อรุณสวัสดิ์ ท่านประธานาธิบดีที่รัก! - ตอนที่ 644 กลับสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง (4)
ว่าแล้วเขาก็ช้อนบั้นท้ายเธอเพื่อยกตัวขึ้น ให้สองขาของเธอรัดเอวเขาไว้
รอประตูลิฟต์เปิดออก ผลักประตูเข้าไป เขาดันตัวเธอติดประตูอย่างป่าเถื่อน
ตามด้วยฉีกชุดราตรีที่แทบปกปิดอะไรไม่ได้ออกจากตัวเธออย่างไม่รอช้า
เหมือนสองครั้งก่อนหน้า ไม่ให้โอกาสเธอได้ปรับตัว แทรกตัวเข้ามาในร่างกายที่ไม่มีการเตรียมพร้อมใดๆ เป็นการเอาคืน
…………………………
เจ็บมาก
อาจเป็นเพราะความเจ็บที่จี๊ดขึ้นสมองจึงเหมือนถูกยาชาสะกดตัวไว้ ภายหลังไป๋ซู่เย่ตกอยู่ในสภาพสะลึมสะลือ รู้สึกแค่ว่าตัวเธอถูกเขาทรมานตั้งแต่หน้าประตูยันห้องนอน เย่เซียวหวังให้เธอร้องขอชีวิตอย่างยอมแพ้ แต่เธอเป็นคนดื้อรั้น ยอมแบกรับทุกอย่างเลยไม่ยอมส่งเสียงสักนิด
ปากล่างถูกกัดจนเลือดซึม
มือของเธอจับหัวเตียงแน่น ปลายนิ้วเสียดสีจนเลือดออกเพราะจับแรงเกินไป แม้แต่ตัวเองยังไม่ทันรู้สึกด้วยซ้ำ
ขนาดของเย่เซียวเดิมก็ใหญ่กว่าคนทั่วไปนัก ลำบากเหลือเกินที่จะให้ร่างกายไร้ประสบการณ์ของเธอรับขนาดของเขาไหว บวกกับเขาเป็นคนบ้าพลังแรงเยอะ ไป๋ซู่เย่ได้แต่รู้สึกว่าตัวเองภายใต้อาณัติเขาแทบจะถูกเขาทรมานจนร่างแหลก เย่เซียวเหงื่อแตกพลั่กเพราะความร้อน ไหลหยดบนผิวขาวเนียนของเธอ หลอมรวมกับเหงื่อของเธอ
ถูกเขาจัดการไปหลายครั้ง เธอไม่รู้เลยว่าระหว่างนั้นเขาไม่เคยหยุดพัก ไม่เคยให้โอกาสเธอได้หายใจเต็มปอด
โทรศัพท์ดังกะทันหันในจังหวะที่เธอเกือบจะหมดสติไป
เธอใช้แรงที่เหลืออยู่อันน้อยนิดคว้าโทรศัพท์ไปดูแวบหนึ่ง
อวิ๋นช่วน…
กำลังจะกดตัดสายกลับถูกเย่เซียวแย่งโทรศัพท์ไป
“เย่เซียว คืนฉันมา…”
“ไม่กล้ารับ?”
“คุณอย่าทำอะไรบ้าๆ…”
เย่เซียวรั้งตัวเธอขึ้นมาให้นั่งบนตัวเขา เขาใช้ตาจ้องเธออย่างดุดัน “กลัวเขาจะได้ยินว่าตอนนี้เรากำลังทำอะไร กลัวเขาเลิกกับคุณเหรอ?”
“คุณคืนฉันมานะ!”
