อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 643 กลับสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง (3)
เย่เซียวดึงแขนเธอก้าวเดินอย่างไว พอออกมาเห็นหยูอันยืนรออยู่นอกงานแต่ไกล หยูอันทำหน้าตกใจเมื่อเห็นพวกเขาออกมา
“นายท่าน”
“เอากุญแจให้ฉัน” เย่เซียวตอบกลับสั้นๆ ไม่ได้ให้คำอธิบายไปมากกว่านี้
เห็นสีหน้าถมึงทึงของเขาหยูอันไม่กล้าพูดอะไรได้แต่เอากุญแจรถให้เขา เขาฉุดกระชากไป๋ซู่เย่ไปยังรถกันกระสุน
“เย่เซียว เดี๋ยวก่อน ฉันไม่ขึ้นรถไปกับคุณนะ!” เธอแอบหวังว่าเขาจะยังหลงเหลือสติอีกเพียงนิด
แต่เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ!
“ตอนที่ผมบอกจะเอาคุณ คุณมีสิทธิ์แค่อ้าขารอ คุณมีสิทธิ์ปฏิเสธตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่เซียวพูดทุกประโยคได้อย่างใจร้ายเหลือเกิน คล้ายจะมองเธอเป็นของเล่นที่ไม่มีชีวิตจริงๆ
เขาไม่ได้หรี่เสียงให้เบาลงจึงทำให้ลูกน้องข้างๆ ได้ยินกันถ้วนหน้า ไป๋ซู่เย่ยิ่งทวีความคุกรุ่น เจ้าตัวถูกอีกฝ่ายยัดเข้าไปในรถเหมือนถุงกระสอบ เธอบิดตัวอยากจะกระโดดลงรถ เย่เซียวปรายตาเย็นชามองเธอแวบหนึ่ง “ถ้าคุณกล้าลงรถ ผมไม่รังเกียจที่จะเล่นกับคุณตรงนี้ คุณเลือกได้”
“…”
ไป๋ซู่เย่ไม่กล้าขยับ เย่เซียวเป็นคนที่ทำทุกอย่างได้
เธอหดตัวกลับไปเหมือนเดิม
เย่เซียวไม่ได้ให้ลูกน้องตามมา รถยนต์พุ่งทะยานออกไปและไป๋ซู่เย่คาดเข็มขัดเงียบๆ ไม่พูดอะไร
ภายในรถอึดอัดอย่างมาก อึดอัดจนหายใจไม่ออก เธอรู้ว่าคืนนี้ไม่ว่าอย่างไรเธอก็หนีไม่พ้น เย่เซียวไม่มีทางปล่อยเธอแน่
เย่เซียวเหมือนอดใจที่จะให้บทเรียนเธอแทบไม่ไหวหรือว่าต้องการเธอ ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์โกรธหรือความต้องการที่ร่างกายอดทนถึงขีดจำกัด เขารอขับรถกลับไปไม่ได้ด้วยซ้ำ พลางหาโรงแรมที่ใกล้ที่สุดแล้วจอดรถ
…………………………
ภายในงานเลี้ยง
ไฟสว่างอีกครั้ง เสียงดนตรีคลอเคล้าไปทั่วงาน
น่าหลันกับอวิ๋นช่วนกวาดมองรอบข้างแต่ไม่มีคนที่หาอยู่ อวิ๋นช่วนมึนงงไปชั่วอึดใจเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คิดว่าเธอไปห้องน้ำหรือเปล่า
แต่น่าหลันที่หาเย่เซียวไม่เจอ หัวใจกลับหนักอึ้ง
ยิ่งหันกลับไปแล้วไม่เจอเงาไป๋ซู่เย่ เธอจับชายกระโปรงขึ้นสับเท้าเดินไปข้างนอกอย่างไม่รอช้า
นอกงาน
พวกหยูอันยังคอยอยู่ เห็นน่าหลันที่รีบเร่งเดินมา เขาลงจากรถก้าวมาหา
“คุณน่าหลัน”
“เย่เซียวล่ะ?” น่าหลันถาม
“นายท่านขับรถไปแล้ว”
“กับเธอเหรอ? กับไป๋ซู่เย่!”
หยูอันเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายก็พยักหน้ารับ น่าหลันแสบจมูกก่อนที่หยดน้ำตาจะร่วงลงมาในทันที เธอรู้สึกตัวเองเป็นเหมือนตุ๊กตาที่ถูกทอดทิ้ง เย่เซียวไม่สนใจเธอสักนิด เธอมักจะหลอกตัวเองเสมอ ย้ำเตือนตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าเขามีนิสัยอย่างนี้ กับใครก็เหมือนกัน แต่เป็นก่อนที่ไป๋ซู่เย่จะยังไม่ปรากฏตัว
พอเธอปรากฏตัว ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป!
“คุณน่าหลัน ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวทุกคนจะออกมาแล้ว” หยูอันเปิดประตูรถมองเธออย่างนึกสงสารวูบหนึ่ง อย่างไรเสียเธออายุเพียงสิบแปด ยังเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งเท่านั้น
น่าหลันรู้ว่าเธอเสียมารยาทแล้วแต่ดันควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เธอก้าวขึ้นรถนั่งอยู่ในนั้น ในหัวมีแต่ภาพที่เย่เซียวอยู่กับไป๋ซู่เย่ ตอนนี้พวกเขากำลังทำอะไร? ตอนนี้เธอกลับไปจะเห็นพวกเขาบนเตียงพอดีใช่ไหม?
นึกถึงภาพเหล่านั้นมือที่กำชายกระโปรงอยู่ก็บีบแน่นถึงขั้นกระโปรงเกิดรอยยับเป็นชั้นๆ
…………………………
ไป๋ซู่เย่มองโรงแรมตรงหน้า ความจริงเธอรู้สึกโชคดี โชคดีที่เขาไม่ได้กลับไปบ้านหลังที่มีน่าหลันอยู่ด้วย
ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้ก็คงต้องยอมรับมัน เธอใส่เสื้อตัวนอกเขาลงจากรถ ซึ่งเย่เซียวได้เช็คอินและหยิบการ์ดห้องชุดไว้เรียบร้อย
เขาทำหน้าบึ้งตึงมาตลอดทาง เดินไปทางไหนก็เหมือนเป็นตาพายุลูกใหญ่ เดิมทีมีแขกหลายคนจะขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับพวกเขา แต่หลังจากเห็นสีหน้าเย่เซียวต่างก็ล้วนยิ้มเก้อ ถอยออกไปกล่าวกับไป๋ซู่เย่ “เราจะรอรอบต่อไป”
ไป๋ซู่เย่ถอนหายใจพยักหน้าแล้วกดปิดประตูลิฟต์
ผู้ชายคนนี้สีหน้าน่ากลัวมากจริงๆ คิดว่าแม้แต่ภูตวิญญาณยังต้องเลี่ยง
ในบริเวณอันคับแคบของลิฟต์บรรยากาศรอบตัวอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก แทบทำเอาคนหายใจไม่ออก
ฉะนั้นยามเสียงโทรศัพท์เธอดังขึ้นจึงกระแทกหูอย่างมาก เธอล้วงโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าใบเล็ก หน้าจอแสดงชื่อ ‘อวิ๋นช่วน’ ทำให้เธอนิ่งงัน คิดในใจว่าเย่เซียวยังอยู่ข้างๆ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้กดรับสาย หากเขาเอาแต่ใจอย่างไร้เหตุผลขึ้นมาสถานการณ์มีแต่จะซับซ้อนมากขึ้น
เสียงโทรศัพท์ไม่ดังขึ้นอีกเลย
เธอกำลังจะเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าถืออีกครั้งแต่จู่ๆ ก็ถูกเย่เซียวตะครุบข้อมือไว้ ออกแรงดึงเธอกระแทกหน้าอกเขา ชายหนุ่มใช้มือข้างเดียวโอบเอว อีกมือสอดเข้าใต้กระโปรงเธออย่างไม่เกรงใจ
“ทำไมไม่รับสาย? รู้สึกผิดเหรอ?”
