธอรู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องการทำอะไรแต่ฟังจากน้ำเสียงเย่เซียวแล้ว คิดว่าเขาก็รู้ดี
ฉะนั้น…
หรือว่าความคิดเธอที่อยากจูบเขาก่อนหน้ามันฉายบนหน้าทั้งหมดเลย?
“…ฉันจ้องคุณตั้งแต่เมื่อไหร่? ฉันไม่ได้จ้องคุณ และไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณ คุณอย่าหลงตัวเองหน่อยเลย กลับเป็นคุณต่างหากที่ตอนนี้…เหมือนอยากทำอะไรฉันมากกว่า…”
เดิมทีเสียงไม่ดังไม่เบามากแต่พูดถึงประโยคสุดท้ายที่ได้สบตาเขา เสียงของเธอเบาลงเรื่อยๆ เบาลงเรื่อยๆ…
ไม่กี่คำสุดท้ายแม้แต่เธอเองยังไม่ได้ยิน
ได้ยินเพียงเสียงของเย่เซียวที่ดังเข้าโสตประสาท “คุณไม่ได้รู้สึกไปเอง ผมอยากทำอะไรคุณจริงๆ…”
เสียงของเขายิ่งเซ็กซี่กว่าปกติในยามค่ำคืน ทุกคำกระแทกหูของเธอเหมือนรัวกลองและแทรกซึมเข้าไปในหัวใจ
ภายใต้บรรยากาศอันเงียบเชียบ ไป๋ซู่เย่สามารถได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะของตัวเองดัง ‘ตึกตัก ตึกตัก’
ทั้งที่กลัวจะเลยเถิดกับเขาเพราะประสบการณ์ทั้งสองครั้งของก่อนหน้าที่ทำเอาเธอหวั่นใจอยู่ลึกๆ แต่หัวใจที่เต้นรัวกลับชัดเจนเสียขนาดนั้น
เธอกำลังคาดหวังอะไรอยู่?
เธอไม่อยากคิดไปมากกว่านี้…
ขณะที่ความคิดกำลังตีกันอยู่หน้าของเย่เซียวขยับเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น…ยิ่งอยู่ยิ่งใกล้…
เมื่อลมหายใจรดรินใบหน้า ยังไม่ทันแตะต้องตัวเธอ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจทั้งดวงแทบจะหลุดเต้นออกจากอก ความคิดในหัวเละเป็นโจ๊กและไม่แน่นิ่ง
เมื่อริมฝีปากของเขาใกล้จะแตะสัมผัส ประตูข้างๆ ก็ดังขึ้น ‘แกร๊ก’
คุณย่าข้างบ้านกำลังจะออกมาทิ้งขยะ เห็นเธอและเห็นเย่เซียวกำลังกอดเธออยู่ในเวลาเดียวกัน ไป๋ซู่เย่เผลอแสดงสีหน้าอัดอั้นทำตัวไม่ถูก ผลักเย่เซียวออกให้ตัวเองก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพื่อรักษาระยะห่างจากเขา
คุณย่ามองพวกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณไป๋ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอนเหรอ?”