ไป๋ซู่เย่อยากแย่งโทรศัพท์คืนมาแต่เรี่ยวแรงถูกเขาสูบไปแทบไม่เหลือ เย่เซียวกลับฉวยจังหวะนี้กดรับสาย
“คุณ…”
“ไหน ครางดีๆ และให้เขาฟังให้ดี ให้เขารู้ว่าคุณก็แค่ของเล่นบนเตียงของผมเท่านั้น!” ถ้อยคำของเย่เซียวกำลังเหยียดหยามเธอถึงที่สุด
โยนโทรศัพท์ใส่เตียงจากนั้นพลิกตัวเธอให้หันหลังเข้าหาตัวเองก่อนจะกลืนกินเธอจากด้านหลัง
เธอขัดขืน ต่อต้าน สองมือเผลอคลำหาของบนหัวเตียงโดยไม่รู้ตัว ปลายนิ้วแตะโดนโคมไฟคริสตัลบนหัวเตียงและถูกเธอกระชากลงมาด้วยสติที่พร่ามัว ‘เพล้ง!’ หนึ่งเสียง กระแทกหล่นใส่หัวเธอทันควัน
เย่เซียวที่กำลังครอบครองเธออยู่เหนือร่าง ร่างกายหยุดชะงักกึกยามเห็นฉากนี้
จากนั้น…
เลือดสีสดค่อยๆ ไหลจากศีรษะเธอย้อมผ้าปูที่นอนเป็นสีแดง
เธอนอนคว่ำหน้าอยู่แบบนั้น ไม่ขยับตัวอยู่พักใหญ่…
หน้าอกเขาเจ็บแปลบเหมือนถูกมีดแทงเข้าอย่างจัง เจ็บจนเผลอกลั้นหายใจ
มือใหญ่จับเอวเธอแรงๆ ไม่ยอมรับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในใจ “ไป๋ซู่เย่ คุณคงไม่คิดว่าใช้แผนเจ็บตัวแล้วผมจะปล่อยคุณไปหรอกนะ?”
“…” ไป๋ซู่เย่ยังนิ่งไม่ขยับ ไม่ตอบรับเขา แค่หายใจหนักๆ สองที
เสแสร้งต่อไปไม่ไหว เย่เซียวลุกพรวดจากตัวเธอแทบจะทันที พลิกเธอหันกลับมา ดวงตาเธอที่เปิดโพล่งอยู่ว่างเปล่าจนน่ากลัว เขารู้สึกเหมือนหัวใจทั้งดวงปั่นป่วนเข้าด้วยกัน น้ำเสียงแหบแห้ง “ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาล!”
ไป๋ซู่เย่ไม่พูดอะไรเหมือนเดิมคล้ายหมดเรี่ยวแรงทุกอย่าง ขณะที่เขาพลิกตัวลงไปหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองข้างนอกเพื่อจะสวมให้เธอ เธอลุกจากเตียงเดินสะเปะสะปะเข้าไปในห้องอาบน้ำ
ความแสบร้อนแล่นริ้วขึ้นมาจากระหว่างขา
จนถึงตอนนี้ยังจดจำการรุกล้ำอย่างป่าเถื่อนของเขาได้ดี
เธอยิ้มขมขื่น มองสภาพน่าสงสารของตนที่สะท้อนกระจก ทั้งชีวิตนี้คงมีเพียงเย่เซียวที่จะทำให้เธอตกอยู่ในสภาพทรุดโทรมขนาดนี้ได้ ขอบตาแดงระเรื่ออย่างห้ามไม่ได้ ความขมขื่นแผ่ซ่านไปทั้งหัวใจ
เห็นสภาพแทบดูไม่ได้ของเธอในตอนนี้ เขาน่าจะสบายใจขึ้นบ้างแล้วสินะ?
เย่เซียวหยิบเสื้อเชิ้ตจากข้างนอกเข้ามาแต่กลับไม่เห็นเงาเธอ ขมวดคิ้วเร่งฝีเท้าไปที่หน้าประตูห้องอาบน้ำ อยากเปิดประตูแต่ประตูถูกล็อกไว้
“ออกมา!”
เย่เซียวค่อนข้างร้อนใจปนหงุดหงิด ในสมองมีแต่ภาพที่เลือดอาบหัวของเธอแวบผ่านไปมา
ให้ตาย! ถ้าเธอใช้แผนเจ็บตัวเข้าแลก ถ้าอย่างนั้นครั้งนี้เขาคงต้องยอม!