“นี่มันที่สาธารณะ” ไป๋ซู่เย่เตือนเขาแล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อสูทบนตัว มือคอยห้ามมือที่อยู่ไม่นิ่งของเขา “เย่เซียว คุณช่วยให้เกียรติฉันหน่อย”
“ให้เกียรติ?”เย่เซียวตาขุ่นลงอีกนิดเหมือนเธอเพิ่งพูดเรื่องที่น่าขำออกมา “สิบปีก่อนตอนคุณปั่นหัวผมเหมือนลูกไก่ในกำมือ ตอนที่คุณเหยียบย่ำหัวใจที่ผมมอบให้คุณอย่างไม่ปรานี คุณเคยคิดจะมาให้เกียรติผมบ้างไหม?”
ไป๋ซู่เย่ไร้คำโต้กลับทันควัน
หากเอาความผิดในอดีตมา เธอจะตกเป็นรองเขาเสมอไปและไม่สามารถยืดอกสู้หน้าได้ตลอดไป
เย่เซียวเกลียดเธอที่ไม่ตอบโต้ เขาดันเธอติดกำแพงลิฟต์ทันที ขบกัดคอเธออย่างนึกแค้น ไล่ลงมาที่ไหปลาร้า ลงมาเรื่อยๆ
…
“อือ เย่เซียว…อย่า…”
ไป๋ซู่เย่เปล่งเสียงจากลำคอ อยากผลักเขาออกแต่เวลาเขาโกรธขึ้นมา เรี่ยวแรงของเธอไม่ได้ช่วยอะไรเลย
“เจ็บไหม? หืม?” เขาดูดดุน งับใบหูเธอ หายใจหอบหนัก ดวงตาขุ่นมัว “ไป๋ซู่เย่ บอกผมมาว่าเจ็บไหม”
ไป๋ซู่เย่ไม่ใช่คนที่กลัวเจ็บ สนามรบ ระหว่างการฝึกซ้อมเธอเคยบาดเจ็บมามากเท่าไร? แต่กระทั่งตอนนี้เธอถึงรู้ว่าพอเป็นความเจ็บที่เย่เซียวเป็นคนมอบให้ตน ต่อให้เป็นเพียงความเจ็บอันน้อยนิดก็จะทวีคูณหลายร้อยหลายพันเท่า…
จินตนาการได้เลยว่า…
เมื่อนั้นที่เขาถูกเธอหักหลังและทำร้าย ยากจะอดทนไว้ขนาดไหน
เธอหอบหายใจ ปลายนิ้วดึงเสื้อเชิ้ตตำแหน่งเอวเขา เงยหน้ามองเขาด้วยสายตาประชด “ความเจ็บแค่นี้ เทียบไม่ได้กับที่ฉันทำร้ายคุณหรอกใช่ไหม?”
เย่เซียวได้ยินเธอถามเช่นนี้รู้สึกเพียงว่าคำพูดของเธอจงใจโอ้อวดแกมประชด ย่นคิ้วแน่น ความแค้นพุ่งพรวดเข้ามาในอกเหมือนเปลวไฟ
“ถ้าคุณคิดว่าทำแบบนี้กับฉันแล้วจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้าง เย่เซียว คุณจะทรมานฉันยังไง ก็มาเถอะ…”
“ดีแล้วที่คุณคิดได้อย่างนี้ คืนนี้ต่อให้คุณร้องไห้ขอร้องผม ผมก็ไม่มีทางปล่อยคุณแน่!”
………………………………………..