อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 633
อีกฟากหนึ่ง
ถังซ่งไม่ได้จดจ่อกับมื้ออาหารสักนิด มัวแต่แอบถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา
“เป็นอะไร?”คู่ควงมองไปทิศทางที่เขาแอบถ่ายรูปซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วถามอย่างฉงน “ทำไมต้องถ่ายพวกเขาตลอดเลย?”
“เธอไม่รู้อะไรที่รัก ทานข้าวของเธอไปนะ”
ถังซ่งปลอบหญิงสาวอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะโทรออกไปยังเบอร์หนึ่ง
รอสักพักอีกคนก็รับสาย “มีธุระเหรอ?”
“เย่เซียว ตอนนี้ฉันกำลังทานข้าวอยู่เมืองเยวี่ย”
ตอนนี้เย่เซียวกลับถึงบ้านแล้วและกำลังทานข้าวมื้อเย็นกับน่าหลัน ได้ยินเสียงถังซ่งจึงตอบด้วยอารมณ์เรียบนิ่ง “ฉันไม่มีอะไรที่ต้องการรู้”
“นายนี่ใจร้ายจริงๆ แต่ว่าฉันคิดว่าคำพูดต่อไปนี้ของฉัน นายจะต้องสนใจมากแน่ๆ”
เย่เซียวคร้านจะตอบกลับเขาแม้แต่คำเดียวก็ตาม ปล่อยให้เขาพูดเองเออเอง
“นายรู้ไหมว่าเมื่อกี้ฉันเจอใครที่ร้านอาหารร้านนี้? เจอซู่ซู่ของนาย ไม่สิ ตอนนี้เป็นคนของคนอื่นไปแล้ว”
เย่เซียวที่กำลังทานอาหารอยู่ชะงักมือไปเล็กน้อยแต่ยังไม่พูดอะไร ได้แต่รอให้ถังซ่งพูดต่อ
“เธอน่ะตอนนี้กำลังเดตกับผู้ชายคนหนึ่งอยู่ อีกฝ่ายดูไม่แย่เลยนะ อ้อ มอบช่อดอกไม้ให้เธอด้วย ทั้งสองคนนั่งด้วยกันมันสบายตาจริงๆ เลยนะ ถ้าให้ฉันพูดล่ะก็ ฉันรู้สึกว่าแววตาในการเลือกผู้ชายของเธอไม่เลวเลย”
เย่เซียวที่อยู่ทางนี้หายใจหนักอึ้งขึ้นมาก ตัดสายทิ้งโดยไม่คิดจะฟังต่อ
กระแทกโยนใส่โต๊ะแรงๆ
ถังซ่งพูดเองเพียงลำพังอยู่ครู่ใหญ่แต่สิ่งที่ตอบกลับเขาเหลือเพียงเสียง ‘ตู๊ดๆ’ เขาจิ๊ปากที “ไม่มีความอดทนเลย ฉันยังไม่ทันส่งรูปเลย!”
……………………
น่าหลันกำลังกินน้ำซุป ขณะที่เขาโยนโทรศัพท์ใส่โต๊ะจนเกิดเสียงดังกระแทกหูนั้น เธอสะดุ้งเฮือกจนแทบทำช้อนน้ำซุปหลุดมือ
ลอบสังเกตสีหน้าของเขาก่อนจะรู้สึกเกร็งไปตามๆ กัน คนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่ข้างๆ รวมถึงอาชิงล้วนกลั้นหายใจในชั่วพริบตา
บรรยากาศในห้องอาหารอึดอัดเสียจนแทบหายใจไม่ทั่วท้อง
โทรศัพท์ของเขาสั่นอีกหลายที
เขาหยิบไปดูผ่านๆ ตา เป็นรูปถ่ายที่ส่งมาจากถังซ่ง
รูปทุกใบทำให้สีหน้าของเขาถมึงทึงขึ้นทีละนิดๆ ให้ความรู้สึกเหมือนจะมีลมพายุซัดผ่านมาในไม่นาน
เย่เซียวหยิบโทรศัพท์ค้นหาเบอร์ผู้ติดต่อก่อนจะเจอเบอร์โทรที่เห็นผ่านตาครั้งเดียวก็จำจนขึ้นใจได้อย่างน่าแปลก หมายจะโทรออกแต่สุดท้ายกลับชะงักมือ ได้แต่โยนโทรศัพท์ทิ้งไปไกลอีกครั้ง
โทรศัพท์ไถลไปไกลบนโต๊ะ น่าหลันกลัวโทรศัพท์จะตกพื้นจึงรับโทรศัพท์ของเขาไว้ให้ ซึ่งชั่วขณะนั้นเองเพียงแวบเดียวก็เห็นชื่อผู้ติดต่อที่เด่นหราบนจอนั่น
ไป๋ซู่เย่
ที่แท้…เธออีกแล้ว…
หน้าอกบีบรัดแน่น
“เย่เซียว”รอผ่านไปครู่หนึ่งในที่สุดก็เอ่ยปากเบาๆ
“หืม?”