“คุณรอเดี๋ยว ฉันทำแผลอยู่…” เสียงไป๋ซู่เย่ดังแว่วออกมา ฟังดูอ่อนแรงเบาหวิวเช่นเดิม
บนชั้นวางของในห้องน้ำของโรงแรมปกติจะมีกล่องยาและในกล่องยาจะมีของง่ายๆ แค่มีแอลกอฮอล์ ผ้าพันแผลก็เพียงพอแล้ว ความจริงแผลเหล่านี้เป็นแค่แผลเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องยากอะไรถ้าเธอจะทำแผลเอง
เย่เซียวได้ยินแล้วเส้นเลือดบนหน้าผากเต้นตุบๆ “ผมจะพูดอีกครั้งเดียว คุณออกมา เดี๋ยวนี้!”
เธอไม่ตอบกลับเขา
วินาทีต่อมาได้ยินแค่เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น เย่เซียวยกเก้าอี้พังประตูกระจกจนแตกละเอียด เศษกระจกปลิวว่อนไปทั่วสารทิศรวมถึงหน้าผากเขาที่ถูกบาดเป็นรอยหลายรอย เขากลับไม่กะพริบตาด้วยซ้ำ
แค่ก้าวขายาวเข้าไปใช้เสื้อเชิ้ตคลุมตัวเธอ ใช้ชุดคลุมอาบน้ำคลุมตัวเธออีกหนึ่งชั้นให้แน่นหนา
ครึ่งท่อนบนของเขาเปลือยเปล่าแต่ตอนนี้ไม่มีเวลามาสนใจสภาพตัวเองเท่าไร ช้อนตัวเธอขึ้นเดินเหยียบเศษกระจกออกไป
ไป๋ซู่เย่เพิ่งใช้ผ้าพันแผลทำแผลลวกๆ ในห้องอาบน้ำเมื่อสักครู่หากแต่ยังมีเลือดไหลไม่หยุด เธอที่มึนหัวเป็นทุนเดิมพอถูกเย่เซียวอุ้มก็ยิ่งมึนหนักเข้าไปกันใหญ่
“เย่เซียว…” เธอเรียกเขาเบาๆ เสียงแผ่วอย่างอ่อนแรง
“อืม” เขาตอบกลับเสียงขรึม ขายาวก้าวเข้าไปในลิฟต์ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าลิฟต์ช้าขนาดนี้!
“ตอนนี้…คุณรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง?”
ประโยคเดียวราวกับมีคนใช้กำปั้นทุบเข้ามาที่อกอย่างแรง
รู้สึกดีไหม?
รู้สึกดีบ้าดีบออะไร!
“…ทำไมไม่ตอบฉัน?” เธอมองเขาด้วยแววตาพร่ามัว
เขากัดฟันก้มมองเธออย่างแค้นใจ “คุณจงใจให้ผมรู้สึกแย่ ใช่ไหม?”
เธอยิ้มเหมือนไม่ยิ้ม ซบอกเขาไม่พูดอะไรอีก
เสียงหัวใจของเขาเต้นอยู่ชิดหู ทั้งรู้สึกสมจริงและมีพลังขนาดนั้น
เสียงที่ห่างหายกันไปนาน…
สิบปีมานี้เธอคิดถึงอ้อมกอดแบบนี้ของเขามานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก่อนเคยชินกับการฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นทุกคืน กอดเอวเขาเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่ตอนนี้…
ระหว่างพวกเขาแม้แต่อ้อมกอดเดียว ยังต้องผ่านเรื่องราวมากมายขนาดนี้…
………………………………
จนเย่เซียวอุ้มเธอลงมา คนที่ห้องโถงโรงแรมตกใจกันระนาว เมื่อครู่ตอนขึ้นไปผู้ชายคนนี้ก็น่ากลัวพอแล้ว ตอนนี้ออกมาอีกครั้ง ผู้หญิงกลับกลายเป็นสภาพนี้
นี่…
คงไม่เจอฆาตกรโรคจิตเข้าหรอกนะ?
พนักงานโรงแรมชั่งใจว่าควรไปปรึกษาผู้จัดการให้โทรแจ้งตำรวจดีหรือไม่
เย่เซียวกลับไม่สนใจสายตาที่มองมาของคนรอบข้าง อุ้มเธอเดินตรงดิ่งไปที่รถตัวเอง
……………………………………….