“อา…ค่ะ” เธอรู้สึกอึดอัดอย่างมาก เย่เซียวที่ยืนอยู่ข้างๆ กลับยังคงสีหน้าเย็นชาดังเดิม ไป๋ซู่เย่กังวลจริงๆ ว่าเขาจะทำให้คนแก่ตกใจ…
“แฟนเหรอ? เมื่อก่อนไม่เคยเจอเลย หล่อเท่นะเนี่ย ตัวสูงจริงๆ” คุณย่าท่าทางใจดี
“คะ?” ไป๋ซู่เย่นิ่งไปเพราะคำว่า ‘แฟน’ จากคนสูงวัย พอได้สติมาอีกทีก็รีบส่ายหัวอธิบาย “ไม่ใช่ค่ะ เขาเป็นแค่เพื่อนทั่วไปคนหนึ่งของฉัน…อื้อ”
ยังไม่ทันพูดจบประโยคดี ปากก็ถูกปิดปาก คำสุดท้ายที่ไม่ทันเอ่ยออกมาถูกชายหนุ่มกลืนลงท้องไปเสียก่อน
“อื้อ เย่เซียว…” เธอดันไหล่หนากว้างของเขา พยายามตั้งสติไม่ให้เคลิ้มไปกับจูบครั้งนี้
ต้องรู้ว่าตอนนี้ยังมีคนแก่คนหนึ่งดูอยู่
แต่เย่เซียวกลับไม่คิดจะสนใจ เดิมทีสายตาของคนรอบข้างจะเป็นอย่างไรไม่ได้มีส่วนสำคัญต่อเขาอยู่แล้ว
คุณย่าเห็นภาพที่พวกเธอกอดจูบด้วยกันก็ยิ่งยิ้มกว้าง ส่ายหัวพูด “วัยรุ่นนี่ดีจังเลยนะ…”
เธอพูดแล้วถือของหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง
ชั้นนี้มีทั้งหมดสี่ครอบครัว เย่เซียวยืนจูบตัวเองอยู่บนทางเดินแบบนี้ไป๋ซู่เย่กลัวเพื่อนข้างบ้านจะเห็นเข้าจึงไม่ได้จดจ่อกับจูบนี้ เธอผลักเขาสองทีเขายังคงนิ่งไม่กระเทือนสักนิด เธอเริ่มหงุดหงิดจนต้องอ้าปากกัดเขา
รู้สึกเจ็บเย่เซียวถึงก้าวถอยหลังไปหน่อย ใช้สายตาจ้องเธอนิ่งและยิ่งทวีความรุกล้ำหนักกว่าเดิมคล้ายราชสีห์ในทุ่งหญ้า
“กัดผมเหรอ?” เขาไล้ปลายนิ้วโป้งวนรอบปาก รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของเธอที่ติดอยู่บนนั้น เขาผ่อนลมหายใจลง ใช้สายตาเร่าร้อนจ้องเธออย่างกดดัน “คุณกล้าบอกว่าคุณไม่อยากทำแบบนี้กับผมตอนอยู่ในห้องนั้น?”
“เย่เซียว คุณยังหลงตัวเองเหมือนเดิมไม่มีผิด”
“แต่คุณน่าแค้นใจกว่าเมื่อก่อนเยอะ!” เขาพูดจบก็รั้งตัวเธอเข้าไปกอดอีกครั้ง โน้มหน้าลงงับปากเธอไม่บอกไม่กล่าว คราแรกเขาอยากบังคับให้เธอยอมรับด้วยวิธีป่าเถื่อน ยัยผู้หญิงน่าขุ่นเคืองคนนี้ต่อให้เขาใช้วิธีป่าเถื่อนกับเธอมากแค่ไหน ไม่รู้จักทะนุถนอมมากเพียงใดก็ถือว่าสมน้ำหน้าเธอ! เธอมีค่าพอที่จะถูกปฏิบัติอย่างอ่อนโยนตั้งแต่เมื่อไร?