“อารมณ์ไม่ดีเหรอ?”
“…เปล่า”ปากบอกไม่แต่ใบหน้าที่เรียบตึงนั่นบ่งบอกอารมณ์ในตอนนื้ทั้งหมด
“งั้น…คุณจำได้ไหมว่าอีกสองวัน เป็นวันอะไร?” น่าหลันยิ้มมองเขา รอยยิ้มสดใสร่าเริง
เย่เซียวหยุดคิดเพียงครู่ก็จำได้ทันที
“วันเกิดครบสิบเก้าปีของคุณ”
น่าหลันรู้สึกอิ่มเอมใจมากเพราะเขายังจำวันเกิดตัวเองได้ ความรู้สึกบีบรัดในใจเมื่อครู่จางหายไปอย่างมาก เธอเริ่มลังเลและถามหยั่งเชิง “งั้น…อีกสองวันคุณว่างไหม? ฉันอยากไปพักผ่อนที่ริมทะเลมาตลอด ถ้าคุณว่าง เราไปด้วยกัน ได้ไหม?”
เย่เซียวในอดีตไม่มีทางปฏิเสธ
แต่ครั้งนี้กลับตอบว่า “ค่อยว่ากันอีกที”
คำตอบสั้นๆ ที่เด็ดขาดและเย็นชา
เธอรู้สึกว่าหัวใจทั้งดวงดำดิ่งลงเหวอีกครั้ง แม้เขาจะบอกเธอว่าไป๋ซู่เย่เป็นเพียงศัตรู แต่…หลังจากศัตรูคนนี้ปรากฏตัว เขาก็เปลี่ยนไปราวกับคนละคน…
…………………………
เพื่อเป็นการเอาใจเธอ เดิมทีอวิ๋นช่วนอยากจะชวนเธอไปชมนิทรรศการภาพวาดตอนกลางคืน แต่ไป๋ซู่เย่ใช้เหตุผลที่ว่า ‘งานยุ่งทั้งวันเลยเหนื่อยนิดหน่อย’ เป็นการปฏิเสธแทน
“งั้นผมไปส่งคุณกลับเอง” ยังดีที่อวิ๋นช่วนไม่ได้ไล่ตามติดจนเกินไป
“ไม่เป็นไร ฉันขับรถมาเอง”
“ก็ได้ แต่คุณน่าจะให้ผมไปส่งคุณขึ้นรถนะ”
ไป๋ซู่เย่พยักหน้ารับโดยไม่ปฏิเสธอีกเป็นครั้งที่สอง กอดช่อดอกไม้เดินออกจากร้านอาหาร
ตอนออกจากร้านอาหารท้องฟ้ามืดแล้ว คนเก็บรถเดินมาส่งกุญแจ เธอนั่งลงฝั่งคนขับพลางโบกมือลากับอวิ๋นช่วน กำลังจะสตาร์ทรถไป
“เฮ้ รอผมก่อน”
เสียงถังซ่งดังขึ้นฉับพลัน ยังไม่ทันตั้งตัวประตูฝั่งข้างคนขับถูกเปิดออก ถังซ่งกอดช่อกุหลาบก่อนหน้าไว้ด้วยใบหน้ายิ้มคิกคัก เจ้าตัวนั่งลงเบาะข้างคนขับอย่างเคยชิน
ไป๋ซู่เย่มองเขาด้วยความสงสัย “ทำไม?”
“ขอติดรถไปด้วย คงไม่ว่ากันหรอกนะ? ที่นี่เวลานี้เรียกรถยากจะตาย”
“รถของคุณล่ะ?”
“ให้คนอื่นไปแล้ว สาวคนเมื่อกี้ เธอชอบ ก็เลยให้เป็นของขวัญเลิกกัน”
ไป๋ซู่เย่หลุดขำ สตาร์ทรถยนต์ “ไม่คิดว่าไม่ได้เจอกันสิบปี คุณยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน”
ถังซ่งคาดเข็มขัดแล้วหัวเราะ “ผมว่าคุณต่างหากที่เปลี่ยนไปต่างจากเมื่อสิบปีก่อน”
“ยังไง?”
“ยิ่งอยู่ยิ่งสวย” ถังซ่งใช้สายตามองประเมินเธออย่างมีเลศนัยและร้ายกาจ แต่กลับไม่สร้างความรู้สึกเกลียดชังจากคนถูกมองได้เลย “หุ่นดีกว่าเมื่อก่อนมาก”
“ฉันต้องขอบคุณสำหรับคำชมจากอัจฉริยะหรือเปล่า?” ไป๋ซู่เย่สางผมยาวตรงไหล่คล้ายชินชากับท่าทางเช่นนี้ของเขา โต้กลับอย่างเป็นธรรมชาติ
“มิน่าเย่เซียวถึงได้มาถามหาเทคนิคบนเตียงกับฉัน”
ไป๋ซู่เย่ได้ยินประโยคนี้จากเขาก็เกือบจะเหยียบเบรกหัวทิ่ม เจอไฟแดงเธอถึงหยุดรถทันเฉียดฉิว “นิสัยที่ชอบพูดมั่วของคุณทำไมยังไม่เปลี่ยนอีก?”
“พูดมั่ว? พูดมั่วหรือเปล่า เย่เซียวรู้ดีที่สุด” เขาเป็นคนไม่คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูด “เมื่อวานเขาเพิ่งโทรมาถามผมว่าจะต้องทำยังไงคุณถึงจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมกับเขา”
ไป๋ซู่เย่หน้าร้อนผ่าว
เธอรู้ความสัมพันธ์ของเย่เซียวกับถังซ่งดีว่ามีอะไรก็พูด
แต่…
ไม่คิดว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันกลับปรึกษาเรื่องนี้กันด้วย
อีกอย่างวันนั้นที่เธอบ่นเรื่องเทคนิคของเย่เซียวแย่ ดูเหมือนเขาจะเก็บไปคิดมากจริงๆ ด้วย
“คุณรู้ไหมว่าภายหลังผมสอนเขายังไง?”
“…”ไป๋ซู่เย่จะตอบรับก็ไม่ใช่ ไม่ตอบรับก็ไม่ใช่ แต่แอบสงสัยด้วยจริงๆ
“ผมเรียกสาวๆ สุดเซ็กซี่ให้เขาห้าคน ให้พวกเธอสอนเขา แต่เจ้าหมอนั่นอะไรก็ช่วยไม่ได้แล้ว ไม่เรียนไม่ว่าแต่กลับหักแขนคนหนึ่งเพราะผู้หญิงคนนั้นจับตรงนั้นของเขานิดเดียว คุณว่าเขาโหดเหี้ยมเกินไปหรือเปล่า?”
ไป๋ซู่เย่คอยฟังอยู่และในที่สุดก็ตอบรับคำพูดเขา “ที่คุณพูดคงไม่ใช่ที่เรียกให้เขาเมื่อคืนหรอกนะ?”
“ก็เมื่อคืนนั่นแหละ”
ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง
“ฉะนั้น…สุดท้าย เขาก็ไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย?”
“เรียนบ้าอะไรล่ะ! ผมเพิ่งไปเข้าห้องน้ำแป๊บเดียว กลับไปผู้หญิงทั้งสี่ห้าคนก็หนีเขาไปหลบอยู่มุมเพราะกลัวแล้ว”
………………………………………………..