ทั้งที่คิดอย่างนี้แต่พอได้ลิ้มรสชาติหอมหวานด้วยปากนั้น เรี่ยวแรงแข็งขืนในทีแรกก็ผ่อนเบาลง
ฉับพลันคิดอยากจะลิ้มรสชาติเธอทั้งตัว…
ลิ้มรสชาติที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาในตลอดสิบปีนี้…
ตอนแรกไป๋ซู่เย่ยังท้วงความป่าเถื่อนของเขาแต่พอจู่ๆ เขาอ่อนโยนขึ้นมาเรียกให้หัวใจเธอสั่นไหว แรงขัดขืนทั้งหมดแห้งเหือดไปไร้ร่องรอยอย่างน่าโกรธ มีบางคนราวกับไม่รู้จักคำว่าอ่อนโยนมาก่อนแต่พออ่อนโยนขึ้นมาทีกลับทำให้คนตั้งรับไม่ไหว
สัมผัสอ่อนนุ่มเปียกชื้นตรงปากทำให้เธอรู้สึกอ่อนยวบไปทั้งตัว สองขาหมดแรง เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นท่อนไม้ที่กำลังลอยอยู่บนผิวน้ำกลางทะเลอย่างไม่ได้รับการช่วยเหลือ เผลอโอบลำคอเขาโดยไม่รู้ตัว
การกระทำเล็กน้อยของเธอนี้ทำให้เย่เซียวหายใจรุนแรงขึ้น จูบครั้งนี้ยิ่งร้อนแรงมากกว่าเดิมราวกับกองไฟที่กำลังลุกโชน
ไป๋ซู่เย่รู้สึกแสบจมูกขึ้นมาแปลกๆ จูบนี้ห่างหายกันไปนานเท่าไรแล้ว? หลังกลับมาเจอกันในสิบปีให้หลังใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยจูบกัน เขายังเคยดูถูกเธอไว้ว่าจูบแย่ แต่ความหมายของจูบตอนนั้นกับตอนนี้กลับแตกต่างอย่างชัดเจน
จูบเหล่านั้นดุเดือดไร้มารยาท เป็นการลงโทษ เป็นการระบาย ไม่เหมือนตอนนี้…
เย่เซียวมีสติตลอดแต่พอเจอผู้หญิงคนนี้ สติอะไร การควบคุมตัวเองอะไร หายไปหมดแล้ว! เขาหายใจหนักหน่วงจูบเธอ ดันเธอติดประตูแล้วจูบต่อ…
ไป๋ซูเย่ถูกจูบจนสติเลอะเลือนดวงตาเคลิบเคลิ้มน้ำตาคลอหน่วย แต่ยังคว้าสติฟางสุดท้ายไว้ หอบหายใจกล่าว “เย่เซียว…กุญแจ…”
เย่เซียวล้วงกุญแจเสียบในรู ลองหลายครั้งถึงเสียบถูก ขณะที่เปิดประตูปากของเขาไม่ผละออกห่างจากปากเธอเลยแม้แต่วินาทีเดียว กระทั่งเปิดประตูได้เขานำหน้าเข้าไปก่อนกระชากตัวเธอเข้าไปแล้วปิดประตู ดันเธอหลังติดประตูจูบอย่างหนักหน่วงต่อ ดูดดุน…
พวกเขาสองคนแค่จูบกันเท่านั้น
จูบนี้คล้ายต้องการชดเชยจูบที่เขาขาดไปสิบปีกลับมาให้หมดในคราเดียว จูบจนทั้งคู่ต่างถูกมอมเมาไปกับมัน จูบจนตัวเกร็งเจ็บแน่นไปหมดแต่ก็ยังไม่ผละออกอยู่ดี
ไป๋ซู่เย่แทบยืนไม่ไหวแล้ว สองมือต้องจับแขนสองข้างของเขาที่ยันอยู่ข้างๆ ถึงจะทรงตัวได้ เธอถึงกับคิดว่าจูบนี้จะดำเนินไปจนฟ้าดินสลาย
กระทั่ง…
ริมฝีปากถูกเขาจูบจนบวมแดงและถลอกเล็กน้อยเย่เซียวถึงผละออกจากปากเธอ ดวงตาล้ำลึกของเขาฉายแววอันตราย ยังคงจับจ้องกลีบปากเธออย่างใจจดใจจ่อ
เหมือนเช่นนี้จะยังไม่พอ…
ไป๋ซู่เย่กัดปากล่างที่แดงฉ่ำ รู้สึกว่าตรงนั้นทั้งชาและเจ็บหน่อยๆ เธอกดนิ้วไว้ที่ปาก “คุณ…ถอยหลังหน่อย”
เสียงติดสั่นเครือเล็กน้อย
เย่เซียวรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะวางยาปลุกเซ็กส์เขาแน่ๆ ไม่อย่างนั้นตัวเขาที่ยังไร้ความสนใจต่อผู้หญิงห้าคนนั้นอยู่เมื่อสักครู่ทำไมจู่ๆ ถึงได้ระเบิดความต้องการเหมือนสัตว์ป่าดุร้ายยามเห็นเธอได้ล่ะ?
……………………………………………